แชร์

บทที่ 345

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
“หร่วนฝูอวี้ เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นใดกัน!”

นางจักไปเป็นนายบำเรอได้อย่างไร!

หร่วนฝูอวี้หาได้ฟังคำพูดของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ สายตายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน

“ข้าว่าแล้ว จักต้องเป็นสารเลวผู้นั้นที่แย่งชิงท่านไป!”

หร่วนฝูอวี้เป็นคนแรกที่เรียกขานฝ่าบาทว่าสารเลวผู้นั้น

ไม่ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจักเอ่ยปฏิเสธเพียงใด หร่วนฝูอวี้หาได้ฟังเข้าหูนางไม่

ทั้งยังคิดว่าสิ่งที่ตนเองคิดเป็นเรื่องที่ถูกต้องอีกด้วย

“เจ้ากล่าวว่าตนเองชอบบุรุษ อีกทั้งฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ข้าได้ยินมาว่าเขามิใคร่ชื่นชมสตรีเท่าใด อีกทั้งตำหนักในวังหลัง หาได้มีหวงกุ้ยเฟยไม่ เกรงว่าเขาคงใช้นางสนมเหล่านั้นเป็นฉากหน้า และคอยเก็บซ่อนชายบำเรอเช่นเจ้าเอาไว้อย่างแน่นอน!”

ความคิดที่ผิดแปลกของหร่วนฝูอวี้กลับพูดถูกออกมาครึ่งหนึ่ง

ยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่า “สารเลว” และ “ชายบำเรอ” จากปากของนางแล้วนั้น นางถึงกับหมดคำจะพูด

“เจ้า……”

ทว่า ยามที่หร่วนฝูอวี้กำลังมีอารมณ์ดุเดือดเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนย่อมมิอาจเอ่ยแทรกอันใดเข้าไปได้

“เป็นเพราะสารเลวผู้นั้นหลอกลวงเจ้า! สามปีที่ผ่านมาของเจ้านั้น... เจ้าผ่านมันมาได้อย่างไร…”

ยิ่งพูดมาก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Prig Pannasa
แล้วเรื่องที่ฮ่องเต้เรียกตัวฮองเฮาไปเมื่อตอนที่แล้วล่ะ ปล่อยเบลอไปเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 346

    จดหมายของอาจารย์หญิงที่ส่งมานั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนตั้งใจอ่านตัวอักษรทุกตัวมิให้ตกหล่นแม้แต่ตัวเดียวแววตาของนางค่อย ๆ เย็นยะเยือกลง ราวกับธารน้ำแข็งที่มิมีวันละลายหายไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิด เป็นฝีมือของเฉียวม่อจริง ๆ ด้วย!เฟิ่งจิ่วเหยียนกำจดหมายเอาไว้แน่น สีหน้าของนางแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างปิดไม่มิดนางอยากจะรีบวิ่งไปที่คุกหลวงเพื่อสังหารเฉียวม่อให้ตายคามือทว่า สติกลับเอาชนะความเลือดร้อนในกายของนางเอาไว้ได้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาเช่นนี้ นางยิ่งแต่ต้องเก็บงำอารมณ์กรุ่นโกรธของตนเองเอาไว้หากมิมีแผนการรับมือนั้น ย่อมมิอาจลงมือบุ่มบ่ามได้แม้จักสังหารเฉียวม่อลงไปแล้วก็ตาม ก็มิอาจทำให้นางถูกโทษทัณฑ์ใด ๆ ได้อยู่ดีเรื่องกองทัพมังกรพยัคฆ์ถูกลวงไปสังหาร เหตุการณ์ของเวยเฉียง บัญชีแค้นทั้งหมดนี้ นางจะต้องให้เฉียวม่อชำระคืนทีเดียวเลย!เนื้อหาในจดหมายที่อาจารย์หญิงส่งมานั้น ยังเอ่ยถึงจางฉี่หยางอีกด้วยเขาช่างเป็นคนกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ขาดเพียงโอกาสที่จะให้เขาได้สร้างผลงานทั้งอาจารย์และอาจารย์หญิงต่างก็รับรู้แผนการของนางเป็นอย่างดี ทั้งยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยฝึกฝนจางฉี่หยา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 347

    เมื่อเผชิญหน้ากับการชี้ตัวของนางกำนัลนั้น หนิงเฟยจึงได้แต่ต้องปฏิเสธออกมา“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันหาได้รู้จักนางไม่เพคะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเงยหน้าขึ้น ก่อนจ้องมองมาด้วยแววตาเฉียบคม“ยังมิถึงคราวที่เจ้าจักต้องพูดออกมา”นางกำนัลผู้นั้นพลางชำเลืองมองหนิงเฟย ก่อนจะรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พลางหลับตากล่าวออกมาว่า“เป็นหนิงเฟยที่ซื้อตัวบ่าวมาเพคะ ทั้งยังสั่งให้บ่าวช่วยนำพิษหอมที่ทำให้สตรีมิอาจตั้งครรภ์ได้ใส่ลงไปในของขวัญที่จิ้งเฟยจัดเตรียมเป็นของขวัญมอบให้กับฮองเฮาเพคะ…”“ไร้สาระ!” หนิงเฟยหันมาตวาดนางกำนัลด้วยความโกรธเกรี้ยวหนิงเฟยรีบเอ่ยแก้ตัวออกมาในทันที“ฮองเฮาเพคะ ท่านมิสามารถเชื่อเพียงลมปากของบ่าวไพร่แล้วคิดว่าหม่อมฉันมีฐานความผิดเช่นนี้นะเพคะ“สิ่งที่นางกำนัลผู้นี้กล่าวออกมานั้น หม่อมฉันหาได้เคยทำไม่!”นางกำนัลผู้นั้นมิอาจนำหลักฐานอื่น ๆ ออกมาได้แล้วนางจึงทำได้เพียงแต่ใช้หัวโขกลงบนพื้นเพื่อคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฮองเฮาเพคะ บ่าวสมควรตายเพคะ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่หนิงเฟยเอ่ยสั่งการให้บ่าวกระทำเพคะ! หากหม่อมฉันพูดปดแม้แต่เพียงเล็กน้อย ขอให้ฟ้าผ่าตายได้เลยเพคะ!”น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 348

    “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้เข้ามาช่วยพยุงเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยตัวเอง “มิจำเป็นต้องมากพิธี”ทันทีที่เซียวอวี้จับไปที่แขนของนางนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงท่าทีต่อต้านของเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ในทันทีเนื่องจากนางพยายามหลีกเลี่ยงเขาด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติคิ้วของเซียวอวี้ขมวดคิ้วลงครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิมเดิมทีฮองเฮาก็มิชอบเข้าหาผู้อื่นหรือใกล้ชิดผู้อื่นอยู่แล้ว เกรงว่านี่คงเป็นเรื่องราวที่ฝังใจของนางก่อนหน้านั้นกระมัง“วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า เราย่อมต้องมาอยู่กับเจ้า”เดิมทีเฟิ่งจิ่วเหยียนควรจะโค้งคำนับขอบคุณสำหรับความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีให้แก่นางหากแต่นางกลับแน่นิ่งไปเฉย ๆ ในความทรงจำของนางพลันมีเสียงดังขึ้นมาว่า – “จากนี้ไปวันเกิดของเจ้านั้น ข้าจักมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรีบร้อนควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาในทันที“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้ที่เห็นว่านางมีท่าทีผิดปกติไปนั้น ก็หาได้เอ่ยถามอันใดให้มากความไม่ยามเช้าเขาได้สั่งให้คนนำของขวัญมามอบให้นางไปแล้ว ล้วนแต่เป็นสิ่งของล้ำค่าและเครื่องประดับราคาแพงทั้งนั้นทว่า ในยามนี้เองหลิวซื่อเหลียงก็ได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 349

    การเคลื่อนไหวของเซียวอวี้หยุดชะงักไปเล็กน้อยความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นเมื่อครุ่พลันกลายเป็นความหนาวเย็นในทันทีเซียวอวี้จ้องมองไปที่นาง“เราเป็นบุรุษ ก็แค่นั้น”พูดจบ เซียวอวี้ก็ก้มหน้าลงมาจูบนางหากว่ากันตามตรงแล้วหาใช่เป็นการจูบไม่ เซียวอวี้กัดลงมาที่ริมฝีปากของเฟิ่งจิ่วอวี้ถึงสองครั้ง พร้อมกับผละออกมาในใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหลังจากที่เซียวอวี้ผละตัวออกมานั้น นางก็จับชายเสื้อของเขาเอาไว้ ก่อนจะกัดริมฝีปากเขากลับไปอย่างไม่ไยดีเซียวอวี้ตัวแข็งทื่อไปในทันที ราวกับถูกสกัดจุดก็ไม่ปานเฟิ่งจิ่วเหยียนกัดเข้าไปเต็มแรง จนทำให้เลือดออกใบหน้าของเซียวอวี้พลันมืดครึ้มไปในทันทีน่าตาย!สตรีบ้าผู้นี้!เซียวอวี้จับหลังคอของนางเอาไว้เพื่อที่จะสั่งสอนนางให้หลาบจำเฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้มีท่าทีเกรงกลัวเขาไม่หากเขากล้าทำอีกละก็ นางจะกัดให้ปากเขาเต็มไปด้วยเลือดเสีย!ทันใดนั้น ด้านนอกพลันมีเสียงเคาะประตูของเฉินจี๋ดังเข้ามา พร้อมกับน้ำเสียงที่ร้อนรน“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานแก่พระองค์!!”เซียวอวี้จึงยอมลามือเขาเดินออกจากตำหนักไปแล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 350

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังตรวจสอบศพของสายลับอย่างละเอียดนั้น พลันพบรอยสักเล็ก ๆ ที่ด้านในของแขนเขาหากมองผ่าน ๆ มิได้สังเกตนั้นย่อมคิดว่าเป็นปานเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงวาดลวดลายรอยสักนั้นบนกระดาษในทันที มันคล้ายกับรูปร่างของอสรพิษที่กำลังขดตัวลวดลายนี้ ราวกับนางเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนหากแต่นางจำมิได้แล้วหลังจากที่สอบถามจากทุกฝ่ายแล้วนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่านี่คือสัญลักษณ์เดิมของแคว้นจ้าวแคว้นจ้าวนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้นหนานฉี หลังจากประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไปกว่าสิบชั่วอายุคนนั้น สัญลักษณ์เดิมของแคว้นจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปผู้ที่ยังคงรักษาสัญลักษณ์เดิมเอาไว้นั้นก็คือจิ้งอ๋องแห่งแคว้นจ้าวที่แตกแยกออกมา“รองผู้นำพันธมิตรขอรับ เมื่อมองดูเช่นนี้แล้ว สายลับผู้นี้ย่อมเป็นคนของแคว้นจ้าวอย่างแน่นอน!” เถ้าแก่ร้านรับจำนำผิงอันพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีโล่งใจนับว่าสายตาเฉียบคมมีแววยิ่งนักนั่นเป็นเพราะสายตาของรองผู้นำพันธมิตรที่มีความเฉียบคมหากเป็นสายตาของเฒ่าชราเช่นเขาละก็ คงมิมีทางหาเจออย่างแน่นอนเมื่อมีเบาะแสแล้วนั้น เรื่องราวก็สามารถจัดการได้ง่ายขึ้นเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 351

    เฉินจี๋รู้ได้ทันทีว่าซูฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส คิดอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ พลันคิดได้ว่าตนเองเป็นราชองครักษ์ของฝ่าบาท ยึดถือความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นสำคัญ เขาจึงถอยกลับมายืนจุดเดิม “คุณชายซู ต้องการให้เชิญหมอมารักษาเจ้าหรือไม่” เฉินจี๋สมกับเป็นคนของเซียวอวี้จริง ๆ ช่างไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับเจ้านายของตน คนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ย่อมต้องการหมอมารักษา เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ไปทูลฝ่าบาท ซูฮ่วนได้ทำสิ่งที่เขาฝากฝังไว้สำเร็จแล้ว” ขณะที่เอ่ย นางได้ยื่นกระบอกไม้ไผ่ส่งสาส์นกระบอกหนึ่งให้เขาด้วย เฉินจี๋หันกายกลับไปและเข้าไปรายงานภายในห้องพักแรมทันที “นายท่าน คุณชายซูกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก ภายในห้อง เซียวอวี้ยังมิได้เข้านอน เขากำลังหารือเรื่องการจัดทำแผนที่ป้องกันประเทศสี่ทิศฉบับใหม่อยู่กับรุ่ยอ๋องและแม่ทัพหลี่ ซูฮ่วนกลับมาในเวลานี้ จึงทำให้เขารู้สึกผิดคาดยิ่งนัก เขามองออกไปข้างนอก กลับไม่เห็นเงาร่างของซูฮ่วนแล้ว เฉินจี๋รู้สึกงุนงงเช่นกัน เพียงชั่วพริบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 352

    ณ ห้องทรงพระอักษร องค์หญิงใหญ่มีรูปลักษณ์สูงส่ง หางคิ้วยกขึ้น ระหว่างคิ้วแต้มด้วยหนึ่งชาดดอกท้อ ดวงตาเรียวยาว กอปรกับแววตาที่ดูคุกคามผู้คน แคว้นต้าเซี่ยนั้นแห้งแล้งไร้ฝน ทำให้ผิวพรรณที่บอบบางของนางแห้งกร้านเป็นสีเหลือง ใบหน้าหม่นหมองกายผอมบาง เสริมให้ดูใจร้ายขึ้นอีกไม่น้อย “ฝ่าบาท เมื่อข้าอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์ในปีนั้น เจ้าสัญญาว่าในวันข้างหน้าจะทำตามคำขอของข้าหนึ่งประการ หลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ข้าจะถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในต้าเซี่ย กลับไม่เคยเอ่ยปากขอร้องท่านเลย “ในยามนี้ ข้าขอร้องให้ท่านได้โปรดปล่อยตัวแม่ทัพน้อยเมิ่งด้วยเถิด” แววตาของเซียวอวี้ไร้ความรู้สึก และถามตามตรง “เสด็จพี่หญิงกับนางเป็นสหายเก่ากันหรือ?” มิเช่นนั้นจะเอ่ยขอร้องแทนเมิ่งเฉียวม่อทันทีที่กลับถึงมาตุภูมิได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่หวนนึกถึงวันวาน นัยน์ตาพลันพร่ามัว “ในปีนั้นข้าแบกรับการถูกเหยียดหยามไม่ไหว จึงหลบหนีออกจากแคว้นต้าเซี่ยจนมาถึงชายแดนเหนือของแคว้นหนานฉี ถูกไล่ล่ามาตลอดทาง สุดท้ายก็ได้แม่ทัพน้อยเมิ่งช่วยชีวิตข้าไว้ “บุญคุณช่วยชีวิตนี้ ข้าจักต้องตอบแทน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 353

    แม้ว่าใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้เผยอารมณ์นึกคิดมากนัก เซียวอวี้ก็สามารถมองเห็นว่านางอารมณ์ไม่ดี เพราะเรื่องที่เขาสั่งให้ปล่อยตัวเมิ่งเฉียวม่อก่อนกำหนด หลังจากที่องค์หญิงใหญ่เดินออกไปแล้ว เซียวอวี้เดินลงจากที่นั่งตำแหน่งสูง แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน มิได้เผยรัศมีของฮ่องเต้ เพียงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ในช่วงปีที่เราเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์นั้น ต้องเผชิญทั้งศึกภายในและศึกภายนอก เสด็จพี่หญิงจึงเสียสละตัวเอง เพื่ออภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นต้าเซี่ย “เราติดค้างนางอยู่” “เพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลงมองไปที่อิฐปูพื้น สีหน้าไม่เผยความรู้สึก นางมีปฏิกิริยาที่ดูเรียบเรื่อยขนาดนี้ เซียวอวี้กลับรู้สึกว่านางไม่เข้าใจเขาเลย ดังนั้น เขาจึงกล่าวต่ออีก “เช่นนั้นก็ถือว่าเราไม่รักษาสัจจะเถิด “และเราได้ไตร่ตรองดูแล้ว เมิ่งเฉียวม่อถูกจำคุกมาหลายวันแล้ว นั่นถือว่าเพียงพอ “เจ้ามีฐานะเป็นฮองเฮา สมควรมีความใจกว้างบ้าง “ในเวลานั้นนางเปิดเผยที่อยู่ของเจ้า สำหรับเจ้าคือการไม่รักษาสัจจะ ทว่าในฐานะที่นางเป็นขุนนาง การรายงานที่อยู่ของฮองเฮ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 950

    ราชทูตจากเป่ยเยี่ยนที่รักตัวกลัวตายนั้น เขาย่อมรู้ดีว่านิสัยของอดีตฮ่องเต้เป็นคนเช่นไร จึงมิคิดหาเรื่องเดือดร้อนให้กับตนเองเขารีบพาทหารทั้งหลายที่ถูกถอดชุดเกราะปลดอาวุธกลับเป่ยเยี่ยนไปในทันที มิคิดรั้งอยู่หนานฉีเลยแม้แต่วินาทีเดียวเมื่ออดีตฮ่องเต้เห็นทุกคนออกไปกันหมดแล้วนั้น เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้วจริง ๆ วินาทีนั้น เขาโกรธโมโหยิ่งนัก พร้อมทั้งไอสังหารที่แผ่ไปทั่วทุกที่“อ๊าก! ตาเฒ่า! ข้าเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่าน ท่านกล้าทำเช่นนี้กับข้าเลยหรือ!”เขาทั้งสองข้างพลันคุกลงบนพื้น ก่อนจะร้องคำรามไปมามิต่างอันใดกับสุนัขที่บ้าคลั่ง……แคว้นตงซานที่อยู่ห่างออกไปพันลี้นั้นหลังจากที่ราชทูตทั้งสองกลับมาแล้วนั้น พลางนำข่าวที่ตนเองถูกพวกหนานฉีบังคับให้ทำการค้าขายด้วยมารายงานในทันทีฮ่องเต้แคว้นตงซานที่ได้ยินเช่นนั้น พลันหัวเราะออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“เรารู้ดีว่า หนานฉีจักไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้แน่!”ราชทูตหลี่หลิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นนั้น“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจช่วยราชครูกลับมาได้ ทว่า พวกกระหม่อมได้ทิ้งสายลับเพื่อติดตามหาเบาะแสของตงฟางซื่อเอาไว้แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 949

    การที่พวกเขาขอเข้าพบยามมืดค่ำเช่นนี้ เกรงว่าราชทูตเป่ยเยี่ยนเองคงมีเรื่องร้อนใจมากกระมังจางฉี่หยางนำกองทัพที่แข็งแกร่งบุกเข้าโจมตีเป่ยเยี่ยนสงครามในครานี้จึงต้องรีบระงับโดยไว แว่นแคว้นภายในถึงจักสามารถฟื้นตัวได้เสียที……เมืองเซวียนภายในเรือนจำฮ่องเต้เยี่ยนและเหล่าทหารมากมายถูกคุมขังเอาไว้ที่นี่เขามิคิดเลยว่า ตนเองจักถูกพวกหนานฉีจับได้ ทั้งยังถูกคนของตนเองทรยศหักหลังอีก!เขาโกรธเกลียดยิ่งนักเมื่อฮ่องเต้ถูกจับตัวเอาไว้ได้เช่นนี้ กองทัพเยี่ยนที่เหลืออยู่บนภูเขาจิ่วเหลียนย่อมไร้ความสามารถเป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนหาได้แสดงออกท่าทีว่าตนเองพ่ายแพ้ไม่ หากแต่ยังคงทำตัวหยิ่งจองหอง ยโสโอหังไม่เลิก“เราจักไม่ตาย! พวกเจ้ามิกล้าสังหารเราหรอก!“กองทัพเยี่ยนที่มีทหารนับหมื่นนายนั้น พวกเขาจักยังคงทยอยโจมตีหนานฉีต่อไป จนกระทั่งหนานฉีพ่ายแพ้ราบคาบเป็นหน้ากอง!”นี่คือพระราชโองการที่เขาออกสั่งด้วยตนเอง ก่อนที่เขาจะทยานเข้าสู่ศึกสงครามไม่ว่าอย่างไร เป่ยเยี่ยนกับหนานฉีก็จักรบกันจนตัวตายไปข้างหนึ่ง!ทหารที่เฝ้าห้องขังนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาเสียฉากใหญ่“ทยอยโจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 948

    ในวังหลวงหลังจากรับสำรับมื้อค่ำแล้วนั้น เซียวอวี้ก็มอบของขวัญให้กับตระกูลเฟิ่งมากมาย ทุกคนต่างก็ได้รับกันถ้วนหน้า รวมไปถึงเด็กน้อยวัยสองขวบด้วยเฟิ่งเหยียนเฉินพลันลุกขึ้นยืน“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมนึกละอายใจยิ่งนัก!”โจวซื่ออุ้มบุตรสาวของตนเองขึ้นมา ก่อนจะโค้งกายคำนับตามสามีของตนเองเซียวอวี้ที่มีงานราชกิจมากมายรออยู่นั้น หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเสร็จเขาก็ต้องกลับไปที่ห้องทรงพระอักษร ก่อนจะสั่งการให้หลิวซื่อเหลียงส่งตระกูลเฟิ่งออกจากวังไปหลิวซื่อเหลียงที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้ การที่ได้เขาช่วยนำออกจากวังหลวงนั้น ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลเฟิ่งมากเพียงใดเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองหลานสาวตัวน้อยของนาง ก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของฮ่องเต้ที่เดินจากไปทันใดนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายจึงฉายชัดขึ้นมาในทันทีตลอดการรับสำรับมื้อค่ำในครานี้ เซียวอวี้ลอบมองดูเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ฉายขึ้นในดวงตาของเขาเสมอสายตานั้น มิต่างอันใดกับเฟิ่งเหยียนเฉินที่มอบให้กับบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 947

    สีหน้าของนายท่านเฟิ่งเต็มไปด้วยการต่อต้านถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังมีบุปผางามสาวสะพรั่งอีกมากมายให้เลือกสรร อย่างน้อย เขาก็สามารถแต่งกับสตรีที่รู้ความแตกฉานด้านอักษร หรือมีภูมิหลังที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ผุดผ่องได้หลิวอิ๋งผู้นี้ หาได้มีคุณสมบัติที่จักมาเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิ่งไม่!หากแต่ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาหาได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเขาราวกับเต็มไปด้วยความรักใคร่“นายท่าน สามีของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ข้ามิเคยลืมท่านเลยสักวันเดียว“ในเมื่อพี่สาวข้าหย่าขาดกับท่านเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันดีหรือไม่ ในครานี้ มิมีผู้ใดขัดขวางพวกเราได้อีกแล้ว”ทั่วร่างของนายท่านเฟิ่งพลันเหงื่อแตกไปในทันที ก่อนจะผลักนางออกไป“ใครเคยอยู่กับเจ้ากัน! เจ้าออกไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งในยามนี้ จัดการยากกว่าในปีนั้นยิ่งนัก!เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่มารดาของเขามิยินยอมให้นางแต่งเข้าจวนมา!ดวงตาของหลิวอิ๋งพลันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายกับท่าทีที่พร้อมจะทุบหม้อข้าวหม้อแกงทุกอย่างทิ้งไป“ท่านไม่อยากแต่งกับข้างั้นหรือ?“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status