“พ่อ! พ่อกวนตีนมากครับ แค่นี้แหละผมแต่งตัวแปบ” “มึงจะใส่เสื้อขาดมึงมาก็ได้นะเชนทร์ พ่อชอบ”“คร้าบบบบ แค่นี้แหละ เดี๋ยวรีบไป” พูดจบคเชนทร์ก็รีบวางสายจากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ทันที และไม่ได้แต่งตัวอะไรหรอก หน้าหล่อก็พอการแต่งตัวก็ช่างมัน แต่ก่อนจะไปเขาก็ตามหาจันทรภาเสียก่อน ด้วยการขับรถตามหา ก็เห็นเธอยังอยู่กับเกตุวดีอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงขับรถเข้าไปใกล้ๆ “เอ่อ คุณ อยู่กับพี่เกตุก่อนนะ เดี๋ยวผมมาจะเข้าเมืองไปดูงานน่ะ” คเชนทร์บอก ทว่าสีหน้าและแววตาเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว เกตุวดีสังเกตได้“ด่วนเหรอเชนทร์ พ่อโทรมาตามหรือไง” “ครับ คุณอยู่ได้ใช่ไหม เดี๋ยวซื้ออะไรเข้ามาฝากละกัน” “อยู่ได้ค่ะ” จันทรภาตอบสั้นๆ น้ำเสียงหม่นๆ“โอเค” คเชนทร์รับคำแบบแบ่งรับแบ่งสู้ จะยิ้มแหล่ไม่ยิ้มแหล่ อาการแปลกๆ จากนั้นเขาจึงขับรถออกจากรีสอร์ต โดยที่จันทรภามองตามด้วยความสงสัย และสงสัยสถานะของผู้ชายที่เธอมาขอความช่วยเหลือ ไม่น่าจะธรรมดา“เอ่อ พี่เกตุคะ เขาบอกว่าเป็นพนักงานโรงแรม แปลว่าจะไปโรงแรมใช่ไหมคะเนี่ย” เธอถามเกตุวดี แต่ก็มีสิ่งคัดค้านในใจคือ พนักงานอะไรจะขับรถเบนซ์“ใช่จ้ะ น่าจะแวะไปดูงานน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนมีงา
“เราไม่ได้ซื้อกินเหรอคะ”“ซื้อเหรอ! นั่นทำให้เปลืองมาก หากจะซื้อกินรายได้เราไม่พอรายจ่ายหรอกจ้ะ”“แย่จัง”“ไม่แย่หรอกน่า แต่คนทำอะไรไม่เป็นจะยากหน่อย โดยเฉพาะกับเจ้าเชนทร์เนี่ย” เกตุวดีเอ่ยพลางเหลือบมองจันทรภาเล็กน้อย“คุณเชนทร์ทำไมคะ เขาทำอะไรๆ เก่งนักเหรอ”“ที่ 1 เลยล่ะ” เกตุวดีเอ่ยปากชมพลางยิ้ม“แหม ใครจะไม่ชมคนของตัวเองคะ”“หึๆ เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็รู้” เกตุวดีหัวเราะเบาๆ และสังเกตสีหน้าของจันทรภา ซึ่งเธอยังคงหม่นหมองอยู่ ต่อให้เกตุวดีชวนคุยมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้ เข้าใจดีเลยล่ะ จากการที่ได้เห็นคลิปนั้นแล้ว เป็นใครก็ช็อกและเสียใจยิ่งมันเกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานของตัวเองด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าจะรับไหวมากน้อยแค่ไหน ต้องดูกันไปเป็นวันๆ จันทรภาอาจจะคิดสั้น เพราะความเสียใจก็เป็นได้ หากเธอคิดได้ว่าชีวิตมีค่าไม่ควรเสียให้กับคนแบบนั้น ก็คงจะดำเนินชีวิตไปได้ แต่ถ้าหากเธอเอาผู้ชายคนนั้นและความรักเป็นศูนย์กลาง ก็อาจจะคิดสั้นก็เป็นไ
ต่อมาคเชนทร์ยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบจนเป็นนิสัย เขาตระเวนหาซื้อของใช้ผู้หญิง เพราะจันทรภาไม่มีอะไรติดตัวเลย มากับชุดแต่งงานอย่างเดียว ครั้นจะขอมนัสวีหรือเกตุวดี ก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไป หญิงสาวต้องมีเป็นของตัวเอง และสิ่งที่เขาซื้อไปด้วยนั้นเธอต้องกรี้ดแน่ๆหลังจากที่คเชนทร์ปล่อยให้จันทรภาอยู่บ้านเกือบทั้งวัน เพราะไม่ได้ไปแปบเดียวอย่างที่บอก เนื่องจากมีอะไรต้องทำ ต้องสืบ ส่วนจันทรภาก็มีเกตุวดีอยู่เป็นเพื่อน จนเกือบเย็น แล้วจึงแยกตัวไปดูแลงานด้านอื่นต่อ ตอนนี้จันทรภา อยู่เพียงลำพัง นั่งกอดเข่าอยู่ตรงระเบียงห้องรับแขก พลางมองออกไปยังลำธาร มองสายน้ำที่ไหลด้วยใจเหม่อลอย แต่การมองน้ำไหลมันก็เพลินจนลืมเวลา ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้เธอสะดุ้ง พร้อมกับอาการดีใจที่แสดงออกมาด้วยความลืมตัว เธอรีบยืดตัวขึ้นแล้วหันไปมองที่หน้าบ้าน แต่พอได้สติว่าเพิ่งรู้จักเขานี่นะ แค่เขากลับมาจะดีใจทำไมเนี่ย คิดได้ดังนั้นเธอก็แสร้งนั่งนิ่ง รอจนกระทั่งเขาเปิดประตูเข้าบ้าน หัวใจดันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ บ้าบอ
“ผมรู้ เอาเป็นว่า ร้องเถอะ” สุดท้ายเขาก็คงทำได้แต่ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาให้หมด จะได้ไม่ต้องอัดอั้นอีกต่อไป ไม่ว่าเวลารักษาแผลใจจะนานเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนเธอก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาจนหมด และรู้สึกว่าอารมณ์กลับมาสงบแล้ว จึงได้สติว่ากอดเขาเอาไว้แน่นเชียว เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ คิดได้ดังนั้นจึงดันตัวออกเล็กน้อย เห็นน้ำตาตัวเองเปื้อนเสื้อของเขาอีกต่างหาก เธอคิดและรีบปาดน้ำตาทิ้ง“ขอโทษอีกทีค่ะ” ว่าแล้วเธอก็รีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำเสียงยังคงขึ้นจมูกอยู่ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก“ผมไม่เคยต้องปลอบใจใครในเรื่องแบบนี้ แต่... ผมอยากให้คุณเข้มแข็ง อย่างน้อยที่นี่ก็น่าจะปลอดภัยต่อใจคุณ”“ปลอดภัยเหรอคะ คุณ... คุณอย่าเพิ่งไล่ฉันไปได้ไหม ขอพึ่ง...” สิ้นคำเธอก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง แล้วทำไมเขาถึงต้องใจอ่อนด้วยวะเนี่ย เขาคิดถามตัวเอง“เอาเป็นว่า คุณอยู่ได้ตามสบาย จนกว่าจะสบายใจ ผมห่วงแค่ว่าครอบครัว ทางบ้านหรือว่าเจ้าบ่าวของคุณจะตามหา มันเป็นเรื่องใหญ่”&ldquo
จากนั้น เธอก็ได้แต่ยืนดูเขาหั่นผัก ล้างผัก เปิดปลากระป๋อง แล้วนำไปผัดเหมือนคะน้าน้ำมันหอย เพียงแต่ใส่ปลากระป๋องเข้าไปแทน กลิ่นหอมน่ากินเชียว เธอได้แต่ยืนมองด้วยความชื่นชม ผู้ชายอะไรทำอาหารเป็นด้วย จากนั้นก็ตามด้วยการทอดไข่อีกสามฟอง“ทำกับข้าวเก่งนะเนี่ย ทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉง อย่างนี้ใครได้เป็นสามีรักตายเลย” เธอออกปากชมพลางยิ้ม“ผมแค่ทำอาหารได้ ไม่ได้แปลว่าอยากเป็นสามีใคร” เขาตอบเสียงเรียบขึ้นทันที เขานี่ก็อารมณ์ขั้นลงจริงๆ เชียว“จะไปแน่เหรอคะ อาจจะมีผู้หญิงสักคน ชอบผู้ชาย ห่ามๆ เถื่อนๆ กวนๆ แล้วทำกับข้าวดูแลงานบ้างเก่งก็เป็นได้”“นี่คุณว่าผมเหรอเนี่ย”“เปล๊า! นี่ชมนะคะ ว่าแต่คุณต้องทำเองทุกอย่างเลยเหรอ”“อืม ผมไม่รวยนี่ ไม่มีเงินจ้างใคร”“อย่าประชดกันเลย ฉันเกิดมาก็... มีเงินทองมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว”“ก็เข้าใจได้อะนะ ทนเอาหน่อยก็แล้วกันอยู่นี่ต้องทำเอง”“ไม่รู้ฉันทำให้ลำบากหรือเปล่า” เธอถามเสียงหม่นเขาจึงหันไปมองเ
“เอ่อ คุณ... สอนเจ้าทำกับข้าวได้ไหม” เธอเอ่ยขึ้นเสียงหวาน“ไม่อะ” เขาตอบห้วนๆ ทำเอาเธอแทบสำลักอาหาร“ทำไมล่ะ”“เดี๋ยวเป็นเหมือนวันนี้”“มันก็ต้องเรียนรู้บ้าง ไม่ได้ทำเป็นตั้งแต่เกิดนี่คะ นี่พร้อมจะเรียนรู้เลย”“เอาไว้ผมจะให้เป็นลูกมือละกัน”“ว่าแต่ต้องไปกินข้าวที่บ้านพ่อเลี้ยงประจำเลยเหรอคะ”“เปล่าครับเป็นบางครั้ง ถ้าพ่อเลี้ยงมีเรื่องจะปรึกษาหรือถาม ก็จะไปกินข้าวด้วยเลย”“เราทำกินเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปรบกวนท่านเลย” เธอใช้คำว่าเราเชียวหรือ คนเพิ่งรู้จักกัน เขาคิด“ก็ถ้าผมมีเพื่อนกิน ผมก็ทำเองได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนกิน ก็... ไปกินกับพวกคนงาน กินเหล้าสังสรรค์อะไรก็ว่าไป”“ทุกวันเลยเหรอคะ”“ก็ทุกวันตามประสาหนุ่มโสด”
“เออๆ เล่ามา” คเชนทร์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ จากนั้นก็รอเปรมณัฐเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง สายตาของคเชนทร์ก็มองไปที่จันทรภาเป็นหลัก โดยไม่ได้พูดตอบโต้แต่อย่างใด เพราะกลัวเธอจะได้ยิน นานนับสิบนาทีกว่าจะคุยเสร็จ“ขอบใจ ตามต่อทีนะ”“ได้ครับนาย งั้นแค่นี้ละกันนะครับผมไม่รบกวนแล้ว”“อืม” เมื่อรับคำเสร็จคเชนทร์ก็เป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน พลางมองไปที่จันทรภาแต่ไม่กล้าเข้าไปหาเธอ ได้แต่ยืนถอนหายใจด้วยความเครียด มองแล้วก็คิดถึงสิ่งที่ได้เธอต้องเจอมา“เอ่อ คุณ... เจ้าขา ไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมอาบทีหลัง”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดึกๆ โน่นแหละ” เธอตอบเสียงหม่น แต่ไม่ได้หันกลับมามองเขาเลย แค่เอียงคอมานิดหน่อยเท่านั้นเพื่อให้เสียงที่เอ่ยเขาจะได้ยิน“คุณอยู่คนเดียวสัก 30 นาทีนะ ผมไปคุยงานกับพอเลี้ยงสักหน่อย”“ค่ะ” เธอแบบไม่หันกลับมามองหน้าเขาเลยพอเห็นเ
“อืม เล่ามาซิ มาหาเพราะเรื่องนี้ด้วยสินะ”“ครับ ไอ้หมอนี่เป็นนักธุรกิจ ทั้งที่นี่และกรุงเทพ แต่เจ้าขาเป็นคนกรุงเทพฯ”“นักธุรกิจอย่างนั้นเหรอ ไม่ยักกะรู้จักเท่าไหร่”“เขาอยู่กรุงเทพซะส่วนใหญ่ครับ แต่อยากมาแต่งงานที่โรงแรมเรา เจ้าขากับครอบครัวก็เลยเดินทางมาที่นี่ ผมไม่รู้ว่าเจ้าขาเห็นอะไรในคืนแต่งงาน ถึงได้หนีมากะทันหัน แต่เจ้าขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ มีอะไรกับเพื่อนรักของเธอ เธอเห็นกับตา เลยตัดสินใจไม่แต่งและหนีขึ้นรถผม”“ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนของเจ้าขา”“ใช่ครับ”“หน้าตาจัดได้ว่าอาหมวย สวย เฉี่ยว”“อาแสนเห็นหน้าเหรอคะ”“เห็นวันนี้ค่ะ เจ้าบ่าวก็หล่อใช้ได้ แต่ได้เจ้าสาวสวย สวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่พอ” แสนลักษณ์กำลังวิเคราะห์พลางขมวดคิ้ว“นั่นสิครับทำไมไม่พอ ออกจะน่ารัก” ประโยคหลังนี้คเชนทร์หลุดปากพูดออกมาด้วย
“หายแล้วค่ะ หายเหมือนพ่อเชนทร์เลย ไปกินข้าวต่อนะคะจะได้ไปโรงเรียน”“ครับ/ค่ะ” สองแฝดรับคำแบบประสานเสียง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องอาหาร สองพ่อก็มองตามและยิ้ม ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วปรับสีหน้าให้เรียบ“พี่รักเอาคำว่าพ่องมาจากไหน” แสนลักษณ์หันมาดุคเชนทร์ซะงั้น“หืม ก็พูดเอง เด็กพูดไม่ชัด”“พูดไม่ชัด แต่ชัดมาก แกสอนหลานไม่ดีใช่ไหม”“ป่าว ใครจะสอนหลานพูดหยาบ”“แต่สอนให้หลานกวนตีน”“ป่าว สอนเมื่อไหร่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยเลย”“โตขึ้นมาได้นิสัยแกนี่ฉันจะเบิ้ดกะโหลกให้”“ไม่เกี่ยวกะเค้าเลย”“เอ้าๆๆ มาแล้ว เป็นงานเป็นการ สองพ่อลูกเถียงอะไรกันเนี่ย” เกตุวดีแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ คเชนทร์เรียกว่าข้างๆ จนชิดๆ และเบียดโดนขา“โอ๊ย! ป้า! นั่นสะโพกหรือกะละมังเนี่ย กระแทกขาแรงมาก”“ว๊าย! อีเชนทร์”“เ
“ขู่อะไรแบบนี้ แม่เจ้าไม่น่ากลัว แต่พ่อเจ้าน่ะดุ”“ดุไม่สู้พ่อแสนของพี่หรอก”“นี่จะเอาพ่อมาสู้กันเหรอคะ”“หึๆ สักตั้งหนึ่งน่า”“ระหว่างตามหานายตุลย์กับสมุนมาเข้าคุก เจ้าก็เคลียร์กับพ่อตาพี่ละกัน”“ไม่ง่ายเลยค่ะ กลัวพ่อจ้ะ...”“พูดเองว่าไม่ให้พี่กลัว ตัวเองกลัวซะงั้น”“กลัวพ่อไม่ชอบพี่เชนทร์”“ยังไม่เคยเผชิญหน้ากันจะรู้เหรอ อย่าเพิ่งกลัว พี่จะไม่กลัว นอนซะคนเก่งของพี่” สิ้นคำเขาก็กอดเธอเอาไว้และจูบเบาๆ ที่เรือนผม จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก นอกเสียจากฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง ต่างคนต่างบอกไม่ให้กลัว ทว่าเริ่มกลัวแล้วสิน่าพอรุ่งเช้าคเชนทร์ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ ใส่แต่เพียงกางเกงดังเดิม มือหนึ่งคีบบุหรี่พ่นออกมา ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มีการพูดคุยแบบเครียดๆ และพยายามไม่ให้เสียงดัง เพราะเปิดหน้าต่างระเบียงตรงห้องนอน“เรื่องเมื่อคืนเรียบร้อยทุกอย่างครับคุณเชนทร์&rdqu
“ซี๊ดดดด อ่า เจ้าจ๋า พี่จะแตกแล้ว”“เจ้าก็... โอ้ว พี่เชนทร์ แรงๆ อื้อ!” เธอร้องครางออกคล้ายกับใกล้จะถึงจุดหมาย จนเขาเร่งเร้าจังหวะกระแทกสะโพกอย่างหนักหน่วง และจูบแนบแน่นที่ปากอิ่ม“อื้อ” เขาครางในลำคอเมื่อถึงจุดที่เสียวซ่านที่สุด“โอ้ว เมียจ๋า ผัวจะไม่ไหวแล้ว”“เมียก็ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อืม” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละ ร่างกายก็กระตุกเกร็งและยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกอดเขาเอาไว้ ปลดปล่อยความปรารถให้พรั่งพรูออกมา เขาจึงไม่รั้งรอรีบเร่งระรัวอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็คว้าเส้นชัยตามไปติดๆ“อื้อ อ่า อ่า เมียจ๋า เมียพี่... เสียวที่สุดเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า ขณะที่แท่งกายกดจมเข้าไป และพ่นน้ำรักใส่ในร่างกายของเธอจนเอ่อล้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่ามันยังดีดดิ้นอยู่ภายในราวกับพ่นพิษไม่หมด อารมณ์สุขสมล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่เมื่อร่างกายยังไม่เข้าที เขาก็ประทับจูบแนบแน่นดูดดื่มพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ แล้วจึงได้ถอนจูบออก“ดอกฟ้าของไอ้เชนทร์”
“มันทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำต่างหากล่ะ”“จะเอาอะไรคะ” เธอถามอย่างขัดเขิน เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ“เป่ามนต์ให้พี่หนึ่งทีแล้วจะนอน” คำพูดดูเหมือนไม่มีอะไร หากเธอไม่คิดมาก ทว่าเธอโน้มหน้าลงไปเป่าที่ต้นแขนให้“โอมเพี้ยง!” ปากก็เป่าไป สายตาก็ตวัดขึ้นมองเขาและยิ้ม แต่วินาที่เขาจะคลั่งก็ตรงที่แม่คุณค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ กดจูบที่แผงอกเล็กน้อยกระทั่งเข่าชิดติดพื้น เขาก็ได้ยิ้มและหลับตา เมื่อมือนุ่มดึงกางเกงเขาลงช้าๆ จมูกโด่งก็ไต่ลงมาตามหน้าท้องจนถึงขอบบ็อกเซอร์ และชั่วอึดใจมันถูกมือน้อยดึงลงไปพร้อมกับกางเกงเสียเลย แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่มันดีดผึ่งผงาดออกมาล่อสายตาหรอก เธอก้มลงไปเป่าตรงบาดแผลที่ปิดด้วยผ้าก็อตเอาไว้“โอมเพี้ยง!” เธอเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มมุมปาก“เป่าแผลให้เค้าเฉยๆ แล้วจะถอดกางเกงเขาทำไม” เขาถามเสียงนุ่ม ว่ากลับก้มหน้าลงมองเธอราวกับจะกลืนกิน เธอก็สบตาคมกริบก่อนจะเอามือลูบไล้น่องของเขา ขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ใบหน้าเสมอแท่งไอศรี
“เรียกคุณอาขาแล้วจะแตก เซ็กซี่จัง” สิ้นคำเขาก็จูบปิดปากนิ่มเอาไว้แล้วกระแทกสะโพกแรงๆ ระรัวจนเมียเด็กทานทนไม่ไหว ได้แต่ครางในลำคอพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งลำตัว พลางกอดเขาเอาไว้แน่น“อืม” มีแต่เพียงเสียงอื้ออึงที่เปล่งออกมาเพราะถูกปิดปาก พร้อมกับความปรารถนาถูกเปล่งออกมาจนกระทั่งเม็ดสวาทกระตุกตอด“ซี๊ดดดด อาจะแตกแล้วเมียจ๋า” สิ้นคำเขาก็กดสะโพกแนบแน่น กับกลีบนุ่มและปล่อยลาวาอุ่นๆ ทะลักเข้าสู่กายเธอ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ท่อนเนื้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายใน เพื่อปล่อยทุกอย่างให้ออกมาจนสุด ตามด้วยเสียงหายใจหอบทว่ายังคงบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มสิ้นสุดอารมณ์ปรารถนาเหลือไว้แต่เพียงเสียงหายใจหอบ ทว่าร่างกายยังคงสอดประสานไม่ยอมขยับออก จวบจนกระทั่งอารมณ์ล่องลอยและปลดปล่อยจนหมด แล้วร่างกายกลับมาเป็นปกติถึงได้ถอนจูบออก ทว่าทั้งสองดูเหนื่อยหอบราวกับวิ่งทางไกลมาก“เมียจ๋า อายังเสียวอยู่เลย” เขากระซิบเสียงหวานออดอ้อน“อื้อ ให้วีกลับมาเป็นปกติก่อนนะคะ
“อย่าพูดอ้อมค้อม บอกว่าต้องการซิ” เขากระซิบเสียงนุ่มและยิ้ม เธอก็ได้แต่เม้มปากขัดเขินก่อนจะพยักหน้า“ต้องการค่ะ ต้องการผัวแก่ตลอดแหละ”“รู้ไหมว่า... ไอ้คนที่มันตายน่ะมันเรียกอาว่าไอ้แก่ แล้วเมียเรียกแบบนี้”“จะทำอะไรวีเหรอคะ”“จะทำให้ตายคาอกเลย เดี๋ยวเจอฤทธิ์คนแก่” สิ้นคำเขาก็กดจูบที่ปากนุ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ก่อนจะพรมจูบซับพวงแก้ม ซอกคอ และลากไล้เรียวลิ้นอุ่นลงมาตามเนินอก ก่อนจะอ้าปากครอบครองเม็ดถัน และโลมเลียอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างน้อยสั่นสะท้านเสียวซ่านและบิดเกร็ง ได้แต่หายใจหอบพร่า ทั้งเนินอกและหน้าท้องขยับไหว มือน้อยๆ ก็กดศีรษะเขาเบาๆ พลางแอ่นโค้งแผ่นหลังขณะเดียวกันมือหนาก็เอื้อมลงไปสัมผัสกลีบอวบนุ่มผ่านกางเกงชั้นในสีขาวบางจิ๋ว ซึ่งเวลานี้เปียกแฉะไปด้วยน้ำกุหลาบหวาน และกลีบนุ่มนั้นเริ่มบวมเบ่งเพราะความปรารถนา“ซี๊ด อืม” เธอครางอย่างสุดจะกลั้น เมื่อเขาบดขยี้ปลายนิ้วกับเกสรน้อย และเพียงชั่
แสนลักษณ์มองตามสองคน ที่เดินจากไปและยังคงยิ้มอยู่ เคยจินตนาการเอาไว้ ว่าสักวันการเดินกลับบ้านในแต่ละครั้งของคเชนทร์ จะมีใครสักคนได้เดินไปด้วย แต่ละวันที่ผ่านไปคเชนทร์เดินคนเดียวเสมอ ทว่าวันนี้เห็นเขาจูงมือไปกับผู้หญิงที่เขารัก มันช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่ยัง อุปสรรคยังไม่หมดตราบใดที่ยังขึ้นชื่อว่าเด็ดดอกฟ้ามาไว้ริมถนนอยู่“เข้าบ้านเถอะค่ะ อาแสนจะได้ไปอาบน้ำ วีจะไปดูเด็กๆ ด้วย”“จ้ะ” แสนลักษณ์ตอบก่อนจะจูงมือมนัสวีเข้าบ้าน จากนั้นก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย เพื่อแสนลักษณ์อาบน้ำก่อน ขณะที่มนัสวีเข้าไปดูสองแฝดในอีกห้องที่อยู่ติดกันทว่ามีพี่เลี้ยงมานอนเป็นเพื่อน“คุณวี กลับมาเมื่อไหร่คะ”“เมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยววีดูเด็กๆ ต่อ กลับบ้านพักเถอะค่ะ”“ค่ะ” ว่าแล้วพี่เลี้ยงก็งัวเงียตื่น แล้วเก็บของกลับบ้านพัก ดีหน่อยที่มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรมากนัก บ้านพักคนงานก็อยู่ไม่ไกลจึงไม่ได้ห่วง เพราะอยู่ในบริเวณรีสอร์ตนี่แหละ ส่วนมนัสวีก็เพ่งมองลูกน้องฝาแฝดที่หลับปุ๋ยคนละเตียง ยังดีที่เด็กๆ เลี้ยงง่ายไม่งอแง ม
จากนั้นจึงได้กลับบ้าน เจ้านายทั้งหมดนั่งรถตู้ไปด้วยกัน แสนลักษณ์มนัสวีนั่งคู่หน้า คเชนทร์กับจันทรภานั่งข้างหลังมืดๆ พลางจับมือกันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมองที่มือของเธอซึ่งจับประสานกันชนิดที่ไม่อยากปล่อย“กลับบ้านกัน เขต” แสนลักษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“ครับ” เขตแดนรับคำ จากนั้นจึงได้ออกจากลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลเพื่อพาทั้งหมดกลับบ้าน คเชนทร์ได้แต่ถอนใจและมองหน้าคนรัก ก่อนจะยกมือขึ้นพรมจูบเบาๆ พลางเอามือเสยให้เธออย่างอ่อนโยน อีกทั้งสำรวจไปตามใบหน้า“พี่ปล่อยให้คุณหนูเป็นแบบนี้ไปได้ เจ็บไหม หืม” คเชนทร์กระซิบถามเสียงหม่น“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เธอตอบเบาๆ“เข้มแข้งนะเนี่ย แต่หัวใจพี่น่ะ” เขากระซิบพลางเอาหน้าผากแนบกับเธอเอาไว้ เรียกว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่พ่อเลี้ยงนั่งฟังอยู่ด้านหน้าน่ะได้ยินอยู่แล้ว ยิ่งรถเงียบด้วย“หัวใจอยู่ตรงนี้แล้ว” เธอกระซิบตอบกลับพลางประคองใบหน้าเขาเอาไว้“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมกวนๆ ดังขึ้น ทำเอาคเชนทร์ถึงกับเหลือบมองด้วยความหมั่นไส้ งอนอ
“ไม่เป็นไร มันมีหน่วยกล้าตายแทนมาเป็นกำแพง เพื่อมาแลกให้มันรอดไปได้ แต่ฉันไม่ให้ใครมาเป็นหน่วยกล้าตาย ฉันไม่ให้แลก” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ“แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บไหม” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้นอีก เท่านั้นแหละคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ทันที“ก็เค้าไง! กระสุนเฉี่ยวยังไม่พอ ยังโดนมีดบินอีก” คเชนทร์บ่นพลางตวัดหางตาใส่แสนลักษณ์อย่างงอนเง้า“เอ่อ ป๋าตั้งใจเล็งไปหน่อย นิดเดียวน่าไกลหัวใจมาก” แสนลักษณ์เอ่ยแซว เพราะรู้ว่าคเชนทร์ทนได้ไม่เป็นไรมากหรอก“แต่เสียบขา” คเชนทร์ขึ้นเสียงใส่“เล่มเล็กๆ” แสนลักษณ์ตอบและยิ้ม“เล็กแต่ยาวนะพ่อนะ” คเชนทร์ยังเถียงอยู่“ช่วยด้วย พี่ตุลย์ช่วยด้วย” ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเถียงกันอยู่นั้น เสียงของน้ำอิงก็ดังขึ้น จันทรภาจึงเดินเข้าไปก่อน และทุกคนก็ได้ตามเข้าไป เห็นแต่ท่าทางอ่อนเพลียศีรษะมีเลือดไหลนอง และมองมาที่จันทรภา“อีเจ้า” น้ำอิงเรียกจิกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย จะตายอยู่แล้วแต่เรียกเพื่อนได้จิกมาก จันทรภาไ