“เออๆ เล่ามา” คเชนทร์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ จากนั้นก็รอเปรมณัฐเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง สายตาของคเชนทร์ก็มองไปที่จันทรภาเป็นหลัก โดยไม่ได้พูดตอบโต้แต่อย่างใด เพราะกลัวเธอจะได้ยิน นานนับสิบนาทีกว่าจะคุยเสร็จ“ขอบใจ ตามต่อทีนะ”“ได้ครับนาย งั้นแค่นี้ละกันนะครับผมไม่รบกวนแล้ว”“อืม” เมื่อรับคำเสร็จคเชนทร์ก็เป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน พลางมองไปที่จันทรภาแต่ไม่กล้าเข้าไปหาเธอ ได้แต่ยืนถอนหายใจด้วยความเครียด มองแล้วก็คิดถึงสิ่งที่ได้เธอต้องเจอมา“เอ่อ คุณ... เจ้าขา ไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมอาบทีหลัง”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดึกๆ โน่นแหละ” เธอตอบเสียงหม่น แต่ไม่ได้หันกลับมามองเขาเลย แค่เอียงคอมานิดหน่อยเท่านั้นเพื่อให้เสียงที่เอ่ยเขาจะได้ยิน“คุณอยู่คนเดียวสัก 30 นาทีนะ ผมไปคุยงานกับพอเลี้ยงสักหน่อย”“ค่ะ” เธอแบบไม่หันกลับมามองหน้าเขาเลยพอเห็นเ
“อืม เล่ามาซิ มาหาเพราะเรื่องนี้ด้วยสินะ”“ครับ ไอ้หมอนี่เป็นนักธุรกิจ ทั้งที่นี่และกรุงเทพ แต่เจ้าขาเป็นคนกรุงเทพฯ”“นักธุรกิจอย่างนั้นเหรอ ไม่ยักกะรู้จักเท่าไหร่”“เขาอยู่กรุงเทพซะส่วนใหญ่ครับ แต่อยากมาแต่งงานที่โรงแรมเรา เจ้าขากับครอบครัวก็เลยเดินทางมาที่นี่ ผมไม่รู้ว่าเจ้าขาเห็นอะไรในคืนแต่งงาน ถึงได้หนีมากะทันหัน แต่เจ้าขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ มีอะไรกับเพื่อนรักของเธอ เธอเห็นกับตา เลยตัดสินใจไม่แต่งและหนีขึ้นรถผม”“ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนของเจ้าขา”“ใช่ครับ”“หน้าตาจัดได้ว่าอาหมวย สวย เฉี่ยว”“อาแสนเห็นหน้าเหรอคะ”“เห็นวันนี้ค่ะ เจ้าบ่าวก็หล่อใช้ได้ แต่ได้เจ้าสาวสวย สวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่พอ” แสนลักษณ์กำลังวิเคราะห์พลางขมวดคิ้ว“นั่นสิครับทำไมไม่พอ ออกจะน่ารัก” ประโยคหลังนี้คเชนทร์หลุดปากพูดออกมาด้วย
“ผมขอตัวนะพี่เกตุ” คเชนทร์บอกเสียงเครียดขึ้น“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ดูเด็กๆ ต่อ”“ครับ” รับคำเสร็จ คเชนทร์ก็ออกไปจากห้องและลงไปยังชั้นล่าง ขณะที่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนสูบบุหรี่ที่หน้าบ้าน คล้ายกับจะรอเขาอย่างนั้นแหละ“ทำไมเร็ว” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ถาม“อ่อ นิทานเรื่องใหม่สั้นมากครับ เล่าจบเร็วก็เลยลงมา”“หึๆ แล้วเด็กๆ หลับหรือยัง”“ยังครับ” คเชนทร์ตอบเสียงหม่น พลางมองหน้าพ่อเลี้ยงด้วยแววตาเศร้าๆ มีน้ำใสๆ คลอเล็กน้อย“มีอะไร หืม” พ่อเลี้ยงถามทันที“เด็กๆ บอกว่า พ่อเล่านิทานให้ฟัง เรื่อง... พ่อ” คเชนทร์เอ่ยเสียงสั่นเครือขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันตีขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่“ทำไมพ่อเล่าแบบนี้”“อยากเป็นปีศาจเหรอเชนทร์”“ผมเป็นปีศาจ ส่วนพ่
“คนหื่นเนี่ยต้องให้หน้าตาเป็นยังไงไม่ทราบ”“ก็... แบบโรคจิต แต่คุณไม่อะ”“ผมหล่อเกินจะเป็นโรคจิตล่ะสิ”“เปล่า ไม่ได้หล่อเลย”“อ๋อ คุณสวยมาก”“ค่ะ ฉันรู้ตัว”“ถึงผมจะไม่หล่อมาก แต่ว่าท่ายากผมเยอะ”“โอ๊ย! พูดอะไรไม่รู้ ไปหาผ้าถุงมาเลยค่ะ จะเล่นน้ำ”“มืดๆ เนี่ยนะ”“ก็... จะได้ไม่มีคนเห็นไง คุณก็เฝ้า”“ทำไมผมต้องเฝ้าด้วยวะเนี่ย”“ใช่ค่ะ คุณเป็นเจ้าของบ้าน”“โอยยยย แก้ผ้าอาบเลยไม่ได้เหรอ”“จะบ้าเหรอคะ”“ไม่บ้า มืดๆ ใครจะเห็น มีนิดๆ หน่อยๆ จะเขินอะไร”“อ้าย! อีคุณเชนทร์” สิ้นคำเธอก็ฟาดเพียะไปที่ต้น
ผ่านไปประมาณห้านาที เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ด้านหลัง กระทั่งมีเสียงเอ่ยขึ้น“คุณ เอ่อ” น้ำเสียงประหม่าของเธอทำให้เขาหันขวับกลับไปมอง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อขอบผ้าถุงด้านบนถูกมันเอาไว้ด้วยเส้นยางเป็นจุกเชียว“พระคุณ เอ่อ ฮ่าๆๆ” คเชนทร์ได้แต่หัวเราะลั่น“นี่คุณ อย่าหัวเราะสิ ลืมไปว่า... ใส่ไม่เป็น”“แล้วอยากได้ผ้าถุงเนี่ยนะ แถมยังรู้จักด้วย”“พยายามแล้วมันหลุด มันแบบว่า มันไม่อยู่อ่ะ ร่วงตลอด”“ผมเห็นตอนเช้าที่ลงไปดำน้ำน่ะ มันก็ไม่ได้เล็กนะ ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ” เขาพูดจายียวนใส่เธอ“ว๊ายนี่ เพียะ!” ด้วยความขัดเขินเธอก็ฟาดที่แขนของเขาแรงๆ“โอ๊ย! ตีอีกแล้ว วันนี้หลายรอบแล้วนะ”“มาสอนเลย พูดมาก”“ใส่แบบนี้ก็ดีนะคุณ น่ารักดี”“ไม่เอา” เธอทำท่างอแง
“ก็... ไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อยค่ะ”“มันเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเที่ยวแบบนี้แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”“เจ้าเป็นคนที่ชอบลอง ชอบเรียนรู้ แต่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสนั้นค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ทำ พาไปแต่ที่หรู”“ถึงว่า พอหลุดออกจากกรอบได้ อย่างกับปล่อยปลาไหลลงตม”“หมายถึงยังไงคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเชียว“ก็แบบนึกถึงปลาไหลสิ ดิ้นลงน้ำร่าเริงเชียว” พูดไม่พอ เขาทำท่าดุ๊กดิ้กอย่างกับปลาไหลอีกต่างหาก“หืม” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงวิดน้ำใส่เขา“โอ๊ย! หืม เข้าตา” เขาก็ร้องบ้างเมื่อน้ำเข้าตา“อุ้ย! แสบตาไหมคะ” เธออุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินมาหาเขาตรงขอบตลิ่ง เขาก็เอามือเช็ดๆ ที่ตาตัวเอง เพื่อที่จะได้มองเธอให้ชัดขึ้น และยังไม่ทันได้พูดเขาก็วิดน้ำใส่เธอเสียเลย“นี่! นี่ นี่” เขาวิดน้ำใส่เธอไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแ
“เอ่อ พี่... แปบเดียวนะ แล้วเดี๋ยวออกมาครับ”“ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงรีบปลีกตัวกลับเข้าห้องตัวเอง เพื่อจะได้แต่งตัวเสียใหม่ ใช้เวลาเร็วกว่าเธอมากพอสมควร เพราะผู้ชายไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก ทว่าระหว่างที่คเชนทร์ยังอยู่ในห้อง จันทรภาก็นั่งตรงโซฟา แต่เธอไม่ได้มองออกไปยังระเบียง หากแต่ถือโทรศัพท์เอาไว้และมองมัน พร้อมกับมือที่สั่นเทาและตัดสินใจลองเปิดเครื่อง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจสายที่ไม่ได้รับ ทว่ากลับเปิดคลิปนั้นดูอีกรอบต่างหาก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ เพ่งมองในสิ่งที่อยู่ในคลิปนั้น ใช่... มันทำให้เธอมีน้ำตา แต่มากไปกว่านั้นคือความเกลียด โกรธนึกสาปแช่งทั้งคู่ให้พังพินาศ อย่าลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เธอคิดอย่างโกรธแค้น พร้อมกับถามใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วรักตุลยเทพมากน้อยแค่ไหนถึงได้ยอมแต่งงาน และมองไม่เห็นความเลวร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ มองไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทว่าตอนนี้มันไม่ควรมีความรักอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความเกลียดชัง รอเถอ
“บ้า คิดอะไรเกินเลยไอ้เชนทร์ แฟนคนอื่น” เขาเตือนตัวเองก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็กล่อมตัวเองให้หลับไปส่วนจันทรภาก็ยึดที่นอนนุ่มๆ ของคเชนทร์ เป็นของตัวเองไป เธอปิดไฟในห้องเรียบร้อยเหลือไว้หัวเตียง น่าแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกแปลกที่แปลกทางอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรที่หลายอารมณ์และพิเศษอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดกับความเสียใจนั้นแล้ว หากแต่เหลือไว้เพียงความเกลียดชังที่อยากจะแก้แค้นเท่านั้นคเชนทร์คนนี้ช่างสุภาพ บางทีก็มีอารมณ์อ่อนโยน ปลอบใจ แต่อีกอารมณ์คือยียวนกวน ตลกขบขัน และสร้างแต่เสียงหัวเราะ จนเธอไว้ใจ และนึกขอบคุณแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันแท้ๆ คิดถึงสีหน้าแววตาของเขาแล้วเธอก็เผลอยิ้ม พอได้สติก็ต้องสลัดอารมณ์หวั่นไหวออกไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงข่มตาให้หลับพอเช้าวันต่อมา ภายในห้องนั่งเล่น ตรงโซฟาเบด คเชนทร์ที่นอนหลับอุตุก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง จนทำให้เขารู้สึกตัวตื่น บิดขี้เกียจและพยุงตัวลุก สิ่งแรกที่เขาจะมองคือเบื้องหน้า ตรงระเบียงซึ่งอยู่ปลายเท้า ผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้ แต่ไม่ได้เปิดกร
“ลูกหน่อลูก ทำไมทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อแม่” ท่านกล่าวตำหนิ แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเธอจับใจ“เจ้าขอโทษค่ะ บอกคุณแม่ด้วย เจ้ารู้ว่าตัวเองผิด”“ลูก บอกพ่อซิ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนีไปแบบนี้ บอกกันหน่อยสิลูก”“คุณพ่อ ฟังเจ้านะคะ คือ... คืนนั้นเจ้าไปตามพี่ตุลย์ที่ห้อง แอบเห็นพี่ตุลย์กับยัยอิง...”“อย่า อย่าบอกนะ...” ท่านกำลังคิดแบบนั้นแหละ คิดในแง่ร้าย“คุณพ่อเดาได้ใช่ไหม เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าว ยัยอิงอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาว เขากำลังมีอะไรกันค่ะคุณพ่อ”“ไม่... ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย” ฝ่ายบิดาแทบเสียงสั่น มือกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยความตกใจ และช็อกเมื่อได้ยิน“จริง เจ้ามีคลิป มีหลักฐาน เขารู้ตัวพอดี เจ้าเลยรีบหนี พ่อเข้าใจเจ้าไหม”“ทำไมมันชั่วแบบนี้ ทำไมมันทำแบบนี้กับลูกพ่อ มันทำกันมานานแค่ไหนแล้ว”“เจ้าก็ไม่รู้ค่ะ แต่เหมือนจะไม่ใช่
“แกก็เห็นอยู่ เรามีเงิน มีอิทธิพล นักการเมืองหรือข้าราชการยังต้องยอม”“ธุรกิจ ทำอสังหาริมทรัพย์ นี่มันยุคที่ผันผวน ถ้าประคองไม่ได้ก็พัง ยิ่งถ้าทำบ้านจัดสรร มีสิทธิ์เป็นหนี้หัวโต ใครจะเสียสละเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ในยุคนี้มีแต่จะเซฟ นักการเมืองก็ต้องการนักธุรกิจระดับเจ้าสัวเพื่อหนุนหลัง”“ลูกชายฉันฉลาด” พ่อเลี้ยงเอ่ยปากแซวพลางเหลือบมองคเชนทร์“พ่อสอนมาดี พ่อทำให้เห็น” ต่างฝ่ายต่างชมกันไปมาสิน่า“หึๆ ชมเหรอเนี่ย แต่ก็วิเคราะห์เก่ง แล้วเจ้าเปรมว่ายังไง สืบได้ความไหม”“รู้ได้ยังไงครับว่าให้เจ้าเปรมสืบ”“คนอย่างแก จะเหลือเหรอที่จะไม่สืบ”“ก็ให้เจ้าเปรม บอกนักสืบให้จัดการอีกทีครับ ทั้งสองฝ่าย ผมอยากรู้อะ ขี้เสือกเหมือนกัน”“หึๆ นั่นสิ ทำไมแกถึงต้องสืบนะ รู้ตัวไหมเนี่ย”“เอ่อ คือ ผม... ไม่รู้สิฮะ ทำไมผมต้องสืบวะ”&n
“คนรวยชอบแต่งเพื่อธุรกิจก็มี”“เจ้าสาวเป็นคนมีฐานะในระดับที่เรียกว่ามหาเศรษฐีครับ มีมูลค่าทรัพย์สินหมื่นล้าน มากกว่าฝ่ายเจ้าบ่าว”“อันนี้ก็รู้อีกเหรอเนี่ย น่าขึ้นเงินเดือนให้”“แหม ค้นหาชื่อนามสกุลน่ะครับ”“เยี่ยมมาก ไอ้หมอนี่ยังอยู่ในเชียงใหม่หรือเปล่า”“อยู่ครับ ผมให้คนสะกดรอยตาม คิดว่ามันจะยังไม่ไปไหนหรอก รอตามหาเจ้าสาวอยู่”“แล้ว... พ่อแม่ของเจ้าสาวล่ะ”“เฮ้อ เห็นว่าไปเช่าคอนโดฯ อยู่ชั่วคราว เพื่อจะได้หาทางติดต่อลูกสาวให้ได้”“รู้ใช่ไหมว่าที่ไหนบ้าง”“รู้ครับ ว่าแต่... จะมีใครรู้ไหมนะว่าเจ้าสาวอยู่ที่ไหน” เปรมณัฐเอ่ยพลางหรี่ตามองเจ้านาย และยิ้มนิดๆ“ถ้าไม่ปากโป้ง จะรู้ได้ยังไง ปล่อยให้เธออยู่อย่างอิสระไปก่อน”“เชื่อผม ว่าตุลยเทพคนนี้ ไม่น่าจ
“บ้า คิดอะไรเกินเลยไอ้เชนทร์ แฟนคนอื่น” เขาเตือนตัวเองก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็กล่อมตัวเองให้หลับไปส่วนจันทรภาก็ยึดที่นอนนุ่มๆ ของคเชนทร์ เป็นของตัวเองไป เธอปิดไฟในห้องเรียบร้อยเหลือไว้หัวเตียง น่าแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกแปลกที่แปลกทางอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรที่หลายอารมณ์และพิเศษอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดกับความเสียใจนั้นแล้ว หากแต่เหลือไว้เพียงความเกลียดชังที่อยากจะแก้แค้นเท่านั้นคเชนทร์คนนี้ช่างสุภาพ บางทีก็มีอารมณ์อ่อนโยน ปลอบใจ แต่อีกอารมณ์คือยียวนกวน ตลกขบขัน และสร้างแต่เสียงหัวเราะ จนเธอไว้ใจ และนึกขอบคุณแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันแท้ๆ คิดถึงสีหน้าแววตาของเขาแล้วเธอก็เผลอยิ้ม พอได้สติก็ต้องสลัดอารมณ์หวั่นไหวออกไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงข่มตาให้หลับพอเช้าวันต่อมา ภายในห้องนั่งเล่น ตรงโซฟาเบด คเชนทร์ที่นอนหลับอุตุก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง จนทำให้เขารู้สึกตัวตื่น บิดขี้เกียจและพยุงตัวลุก สิ่งแรกที่เขาจะมองคือเบื้องหน้า ตรงระเบียงซึ่งอยู่ปลายเท้า ผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้ แต่ไม่ได้เปิดกร
“เอ่อ พี่... แปบเดียวนะ แล้วเดี๋ยวออกมาครับ”“ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงรีบปลีกตัวกลับเข้าห้องตัวเอง เพื่อจะได้แต่งตัวเสียใหม่ ใช้เวลาเร็วกว่าเธอมากพอสมควร เพราะผู้ชายไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก ทว่าระหว่างที่คเชนทร์ยังอยู่ในห้อง จันทรภาก็นั่งตรงโซฟา แต่เธอไม่ได้มองออกไปยังระเบียง หากแต่ถือโทรศัพท์เอาไว้และมองมัน พร้อมกับมือที่สั่นเทาและตัดสินใจลองเปิดเครื่อง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจสายที่ไม่ได้รับ ทว่ากลับเปิดคลิปนั้นดูอีกรอบต่างหาก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ เพ่งมองในสิ่งที่อยู่ในคลิปนั้น ใช่... มันทำให้เธอมีน้ำตา แต่มากไปกว่านั้นคือความเกลียด โกรธนึกสาปแช่งทั้งคู่ให้พังพินาศ อย่าลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เธอคิดอย่างโกรธแค้น พร้อมกับถามใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วรักตุลยเทพมากน้อยแค่ไหนถึงได้ยอมแต่งงาน และมองไม่เห็นความเลวร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ มองไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทว่าตอนนี้มันไม่ควรมีความรักอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความเกลียดชัง รอเถอ
“ก็... ไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อยค่ะ”“มันเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเที่ยวแบบนี้แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”“เจ้าเป็นคนที่ชอบลอง ชอบเรียนรู้ แต่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสนั้นค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ทำ พาไปแต่ที่หรู”“ถึงว่า พอหลุดออกจากกรอบได้ อย่างกับปล่อยปลาไหลลงตม”“หมายถึงยังไงคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเชียว“ก็แบบนึกถึงปลาไหลสิ ดิ้นลงน้ำร่าเริงเชียว” พูดไม่พอ เขาทำท่าดุ๊กดิ้กอย่างกับปลาไหลอีกต่างหาก“หืม” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงวิดน้ำใส่เขา“โอ๊ย! หืม เข้าตา” เขาก็ร้องบ้างเมื่อน้ำเข้าตา“อุ้ย! แสบตาไหมคะ” เธออุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินมาหาเขาตรงขอบตลิ่ง เขาก็เอามือเช็ดๆ ที่ตาตัวเอง เพื่อที่จะได้มองเธอให้ชัดขึ้น และยังไม่ทันได้พูดเขาก็วิดน้ำใส่เธอเสียเลย“นี่! นี่ นี่” เขาวิดน้ำใส่เธอไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแ
ผ่านไปประมาณห้านาที เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ด้านหลัง กระทั่งมีเสียงเอ่ยขึ้น“คุณ เอ่อ” น้ำเสียงประหม่าของเธอทำให้เขาหันขวับกลับไปมอง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อขอบผ้าถุงด้านบนถูกมันเอาไว้ด้วยเส้นยางเป็นจุกเชียว“พระคุณ เอ่อ ฮ่าๆๆ” คเชนทร์ได้แต่หัวเราะลั่น“นี่คุณ อย่าหัวเราะสิ ลืมไปว่า... ใส่ไม่เป็น”“แล้วอยากได้ผ้าถุงเนี่ยนะ แถมยังรู้จักด้วย”“พยายามแล้วมันหลุด มันแบบว่า มันไม่อยู่อ่ะ ร่วงตลอด”“ผมเห็นตอนเช้าที่ลงไปดำน้ำน่ะ มันก็ไม่ได้เล็กนะ ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ” เขาพูดจายียวนใส่เธอ“ว๊ายนี่ เพียะ!” ด้วยความขัดเขินเธอก็ฟาดที่แขนของเขาแรงๆ“โอ๊ย! ตีอีกแล้ว วันนี้หลายรอบแล้วนะ”“มาสอนเลย พูดมาก”“ใส่แบบนี้ก็ดีนะคุณ น่ารักดี”“ไม่เอา” เธอทำท่างอแง
“คนหื่นเนี่ยต้องให้หน้าตาเป็นยังไงไม่ทราบ”“ก็... แบบโรคจิต แต่คุณไม่อะ”“ผมหล่อเกินจะเป็นโรคจิตล่ะสิ”“เปล่า ไม่ได้หล่อเลย”“อ๋อ คุณสวยมาก”“ค่ะ ฉันรู้ตัว”“ถึงผมจะไม่หล่อมาก แต่ว่าท่ายากผมเยอะ”“โอ๊ย! พูดอะไรไม่รู้ ไปหาผ้าถุงมาเลยค่ะ จะเล่นน้ำ”“มืดๆ เนี่ยนะ”“ก็... จะได้ไม่มีคนเห็นไง คุณก็เฝ้า”“ทำไมผมต้องเฝ้าด้วยวะเนี่ย”“ใช่ค่ะ คุณเป็นเจ้าของบ้าน”“โอยยยย แก้ผ้าอาบเลยไม่ได้เหรอ”“จะบ้าเหรอคะ”“ไม่บ้า มืดๆ ใครจะเห็น มีนิดๆ หน่อยๆ จะเขินอะไร”“อ้าย! อีคุณเชนทร์” สิ้นคำเธอก็ฟาดเพียะไปที่ต้น
“ผมขอตัวนะพี่เกตุ” คเชนทร์บอกเสียงเครียดขึ้น“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ดูเด็กๆ ต่อ”“ครับ” รับคำเสร็จ คเชนทร์ก็ออกไปจากห้องและลงไปยังชั้นล่าง ขณะที่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนสูบบุหรี่ที่หน้าบ้าน คล้ายกับจะรอเขาอย่างนั้นแหละ“ทำไมเร็ว” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ถาม“อ่อ นิทานเรื่องใหม่สั้นมากครับ เล่าจบเร็วก็เลยลงมา”“หึๆ แล้วเด็กๆ หลับหรือยัง”“ยังครับ” คเชนทร์ตอบเสียงหม่น พลางมองหน้าพ่อเลี้ยงด้วยแววตาเศร้าๆ มีน้ำใสๆ คลอเล็กน้อย“มีอะไร หืม” พ่อเลี้ยงถามทันที“เด็กๆ บอกว่า พ่อเล่านิทานให้ฟัง เรื่อง... พ่อ” คเชนทร์เอ่ยเสียงสั่นเครือขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันตีขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่“ทำไมพ่อเล่าแบบนี้”“อยากเป็นปีศาจเหรอเชนทร์”“ผมเป็นปีศาจ ส่วนพ่