ผ่านไปประมาณห้านาที เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ด้านหลัง กระทั่งมีเสียงเอ่ยขึ้น“คุณ เอ่อ” น้ำเสียงประหม่าของเธอทำให้เขาหันขวับกลับไปมอง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อขอบผ้าถุงด้านบนถูกมันเอาไว้ด้วยเส้นยางเป็นจุกเชียว“พระคุณ เอ่อ ฮ่าๆๆ” คเชนทร์ได้แต่หัวเราะลั่น“นี่คุณ อย่าหัวเราะสิ ลืมไปว่า... ใส่ไม่เป็น”“แล้วอยากได้ผ้าถุงเนี่ยนะ แถมยังรู้จักด้วย”“พยายามแล้วมันหลุด มันแบบว่า มันไม่อยู่อ่ะ ร่วงตลอด”“ผมเห็นตอนเช้าที่ลงไปดำน้ำน่ะ มันก็ไม่ได้เล็กนะ ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ” เขาพูดจายียวนใส่เธอ“ว๊ายนี่ เพียะ!” ด้วยความขัดเขินเธอก็ฟาดที่แขนของเขาแรงๆ“โอ๊ย! ตีอีกแล้ว วันนี้หลายรอบแล้วนะ”“มาสอนเลย พูดมาก”“ใส่แบบนี้ก็ดีนะคุณ น่ารักดี”“ไม่เอา” เธอทำท่างอแง
“ก็... ไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อยค่ะ”“มันเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเที่ยวแบบนี้แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”“เจ้าเป็นคนที่ชอบลอง ชอบเรียนรู้ แต่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสนั้นค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ทำ พาไปแต่ที่หรู”“ถึงว่า พอหลุดออกจากกรอบได้ อย่างกับปล่อยปลาไหลลงตม”“หมายถึงยังไงคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเชียว“ก็แบบนึกถึงปลาไหลสิ ดิ้นลงน้ำร่าเริงเชียว” พูดไม่พอ เขาทำท่าดุ๊กดิ้กอย่างกับปลาไหลอีกต่างหาก“หืม” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงวิดน้ำใส่เขา“โอ๊ย! หืม เข้าตา” เขาก็ร้องบ้างเมื่อน้ำเข้าตา“อุ้ย! แสบตาไหมคะ” เธออุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินมาหาเขาตรงขอบตลิ่ง เขาก็เอามือเช็ดๆ ที่ตาตัวเอง เพื่อที่จะได้มองเธอให้ชัดขึ้น และยังไม่ทันได้พูดเขาก็วิดน้ำใส่เธอเสียเลย“นี่! นี่ นี่” เขาวิดน้ำใส่เธอไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแ
“เอ่อ พี่... แปบเดียวนะ แล้วเดี๋ยวออกมาครับ”“ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงรีบปลีกตัวกลับเข้าห้องตัวเอง เพื่อจะได้แต่งตัวเสียใหม่ ใช้เวลาเร็วกว่าเธอมากพอสมควร เพราะผู้ชายไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก ทว่าระหว่างที่คเชนทร์ยังอยู่ในห้อง จันทรภาก็นั่งตรงโซฟา แต่เธอไม่ได้มองออกไปยังระเบียง หากแต่ถือโทรศัพท์เอาไว้และมองมัน พร้อมกับมือที่สั่นเทาและตัดสินใจลองเปิดเครื่อง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจสายที่ไม่ได้รับ ทว่ากลับเปิดคลิปนั้นดูอีกรอบต่างหาก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ เพ่งมองในสิ่งที่อยู่ในคลิปนั้น ใช่... มันทำให้เธอมีน้ำตา แต่มากไปกว่านั้นคือความเกลียด โกรธนึกสาปแช่งทั้งคู่ให้พังพินาศ อย่าลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เธอคิดอย่างโกรธแค้น พร้อมกับถามใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วรักตุลยเทพมากน้อยแค่ไหนถึงได้ยอมแต่งงาน และมองไม่เห็นความเลวร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ มองไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทว่าตอนนี้มันไม่ควรมีความรักอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความเกลียดชัง รอเถอ
“บ้า คิดอะไรเกินเลยไอ้เชนทร์ แฟนคนอื่น” เขาเตือนตัวเองก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็กล่อมตัวเองให้หลับไปส่วนจันทรภาก็ยึดที่นอนนุ่มๆ ของคเชนทร์ เป็นของตัวเองไป เธอปิดไฟในห้องเรียบร้อยเหลือไว้หัวเตียง น่าแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกแปลกที่แปลกทางอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรที่หลายอารมณ์และพิเศษอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดกับความเสียใจนั้นแล้ว หากแต่เหลือไว้เพียงความเกลียดชังที่อยากจะแก้แค้นเท่านั้นคเชนทร์คนนี้ช่างสุภาพ บางทีก็มีอารมณ์อ่อนโยน ปลอบใจ แต่อีกอารมณ์คือยียวนกวน ตลกขบขัน และสร้างแต่เสียงหัวเราะ จนเธอไว้ใจ และนึกขอบคุณแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันแท้ๆ คิดถึงสีหน้าแววตาของเขาแล้วเธอก็เผลอยิ้ม พอได้สติก็ต้องสลัดอารมณ์หวั่นไหวออกไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงข่มตาให้หลับพอเช้าวันต่อมา ภายในห้องนั่งเล่น ตรงโซฟาเบด คเชนทร์ที่นอนหลับอุตุก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง จนทำให้เขารู้สึกตัวตื่น บิดขี้เกียจและพยุงตัวลุก สิ่งแรกที่เขาจะมองคือเบื้องหน้า ตรงระเบียงซึ่งอยู่ปลายเท้า ผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้ แต่ไม่ได้เปิดกร
“คนรวยชอบแต่งเพื่อธุรกิจก็มี”“เจ้าสาวเป็นคนมีฐานะในระดับที่เรียกว่ามหาเศรษฐีครับ มีมูลค่าทรัพย์สินหมื่นล้าน มากกว่าฝ่ายเจ้าบ่าว”“อันนี้ก็รู้อีกเหรอเนี่ย น่าขึ้นเงินเดือนให้”“แหม ค้นหาชื่อนามสกุลน่ะครับ”“เยี่ยมมาก ไอ้หมอนี่ยังอยู่ในเชียงใหม่หรือเปล่า”“อยู่ครับ ผมให้คนสะกดรอยตาม คิดว่ามันจะยังไม่ไปไหนหรอก รอตามหาเจ้าสาวอยู่”“แล้ว... พ่อแม่ของเจ้าสาวล่ะ”“เฮ้อ เห็นว่าไปเช่าคอนโดฯ อยู่ชั่วคราว เพื่อจะได้หาทางติดต่อลูกสาวให้ได้”“รู้ใช่ไหมว่าที่ไหนบ้าง”“รู้ครับ ว่าแต่... จะมีใครรู้ไหมนะว่าเจ้าสาวอยู่ที่ไหน” เปรมณัฐเอ่ยพลางหรี่ตามองเจ้านาย และยิ้มนิดๆ“ถ้าไม่ปากโป้ง จะรู้ได้ยังไง ปล่อยให้เธออยู่อย่างอิสระไปก่อน”“เชื่อผม ว่าตุลยเทพคนนี้ ไม่น่าจ
“แกก็เห็นอยู่ เรามีเงิน มีอิทธิพล นักการเมืองหรือข้าราชการยังต้องยอม”“ธุรกิจ ทำอสังหาริมทรัพย์ นี่มันยุคที่ผันผวน ถ้าประคองไม่ได้ก็พัง ยิ่งถ้าทำบ้านจัดสรร มีสิทธิ์เป็นหนี้หัวโต ใครจะเสียสละเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ในยุคนี้มีแต่จะเซฟ นักการเมืองก็ต้องการนักธุรกิจระดับเจ้าสัวเพื่อหนุนหลัง”“ลูกชายฉันฉลาด” พ่อเลี้ยงเอ่ยปากแซวพลางเหลือบมองคเชนทร์“พ่อสอนมาดี พ่อทำให้เห็น” ต่างฝ่ายต่างชมกันไปมาสิน่า“หึๆ ชมเหรอเนี่ย แต่ก็วิเคราะห์เก่ง แล้วเจ้าเปรมว่ายังไง สืบได้ความไหม”“รู้ได้ยังไงครับว่าให้เจ้าเปรมสืบ”“คนอย่างแก จะเหลือเหรอที่จะไม่สืบ”“ก็ให้เจ้าเปรม บอกนักสืบให้จัดการอีกทีครับ ทั้งสองฝ่าย ผมอยากรู้อะ ขี้เสือกเหมือนกัน”“หึๆ นั่นสิ ทำไมแกถึงต้องสืบนะ รู้ตัวไหมเนี่ย”“เอ่อ คือ ผม... ไม่รู้สิฮะ ทำไมผมต้องสืบวะ”&n
“ลูกหน่อลูก ทำไมทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อแม่” ท่านกล่าวตำหนิ แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเธอจับใจ“เจ้าขอโทษค่ะ บอกคุณแม่ด้วย เจ้ารู้ว่าตัวเองผิด”“ลูก บอกพ่อซิ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนีไปแบบนี้ บอกกันหน่อยสิลูก”“คุณพ่อ ฟังเจ้านะคะ คือ... คืนนั้นเจ้าไปตามพี่ตุลย์ที่ห้อง แอบเห็นพี่ตุลย์กับยัยอิง...”“อย่า อย่าบอกนะ...” ท่านกำลังคิดแบบนั้นแหละ คิดในแง่ร้าย“คุณพ่อเดาได้ใช่ไหม เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าว ยัยอิงอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาว เขากำลังมีอะไรกันค่ะคุณพ่อ”“ไม่... ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย” ฝ่ายบิดาแทบเสียงสั่น มือกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยความตกใจ และช็อกเมื่อได้ยิน“จริง เจ้ามีคลิป มีหลักฐาน เขารู้ตัวพอดี เจ้าเลยรีบหนี พ่อเข้าใจเจ้าไหม”“ทำไมมันชั่วแบบนี้ ทำไมมันทำแบบนี้กับลูกพ่อ มันทำกันมานานแค่ไหนแล้ว”“เจ้าก็ไม่รู้ค่ะ แต่เหมือนจะไม่ใช่
“ซื้ออาหารมาไว้ทำมื้อเย็นน่ะ”“มาเจ้าขาช่วย” ขันอาสาดีเหลือเกินนะเธอเนี่ย เขาคิด แต่ก็ยอมให้เธอถือเข้าบ้านโดยดี“แล้วทำไมพี่เชนทร์มาช้าล่ะคะ” เธอถามอย่างกับเป็นแฟนเขา เขาคิด“อยู่เช็นงานหลายอย่างน่ะก็เลยมาช้า คิดถึงล่ะสิ” เขาลองแกล้งแหย่“อุ้ย! ใครคิดถึง บ้าเหรอคะ” เธอปฏิเสธทันควันพร้อมกับตาเลิ่กลั่ก นั่นสินะ ทำไมเธอต้องรอและต้องดีใจด้วยนะเนี่ย บ้าจริง คิดแล้วก็รีบเดินเข้าครัวเพื่อเอาอาหารที่เขาซื้อไปเก็บ จังหวะเดียวกันนั้นคเชนทร์ก็มองไปรอบๆ บ้าน ดูว่าเธอจะทำตามที่เขาบอกเอาไว้ก่อนไปทำงานหรือเปล่าใช่เขาเห็นอะไรผิดปกติ นั่นคือถังไม้ม๊อฟยังไม่เก็บ เห็นแล้วเขาก็ต้องถอนใจ แต่เอาน่าไม่เป็นไรหรอก แรกๆ ก็จะลืมแบบนี้แหละ ดีแล้วที่เธอยังยอมทำ“ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยแหละน่า” เขาเอ่ยลอยๆ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกแล้ววางพาดเอาไว้บนโซฟา ขณะที่เธออกมาพอดี“เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไหมคะ” ออกมาปุ๊บ
ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้ร้ายและฝั่งคเชนทร์ ต่างต้องวางแผน ตุลยเทพให้คนสืบเพิ่มเติม ว่าผู้ชายที่ชื่อคเชนทร์คนนั้นเป็นใคร โดยส่งคนเข้าไปสืบรีสอร์ตและต้องเนียนยิ่งกว่าเดิม เพราะแค่สืบประวัติเท่านั้น แล้วให้รีบออกมาไม่งั้นจะถูกจับได้ เรียกได้ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง“ได้ข้อมูลมาแล้วครับนาย แม้จะไม่ลึกอะไรมากแต่ก็รู้” ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับกระซิบ ระหว่างที่ตุลยเทพอยู่ที่อีกหนึ่งไม่ได้อยู่จุดเดียวกับจันทรภา“ว่าไง” ตุลยเทพเอ่ยขึ้น“มันชื่อคเชนทร์ครับ เจ้านายมันเป็นเจ้าของรีสอร์ตนั่นแหละ”“หึๆ ใฝ่ต่ำจริงๆ เลยนะแฟนเก่าฉันเนี่ย จะพากันกัดก้อนเกลือล่ะสิท่าแล้วไงอีก”“มันเป็นหัวหน้าที่ดูแลงานแทนเจ้านาย และมันทำงานที่โรงแรมด้วยครับ”“แล้วไงอีก ฉันต้องกลัวมันไหม”“เป็นขี้ข้าดีๆ นี่เองพี่ตุลย์จะกลัวมันทำไม” น้ำอิงแทรกขึ้น“เป็นขี้ข้าแต่เป็นนักเลงครับ”“แล้วคนในนั้นบอกอะไรแกอีกไหม”&nb
“ใจเย็นน้องวี เจ้าขายังปลอดภัยแต่ไม่รู้ปลอดภัยแบบไหนเหมือนกัน เป็นห่วงกันอยู่เนี่ย นายนั่นโทรมาหาเชนทร์เรียกค่าหัวเจ้าขา”“แสดงว่าลักพาตัวไปเรียกค่าโถ่”“แน่นอน แต่ค่าความโกรธแค้นมากกว่านะอาว่า”“ตอนนี้คุณเชนทร์ล่ะคะ วางแผนยังไง”“มันจะติดต่อมาพรุ่งนี้ วันนี้อาเลยให้เจ้าเชนทร์ไปติดต่อกับเครือข่ายของเรา เพื่อช่วยดูตามสถานที่ร้างๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”“โอ้ย! วี เป็นห่วงจังเลย”“อาก็ห่วง จะไม่บอกวีก็ไม่ได้เจ้าขาเป็นคนในครอบครัวเรา”“แล้วค่าหัวเท่าไหร่คะ มันถึงจะปล่อยน่ะ”“ก็ร้อยล้านมันมุ่งมาที่เจ้าเชนทร์ คงจะโกรธแค้นมากที่เจ้าเชนทร์มาแย่งเจ้าขาไป จริงๆ มันก็โกรธทุกเรื่อง โทษทุกเรื่องนั่นแหละ”“ตัวเองต่างหากที่ชั่วมั่วไปหมด”“ใครเลยจะเห็นความผิดของตัวเอง ความผิดของคนอื่นใหญ่ภูเขาทั้งนั้นแหละ จริงไหม” “แล้วอาแสนอยากได้คำปรึกษาอะไรจากวีคะ
แสนลักษณ์รู้ว่าคเชนทร์เก่งและมีสติมากพอ การนำตัวจันทรภากลับมาโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยก็ไม่ยากเพียงแต่มันต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงของจันทรภาเอง เพราะเธออยู่กับอดีตคนรัก ผู้ชายคนนั้นอ่อนหัดก็จริง แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะเชื้อไฟแห่งความแค้น“เขต ตามข่าวนายตุลาทีนะ อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”“ครับพ่อ” เขตแดนตอบเสียงเรียบ จากนั้นแสนลักษณ์จึงได้ถอนหายใจก่อนจะลุกเดินไปยังผนังกระจก มองออกไปยังหน้าโรงแรมอย่างไร้จุดหมาย เขตแดนจึงได้เดินตาม“พี่เชนทร์เอาอยู่นะครับผมว่า”“ข้อนี้ฉันรู้ และเชื่อใจ แค่ไม่อยากให้ใครเป็นอะไรเท่านั้นเอง นี่มันเกิดจากโทสะล้วนๆ” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ เหมือนจะไม่ซีเรียสหรอกแต่ดูเป็นทางการมากกว่า“ใช่โทสะล้วนๆ แต่คนบ้านนี้คงมองว่าคนอื่นผิดเสมอ ไม่มองว่าตัวเองผิด คนอื่นชั่วหมดขอแค่ตัวเองเสียผลประโยชน์”“ก็ใช่ ไม่งั้นคงไม่แค้นเจ้าขาหรอก มันยังไม่สำนึกเลยว่าทำอะไรลงไป ตามที่เจ้าเชนทร์บอกคนพวกนี้คืออยากได้เงิน หิวเงิน ถึงได้หลอกล่อเจ้าสัวจนได
“นอนอยู่ที่โกดังแห่งนี้สักคืนนะที่รัก ดูซิว่าไอ้ขี้ข้าแฟนเรา จะมีปัญญาไหม มันบอกว่ามันไม่มีเงินด้วยนี่นะ” ตุลยเทพบอกอย่างยิ้มแย้มทั้งที่โมโห ทว่าจันทรภาคงไม่ตอบโต้อะไรแล้ว ขอนั่งนิ่งๆ จะดีกว่าอย่างน้อยก็ลดแรงปะทะ“มันไม่มีเงินเหรอพี่ตุลย์ แล้วเราจะทำยังไง” น้ำอิงแทรกขึ้น“มันหาทางได้แน่ เพราะถ้าไม่ได้เงินมากองตรงหน้า ก้มกราบพี่อีกที ผู้หญิงคนนี้มันจะเป็นแค่ศพกลับไป ไม่ได้ขู่” ตุลยเทพบอกพลางมองหน้าจันทรภาอีกครั้ง ซึ่งเธอได้แต่มองไปเบื้องหน้าสีหน้าเรียบเฉย“เย็นๆ จะเอาอาหารมาให้นะจ๊ะ เจ้าขา ตอนนี้ก็รอฟัง” สิ้นคำตุลยเทพก็เดินออกไปจากโกดังที่เก็บตัวจันทรภา แล้วให้ลูกน้องมาเฝ้าหนึ่งคน และเขาก็จะได้ออกไปวางแผนอีกหนึ่งสเตป เพื่อเตรียมรับมือกับผู้ชายคนนั้น คิดว่ามันเป็นนักเลงแน่ๆ ถึงไม่เกรงกลัวอะไร และไม่ตกใจด้วยส่วนคเชนทร์ เมื่อวางสายแล้ว เขานั่งนิ่งปรับอารมณ์ให้เย็นลง มีสติให้มากที่สุด เพื่อจะได้คิดหาแผนการที่จะนำตัวจันทรภาออกมาโดยไม่ต้องเสียอะไร“มีแต่ไม่ให้โว้ย คิดว่าฉันจะเอาเงินไปให้แกง่ายๆ เหรอ หมด
“พูดสิ! ฉันบอกให้พูด” ปลายสายบังคับอีกคนให้พูดออกมา ซึ่งคเชนทร์ได้ยินเสียงเล็ดลอด แต่ไม่ดังนัก“อยากได้เงินก็พูดเองสิ” จันทรภาว่า“เจ้า นั่นเสียงเจ้าหรือเปล่า” คเชนทร์เรียกผ่านโทรศัพท์ออกไปด้วยความตกใจ เพราะเธอต้องถูกนำตัวไปแล้วแน่ๆ เผลอเป็นไม่ได้เชียว คงซุ่มอยู่สินะ เขาคิดด้วยความเจ็บใจ“หึยยย ไง ผัวใหม่ของเมียฉัน” ประโยคของตุลยเทพที่เอ่ยออกก็ทำให้คเชนทร์กัดฟันแน่น เหมือนจะรู้ได้ทันที“เมียฉันไม่เคยมีผัว” คเชนทร์ตอบกลับเสียงเรียบทันที พร้อมกับปรับอารมณ์ให้มีสติมากขึ้น“หึๆ รับช่วงต่อจากฉันเนี่ย อร่อยไหมไอ้ลูกกระจ๊อก” ด่าลูกกระจ๊อกเนี่ยน่าถีบจริงๆ แต่ก็ยอมรับก็ได้วะ คเชนทร์คิด“อื้อ! รู้จักกันเหรอเราน่ะ แต่ก็... ยอมรับได้ เป็นมาหมด เป็นจิ๊กโก๋ เป็นขี้ยา เป็นขี้ข้า เป็นลูกกระจ๊อก ก่อนจะมาเป็นผัวเจ้าขา” น้ำเสียงของคเชนทร์ยังคงชิวมาก มากจนอีกฝายหมั่นไส้“ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าขาจะเลือกสวะชั้นต่ำแบบนี้มาเป็นผัว”“แหม ไอ้ปลิงทะเล มึง
“เก่งนะเนี่ย ได้ใครหนุนหลังอ่ะเรา ถึงได้กล้าปากดีขนาดนี้” ตุลยเทพถามเสียงดุเข้ม“แล้วพี่ตุลย์ล่ะได้ใครหนุนหลังคะ ได้ข่าวว่าคุณอาตุลาเป็นผักไปแล้วนี่” จันทรภาเยาะเย้ยกลับไป เท่านั้นแหละน้ำอิงที่รอระเบิดอารมณ์ก็เหวี่ยงมือฟาดที่แก้มของจันทรภาทันทีเพียะ! แรงปะทะทำให้จันทรภาหน้าสะบัด ทว่าเธอก็ทนกัดและหันไปกลับพร้อมกับเลือดไหลซิบตรงมุมปาก“ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ยัยคุณหนูไฮโซ ฉันเกลียดแกรู้ไหม” น้ำอิงว่าด้วยน้ำเสียงเดือดดาล“เหรอเพื่อน ฉันนี่โง่เนอะ นึกว่าจะมีเพื่อนจริงๆ กับเขา สุดท้ายไม่มี นี่ตอแหลอยากเป็นเพื่อนกันมานานเหรอเนี่ยเพิ่งรู้ อ่อ ไม่ใช่สิ ตอแหลอยากได้พี่ตุลย์ก็ไม่บอก แต่พี่ตุลย์ไม่เอาเธอเป็นเมียแต่ง เพราะมีแต่ตัวใช่ไหม”จันทรภาด่าด้วยน้ำเสียงเรียบ เยาะหยัน ทั้งที่ในใจเจ็บแค้น อยากจะระเบิดออกมาเหมือนกัน แต่คเชนทร์และพ่อเลี้ยงสอนให้มีสติ“อีนังเจ้า” สิ้นคำน้ำอิงก็ตบไปที่หน้าของจันทรภาอีกทีเพียะ! จันทรภาหน้าสะบัด เจ็บและปากแตก ก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้ำอิงอีกครั้ง
ด้วยความขัดเขิน ก็ทำให้จันทรภาเดินเล่นมาเรื่อยเปื่อย ชมสวนดอกไม้มาจนถึงหน้ารีสอร์ต ความสวยงามทำให้เธอ ลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้บ้าง อย่างน้อยชั่วขณะก็ยังดี ซึ่งการเดินเล่นนั้นลูกน้องของคเชนทร์ไม่ได้ตามทุกฝีก้าวเป็นเงาตามตัวอยู่แล้วปล่อยให้เธอเป็นอิสระในบางช่วง เพราะทั้งรีสอร์ต รวมไปจนถึงด้านหน้านั้น คนงานพลุกพล่านอยู่แล้ว ว่าแล้วก็เผลอเดินมาจนถึงนอกรั้ว ซึ่งคนงานกำลังถางหญ้าเป็นปกติ เพราะทางเข้าเว้นไปสามสี่วันก็มีหญ้าขึ้นรกแล้ว พอตัดก็ต้องเผาเป็นเรื่องปกติ คนงานก็ไม่ได้หันมาสนใจหรอก ว่ามีใครเดินผ่านไปมาหรือไม่ เพราะเอาแต่ก้มหน้าทำงาน คิดแต่เพียงว่าเป็นแขกของรีสอร์ต หรือนักท่องเที่ยวเท่านั้น“ไม่เคยออกมาด้านหน้าเลย” เธอเอ่ยลอยๆ พร้อมกับมองไปรอบๆ ช่างสวยงาม“รีสอร์ตอาแสนเนี่ย เหมาะกับคนที่อยากจะหนีจากความเมือง แล้วเข้าสู่ธรรมชาติจริงๆ ถึงว่า ไม่ยอมมีบ้านในตัวเมือง แต่กลับมีบ้านที่นี่ทั้งอาแสนแล้วก็พี่เชนทร์”“แล้วคุณล่ะ อยากอยู่ที่นี่ไหม” เสียงชายคนหนึ่ง ดังขึ้นจา
“หึๆ” เขาหัวเราะ ก่อนจะเดินไปที่รถ แล้วเปิดเอาอะไรบางอย่างออกมาพร้อมกับมือเธอเอาไว้ นำอาวุธประจำตัวของเขาวางไว้บนมือเธอ“เอ่อ พี่เชนทร์ ทำไมคะ” เธอถามด้วยความแปลกใจ“พี่ห่วง เอาไว้ป้องกันตัว เวลาที่ไม่มีใครอยู่ด้วย ใช้เป็นนี่ อย่าคิดว่าไม่รู้ว่า...” แหม เขานี่ก็รู้ดีเหลือเกิน เธอคิดอย่างขัดเขิน“คือ ก็ เป็นนิดหน่อย”“จ้ะ เป็นนิดหน่อย บีบีกันอ่ะนะ อยากเห็นตอนใช้จริงจะอึ้งแค่ไหนนะ”“หึๆ แหมพี่เชนทร์ละก็... ขอบคุณนะคะ” เธอรับเอาไว้“แล้วพี่เชนทร์ล่ะ ใช้อะไรคะ”“ระดับนี้ไม่ต้องพึ่งของพวกนี้หรอก มือเปล่าก็ไหวน่า”“ขี้โม้จริงๆ เจอกันตอนเย็นนะคะ”“จ้ะ เอ่อ อยากจูบแต่... เกรงใจพ่อนั่งรอตาเขียวปั๊ดแล้ว” เขาว่าก่อนจะเหลือบมองพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ที่นั่งอยู่บนรถ และรอเคลื่อนออกไปพร้อมกัน“ค่ะ ไปเถอะ” สิ้นคำของเธอ เขาก็เอามือแตะที่แก้มนุ่มเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถ เรียกว่าอ้อยอิ่งเหลือเกินจนพ่อเลี
“ไม่เป็นไรจ๊ะ เราตื่นสายด้วยกันทั้งคู่ พี่จะพาไปบ้านพ่อเลี้ยง มีอะไรคุยกับพ่อเลี้ยงก่อนไปโรงแรมน่ะ อยากให้เจ้าอยู่ด้วย”“ก็ได้ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงจูงมือออกไป พร้อมกับปิดประตูตรงระเบียงให้เรียบร้อย แล้วพาออกไปจากบ้าน และปิดเอาไว้ให้เรียบร้อยเช่นกัน จากนั้นจึงได้พาเธอนั่งรถไป เพราะเขาจะได้เลยไปทำงานด้วย เพียงแปบเดียวก็ถึงบ้านพ่อเลี้ยงซึ่งช่วงเวลาเดียวกันนี้ รถของผู้ติดตามรวมถึงคนสนิทก็มาจอดเต็มหน้าบ้านไปหมด ราวกับรู้เป็นนัยๆ เหมือนที่คเชนทร์จะมานั่นแหละ“ทำไมวันนี้รถเยอะกว่าปกติคะเนี่ย”“เวลางานด่วน งานสำคัญ รถจะเยอะแบบนี้แหละ” คเชนทร์บอก ก่อนจะพาเธอเดินเข้าบ้าน ทว่าเขตแดนเดินออกมารับ“มาพอดีเลยครับ พ่อจะคุยด้วยเรื่องเมื่อคืน”“พี่ก็มาเรื่องนี้แหละ นายบอกพ่อเหรอ”“ไม่บอกพ่อก็รู้ไหม เมื่อคืนพี่เชนทร์ทำอะไรไป รู้กันไปทั่วนั่นแหละ”“เอ่อน่า ห้องทำงานใช่ไหม”“ใช่ครับ”“งั้