จากนั้นคเชนทร์จึงบอกแหล่งที่จะไปซื้อ แสนลักษณ์ก็สั่งคนขับรถพาไปยังแหล่งนั้นทันที และติดต่อซื้อยามาให้คเชนทร์ เมื่อคเชนทร์ได้รับไปราวกับได้ขึ้นสวรรค์ “มึงยังมีความผิดอยู่นะไอ้หนู” แสนลักษณ์บอก ขณะที่นั่งรถออกจากแหล่งนั้นอีกครั้ง คเชนทร์จึงได้ยกมือไหว้แสนลักษณ์อย่างขอบคุณ พร้อมกับมีน้ำตา การแสดงออกเช่นนี้ ทำให้แสนลักษณ์สังเกตว่าคเชนทร์ไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน ยังมีความนอบน้อม หวาดกลัว “เอาผมไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้ แต่ผมไม่อยากติดคุก ไม่อยากกลับไปบ้านเด็กกำพร้าแล้ว ผมอยากเป็นอิสระ ก็เลยหนีออกมา” “ทำไมถึงไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” “ผมก็ไม่รู้ จำความได้ก็อยู่ที่นั่น” “อายุสิบห้าไม่ได้เรียนหนังสือเหรอ หืม” “เรียนครับ แต่ตามเพื่อนออกมา ก็เลยไม่ได้เรียนต่อ” “ออกมาแล้วใช่ว่าจะทำสิ่งดีๆ มึงมาติดยาแล้ววิ่งราวเนี่ยนะ” “เพื่อนมันพาไปครับ พอติดแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีเงินก็เลย” “ทำยังไงถึงจะไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “ผมไม่รู้ครับ” ฟังคำพูดคำจาและการตอบโต้ ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้จักความเลย ทว่ารู้จักพูดครับเสียด้วยซ้ำ แสดงว่าตอนที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าก็คงจะได้รับการอบรมอยู่หรอก แต่พอออกมาสู่โลกภายนอกแล้
“เจอกันครั้งเดียวพี่ก็ให้ผมขนาดนี้” คเชนทร์เอ่ยลอยๆ พลางก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาหยดแหมะ“ผมจะต้องตามหาพี่ให้เจอให้ได้” เขาบอกอย่างมาดมั่นเมื่อคเชนทร์ออกจากศูนย์บำบัด เขาก็เคว้งคว้างไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กับเงินหนึ่งก้อนหากกลับไปเรียน ก็ต้องกลับไปที่บ้านเด็กกำพร้าอีก เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนอย่างที่พี่คนนั้นบอก แต่อยากเจอพี่อีกสักครั้ง ทางเดียวที่จะได้เจอคือกลับไปที่เดิม ต้องมีวันใดวันหนึ่งที่พี่คนนั้นไปซื้อของทำบุญแหละน่าว่าแล้วคเชนทร์ก็แอบไปเฝ้าที่ตลาดทุกวัน เฝ้ามองว่าจะมีรถเก๋งสีขาวมาจอดหรือไม่ แต่ก็ไม่เจอ มาคิดได้ว่าพี่ต้องมาวันพระหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็แต่งตัวหล่อเลย ใส่เสื้อที่พี่ซื้อให้นั่นแหละจะได้จำได้ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นโผล่มาจน กระทั่งหมดกำลังใจ คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว คงไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพี่คนนั้นแล้ว คเชนทร์คิด ก่อนจะเดินคอตกและกำลังจะออกไปจากตลาด ก็ได้ยินเสียงหนึ่งพอดี“ดอกบัวสองมัดครับ” เสียงคุ้นหู ทำให้คเชนทร์หันกลับไปมองและแทบยิ้มออกมาด้วยความดีใจ“พี่แสน! พี่แสนจริงๆ ด้วย” ว่าแล้วเขาก็วิ่งเข้าไปหาทันที พร้อมกับหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้
“อุ้ย! โทษทีค่ะ” จันทรภาอุทานพลางหยุดกึกและเงยหน้าขึ้น ส่วนหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ้มบางๆ “ขอโทษค่ะ” จันทรภายกมือไหว้พร้อมกับถอยออกมาให้ห่าง เพราะดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้ามีบุคลิกที่น่าเกรงขามพอสมควร“ไม่เป็นไรจ้ะ เป็นเพื่อนคเชนทร์เหรอ” หญิงสาวรุ่นพี่ถาม“เอ่อ ค่ะ เป็น เป็นเพื่อนก็ได้” เธอตอบแบบอึกอัก “หึๆ พี่ชื่อเกตุจ้ะ เป็นผู้ช่วยพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ทำงานประจำรีสอร์ตจ้ะ”“อุ้ย! สวัสดีค่ะ ชื่อเจ้าขาค่ะ” จันทรภายกมือไหว้เกตุวดีอีกรอบ“ชื่อน่ารักเชียว ไม่ต้องไหว้แล้ว สองรอบแล้วเนี่ย แล้วนี่เชนทร์ไปไหน เห็นบอกว่าไม่ไปทำงาน” “อยู่ในบ้านค่ะ เจ้าก็เลยออกมาเดินเล่น เขาดูหงุดหงิดแปลกๆ” “หึๆ คนทำงานหลายอย่างก็งี้แหละ มีเรื่องให้คิดจุกจิกไปหมด ว่าแต่ใช่เราหรือเปล่าที่มากับเชนทร์เมื่อคืนน่ะ” “เอ่อ ทะ ทะ ทำไมรู้คะ หรือว่าทุกคนรู้หมดแล้ว” จันทรภาอึกอักไปทันที เพราะไม่รู้ว่าคนจะมองเช่นไร “พี่ก็ต้องรู้เป็นธรรมดาแหละ ไปเดินเล่นกันไหม” แน่นอนการชวนเดินเล่นจะได้รู้ประวัติของสาวสวยคนนี้ “ค่ะ” จันทรภาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเกร็งชอบกล ว่าแล้วเกตุวดีก็พาเดินเล่นริมลำธารแถวๆ บ้านของคเชนทร์นั่นแหละ แต่ห่า
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ที่โรงแรมเหมราชมนตรา ณ ห้องจัดเลี้ยง เริ่มมีการเก็บทุกอย่างภายในห้องจัดเลี้ยงออกไป ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าของงานก็ต้องมาจ่ายทุกอย่างที่เสียไป ทว่าสิ่งที่ได้มาคือเมียอีกคนที่ไม่ใช่จันทรภา คราวนี้ได้แซ่บโดยไม่ต้องกังวลว่าจันทรภาจะจับได้แล้ว แต่ตุลยเทพก็ยังอยากได้จันทรภามาเป็นเมียเอกเพื่อมาประคองชีวิต เขาอยากได้เธอรวมถึงอยากได้อย่างอื่นที่เธอมีด้วย“เฮ้อ” ตุลยเทพถอนหายใจอย่างเครียดๆ ก่อนจะลุกจากเตียง แล้วควานหาผ้าเช็ดตัวมาสวมใส่ จากนั้นจึงหันไปมองคนบนเตียงที่ยังคงนอนหลับ เนื้อตัวเปลือยเปล่าไม่สวมเสื้อผ้า ใช่ เขาละเลงเพลงรักกับน้ำอิงอย่างเมามัน ทว่าก็ต้องหลบซ่อนอยู่ดี เพราะจะให้ผู้ใหญ่รู้ความสัมพันธ์ฉันชู้ไม่ได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างจะชวดหมดก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำเอาเขาตกใจ ก่อนจะหันไปมองคนบนเตียงอีกรอบ แล้วรีบใส่เสื้อคลุมทับอีกชั้น เพื่อจะได้ออกจากห้องนอน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น และเปิดประตู เพราะห้องนี้เป็นห้องทะลุนั่นเอง เขาส่องตาแมวก่อนที่จะเปิด “คุณแม่ คุณพ่อ” เขาเปิดออกพร้อมกับเอ่ยเรียกท่านทั้งสองด้วยน้ำเสียงหม่นๆ และเครียด“พ่อกับแม่เข้าไปหน่อยได้ไหม” ต
“พ่อ! พ่อกวนตีนมากครับ แค่นี้แหละผมแต่งตัวแปบ” “มึงจะใส่เสื้อขาดมึงมาก็ได้นะเชนทร์ พ่อชอบ”“คร้าบบบบ แค่นี้แหละ เดี๋ยวรีบไป” พูดจบคเชนทร์ก็รีบวางสายจากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ทันที และไม่ได้แต่งตัวอะไรหรอก หน้าหล่อก็พอการแต่งตัวก็ช่างมัน แต่ก่อนจะไปเขาก็ตามหาจันทรภาเสียก่อน ด้วยการขับรถตามหา ก็เห็นเธอยังอยู่กับเกตุวดีอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงขับรถเข้าไปใกล้ๆ “เอ่อ คุณ อยู่กับพี่เกตุก่อนนะ เดี๋ยวผมมาจะเข้าเมืองไปดูงานน่ะ” คเชนทร์บอก ทว่าสีหน้าและแววตาเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว เกตุวดีสังเกตได้“ด่วนเหรอเชนทร์ พ่อโทรมาตามหรือไง” “ครับ คุณอยู่ได้ใช่ไหม เดี๋ยวซื้ออะไรเข้ามาฝากละกัน” “อยู่ได้ค่ะ” จันทรภาตอบสั้นๆ น้ำเสียงหม่นๆ“โอเค” คเชนทร์รับคำแบบแบ่งรับแบ่งสู้ จะยิ้มแหล่ไม่ยิ้มแหล่ อาการแปลกๆ จากนั้นเขาจึงขับรถออกจากรีสอร์ต โดยที่จันทรภามองตามด้วยความสงสัย และสงสัยสถานะของผู้ชายที่เธอมาขอความช่วยเหลือ ไม่น่าจะธรรมดา“เอ่อ พี่เกตุคะ เขาบอกว่าเป็นพนักงานโรงแรม แปลว่าจะไปโรงแรมใช่ไหมคะเนี่ย” เธอถามเกตุวดี แต่ก็มีสิ่งคัดค้านในใจคือ พนักงานอะไรจะขับรถเบนซ์“ใช่จ้ะ น่าจะแวะไปดูงานน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนมีงา
“เราไม่ได้ซื้อกินเหรอคะ”“ซื้อเหรอ! นั่นทำให้เปลืองมาก หากจะซื้อกินรายได้เราไม่พอรายจ่ายหรอกจ้ะ”“แย่จัง”“ไม่แย่หรอกน่า แต่คนทำอะไรไม่เป็นจะยากหน่อย โดยเฉพาะกับเจ้าเชนทร์เนี่ย” เกตุวดีเอ่ยพลางเหลือบมองจันทรภาเล็กน้อย“คุณเชนทร์ทำไมคะ เขาทำอะไรๆ เก่งนักเหรอ”“ที่ 1 เลยล่ะ” เกตุวดีเอ่ยปากชมพลางยิ้ม“แหม ใครจะไม่ชมคนของตัวเองคะ”“หึๆ เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็รู้” เกตุวดีหัวเราะเบาๆ และสังเกตสีหน้าของจันทรภา ซึ่งเธอยังคงหม่นหมองอยู่ ต่อให้เกตุวดีชวนคุยมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้ เข้าใจดีเลยล่ะ จากการที่ได้เห็นคลิปนั้นแล้ว เป็นใครก็ช็อกและเสียใจยิ่งมันเกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานของตัวเองด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าจะรับไหวมากน้อยแค่ไหน ต้องดูกันไปเป็นวันๆ จันทรภาอาจจะคิดสั้น เพราะความเสียใจก็เป็นได้ หากเธอคิดได้ว่าชีวิตมีค่าไม่ควรเสียให้กับคนแบบนั้น ก็คงจะดำเนินชีวิตไปได้ แต่ถ้าหากเธอเอาผู้ชายคนนั้นและความรักเป็นศูนย์กลาง ก็อาจจะคิดสั้นก็เป็นไ
ต่อมาคเชนทร์ยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบจนเป็นนิสัย เขาตระเวนหาซื้อของใช้ผู้หญิง เพราะจันทรภาไม่มีอะไรติดตัวเลย มากับชุดแต่งงานอย่างเดียว ครั้นจะขอมนัสวีหรือเกตุวดี ก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไป หญิงสาวต้องมีเป็นของตัวเอง และสิ่งที่เขาซื้อไปด้วยนั้นเธอต้องกรี้ดแน่ๆหลังจากที่คเชนทร์ปล่อยให้จันทรภาอยู่บ้านเกือบทั้งวัน เพราะไม่ได้ไปแปบเดียวอย่างที่บอก เนื่องจากมีอะไรต้องทำ ต้องสืบ ส่วนจันทรภาก็มีเกตุวดีอยู่เป็นเพื่อน จนเกือบเย็น แล้วจึงแยกตัวไปดูแลงานด้านอื่นต่อ ตอนนี้จันทรภา อยู่เพียงลำพัง นั่งกอดเข่าอยู่ตรงระเบียงห้องรับแขก พลางมองออกไปยังลำธาร มองสายน้ำที่ไหลด้วยใจเหม่อลอย แต่การมองน้ำไหลมันก็เพลินจนลืมเวลา ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้เธอสะดุ้ง พร้อมกับอาการดีใจที่แสดงออกมาด้วยความลืมตัว เธอรีบยืดตัวขึ้นแล้วหันไปมองที่หน้าบ้าน แต่พอได้สติว่าเพิ่งรู้จักเขานี่นะ แค่เขากลับมาจะดีใจทำไมเนี่ย คิดได้ดังนั้นเธอก็แสร้งนั่งนิ่ง รอจนกระทั่งเขาเปิดประตูเข้าบ้าน หัวใจดันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ บ้าบอ
“ผมรู้ เอาเป็นว่า ร้องเถอะ” สุดท้ายเขาก็คงทำได้แต่ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาให้หมด จะได้ไม่ต้องอัดอั้นอีกต่อไป ไม่ว่าเวลารักษาแผลใจจะนานเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนเธอก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาจนหมด และรู้สึกว่าอารมณ์กลับมาสงบแล้ว จึงได้สติว่ากอดเขาเอาไว้แน่นเชียว เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ คิดได้ดังนั้นจึงดันตัวออกเล็กน้อย เห็นน้ำตาตัวเองเปื้อนเสื้อของเขาอีกต่างหาก เธอคิดและรีบปาดน้ำตาทิ้ง“ขอโทษอีกทีค่ะ” ว่าแล้วเธอก็รีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำเสียงยังคงขึ้นจมูกอยู่ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก“ผมไม่เคยต้องปลอบใจใครในเรื่องแบบนี้ แต่... ผมอยากให้คุณเข้มแข็ง อย่างน้อยที่นี่ก็น่าจะปลอดภัยต่อใจคุณ”“ปลอดภัยเหรอคะ คุณ... คุณอย่าเพิ่งไล่ฉันไปได้ไหม ขอพึ่ง...” สิ้นคำเธอก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง แล้วทำไมเขาถึงต้องใจอ่อนด้วยวะเนี่ย เขาคิดถามตัวเอง“เอาเป็นว่า คุณอยู่ได้ตามสบาย จนกว่าจะสบายใจ ผมห่วงแค่ว่าครอบครัว ทางบ้านหรือว่าเจ้าบ่าวของคุณจะตามหา มันเป็นเรื่องใหญ่”&ldquo
“ลูกหน่อลูก ทำไมทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อแม่” ท่านกล่าวตำหนิ แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเธอจับใจ“เจ้าขอโทษค่ะ บอกคุณแม่ด้วย เจ้ารู้ว่าตัวเองผิด”“ลูก บอกพ่อซิ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนีไปแบบนี้ บอกกันหน่อยสิลูก”“คุณพ่อ ฟังเจ้านะคะ คือ... คืนนั้นเจ้าไปตามพี่ตุลย์ที่ห้อง แอบเห็นพี่ตุลย์กับยัยอิง...”“อย่า อย่าบอกนะ...” ท่านกำลังคิดแบบนั้นแหละ คิดในแง่ร้าย“คุณพ่อเดาได้ใช่ไหม เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าว ยัยอิงอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาว เขากำลังมีอะไรกันค่ะคุณพ่อ”“ไม่... ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย” ฝ่ายบิดาแทบเสียงสั่น มือกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยความตกใจ และช็อกเมื่อได้ยิน“จริง เจ้ามีคลิป มีหลักฐาน เขารู้ตัวพอดี เจ้าเลยรีบหนี พ่อเข้าใจเจ้าไหม”“ทำไมมันชั่วแบบนี้ ทำไมมันทำแบบนี้กับลูกพ่อ มันทำกันมานานแค่ไหนแล้ว”“เจ้าก็ไม่รู้ค่ะ แต่เหมือนจะไม่ใช่
“แกก็เห็นอยู่ เรามีเงิน มีอิทธิพล นักการเมืองหรือข้าราชการยังต้องยอม”“ธุรกิจ ทำอสังหาริมทรัพย์ นี่มันยุคที่ผันผวน ถ้าประคองไม่ได้ก็พัง ยิ่งถ้าทำบ้านจัดสรร มีสิทธิ์เป็นหนี้หัวโต ใครจะเสียสละเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ในยุคนี้มีแต่จะเซฟ นักการเมืองก็ต้องการนักธุรกิจระดับเจ้าสัวเพื่อหนุนหลัง”“ลูกชายฉันฉลาด” พ่อเลี้ยงเอ่ยปากแซวพลางเหลือบมองคเชนทร์“พ่อสอนมาดี พ่อทำให้เห็น” ต่างฝ่ายต่างชมกันไปมาสิน่า“หึๆ ชมเหรอเนี่ย แต่ก็วิเคราะห์เก่ง แล้วเจ้าเปรมว่ายังไง สืบได้ความไหม”“รู้ได้ยังไงครับว่าให้เจ้าเปรมสืบ”“คนอย่างแก จะเหลือเหรอที่จะไม่สืบ”“ก็ให้เจ้าเปรม บอกนักสืบให้จัดการอีกทีครับ ทั้งสองฝ่าย ผมอยากรู้อะ ขี้เสือกเหมือนกัน”“หึๆ นั่นสิ ทำไมแกถึงต้องสืบนะ รู้ตัวไหมเนี่ย”“เอ่อ คือ ผม... ไม่รู้สิฮะ ทำไมผมต้องสืบวะ”&n
“คนรวยชอบแต่งเพื่อธุรกิจก็มี”“เจ้าสาวเป็นคนมีฐานะในระดับที่เรียกว่ามหาเศรษฐีครับ มีมูลค่าทรัพย์สินหมื่นล้าน มากกว่าฝ่ายเจ้าบ่าว”“อันนี้ก็รู้อีกเหรอเนี่ย น่าขึ้นเงินเดือนให้”“แหม ค้นหาชื่อนามสกุลน่ะครับ”“เยี่ยมมาก ไอ้หมอนี่ยังอยู่ในเชียงใหม่หรือเปล่า”“อยู่ครับ ผมให้คนสะกดรอยตาม คิดว่ามันจะยังไม่ไปไหนหรอก รอตามหาเจ้าสาวอยู่”“แล้ว... พ่อแม่ของเจ้าสาวล่ะ”“เฮ้อ เห็นว่าไปเช่าคอนโดฯ อยู่ชั่วคราว เพื่อจะได้หาทางติดต่อลูกสาวให้ได้”“รู้ใช่ไหมว่าที่ไหนบ้าง”“รู้ครับ ว่าแต่... จะมีใครรู้ไหมนะว่าเจ้าสาวอยู่ที่ไหน” เปรมณัฐเอ่ยพลางหรี่ตามองเจ้านาย และยิ้มนิดๆ“ถ้าไม่ปากโป้ง จะรู้ได้ยังไง ปล่อยให้เธออยู่อย่างอิสระไปก่อน”“เชื่อผม ว่าตุลยเทพคนนี้ ไม่น่าจ
“บ้า คิดอะไรเกินเลยไอ้เชนทร์ แฟนคนอื่น” เขาเตือนตัวเองก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็กล่อมตัวเองให้หลับไปส่วนจันทรภาก็ยึดที่นอนนุ่มๆ ของคเชนทร์ เป็นของตัวเองไป เธอปิดไฟในห้องเรียบร้อยเหลือไว้หัวเตียง น่าแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกแปลกที่แปลกทางอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรที่หลายอารมณ์และพิเศษอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดกับความเสียใจนั้นแล้ว หากแต่เหลือไว้เพียงความเกลียดชังที่อยากจะแก้แค้นเท่านั้นคเชนทร์คนนี้ช่างสุภาพ บางทีก็มีอารมณ์อ่อนโยน ปลอบใจ แต่อีกอารมณ์คือยียวนกวน ตลกขบขัน และสร้างแต่เสียงหัวเราะ จนเธอไว้ใจ และนึกขอบคุณแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันแท้ๆ คิดถึงสีหน้าแววตาของเขาแล้วเธอก็เผลอยิ้ม พอได้สติก็ต้องสลัดอารมณ์หวั่นไหวออกไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงข่มตาให้หลับพอเช้าวันต่อมา ภายในห้องนั่งเล่น ตรงโซฟาเบด คเชนทร์ที่นอนหลับอุตุก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง จนทำให้เขารู้สึกตัวตื่น บิดขี้เกียจและพยุงตัวลุก สิ่งแรกที่เขาจะมองคือเบื้องหน้า ตรงระเบียงซึ่งอยู่ปลายเท้า ผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้ แต่ไม่ได้เปิดกร
“เอ่อ พี่... แปบเดียวนะ แล้วเดี๋ยวออกมาครับ”“ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงรีบปลีกตัวกลับเข้าห้องตัวเอง เพื่อจะได้แต่งตัวเสียใหม่ ใช้เวลาเร็วกว่าเธอมากพอสมควร เพราะผู้ชายไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก ทว่าระหว่างที่คเชนทร์ยังอยู่ในห้อง จันทรภาก็นั่งตรงโซฟา แต่เธอไม่ได้มองออกไปยังระเบียง หากแต่ถือโทรศัพท์เอาไว้และมองมัน พร้อมกับมือที่สั่นเทาและตัดสินใจลองเปิดเครื่อง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจสายที่ไม่ได้รับ ทว่ากลับเปิดคลิปนั้นดูอีกรอบต่างหาก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ เพ่งมองในสิ่งที่อยู่ในคลิปนั้น ใช่... มันทำให้เธอมีน้ำตา แต่มากไปกว่านั้นคือความเกลียด โกรธนึกสาปแช่งทั้งคู่ให้พังพินาศ อย่าลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เธอคิดอย่างโกรธแค้น พร้อมกับถามใจตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วรักตุลยเทพมากน้อยแค่ไหนถึงได้ยอมแต่งงาน และมองไม่เห็นความเลวร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ มองไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทว่าตอนนี้มันไม่ควรมีความรักอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่ความเกลียดชัง รอเถอ
“ก็... ไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อยค่ะ”“มันเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเที่ยวแบบนี้แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”“เจ้าเป็นคนที่ชอบลอง ชอบเรียนรู้ แต่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสนั้นค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยให้ทำ พาไปแต่ที่หรู”“ถึงว่า พอหลุดออกจากกรอบได้ อย่างกับปล่อยปลาไหลลงตม”“หมายถึงยังไงคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเชียว“ก็แบบนึกถึงปลาไหลสิ ดิ้นลงน้ำร่าเริงเชียว” พูดไม่พอ เขาทำท่าดุ๊กดิ้กอย่างกับปลาไหลอีกต่างหาก“หืม” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงวิดน้ำใส่เขา“โอ๊ย! หืม เข้าตา” เขาก็ร้องบ้างเมื่อน้ำเข้าตา“อุ้ย! แสบตาไหมคะ” เธออุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินมาหาเขาตรงขอบตลิ่ง เขาก็เอามือเช็ดๆ ที่ตาตัวเอง เพื่อที่จะได้มองเธอให้ชัดขึ้น และยังไม่ทันได้พูดเขาก็วิดน้ำใส่เธอเสียเลย“นี่! นี่ นี่” เขาวิดน้ำใส่เธอไม่ยั้ง เรียกได้ว่าแ
ผ่านไปประมาณห้านาที เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ด้านหลัง กระทั่งมีเสียงเอ่ยขึ้น“คุณ เอ่อ” น้ำเสียงประหม่าของเธอทำให้เขาหันขวับกลับไปมอง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อขอบผ้าถุงด้านบนถูกมันเอาไว้ด้วยเส้นยางเป็นจุกเชียว“พระคุณ เอ่อ ฮ่าๆๆ” คเชนทร์ได้แต่หัวเราะลั่น“นี่คุณ อย่าหัวเราะสิ ลืมไปว่า... ใส่ไม่เป็น”“แล้วอยากได้ผ้าถุงเนี่ยนะ แถมยังรู้จักด้วย”“พยายามแล้วมันหลุด มันแบบว่า มันไม่อยู่อ่ะ ร่วงตลอด”“ผมเห็นตอนเช้าที่ลงไปดำน้ำน่ะ มันก็ไม่ได้เล็กนะ ทำไมมันไม่อยู่ล่ะ” เขาพูดจายียวนใส่เธอ“ว๊ายนี่ เพียะ!” ด้วยความขัดเขินเธอก็ฟาดที่แขนของเขาแรงๆ“โอ๊ย! ตีอีกแล้ว วันนี้หลายรอบแล้วนะ”“มาสอนเลย พูดมาก”“ใส่แบบนี้ก็ดีนะคุณ น่ารักดี”“ไม่เอา” เธอทำท่างอแง
“คนหื่นเนี่ยต้องให้หน้าตาเป็นยังไงไม่ทราบ”“ก็... แบบโรคจิต แต่คุณไม่อะ”“ผมหล่อเกินจะเป็นโรคจิตล่ะสิ”“เปล่า ไม่ได้หล่อเลย”“อ๋อ คุณสวยมาก”“ค่ะ ฉันรู้ตัว”“ถึงผมจะไม่หล่อมาก แต่ว่าท่ายากผมเยอะ”“โอ๊ย! พูดอะไรไม่รู้ ไปหาผ้าถุงมาเลยค่ะ จะเล่นน้ำ”“มืดๆ เนี่ยนะ”“ก็... จะได้ไม่มีคนเห็นไง คุณก็เฝ้า”“ทำไมผมต้องเฝ้าด้วยวะเนี่ย”“ใช่ค่ะ คุณเป็นเจ้าของบ้าน”“โอยยยย แก้ผ้าอาบเลยไม่ได้เหรอ”“จะบ้าเหรอคะ”“ไม่บ้า มืดๆ ใครจะเห็น มีนิดๆ หน่อยๆ จะเขินอะไร”“อ้าย! อีคุณเชนทร์” สิ้นคำเธอก็ฟาดเพียะไปที่ต้น
“ผมขอตัวนะพี่เกตุ” คเชนทร์บอกเสียงเครียดขึ้น“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ดูเด็กๆ ต่อ”“ครับ” รับคำเสร็จ คเชนทร์ก็ออกไปจากห้องและลงไปยังชั้นล่าง ขณะที่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนสูบบุหรี่ที่หน้าบ้าน คล้ายกับจะรอเขาอย่างนั้นแหละ“ทำไมเร็ว” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ถาม“อ่อ นิทานเรื่องใหม่สั้นมากครับ เล่าจบเร็วก็เลยลงมา”“หึๆ แล้วเด็กๆ หลับหรือยัง”“ยังครับ” คเชนทร์ตอบเสียงหม่น พลางมองหน้าพ่อเลี้ยงด้วยแววตาเศร้าๆ มีน้ำใสๆ คลอเล็กน้อย“มีอะไร หืม” พ่อเลี้ยงถามทันที“เด็กๆ บอกว่า พ่อเล่านิทานให้ฟัง เรื่อง... พ่อ” คเชนทร์เอ่ยเสียงสั่นเครือขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันตีขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่“ทำไมพ่อเล่าแบบนี้”“อยากเป็นปีศาจเหรอเชนทร์”“ผมเป็นปีศาจ ส่วนพ่