“ก็... ไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อยค่ะ”“มันเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเที่ยวแบบนี้แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”“เจ้าเป็นคนที่ชอบลอง ชอบเรียนรู้ แต่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสนั้นค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ทำ พาไปแต่ที่หรู”“ถึงว่า พอหลุดออกจากกรอบได้ อย่างกับปล่อยปลาไหลลงตม”“หมายถึงยังไงคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเชียว“ก็แบบนึกถึงปลาไหลสิ ดิ้นลงน้ำร่าเริงเชียว” พูดไม่พอ เขาทำท่าดุ๊กดิ้กอย่างกับปลาไหลอีกต่างหาก“หืม” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงวิดน้ำใส่เขา“โอ๊ย! หืม เข้าตา” เขาก็ร้องบ้างเมื่อน้ำเข้าตา“อุ้ย! แสบตาไหมคะ” เธออุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินมาหาเขาตรงขอบตลิ่ง เขาก็เอามือเช็ดๆ ที่ตาตัวเอง เพื่อที่จะได้มองเธอให้ชัดขึ้น และยังไม่ทันได้พูดเขาก็วิดน้ำใส่เธอเสียเลย“นี่! นี่ นี่” เขาวิดน้ำใส่เธอไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแ
“เอ่อ พี่... แปบเดียวนะ แล้วเดี๋ยวออกมาครับ”“ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงรีบปลีกตัวกลับเข้าห้องตัวเอง เพื่อจะได้แต่งตัวเสียใหม่ ใช้เวลาเร็วกว่าเธอมากพอสมควร เพราะผู้ชายไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก ทว่าระหว่างที่คเชนทร์ยังอยู่ในห้อง จันทรภาก็นั่งตรงโซฟา แต่เธอไม่ได้มองออกไปยังระเบียง หากแต่ถือโทรศัพท์เอาไว้และมองมัน พร้อมกับมือที่สั่นเทาและตัดสินใจลองเปิดเครื่อง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจสายที่ไม่ได้รับ ทว่ากลับเปิดคลิปนั้นดูอีกรอบต่างหาก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ เพ่งมองในสิ่งที่อยู่ในคลิปนั้น ใช่... มันทำให้เธอมีน้ำตา แต่มากไปกว่านั้นคือความเกลียด โกรธนึกสาปแช่งทั้งคู่ให้พังพินาศ อย่าลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เธอคิดอย่างโกรธแค้น พร้อมกับถามใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วรักตุลยเทพมากน้อยแค่ไหนถึงได้ยอมแต่งงาน และมองไม่เห็นความเลวร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ มองไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทว่าตอนนี้มันไม่ควรมีความรักอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความเกลียดชัง รอเถอ
“บ้า คิดอะไรเกินเลยไอ้เชนทร์ แฟนคนอื่น” เขาเตือนตัวเองก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็กล่อมตัวเองให้หลับไปส่วนจันทรภาก็ยึดที่นอนนุ่มๆ ของคเชนทร์ เป็นของตัวเองไป เธอปิดไฟในห้องเรียบร้อยเหลือไว้หัวเตียง น่าแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกแปลกที่แปลกทางอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรที่หลายอารมณ์และพิเศษอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดกับความเสียใจนั้นแล้ว หากแต่เหลือไว้เพียงความเกลียดชังที่อยากจะแก้แค้นเท่านั้นคเชนทร์คนนี้ช่างสุภาพ บางทีก็มีอารมณ์อ่อนโยน ปลอบใจ แต่อีกอารมณ์คือยียวนกวน ตลกขบขัน และสร้างแต่เสียงหัวเราะ จนเธอไว้ใจ และนึกขอบคุณแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันแท้ๆ คิดถึงสีหน้าแววตาของเขาแล้วเธอก็เผลอยิ้ม พอได้สติก็ต้องสลัดอารมณ์หวั่นไหวออกไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงข่มตาให้หลับพอเช้าวันต่อมา ภายในห้องนั่งเล่น ตรงโซฟาเบด คเชนทร์ที่นอนหลับอุตุก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง จนทำให้เขารู้สึกตัวตื่น บิดขี้เกียจและพยุงตัวลุก สิ่งแรกที่เขาจะมองคือเบื้องหน้า ตรงระเบียงซึ่งอยู่ปลายเท้า ผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้ แต่ไม่ได้เปิดกร
“คนรวยชอบแต่งเพื่อธุรกิจก็มี”“เจ้าสาวเป็นคนมีฐานะในระดับที่เรียกว่ามหาเศรษฐีครับ มีมูลค่าทรัพย์สินหมื่นล้าน มากกว่าฝ่ายเจ้าบ่าว”“อันนี้ก็รู้อีกเหรอเนี่ย น่าขึ้นเงินเดือนให้”“แหม ค้นหาชื่อนามสกุลน่ะครับ”“เยี่ยมมาก ไอ้หมอนี่ยังอยู่ในเชียงใหม่หรือเปล่า”“อยู่ครับ ผมให้คนสะกดรอยตาม คิดว่ามันจะยังไม่ไปไหนหรอก รอตามหาเจ้าสาวอยู่”“แล้ว... พ่อแม่ของเจ้าสาวล่ะ”“เฮ้อ เห็นว่าไปเช่าคอนโดฯ อยู่ชั่วคราว เพื่อจะได้หาทางติดต่อลูกสาวให้ได้”“รู้ใช่ไหมว่าที่ไหนบ้าง”“รู้ครับ ว่าแต่... จะมีใครรู้ไหมนะว่าเจ้าสาวอยู่ที่ไหน” เปรมณัฐเอ่ยพลางหรี่ตามองเจ้านาย และยิ้มนิดๆ“ถ้าไม่ปากโป้ง จะรู้ได้ยังไง ปล่อยให้เธออยู่อย่างอิสระไปก่อน”“เชื่อผม ว่าตุลยเทพคนนี้ ไม่น่าจ
“แกก็เห็นอยู่ เรามีเงิน มีอิทธิพล นักการเมืองหรือข้าราชการยังต้องยอม”“ธุรกิจ ทำอสังหาริมทรัพย์ นี่มันยุคที่ผันผวน ถ้าประคองไม่ได้ก็พัง ยิ่งถ้าทำบ้านจัดสรร มีสิทธิ์เป็นหนี้หัวโต ใครจะเสียสละเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ในยุคนี้มีแต่จะเซฟ นักการเมืองก็ต้องการนักธุรกิจระดับเจ้าสัวเพื่อหนุนหลัง”“ลูกชายฉันฉลาด” พ่อเลี้ยงเอ่ยปากแซวพลางเหลือบมองคเชนทร์“พ่อสอนมาดี พ่อทำให้เห็น” ต่างฝ่ายต่างชมกันไปมาสิน่า“หึๆ ชมเหรอเนี่ย แต่ก็วิเคราะห์เก่ง แล้วเจ้าเปรมว่ายังไง สืบได้ความไหม”“รู้ได้ยังไงครับว่าให้เจ้าเปรมสืบ”“คนอย่างแก จะเหลือเหรอที่จะไม่สืบ”“ก็ให้เจ้าเปรม บอกนักสืบให้จัดการอีกทีครับ ทั้งสองฝ่าย ผมอยากรู้อะ ขี้เสือกเหมือนกัน”“หึๆ นั่นสิ ทำไมแกถึงต้องสืบนะ รู้ตัวไหมเนี่ย”“เอ่อ คือ ผม... ไม่รู้สิฮะ ทำไมผมต้องสืบวะ”&n
“ลูกหน่อลูก ทำไมทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อแม่” ท่านกล่าวตำหนิ แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเธอจับใจ“เจ้าขอโทษค่ะ บอกคุณแม่ด้วย เจ้ารู้ว่าตัวเองผิด”“ลูก บอกพ่อซิ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนีไปแบบนี้ บอกกันหน่อยสิลูก”“คุณพ่อ ฟังเจ้านะคะ คือ... คืนนั้นเจ้าไปตามพี่ตุลย์ที่ห้อง แอบเห็นพี่ตุลย์กับยัยอิง...”“อย่า อย่าบอกนะ...” ท่านกำลังคิดแบบนั้นแหละ คิดในแง่ร้าย“คุณพ่อเดาได้ใช่ไหม เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าว ยัยอิงอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาว เขากำลังมีอะไรกันค่ะคุณพ่อ”“ไม่... ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย” ฝ่ายบิดาแทบเสียงสั่น มือกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยความตกใจ และช็อกเมื่อได้ยิน“จริง เจ้ามีคลิป มีหลักฐาน เขารู้ตัวพอดี เจ้าเลยรีบหนี พ่อเข้าใจเจ้าไหม”“ทำไมมันชั่วแบบนี้ ทำไมมันทำแบบนี้กับลูกพ่อ มันทำกันมานานแค่ไหนแล้ว”“เจ้าก็ไม่รู้ค่ะ แต่เหมือนจะไม่ใช่
“ซื้ออาหารมาไว้ทำมื้อเย็นน่ะ”“มาเจ้าขาช่วย” ขันอาสาดีเหลือเกินนะเธอเนี่ย เขาคิด แต่ก็ยอมให้เธอถือเข้าบ้านโดยดี“แล้วทำไมพี่เชนทร์มาช้าล่ะคะ” เธอถามอย่างกับเป็นแฟนเขา เขาคิด“อยู่เช็นงานหลายอย่างน่ะก็เลยมาช้า คิดถึงล่ะสิ” เขาลองแกล้งแหย่“อุ้ย! ใครคิดถึง บ้าเหรอคะ” เธอปฏิเสธทันควันพร้อมกับตาเลิ่กลั่ก นั่นสินะ ทำไมเธอต้องรอและต้องดีใจด้วยนะเนี่ย บ้าจริง คิดแล้วก็รีบเดินเข้าครัวเพื่อเอาอาหารที่เขาซื้อไปเก็บ จังหวะเดียวกันนั้นคเชนทร์ก็มองไปรอบๆ บ้าน ดูว่าเธอจะทำตามที่เขาบอกเอาไว้ก่อนไปทำงานหรือเปล่าใช่เขาเห็นอะไรผิดปกติ นั่นคือถังไม้ม๊อฟยังไม่เก็บ เห็นแล้วเขาก็ต้องถอนใจ แต่เอาน่าไม่เป็นไรหรอก แรกๆ ก็จะลืมแบบนี้แหละ ดีแล้วที่เธอยังยอมทำ“ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยแหละน่า” เขาเอ่ยลอยๆ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกแล้ววางพาดเอาไว้บนโซฟา ขณะที่เธออกมาพอดี“เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไหมคะ” ออกมาปุ๊บ
“จัดอาหารอย่างอื่นเข้าตู้เย็นให้พี่ก็ได้” เขาหันมาบอกพร้อมกับเหลือบมองเธอนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งเธอก็รีบทำทันที เพราะคนมันอยากช่วยนี่นะ ก็ต้องให้ช่วย คุณหนูเจ้าขาเอ๋ยอยากเรียนรู้ไปเสียหมด เขาคิดอย่างเอ็นดู และเผลอยิ้มกับตัวเองอยู่หลายครั้งทว่าอยู่ๆ ต้องรีบหุบยิ้ม เพราะความรู้สึกกลัวมันกลับมาย้ำเตือนตัวเองอีกแล้ว ถึงความไม่เหมาะสมที่จะคิดเกินเลย เธอมีเจ้าของแล้วและเขาไม่คู่ควรที่จะคิดเสียด้วยซ้ำ คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง จนเผลอแสดงอารมณ์ออกมาในยามที่ล้างผักจันทรภาสังเกตเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ เธอรับรู้ได้ว่าเขามีบุคลิกที่แปลกไป คล้ายอารมณ์ไม่ดี เธอควรจะพูดหรือจะถามหรือเปล่านะ หรือเขาหงุดหงิดที่เธอทำอะไรไม่เป็น ทำให้เขาต้องลำบากหรือเปล่า“เจ้าเก็บของใส่ตู้เย็น แล้วก็ตู้เก็บของเสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงประหม่าขึ้น“ออกไปรอข้างนอกเถอะไป” เขาเอ่ยเสียงเรียบขึ้น และไม่ได้หันมามองเธอ ฟังเท่านี้ก็รู้สึกแปลกๆ ทำให้ไม่อยากจะถามอะไรต่อ จึงก้มหน้าแล้วเอี้ยวตัวหันกลับกำลังจะออกไปจากครั
“หายแล้วค่ะ หายเหมือนพ่อเชนทร์เลย ไปกินข้าวต่อนะคะจะได้ไปโรงเรียน”“ครับ/ค่ะ” สองแฝดรับคำแบบประสานเสียง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องอาหาร สองพ่อก็มองตามและยิ้ม ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วปรับสีหน้าให้เรียบ“พี่รักเอาคำว่าพ่องมาจากไหน” แสนลักษณ์หันมาดุคเชนทร์ซะงั้น“หืม ก็พูดเอง เด็กพูดไม่ชัด”“พูดไม่ชัด แต่ชัดมาก แกสอนหลานไม่ดีใช่ไหม”“ป่าว ใครจะสอนหลานพูดหยาบ”“แต่สอนให้หลานกวนตีน”“ป่าว สอนเมื่อไหร่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยเลย”“โตขึ้นมาได้นิสัยแกนี่ฉันจะเบิ้ดกะโหลกให้”“ไม่เกี่ยวกะเค้าเลย”“เอ้าๆๆ มาแล้ว เป็นงานเป็นการ สองพ่อลูกเถียงอะไรกันเนี่ย” เกตุวดีแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ คเชนทร์เรียกว่าข้างๆ จนชิดๆ และเบียดโดนขา“โอ๊ย! ป้า! นั่นสะโพกหรือกะละมังเนี่ย กระแทกขาแรงมาก”“ว๊าย! อีเชนทร์”“เ
“ขู่อะไรแบบนี้ แม่เจ้าไม่น่ากลัว แต่พ่อเจ้าน่ะดุ”“ดุไม่สู้พ่อแสนของพี่หรอก”“นี่จะเอาพ่อมาสู้กันเหรอคะ”“หึๆ สักตั้งหนึ่งน่า”“ระหว่างตามหานายตุลย์กับสมุนมาเข้าคุก เจ้าก็เคลียร์กับพ่อตาพี่ละกัน”“ไม่ง่ายเลยค่ะ กลัวพ่อจ้ะ...”“พูดเองว่าไม่ให้พี่กลัว ตัวเองกลัวซะงั้น”“กลัวพ่อไม่ชอบพี่เชนทร์”“ยังไม่เคยเผชิญหน้ากันจะรู้เหรอ อย่าเพิ่งกลัว พี่จะไม่กลัว นอนซะคนเก่งของพี่” สิ้นคำเขาก็กอดเธอเอาไว้และจูบเบาๆ ที่เรือนผม จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก นอกเสียจากฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง ต่างคนต่างบอกไม่ให้กลัว ทว่าเริ่มกลัวแล้วสิน่าพอรุ่งเช้าคเชนทร์ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ ใส่แต่เพียงกางเกงดังเดิม มือหนึ่งคีบบุหรี่พ่นออกมา ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มีการพูดคุยแบบเครียดๆ และพยายามไม่ให้เสียงดัง เพราะเปิดหน้าต่างระเบียงตรงห้องนอน“เรื่องเมื่อคืนเรียบร้อยทุกอย่างครับคุณเชนทร์&rdqu
“ซี๊ดดดด อ่า เจ้าจ๋า พี่จะแตกแล้ว”“เจ้าก็... โอ้ว พี่เชนทร์ แรงๆ อื้อ!” เธอร้องครางออกคล้ายกับใกล้จะถึงจุดหมาย จนเขาเร่งเร้าจังหวะกระแทกสะโพกอย่างหนักหน่วง และจูบแนบแน่นที่ปากอิ่ม“อื้อ” เขาครางในลำคอเมื่อถึงจุดที่เสียวซ่านที่สุด“โอ้ว เมียจ๋า ผัวจะไม่ไหวแล้ว”“เมียก็ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อืม” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละ ร่างกายก็กระตุกเกร็งและยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกอดเขาเอาไว้ ปลดปล่อยความปรารถให้พรั่งพรูออกมา เขาจึงไม่รั้งรอรีบเร่งระรัวอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็คว้าเส้นชัยตามไปติดๆ“อื้อ อ่า อ่า เมียจ๋า เมียพี่... เสียวที่สุดเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า ขณะที่แท่งกายกดจมเข้าไป และพ่นน้ำรักใส่ในร่างกายของเธอจนเอ่อล้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่ามันยังดีดดิ้นอยู่ภายในราวกับพ่นพิษไม่หมด อารมณ์สุขสมล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่เมื่อร่างกายยังไม่เข้าที เขาก็ประทับจูบแนบแน่นดูดดื่มพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ แล้วจึงได้ถอนจูบออก“ดอกฟ้าของไอ้เชนทร์”
“มันทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำต่างหากล่ะ”“จะเอาอะไรคะ” เธอถามอย่างขัดเขิน เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ“เป่ามนต์ให้พี่หนึ่งทีแล้วจะนอน” คำพูดดูเหมือนไม่มีอะไร หากเธอไม่คิดมาก ทว่าเธอโน้มหน้าลงไปเป่าที่ต้นแขนให้“โอมเพี้ยง!” ปากก็เป่าไป สายตาก็ตวัดขึ้นมองเขาและยิ้ม แต่วินาที่เขาจะคลั่งก็ตรงที่แม่คุณค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ กดจูบที่แผงอกเล็กน้อยกระทั่งเข่าชิดติดพื้น เขาก็ได้ยิ้มและหลับตา เมื่อมือนุ่มดึงกางเกงเขาลงช้าๆ จมูกโด่งก็ไต่ลงมาตามหน้าท้องจนถึงขอบบ็อกเซอร์ และชั่วอึดใจมันถูกมือน้อยดึงลงไปพร้อมกับกางเกงเสียเลย แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่มันดีดผึ่งผงาดออกมาล่อสายตาหรอก เธอก้มลงไปเป่าตรงบาดแผลที่ปิดด้วยผ้าก็อตเอาไว้“โอมเพี้ยง!” เธอเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มมุมปาก“เป่าแผลให้เค้าเฉยๆ แล้วจะถอดกางเกงเขาทำไม” เขาถามเสียงนุ่ม ว่ากลับก้มหน้าลงมองเธอราวกับจะกลืนกิน เธอก็สบตาคมกริบก่อนจะเอามือลูบไล้น่องของเขา ขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ใบหน้าเสมอแท่งไอศรี
“เรียกคุณอาขาแล้วจะแตก เซ็กซี่จัง” สิ้นคำเขาก็จูบปิดปากนิ่มเอาไว้แล้วกระแทกสะโพกแรงๆ ระรัวจนเมียเด็กทานทนไม่ไหว ได้แต่ครางในลำคอพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งลำตัว พลางกอดเขาเอาไว้แน่น“อืม” มีแต่เพียงเสียงอื้ออึงที่เปล่งออกมาเพราะถูกปิดปาก พร้อมกับความปรารถนาถูกเปล่งออกมาจนกระทั่งเม็ดสวาทกระตุกตอด“ซี๊ดดดด อาจะแตกแล้วเมียจ๋า” สิ้นคำเขาก็กดสะโพกแนบแน่น กับกลีบนุ่มและปล่อยลาวาอุ่นๆ ทะลักเข้าสู่กายเธอ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ท่อนเนื้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายใน เพื่อปล่อยทุกอย่างให้ออกมาจนสุด ตามด้วยเสียงหายใจหอบทว่ายังคงบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มสิ้นสุดอารมณ์ปรารถนาเหลือไว้แต่เพียงเสียงหายใจหอบ ทว่าร่างกายยังคงสอดประสานไม่ยอมขยับออก จวบจนกระทั่งอารมณ์ล่องลอยและปลดปล่อยจนหมด แล้วร่างกายกลับมาเป็นปกติถึงได้ถอนจูบออก ทว่าทั้งสองดูเหนื่อยหอบราวกับวิ่งทางไกลมาก“เมียจ๋า อายังเสียวอยู่เลย” เขากระซิบเสียงหวานออดอ้อน“อื้อ ให้วีกลับมาเป็นปกติก่อนนะคะ
“อย่าพูดอ้อมค้อม บอกว่าต้องการซิ” เขากระซิบเสียงนุ่มและยิ้ม เธอก็ได้แต่เม้มปากขัดเขินก่อนจะพยักหน้า“ต้องการค่ะ ต้องการผัวแก่ตลอดแหละ”“รู้ไหมว่า... ไอ้คนที่มันตายน่ะมันเรียกอาว่าไอ้แก่ แล้วเมียเรียกแบบนี้”“จะทำอะไรวีเหรอคะ”“จะทำให้ตายคาอกเลย เดี๋ยวเจอฤทธิ์คนแก่” สิ้นคำเขาก็กดจูบที่ปากนุ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ก่อนจะพรมจูบซับพวงแก้ม ซอกคอ และลากไล้เรียวลิ้นอุ่นลงมาตามเนินอก ก่อนจะอ้าปากครอบครองเม็ดถัน และโลมเลียอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างน้อยสั่นสะท้านเสียวซ่านและบิดเกร็ง ได้แต่หายใจหอบพร่า ทั้งเนินอกและหน้าท้องขยับไหว มือน้อยๆ ก็กดศีรษะเขาเบาๆ พลางแอ่นโค้งแผ่นหลังขณะเดียวกันมือหนาก็เอื้อมลงไปสัมผัสกลีบอวบนุ่มผ่านกางเกงชั้นในสีขาวบางจิ๋ว ซึ่งเวลานี้เปียกแฉะไปด้วยน้ำกุหลาบหวาน และกลีบนุ่มนั้นเริ่มบวมเบ่งเพราะความปรารถนา“ซี๊ด อืม” เธอครางอย่างสุดจะกลั้น เมื่อเขาบดขยี้ปลายนิ้วกับเกสรน้อย และเพียงชั่
แสนลักษณ์มองตามสองคน ที่เดินจากไปและยังคงยิ้มอยู่ เคยจินตนาการเอาไว้ ว่าสักวันการเดินกลับบ้านในแต่ละครั้งของคเชนทร์ จะมีใครสักคนได้เดินไปด้วย แต่ละวันที่ผ่านไปคเชนทร์เดินคนเดียวเสมอ ทว่าวันนี้เห็นเขาจูงมือไปกับผู้หญิงที่เขารัก มันช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่ยัง อุปสรรคยังไม่หมดตราบใดที่ยังขึ้นชื่อว่าเด็ดดอกฟ้ามาไว้ริมถนนอยู่“เข้าบ้านเถอะค่ะ อาแสนจะได้ไปอาบน้ำ วีจะไปดูเด็กๆ ด้วย”“จ้ะ” แสนลักษณ์ตอบก่อนจะจูงมือมนัสวีเข้าบ้าน จากนั้นก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย เพื่อแสนลักษณ์อาบน้ำก่อน ขณะที่มนัสวีเข้าไปดูสองแฝดในอีกห้องที่อยู่ติดกันทว่ามีพี่เลี้ยงมานอนเป็นเพื่อน“คุณวี กลับมาเมื่อไหร่คะ”“เมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยววีดูเด็กๆ ต่อ กลับบ้านพักเถอะค่ะ”“ค่ะ” ว่าแล้วพี่เลี้ยงก็งัวเงียตื่น แล้วเก็บของกลับบ้านพัก ดีหน่อยที่มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรมากนัก บ้านพักคนงานก็อยู่ไม่ไกลจึงไม่ได้ห่วง เพราะอยู่ในบริเวณรีสอร์ตนี่แหละ ส่วนมนัสวีก็เพ่งมองลูกน้องฝาแฝดที่หลับปุ๋ยคนละเตียง ยังดีที่เด็กๆ เลี้ยงง่ายไม่งอแง ม
จากนั้นจึงได้กลับบ้าน เจ้านายทั้งหมดนั่งรถตู้ไปด้วยกัน แสนลักษณ์มนัสวีนั่งคู่หน้า คเชนทร์กับจันทรภานั่งข้างหลังมืดๆ พลางจับมือกันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมองที่มือของเธอซึ่งจับประสานกันชนิดที่ไม่อยากปล่อย“กลับบ้านกัน เขต” แสนลักษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“ครับ” เขตแดนรับคำ จากนั้นจึงได้ออกจากลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลเพื่อพาทั้งหมดกลับบ้าน คเชนทร์ได้แต่ถอนใจและมองหน้าคนรัก ก่อนจะยกมือขึ้นพรมจูบเบาๆ พลางเอามือเสยให้เธออย่างอ่อนโยน อีกทั้งสำรวจไปตามใบหน้า“พี่ปล่อยให้คุณหนูเป็นแบบนี้ไปได้ เจ็บไหม หืม” คเชนทร์กระซิบถามเสียงหม่น“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เธอตอบเบาๆ“เข้มแข้งนะเนี่ย แต่หัวใจพี่น่ะ” เขากระซิบพลางเอาหน้าผากแนบกับเธอเอาไว้ เรียกว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่พ่อเลี้ยงนั่งฟังอยู่ด้านหน้าน่ะได้ยินอยู่แล้ว ยิ่งรถเงียบด้วย“หัวใจอยู่ตรงนี้แล้ว” เธอกระซิบตอบกลับพลางประคองใบหน้าเขาเอาไว้“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมกวนๆ ดังขึ้น ทำเอาคเชนทร์ถึงกับเหลือบมองด้วยความหมั่นไส้ งอนอ
“ไม่เป็นไร มันมีหน่วยกล้าตายแทนมาเป็นกำแพง เพื่อมาแลกให้มันรอดไปได้ แต่ฉันไม่ให้ใครมาเป็นหน่วยกล้าตาย ฉันไม่ให้แลก” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ“แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บไหม” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้นอีก เท่านั้นแหละคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ทันที“ก็เค้าไง! กระสุนเฉี่ยวยังไม่พอ ยังโดนมีดบินอีก” คเชนทร์บ่นพลางตวัดหางตาใส่แสนลักษณ์อย่างงอนเง้า“เอ่อ ป๋าตั้งใจเล็งไปหน่อย นิดเดียวน่าไกลหัวใจมาก” แสนลักษณ์เอ่ยแซว เพราะรู้ว่าคเชนทร์ทนได้ไม่เป็นไรมากหรอก“แต่เสียบขา” คเชนทร์ขึ้นเสียงใส่“เล่มเล็กๆ” แสนลักษณ์ตอบและยิ้ม“เล็กแต่ยาวนะพ่อนะ” คเชนทร์ยังเถียงอยู่“ช่วยด้วย พี่ตุลย์ช่วยด้วย” ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเถียงกันอยู่นั้น เสียงของน้ำอิงก็ดังขึ้น จันทรภาจึงเดินเข้าไปก่อน และทุกคนก็ได้ตามเข้าไป เห็นแต่ท่าทางอ่อนเพลียศีรษะมีเลือดไหลนอง และมองมาที่จันทรภา“อีเจ้า” น้ำอิงเรียกจิกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย จะตายอยู่แล้วแต่เรียกเพื่อนได้จิกมาก จันทรภาไ