“เราไม่ได้ซื้อกินเหรอคะ”“ซื้อเหรอ! นั่นทำให้เปลืองมาก หากจะซื้อกินรายได้เราไม่พอรายจ่ายหรอกจ้ะ”“แย่จัง”“ไม่แย่หรอกน่า แต่คนทำอะไรไม่เป็นจะยากหน่อย โดยเฉพาะกับเจ้าเชนทร์เนี่ย” เกตุวดีเอ่ยพลางเหลือบมองจันทรภาเล็กน้อย“คุณเชนทร์ทำไมคะ เขาทำอะไรๆ เก่งนักเหรอ”“ที่ 1 เลยล่ะ” เกตุวดีเอ่ยปากชมพลางยิ้ม“แหม ใครจะไม่ชมคนของตัวเองคะ”“หึๆ เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็รู้” เกตุวดีหัวเราะเบาๆ และสังเกตสีหน้าของจันทรภา ซึ่งเธอยังคงหม่นหมองอยู่ ต่อให้เกตุวดีชวนคุยมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้ เข้าใจดีเลยล่ะ จากการที่ได้เห็นคลิปนั้นแล้ว เป็นใครก็ช็อกและเสียใจยิ่งมันเกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานของตัวเองด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าจะรับไหวมากน้อยแค่ไหน ต้องดูกันไปเป็นวันๆ จันทรภาอาจจะคิดสั้น เพราะความเสียใจก็เป็นได้ หากเธอคิดได้ว่าชีวิตมีค่าไม่ควรเสียให้กับคนแบบนั้น ก็คงจะดำเนินชีวิตไปได้ แต่ถ้าหากเธอเอาผู้ชายคนนั้นและความรักเป็นศูนย์กลาง ก็อาจจะคิดสั้นก็เป็นไ
ต่อมาคเชนทร์ยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบจนเป็นนิสัย เขาตระเวนหาซื้อของใช้ผู้หญิง เพราะจันทรภาไม่มีอะไรติดตัวเลย มากับชุดแต่งงานอย่างเดียว ครั้นจะขอมนัสวีหรือเกตุวดี ก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไป หญิงสาวต้องมีเป็นของตัวเอง และสิ่งที่เขาซื้อไปด้วยนั้นเธอต้องกรี้ดแน่ๆหลังจากที่คเชนทร์ปล่อยให้จันทรภาอยู่บ้านเกือบทั้งวัน เพราะไม่ได้ไปแปบเดียวอย่างที่บอก เนื่องจากมีอะไรต้องทำ ต้องสืบ ส่วนจันทรภาก็มีเกตุวดีอยู่เป็นเพื่อน จนเกือบเย็น แล้วจึงแยกตัวไปดูแลงานด้านอื่นต่อ ตอนนี้จันทรภา อยู่เพียงลำพัง นั่งกอดเข่าอยู่ตรงระเบียงห้องรับแขก พลางมองออกไปยังลำธาร มองสายน้ำที่ไหลด้วยใจเหม่อลอย แต่การมองน้ำไหลมันก็เพลินจนลืมเวลา ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้เธอสะดุ้ง พร้อมกับอาการดีใจที่แสดงออกมาด้วยความลืมตัว เธอรีบยืดตัวขึ้นแล้วหันไปมองที่หน้าบ้าน แต่พอได้สติว่าเพิ่งรู้จักเขานี่นะ แค่เขากลับมาจะดีใจทำไมเนี่ย คิดได้ดังนั้นเธอก็แสร้งนั่งนิ่ง รอจนกระทั่งเขาเปิดประตูเข้าบ้าน หัวใจดันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ บ้าบอ
“ผมรู้ เอาเป็นว่า ร้องเถอะ” สุดท้ายเขาก็คงทำได้แต่ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาให้หมด จะได้ไม่ต้องอัดอั้นอีกต่อไป ไม่ว่าเวลารักษาแผลใจจะนานเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนเธอก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาจนหมด และรู้สึกว่าอารมณ์กลับมาสงบแล้ว จึงได้สติว่ากอดเขาเอาไว้แน่นเชียว เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ คิดได้ดังนั้นจึงดันตัวออกเล็กน้อย เห็นน้ำตาตัวเองเปื้อนเสื้อของเขาอีกต่างหาก เธอคิดและรีบปาดน้ำตาทิ้ง“ขอโทษอีกทีค่ะ” ว่าแล้วเธอก็รีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำเสียงยังคงขึ้นจมูกอยู่ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก“ผมไม่เคยต้องปลอบใจใครในเรื่องแบบนี้ แต่... ผมอยากให้คุณเข้มแข็ง อย่างน้อยที่นี่ก็น่าจะปลอดภัยต่อใจคุณ”“ปลอดภัยเหรอคะ คุณ... คุณอย่าเพิ่งไล่ฉันไปได้ไหม ขอพึ่ง...” สิ้นคำเธอก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง แล้วทำไมเขาถึงต้องใจอ่อนด้วยวะเนี่ย เขาคิดถามตัวเอง“เอาเป็นว่า คุณอยู่ได้ตามสบาย จนกว่าจะสบายใจ ผมห่วงแค่ว่าครอบครัว ทางบ้านหรือว่าเจ้าบ่าวของคุณจะตามหา มันเป็นเรื่องใหญ่”&ldquo
จากนั้น เธอก็ได้แต่ยืนดูเขาหั่นผัก ล้างผัก เปิดปลากระป๋อง แล้วนำไปผัดเหมือนคะน้าน้ำมันหอย เพียงแต่ใส่ปลากระป๋องเข้าไปแทน กลิ่นหอมน่ากินเชียว เธอได้แต่ยืนมองด้วยความชื่นชม ผู้ชายอะไรทำอาหารเป็นด้วย จากนั้นก็ตามด้วยการทอดไข่อีกสามฟอง“ทำกับข้าวเก่งนะเนี่ย ทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉง อย่างนี้ใครได้เป็นสามีรักตายเลย” เธอออกปากชมพลางยิ้ม“ผมแค่ทำอาหารได้ ไม่ได้แปลว่าอยากเป็นสามีใคร” เขาตอบเสียงเรียบขึ้นทันที เขานี่ก็อารมณ์ขั้นลงจริงๆ เชียว“จะไปแน่เหรอคะ อาจจะมีผู้หญิงสักคน ชอบผู้ชาย ห่ามๆ เถื่อนๆ กวนๆ แล้วทำกับข้าวดูแลงานบ้างเก่งก็เป็นได้”“นี่คุณว่าผมเหรอเนี่ย”“เปล๊า! นี่ชมนะคะ ว่าแต่คุณต้องทำเองทุกอย่างเลยเหรอ”“อืม ผมไม่รวยนี่ ไม่มีเงินจ้างใคร”“อย่าประชดกันเลย ฉันเกิดมาก็... มีเงินทองมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว”“ก็เข้าใจได้อะนะ ทนเอาหน่อยก็แล้วกันอยู่นี่ต้องทำเอง”“ไม่รู้ฉันทำให้ลำบากหรือเปล่า” เธอถามเสียงหม่นเขาจึงหันไปมองเ
“เอ่อ คุณ... สอนเจ้าทำกับข้าวได้ไหม” เธอเอ่ยขึ้นเสียงหวาน“ไม่อะ” เขาตอบห้วนๆ ทำเอาเธอแทบสำลักอาหาร“ทำไมล่ะ”“เดี๋ยวเป็นเหมือนวันนี้”“มันก็ต้องเรียนรู้บ้าง ไม่ได้ทำเป็นตั้งแต่เกิดนี่คะ นี่พร้อมจะเรียนรู้เลย”“เอาไว้ผมจะให้เป็นลูกมือละกัน”“ว่าแต่ต้องไปกินข้าวที่บ้านพ่อเลี้ยงประจำเลยเหรอคะ”“เปล่าครับเป็นบางครั้ง ถ้าพ่อเลี้ยงมีเรื่องจะปรึกษาหรือถาม ก็จะไปกินข้าวด้วยเลย”“เราทำกินเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปรบกวนท่านเลย” เธอใช้คำว่าเราเชียวหรือ คนเพิ่งรู้จักกัน เขาคิด“ก็ถ้าผมมีเพื่อนกิน ผมก็ทำเองได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนกิน ก็... ไปกินกับพวกคนงาน กินเหล้าสังสรรค์อะไรก็ว่าไป”“ทุกวันเลยเหรอคะ”“ก็ทุกวันตามประสาหนุ่มโสด”
“เออๆ เล่ามา” คเชนทร์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ จากนั้นก็รอเปรมณัฐเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง สายตาของคเชนทร์ก็มองไปที่จันทรภาเป็นหลัก โดยไม่ได้พูดตอบโต้แต่อย่างใด เพราะกลัวเธอจะได้ยิน นานนับสิบนาทีกว่าจะคุยเสร็จ“ขอบใจ ตามต่อทีนะ”“ได้ครับนาย งั้นแค่นี้ละกันนะครับผมไม่รบกวนแล้ว”“อืม” เมื่อรับคำเสร็จคเชนทร์ก็เป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน พลางมองไปที่จันทรภาแต่ไม่กล้าเข้าไปหาเธอ ได้แต่ยืนถอนหายใจด้วยความเครียด มองแล้วก็คิดถึงสิ่งที่ได้เธอต้องเจอมา“เอ่อ คุณ... เจ้าขา ไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมอาบทีหลัง”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดึกๆ โน่นแหละ” เธอตอบเสียงหม่น แต่ไม่ได้หันกลับมามองเขาเลย แค่เอียงคอมานิดหน่อยเท่านั้นเพื่อให้เสียงที่เอ่ยเขาจะได้ยิน“คุณอยู่คนเดียวสัก 30 นาทีนะ ผมไปคุยงานกับพอเลี้ยงสักหน่อย”“ค่ะ” เธอแบบไม่หันกลับมามองหน้าเขาเลยพอเห็นเ
“อืม เล่ามาซิ มาหาเพราะเรื่องนี้ด้วยสินะ”“ครับ ไอ้หมอนี่เป็นนักธุรกิจ ทั้งที่นี่และกรุงเทพ แต่เจ้าขาเป็นคนกรุงเทพฯ”“นักธุรกิจอย่างนั้นเหรอ ไม่ยักกะรู้จักเท่าไหร่”“เขาอยู่กรุงเทพซะส่วนใหญ่ครับ แต่อยากมาแต่งงานที่โรงแรมเรา เจ้าขากับครอบครัวก็เลยเดินทางมาที่นี่ ผมไม่รู้ว่าเจ้าขาเห็นอะไรในคืนแต่งงาน ถึงได้หนีมากะทันหัน แต่เจ้าขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ มีอะไรกับเพื่อนรักของเธอ เธอเห็นกับตา เลยตัดสินใจไม่แต่งและหนีขึ้นรถผม”“ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนของเจ้าขา”“ใช่ครับ”“หน้าตาจัดได้ว่าอาหมวย สวย เฉี่ยว”“อาแสนเห็นหน้าเหรอคะ”“เห็นวันนี้ค่ะ เจ้าบ่าวก็หล่อใช้ได้ แต่ได้เจ้าสาวสวย สวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่พอ” แสนลักษณ์กำลังวิเคราะห์พลางขมวดคิ้ว“นั่นสิครับทำไมไม่พอ ออกจะน่ารัก” ประโยคหลังนี้คเชนทร์หลุดปากพูดออกมาด้วย
“ผมขอตัวนะพี่เกตุ” คเชนทร์บอกเสียงเครียดขึ้น“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ดูเด็กๆ ต่อ”“ครับ” รับคำเสร็จ คเชนทร์ก็ออกไปจากห้องและลงไปยังชั้นล่าง ขณะที่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนสูบบุหรี่ที่หน้าบ้าน คล้ายกับจะรอเขาอย่างนั้นแหละ“ทำไมเร็ว” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ถาม“อ่อ นิทานเรื่องใหม่สั้นมากครับ เล่าจบเร็วก็เลยลงมา”“หึๆ แล้วเด็กๆ หลับหรือยัง”“ยังครับ” คเชนทร์ตอบเสียงหม่น พลางมองหน้าพ่อเลี้ยงด้วยแววตาเศร้าๆ มีน้ำใสๆ คลอเล็กน้อย“มีอะไร หืม” พ่อเลี้ยงถามทันที“เด็กๆ บอกว่า พ่อเล่านิทานให้ฟัง เรื่อง... พ่อ” คเชนทร์เอ่ยเสียงสั่นเครือขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันตีขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่“ทำไมพ่อเล่าแบบนี้”“อยากเป็นปีศาจเหรอเชนทร์”“ผมเป็นปีศาจ ส่วนพ่
“หายแล้วค่ะ หายเหมือนพ่อเชนทร์เลย ไปกินข้าวต่อนะคะจะได้ไปโรงเรียน”“ครับ/ค่ะ” สองแฝดรับคำแบบประสานเสียง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องอาหาร สองพ่อก็มองตามและยิ้ม ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วปรับสีหน้าให้เรียบ“พี่รักเอาคำว่าพ่องมาจากไหน” แสนลักษณ์หันมาดุคเชนทร์ซะงั้น“หืม ก็พูดเอง เด็กพูดไม่ชัด”“พูดไม่ชัด แต่ชัดมาก แกสอนหลานไม่ดีใช่ไหม”“ป่าว ใครจะสอนหลานพูดหยาบ”“แต่สอนให้หลานกวนตีน”“ป่าว สอนเมื่อไหร่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยเลย”“โตขึ้นมาได้นิสัยแกนี่ฉันจะเบิ้ดกะโหลกให้”“ไม่เกี่ยวกะเค้าเลย”“เอ้าๆๆ มาแล้ว เป็นงานเป็นการ สองพ่อลูกเถียงอะไรกันเนี่ย” เกตุวดีแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ คเชนทร์เรียกว่าข้างๆ จนชิดๆ และเบียดโดนขา“โอ๊ย! ป้า! นั่นสะโพกหรือกะละมังเนี่ย กระแทกขาแรงมาก”“ว๊าย! อีเชนทร์”“เ
“ขู่อะไรแบบนี้ แม่เจ้าไม่น่ากลัว แต่พ่อเจ้าน่ะดุ”“ดุไม่สู้พ่อแสนของพี่หรอก”“นี่จะเอาพ่อมาสู้กันเหรอคะ”“หึๆ สักตั้งหนึ่งน่า”“ระหว่างตามหานายตุลย์กับสมุนมาเข้าคุก เจ้าก็เคลียร์กับพ่อตาพี่ละกัน”“ไม่ง่ายเลยค่ะ กลัวพ่อจ้ะ...”“พูดเองว่าไม่ให้พี่กลัว ตัวเองกลัวซะงั้น”“กลัวพ่อไม่ชอบพี่เชนทร์”“ยังไม่เคยเผชิญหน้ากันจะรู้เหรอ อย่าเพิ่งกลัว พี่จะไม่กลัว นอนซะคนเก่งของพี่” สิ้นคำเขาก็กอดเธอเอาไว้และจูบเบาๆ ที่เรือนผม จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก นอกเสียจากฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง ต่างคนต่างบอกไม่ให้กลัว ทว่าเริ่มกลัวแล้วสิน่าพอรุ่งเช้าคเชนทร์ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ ใส่แต่เพียงกางเกงดังเดิม มือหนึ่งคีบบุหรี่พ่นออกมา ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มีการพูดคุยแบบเครียดๆ และพยายามไม่ให้เสียงดัง เพราะเปิดหน้าต่างระเบียงตรงห้องนอน“เรื่องเมื่อคืนเรียบร้อยทุกอย่างครับคุณเชนทร์&rdqu
“ซี๊ดดดด อ่า เจ้าจ๋า พี่จะแตกแล้ว”“เจ้าก็... โอ้ว พี่เชนทร์ แรงๆ อื้อ!” เธอร้องครางออกคล้ายกับใกล้จะถึงจุดหมาย จนเขาเร่งเร้าจังหวะกระแทกสะโพกอย่างหนักหน่วง และจูบแนบแน่นที่ปากอิ่ม“อื้อ” เขาครางในลำคอเมื่อถึงจุดที่เสียวซ่านที่สุด“โอ้ว เมียจ๋า ผัวจะไม่ไหวแล้ว”“เมียก็ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อืม” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละ ร่างกายก็กระตุกเกร็งและยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกอดเขาเอาไว้ ปลดปล่อยความปรารถให้พรั่งพรูออกมา เขาจึงไม่รั้งรอรีบเร่งระรัวอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็คว้าเส้นชัยตามไปติดๆ“อื้อ อ่า อ่า เมียจ๋า เมียพี่... เสียวที่สุดเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า ขณะที่แท่งกายกดจมเข้าไป และพ่นน้ำรักใส่ในร่างกายของเธอจนเอ่อล้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่ามันยังดีดดิ้นอยู่ภายในราวกับพ่นพิษไม่หมด อารมณ์สุขสมล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่เมื่อร่างกายยังไม่เข้าที เขาก็ประทับจูบแนบแน่นดูดดื่มพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ แล้วจึงได้ถอนจูบออก“ดอกฟ้าของไอ้เชนทร์”
“มันทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำต่างหากล่ะ”“จะเอาอะไรคะ” เธอถามอย่างขัดเขิน เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ“เป่ามนต์ให้พี่หนึ่งทีแล้วจะนอน” คำพูดดูเหมือนไม่มีอะไร หากเธอไม่คิดมาก ทว่าเธอโน้มหน้าลงไปเป่าที่ต้นแขนให้“โอมเพี้ยง!” ปากก็เป่าไป สายตาก็ตวัดขึ้นมองเขาและยิ้ม แต่วินาที่เขาจะคลั่งก็ตรงที่แม่คุณค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ กดจูบที่แผงอกเล็กน้อยกระทั่งเข่าชิดติดพื้น เขาก็ได้ยิ้มและหลับตา เมื่อมือนุ่มดึงกางเกงเขาลงช้าๆ จมูกโด่งก็ไต่ลงมาตามหน้าท้องจนถึงขอบบ็อกเซอร์ และชั่วอึดใจมันถูกมือน้อยดึงลงไปพร้อมกับกางเกงเสียเลย แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่มันดีดผึ่งผงาดออกมาล่อสายตาหรอก เธอก้มลงไปเป่าตรงบาดแผลที่ปิดด้วยผ้าก็อตเอาไว้“โอมเพี้ยง!” เธอเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มมุมปาก“เป่าแผลให้เค้าเฉยๆ แล้วจะถอดกางเกงเขาทำไม” เขาถามเสียงนุ่ม ว่ากลับก้มหน้าลงมองเธอราวกับจะกลืนกิน เธอก็สบตาคมกริบก่อนจะเอามือลูบไล้น่องของเขา ขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ใบหน้าเสมอแท่งไอศรี
“เรียกคุณอาขาแล้วจะแตก เซ็กซี่จัง” สิ้นคำเขาก็จูบปิดปากนิ่มเอาไว้แล้วกระแทกสะโพกแรงๆ ระรัวจนเมียเด็กทานทนไม่ไหว ได้แต่ครางในลำคอพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งลำตัว พลางกอดเขาเอาไว้แน่น“อืม” มีแต่เพียงเสียงอื้ออึงที่เปล่งออกมาเพราะถูกปิดปาก พร้อมกับความปรารถนาถูกเปล่งออกมาจนกระทั่งเม็ดสวาทกระตุกตอด“ซี๊ดดดด อาจะแตกแล้วเมียจ๋า” สิ้นคำเขาก็กดสะโพกแนบแน่น กับกลีบนุ่มและปล่อยลาวาอุ่นๆ ทะลักเข้าสู่กายเธอ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ท่อนเนื้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายใน เพื่อปล่อยทุกอย่างให้ออกมาจนสุด ตามด้วยเสียงหายใจหอบทว่ายังคงบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มสิ้นสุดอารมณ์ปรารถนาเหลือไว้แต่เพียงเสียงหายใจหอบ ทว่าร่างกายยังคงสอดประสานไม่ยอมขยับออก จวบจนกระทั่งอารมณ์ล่องลอยและปลดปล่อยจนหมด แล้วร่างกายกลับมาเป็นปกติถึงได้ถอนจูบออก ทว่าทั้งสองดูเหนื่อยหอบราวกับวิ่งทางไกลมาก“เมียจ๋า อายังเสียวอยู่เลย” เขากระซิบเสียงหวานออดอ้อน“อื้อ ให้วีกลับมาเป็นปกติก่อนนะคะ
“อย่าพูดอ้อมค้อม บอกว่าต้องการซิ” เขากระซิบเสียงนุ่มและยิ้ม เธอก็ได้แต่เม้มปากขัดเขินก่อนจะพยักหน้า“ต้องการค่ะ ต้องการผัวแก่ตลอดแหละ”“รู้ไหมว่า... ไอ้คนที่มันตายน่ะมันเรียกอาว่าไอ้แก่ แล้วเมียเรียกแบบนี้”“จะทำอะไรวีเหรอคะ”“จะทำให้ตายคาอกเลย เดี๋ยวเจอฤทธิ์คนแก่” สิ้นคำเขาก็กดจูบที่ปากนุ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ก่อนจะพรมจูบซับพวงแก้ม ซอกคอ และลากไล้เรียวลิ้นอุ่นลงมาตามเนินอก ก่อนจะอ้าปากครอบครองเม็ดถัน และโลมเลียอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างน้อยสั่นสะท้านเสียวซ่านและบิดเกร็ง ได้แต่หายใจหอบพร่า ทั้งเนินอกและหน้าท้องขยับไหว มือน้อยๆ ก็กดศีรษะเขาเบาๆ พลางแอ่นโค้งแผ่นหลังขณะเดียวกันมือหนาก็เอื้อมลงไปสัมผัสกลีบอวบนุ่มผ่านกางเกงชั้นในสีขาวบางจิ๋ว ซึ่งเวลานี้เปียกแฉะไปด้วยน้ำกุหลาบหวาน และกลีบนุ่มนั้นเริ่มบวมเบ่งเพราะความปรารถนา“ซี๊ด อืม” เธอครางอย่างสุดจะกลั้น เมื่อเขาบดขยี้ปลายนิ้วกับเกสรน้อย และเพียงชั่
แสนลักษณ์มองตามสองคน ที่เดินจากไปและยังคงยิ้มอยู่ เคยจินตนาการเอาไว้ ว่าสักวันการเดินกลับบ้านในแต่ละครั้งของคเชนทร์ จะมีใครสักคนได้เดินไปด้วย แต่ละวันที่ผ่านไปคเชนทร์เดินคนเดียวเสมอ ทว่าวันนี้เห็นเขาจูงมือไปกับผู้หญิงที่เขารัก มันช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่ยัง อุปสรรคยังไม่หมดตราบใดที่ยังขึ้นชื่อว่าเด็ดดอกฟ้ามาไว้ริมถนนอยู่“เข้าบ้านเถอะค่ะ อาแสนจะได้ไปอาบน้ำ วีจะไปดูเด็กๆ ด้วย”“จ้ะ” แสนลักษณ์ตอบก่อนจะจูงมือมนัสวีเข้าบ้าน จากนั้นก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย เพื่อแสนลักษณ์อาบน้ำก่อน ขณะที่มนัสวีเข้าไปดูสองแฝดในอีกห้องที่อยู่ติดกันทว่ามีพี่เลี้ยงมานอนเป็นเพื่อน“คุณวี กลับมาเมื่อไหร่คะ”“เมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยววีดูเด็กๆ ต่อ กลับบ้านพักเถอะค่ะ”“ค่ะ” ว่าแล้วพี่เลี้ยงก็งัวเงียตื่น แล้วเก็บของกลับบ้านพัก ดีหน่อยที่มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรมากนัก บ้านพักคนงานก็อยู่ไม่ไกลจึงไม่ได้ห่วง เพราะอยู่ในบริเวณรีสอร์ตนี่แหละ ส่วนมนัสวีก็เพ่งมองลูกน้องฝาแฝดที่หลับปุ๋ยคนละเตียง ยังดีที่เด็กๆ เลี้ยงง่ายไม่งอแง ม
จากนั้นจึงได้กลับบ้าน เจ้านายทั้งหมดนั่งรถตู้ไปด้วยกัน แสนลักษณ์มนัสวีนั่งคู่หน้า คเชนทร์กับจันทรภานั่งข้างหลังมืดๆ พลางจับมือกันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมองที่มือของเธอซึ่งจับประสานกันชนิดที่ไม่อยากปล่อย“กลับบ้านกัน เขต” แสนลักษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“ครับ” เขตแดนรับคำ จากนั้นจึงได้ออกจากลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลเพื่อพาทั้งหมดกลับบ้าน คเชนทร์ได้แต่ถอนใจและมองหน้าคนรัก ก่อนจะยกมือขึ้นพรมจูบเบาๆ พลางเอามือเสยให้เธออย่างอ่อนโยน อีกทั้งสำรวจไปตามใบหน้า“พี่ปล่อยให้คุณหนูเป็นแบบนี้ไปได้ เจ็บไหม หืม” คเชนทร์กระซิบถามเสียงหม่น“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เธอตอบเบาๆ“เข้มแข้งนะเนี่ย แต่หัวใจพี่น่ะ” เขากระซิบพลางเอาหน้าผากแนบกับเธอเอาไว้ เรียกว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่พ่อเลี้ยงนั่งฟังอยู่ด้านหน้าน่ะได้ยินอยู่แล้ว ยิ่งรถเงียบด้วย“หัวใจอยู่ตรงนี้แล้ว” เธอกระซิบตอบกลับพลางประคองใบหน้าเขาเอาไว้“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมกวนๆ ดังขึ้น ทำเอาคเชนทร์ถึงกับเหลือบมองด้วยความหมั่นไส้ งอนอ
“ไม่เป็นไร มันมีหน่วยกล้าตายแทนมาเป็นกำแพง เพื่อมาแลกให้มันรอดไปได้ แต่ฉันไม่ให้ใครมาเป็นหน่วยกล้าตาย ฉันไม่ให้แลก” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ“แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บไหม” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้นอีก เท่านั้นแหละคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ทันที“ก็เค้าไง! กระสุนเฉี่ยวยังไม่พอ ยังโดนมีดบินอีก” คเชนทร์บ่นพลางตวัดหางตาใส่แสนลักษณ์อย่างงอนเง้า“เอ่อ ป๋าตั้งใจเล็งไปหน่อย นิดเดียวน่าไกลหัวใจมาก” แสนลักษณ์เอ่ยแซว เพราะรู้ว่าคเชนทร์ทนได้ไม่เป็นไรมากหรอก“แต่เสียบขา” คเชนทร์ขึ้นเสียงใส่“เล่มเล็กๆ” แสนลักษณ์ตอบและยิ้ม“เล็กแต่ยาวนะพ่อนะ” คเชนทร์ยังเถียงอยู่“ช่วยด้วย พี่ตุลย์ช่วยด้วย” ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเถียงกันอยู่นั้น เสียงของน้ำอิงก็ดังขึ้น จันทรภาจึงเดินเข้าไปก่อน และทุกคนก็ได้ตามเข้าไป เห็นแต่ท่าทางอ่อนเพลียศีรษะมีเลือดไหลนอง และมองมาที่จันทรภา“อีเจ้า” น้ำอิงเรียกจิกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย จะตายอยู่แล้วแต่เรียกเพื่อนได้จิกมาก จันทรภาไ