“คุณปู่มาที่นี่ทำไมครับ..” แสน หรือ เด็กชายภาสกร ไทเลอร์ เกรย์ เด็กชายวัยเก้าขวบ ถาม คุณโลแกน ผู้เป็นปู่อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่ของตนต้องพาเขามาที่บ้านหลังเล็กจ้อยแบบนี้ บ้านหลังเล็กจ้อยแต่น่ารักร่มรื่นน่าอยู่ สำหรับภาสกรบ้านของคนอื่นเล็กหมดนั่นล่ะ เพราะเขาเติบโตมาในคฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าพื้นที่กว้างขวาง บ้านใครที่เล็กกว่าคฤหาสน์ของเขาคือเล็กกระจ้อยร่อยทั้งนั้น
“มาเยี่ยมน้องไงล่ะ” ผู้เป็นผู้ตอบยิ้มๆ ท่าทางของคุณปู่มีความสุขมาก มากกว่าตอนที่น้องๆ เขาเกิดเสียอีก
คุณอาภาค หรือ ทวิภาค เป็นน้องชายต่างแม่ของ คุณลูอิส ไทเลอร์ เกรย์ ผู้เป็นบิดาของเขา
“แต่ผมมีน้องแล้ว”
“นี่ก็เป็นน้องอีกคน น้องเล็กสุดของเราไง..” เด็กชายนึกถึงทารกตัวแดงๆ เหมือนน้องๆ ฝาแฝดของตนแล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่มีเด็กคนไหนน่ารักเท่ากับน้องๆ ของตนแน่นอน...
“อี๋ ท่าทางจะไม่น่ารักเหมือนน้องของผมหรอก”
“ฮ่าๆ ใครจะน่ารักไปกว่าไอ้สองแสบของหลานล่ะ” คุณโลแกนหัวเราะหลานชายที่ทั้งรักและหวงน้องๆ ทั้งสองของตนมาก ใครก็น่ารักสู้สองแสบน้องชายน้องสาวฝาแฝดของตนไม่ได้ซึ่งภาสกรนั้นทั้งโอ้อวดทั้งรักน้องทั้งสองยิ่งกว่าอะไร
เอกธนา กับ อุษาพิไล เด็กชายหญิงวัยสี่ขวบนั้นกำลังซนเลยทีเดียว แต่ภาสกรก็รักน้องทั้งสองมากแต่กับเด็กคนอื่นๆ ภาสกรจะไม่ค่อยสุงสิงด้วย เหมือนจะรักแต่น้องตัวเองคนอื่นไม่รักอะไรทำนองนั้น
ภาสกรเป็นหลานรักที่เขารักมากเพราะเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมั่นใจในตัวเองและเรียนเก่งระดับอัจฉริยะคุณโลแกนจึงพาเด็กชายไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เพื่อสอนงานและสอนการใช้ชีวิตแบบลูกผู้ชายให้หลานรัก โดยหมายมั่นไว้ว่าภาสกรจะสืบทอดกิจการของตนได้ดีและภาสกรจะทำให้ไทเลอร์ เกรย์ ยิ่งใหญ่และมั่นคงมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน
เด็กชายลูกผสม ไทย แม็กซิกัน อเมริกัน คนนี้หน้าตารูปร่างแทบไม่มีเค้าของความเป็นคนเอเชียเลยก็ว่าได้ ใบหน้าเรียวคมคายดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบทองดูสวยแปลกตา กับเรือผมสีน้ำตาลเข้มประกายแดงนิดๆ นั้นทำให้เวลาที่เรือนผมหยกศกต้องแสงแดดกลายเป็นสีแดงเจิดจ้าเหมือนแสงตะวัน และเพราะ คุณปานวาด ผู้เป็นศรีสะใภ้อยากให้ลูกชายมีความเป็นไทยบ้างจึงตั้งชื่อให้ว่า ภาสกรเพื่อที่เด็กชายจะได้ไม่ลืมตัวว่า เลือดในกายของเขานั้นมีสายเลือดของคนไทยไหลวนอยู่ ซึ่งคุณโลแกนก็ไม่ขัดข้องและเขาก็ชอบชื่อนี้ ภาสกรเป็นเสมือนหนึ่งแสงตะวันในใจของเขา...
“ไหนคุณพ่อว่าคุณปู่โกรธอาภาคอยู่ไงครับ” นี่เป็นหนึ่งในความแก่แดดของเด็กชาย คุณโลแกนหัวเราะเบาๆ
“ตอนนั้นโกรธแต่ตอนนี้หายโกรธแล้ว ก็เลยมารับขวัญน้องไงล่ะ”
“ว้า.. คุณปู่หายโกรธเร็วจัง”
“ความรัก ทำให้เราไม่สามารถโกรธคนที่เรารักได้หรอกนะแสน..” ดวงตาสีเดียวกันกับหลานชายเป็นประกาย ภาสกรเงยหน้ามองผู้เป็นปู่อย่างไม่ค่อยเข้าใจสิ่งนั้นนัก แต่เด็กชายก็ไม่ได้ซักถามอะไรพวกเขาก็มาหยุดหน้าบันไดเตี้ยๆ ที่เจ้าของบ้านยืนรอรับ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ที่รัก..” ย่าเล็ก หรือ คุณย่าลดา ภรรยาคนที่สองของคุณปู่ยิ้มกว้างแล้วกางแขนออกเมื่อผู้เป็นสามีเดินเข้าไปหาทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความรักและคิดถึงเพราะไม่เจอกันเกือบปี
“ผมคิดถึงคุณนะ อยากจะรับไปอยู่ด้วยกัน” คุณปู่ประคองใบหน้างามของคุณย่าไว้ด้วยท่าทางอ่อนโยนแตกต่างจากเวลาทำงานที่ท่าทางของคุณปู่จะดุดันน่าเกรงขาม ใครๆ ก็กลัวคุณโลแกนทั้งนั้นเพราะท่านดุมาก
“ไปไม่ได้หรอกค่ะ ต้องเลี้ยงหลานๆ”
“ไงจ๊ะ น้องแสนของคุณย่า ไม่เจอกันแค่ปีเดียวตัวโตแล้วนะ”
คุณย่าเล็กหันมากอดภาสกรแล้วหอมแก้มเด็กชายเบาๆ ภาสกรชอบคุณย่าเล็กเพราะคุณย่าเล็กเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่น่ารักและตัวหอม
“ครับ แต่แสนคิดถึงคุณย่า คุณย่าไม่ไปหาเลย” เด็กชายพ้อแล้วซบลงกับอกผู้เป็นย่า
“ย่าต้องเลี้ยงน้องๆ ครับ เอาล่ะเราเข้าบ้านกันเถอะค่ะคุณ ลูกๆ รออยู่” คุณย่าเล็กควงแขนสามีเดินเข้าบ้านไปทั้งคุยกันกระหนุงกระหนิงหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ซึ่งท่าทางที่อ่อนโยนยิ้มหัวของคุณปู่นั้นแทบจะไม่มีให้เห็นเมื่อคุณปู่เดินเข้าออฟฟิศและทำงาน
ภาสกรมองตามคุณปู่คุณย่าของตนแล้วก็นึกชื่นชม เขาโตขึ้นเขาก็อยากจะมีคนที่รักกันจนแก่เฒ่าแบบคุณปู่บ้าง เด็กชายคิดอย่างแก่แดด...
“เด็กอะไรน่าเกลียด..” เด็กชายจ้องมองเด็กหญิงตัวอวบขาวผ่องแก้มแดงสวมชุดสีชมพูฟรุ้งฟริ้งที่นอนหลับพริ้มอยู่ในเปลอย่างไม่ชอบใจ เด็กคนนี้ไม่เห็นน่ารักเหมือนน้องๆ ของเขาสักนิด
ดูสิ หน้าตายับยู่ยี่ปากก็พ่นน้ำลายฟอดๆ แม้ตอนหลับแล้วยังทำปากจุบจับๆ เหมือนกินอะไรอยู่ตลอดเวลา โตขึ้นคงอ้วนเป็นหมูตอน... เด็กชายคิดในใจ
“อย่ามาว่าน้องสาวเรานะ..” เสียงเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้น ภาสกรจึงหันไปมองก็พบว่าเด็กชายหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงไม่แพ้ตนแต่จะผอมเก้งเก้งยืนอยู่หน้าตึงอยู่
“ก็จริงนี่ ดูสิ หน้าตาบี้แบน น้ำลายฟูมปากด้วย ผมก็หรอมแหรม สงสัยจะหัวล้าน น่ารักสู้น้องๆ เราไม่ได้สักนิด”
“น้องตัวเองน่ารักแค่ไหนเชียว แล้วนี่ตัวเป็นใคร มาทำอะไรในห้องน้องเรา” เด็กชายตัวผอมเก้งก้างเดินมาหาด้วยสีหน้าท่าทางไม่ใคร่จะพอใจที่มีคนแปลกหน้ามากล่าวหาว่าน้องสาวของตนไม่น่ารัก
“เราเป็นหลานของคุณปู่โลแกน ชื่อภาสกรแล้วตัวล่ะ” เด็กชายกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไว้ตัว
“เราก็หลานของคุณปู่โลแกนเหมือนกัน ชื่อ เทพธารา” อีกคนก็ทำท่าเช่นเดียวกันเหมือนหยั่งเชิงกันในที
“อ้าวเด็กๆ รู้จักกันรึยังจ๊ะ” ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยอะไรต่อ คุณธิชา หญิงสาวชาวไทยหน้าตาสวยหวานละมุนยิ้มหวานให้เด็กๆ
“เอาล่ะเด็กๆ มารู้จักกันไว้นะคะ คนนี้ภาสกรเป็นลูกขอคุณลุงลูอิส กับคุณป้าปานวาด แสนจ๊ะ นี่ลูกของอาเอง เทพธารา รู้จักกันไว้และต้องรักกันนะคะเด็กๆ”
“ครับ” เด็กๆ รับคำอย่างหนักแน่นแล้วหันไปยิ้มให้กันอย่างยินดี
“เอาล่ะ ธารพาแสนไปกินของว่างนะลูก น้องกำลังหลับอยู่เดี๋ยวน้องตื่นมางอแง” คุณธิชาบอกเด็กๆ เพราะเด็กน้อยเพิ่งหลับไปเมื่อครู่ และกว่าจะหลับได้เล่นเอาคุณแม่ยังสาวเหนื่อยเลยทีเดียว
“ครับ.. เราไปเล่นในสวนกันเถอะ” เทพธารายิ้มกว้างให้เพื่อนใหม่แล้วจูงมือภาสกรออกไป
“หากเราจะเป็นเพื่อนกัน นายจะต้องไม่ว่าน้องเราน่าเกลียดนะ” เทพธาราบอกเพื่อนใหม่ขณะปีนไปบนต้นไม้ริมคลองหวังจะโดดน้ำแข่งกัน
“ได้.. เราไม่ว่าน้องนายน่าเกลียดก็ได้ แต่น้องนายน่ารักสู้น้องสาวเราไม่ได้”
“เหอะ อยากเห็นหน้าน้องสาวนายจริงๆ ว่าน่ารักแค่ไหน สู้น้ำแข็งน้องน้อยเราได้รึเปล่า”
“สู้ได้อยู่แล้ว พิ้งกี้ น่ารักกว่าใคร”
“เราไม่เชื่อหรอก เด็กผู้หญิงที่ไหนก็น่ารักสู้น้องน้ำแข็งเราไม่ได้” เทพธาราเองก็ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนไหนจะน่ารักเหมือนน้องสาวตน
“ไว้นายไปเยี่ยมเราสิ นายจะได้เห็นว่าน้องพิ้งกี้ของเราน่ารักแค่ไหน”
“หึ จะรอดู แต่ตอนนี้เรามาโดดน้ำแข่งกันดีกว่า แล้วว่ายไปฝั่งโน้นใครถึงก่อนชนะ”
“ได้เล้ยยย...” ว่าแล้วเด็กชายทั้งสองก็กระโดดเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และไม่รู้เลยว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องมางอนง้อขอรักเด็กหญิงหน้าตาน่าเกลียดที่ตนเคยดูถูกไว้นี่ล่ะ
บทที่ 1.ภาสกร ไทเลอร์ เกรย์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปีมองสาวน้อยวัยสิบเจ็ดที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่กับ แม่ชื่น แม่บ้านวัยชราของตนอย่างเบื่อหน่ายและไม่ชอบใจเลยที่สาวน้อยหน้าตาหมดจดผิวขาวผ่องน่ามองไม่เคยหันมาสนใจเขาเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ และมักจะทำหน้าบึ้งใส่เขาตลอดซ้ำยังเชิดใส่อีกด้วยซึ่งสำหรับภาสกรแล้วเคยชินแต่มีหญิงสาวพุ่งเข้าหาเข้ามาสานไมตรีด้วย แน่ล่ะ ชายหนุ่มรูปหล่อเก่งฉลาดและร่ำรวยระดับโลก ผู้หญิงที่ไหนก็สนใจเขา แต่มีแค่ทิพย์ธาราเท่านั้นที่ไม่เคยให้ความสนใจเขาเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ ขนาดมาเที่ยวพักผ่อนเจ้าหล่อนยังจะมานั่งร้อยมาลัยมาทำขนมไทย ทำตัวเหมือนหลุดออกมาจากวรรณคดีไทยตั้งแต่เด็กๆ หาก เด็กหญิงทิพย์ธารา มาบ้านเขาที่เมืองไทยทีไรเด็กหญิงก็จะรีบเข้าไปออดอ้อนบิดามารดาของเขา หรือไม่ก็ไปเรือน คุณย่าเล็ก คุณย่าของเขาเพื่อหัดร้อยมาลัย ทำขนมทำของหวานและอาหารต่างๆ โดยไม่คิดจะสนใจเขาซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้านเลยสักนิด แต่พอเห็นน้องๆ ของเขา เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มจะยิ้มร่าวิ่งไปหาไปเล่นด้วย โดยเฉพาะกับน้องชายของเขานั้นทิพย์ธารา จะยิ้มหวานให้เป็นพิเศษทั้งพูดจาหวานหู คะ ขา ออดอ้อนมีขนมหรือไม่ก็มาลั
บทที่2.“โอ้โห น่ากินจังเลยแต่อร่อยรึเปล่านะหรือจะเค็มขี้มือ..” เขาแสร้งร้องขึ้นแล้วเดินไปชะโงกดูอาหารบนโต๊ะและทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบปลาที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำทอดเหลืองกรอบน่ากินแต่ไม่ทันที่มือเขาจะได้ยื่นไปถึงชิ้นปลาที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามในจานภาสกรก็สะดุ้งชักมือกลับแทบไม่ทันเมื่อมือเล็กๆ ของทิพย์ธาราตีเผี๊ยะลงมา...“โอ๊ย..” ภาสกรร้องลั่นเลยทีเดียวเมื่อมือเรียวบางฟาดลงมาแบบไม่ออมแรง“ไปล้างมือเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ใบหน้างามผุดผ่องด้วยวัยสาวบึ้งตึงดวงตากลมโตดำขลับวาววับราวแม่เสือ“พี่ขอชิมแค่นิดเดียวเองทำหวงไปได้..”“นิดเดียวก็ไม่ได้ค่ะเพราะพี่แสนยังไม่ล้างมือและการมาแอบหยิบอาหารในจานแบบนี้มันไม่ดีค่ะ เสียมารยาท”“อะไรกันจ๊ะเด็กๆ เสียงดังไปถึงข้างนอกเลย” คุณย่าเล็กเดินเข้าเข้ามาพร้อมด้วยน้องชายน้องสาวฝาแฝดของภาสกร...“น้องน้ำแข็งจัดการคนดื้อหรือจ๊ะ” เอกธนา หรือ เอ็ดดี้ เอ่ยถามทิพย์ธาราแล้วหันไปมองพี่ชายยิ้มๆ“พี่แสนมาแกล้งอะไรน้องน้ำแข็งอีกคะเนี่ย” พิ้งกี้ หรือ อุษาพิไล หลิ่วตาให้พี่ชายแล้วนั่งลงข้างๆ ย่าเล็ก เอกธนาเลื่อนเก้าอี้ให้ผู้เป็นย่านั่งเรียบร้อยแล้วก็มานั่งข้างๆ พี่สาว“ไม่ได้ทำอะไร
บทที่3.ภาสกรยังคงพูดว่าเธอด้วยสีหน้ายียวน ทิพย์ธาราอดไม่ได้ที่จะยกแขนตัวเองขึ้นมาดูแล้วก้มมองขาตัวเองที่โผล่พ้นชุดนอนกระโปรงยาวแค่เข่าแขนตุ๊กตาลายการ์ตูนเจ้าหญิงแสนน่ารักอย่างกังวลกับคำพูดกล่าวหาของเขาภาสกรมองคนที่กำลังสำรวจตัวเองอย่างร้อนรนแล้วอมยิ้มน้อยๆ ทิพย์ธาราเป็นเด็กสาวที่สวยน่ารักใครๆ ก็อยากพบพูดคุยกับเธอ ด้วยรูปลักษณ์สวยใสสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเรียวรูปไข่ขาวนวลเนียนแก้มสาวแดงเปล่งเป็นสีชมพูน่ามอง ดวงตากลมโตดำขลับแวววาวสดใส จมูกโด่งเรียวเล็กรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปสีชมพูระเรื่อน่าจูบ..เฮ้ย ไม่ได้สิ ห้ามคิดแบบนี้… ภาสกรรีบห้ามความคิดของตนเอง“ไม่ต้องมาว่าเขาเลยตัวเองดีตายแหละ เพลย์บอยชัดๆ นิสัยไม่ดีด้วยชอบว่าคนอื่น” ทิพย์ธาราหน้าแดงก่ำฉุนเฉียว ภาสกรหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันแกมเอ็นดู“ก็จริงนี่แล้วน้ำแข็งไม่ต้องห่วงหรอก ถึงพี่จะชอบผู้หญิงชอบเซ็กซ์ร้อนๆ แต่น้ำแข็งไม่อยู่ในสายตาพี่หรอก” ทิพย์ธาราอ้าปากหวอมองเขาตาโต ภาสกรจึงพูดต่อ“แต่ก็ไม่แน่หากน้ำแข็งสวยขึ้น อึ๋มขึ้นเหมือนสาวๆ ของพี่ก็ไม่แน่.. หึหึ” ภาสกรพูดจบก็เดินจากไป“อ๊าย แสน.. คนบ้า หึ คิดเหรอว่าน้ำแข็งอยากไปเป็นผู้หญิงของพี
บทที่4.ทิพย์ธาราชอบที่จะอยู่เงียบๆ และอยู่ในครัวมากกว่าจะออกงานสังคมเหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ในวงสังคมเดียวกัน ซึ่งการที่ทิพย์ธาราไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เคยสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มคนไหน ทำให้คนทั่วไปต่างก็มองว่าเธอเย่อหยิ่ง เย็นชาเหมือนน้ำแข็งชื่อเล่นของเธอ จนได้รับฉายาว่า เจ้าหญิงน้ำแข็งแห่งวงการเชฟ“พี่แสนคะ..” หญิงสาวเคาะประตูอีกรอบเพราะไม่มีเสียงตอบจากภาสกรซึ่งเธอแน่ใจว่าเขาอยู่ในห้องพักแน่นอน ทิพย์ธาราถอนใจให้กับคนเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนแล้วตัดสินใจลองเปิดประตูเข้าไปข้างใน“พี่แสน..” ทิพย์ธาราหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังตามหาอยู่นั้นนอนนิ่งอยู่บนเตียงใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ..“พี่แสนไม่สบายนี่คะ พี่แสน ได้ยินน้ำแข็งไหมคะ” ทิพย์ธารารีบถลาไปนั่งข้างเตียงกว้างแล้วยกมืออังหน้าผากเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล“หือออ.. หนาว น้ำแข็งหรือ.. พี่อยากได้น้ำสักแก้ว” เสียงห้าวแหบแห้งริมฝีปากหยักสวยราวสนตรีนั้นดูแห้งผาก“พี่แสนต้องทานยาค่ะ เดี๋ยวน้ำแข็งมานะคะ”“ไม่ๆ อย่าทิ้งพี่ไป อยู่กับพี่ก่อน” ภาสกรดึงข้อมือเล็กไว้ด้วยท่าทางดื้อดึงแววตาคมกล้าฉายแววออดอ้อนจนเ