แชร์

บทที่ 351

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เฉินจี๋รู้ได้ทันทีว่าซูฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส คิดอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ พลันคิดได้ว่าตนเองเป็นราชองครักษ์ของฝ่าบาท ยึดถือความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นสำคัญ เขาจึงถอยกลับมายืนจุดเดิม

“คุณชายซู ต้องการให้เชิญหมอมารักษาเจ้าหรือไม่”

เฉินจี๋สมกับเป็นคนของเซียวอวี้จริง ๆ ช่างไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับเจ้านายของตน

คนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ย่อมต้องการหมอมารักษา

เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ไปทูลฝ่าบาท ซูฮ่วนได้ทำสิ่งที่เขาฝากฝังไว้สำเร็จแล้ว”

ขณะที่เอ่ย นางได้ยื่นกระบอกไม้ไผ่ส่งสาส์นกระบอกหนึ่งให้เขาด้วย

เฉินจี๋หันกายกลับไปและเข้าไปรายงานภายในห้องพักแรมทันที

“นายท่าน คุณชายซูกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก

ภายในห้อง เซียวอวี้ยังมิได้เข้านอน

เขากำลังหารือเรื่องการจัดทำแผนที่ป้องกันประเทศสี่ทิศฉบับใหม่อยู่กับรุ่ยอ๋องและแม่ทัพหลี่

ซูฮ่วนกลับมาในเวลานี้ จึงทำให้เขารู้สึกผิดคาดยิ่งนัก

เขามองออกไปข้างนอก กลับไม่เห็นเงาร่างของซูฮ่วนแล้ว

เฉินจี๋รู้สึกงุนงงเช่นกัน เพียงชั่วพริบ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 352

    ณ ห้องทรงพระอักษร องค์หญิงใหญ่มีรูปลักษณ์สูงส่ง หางคิ้วยกขึ้น ระหว่างคิ้วแต้มด้วยหนึ่งชาดดอกท้อ ดวงตาเรียวยาว กอปรกับแววตาที่ดูคุกคามผู้คน แคว้นต้าเซี่ยนั้นแห้งแล้งไร้ฝน ทำให้ผิวพรรณที่บอบบางของนางแห้งกร้านเป็นสีเหลือง ใบหน้าหม่นหมองกายผอมบาง เสริมให้ดูใจร้ายขึ้นอีกไม่น้อย “ฝ่าบาท เมื่อข้าอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์ในปีนั้น เจ้าสัญญาว่าในวันข้างหน้าจะทำตามคำขอของข้าหนึ่งประการ หลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ข้าจะถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในต้าเซี่ย กลับไม่เคยเอ่ยปากขอร้องท่านเลย “ในยามนี้ ข้าขอร้องให้ท่านได้โปรดปล่อยตัวแม่ทัพน้อยเมิ่งด้วยเถิด” แววตาของเซียวอวี้ไร้ความรู้สึก และถามตามตรง “เสด็จพี่หญิงกับนางเป็นสหายเก่ากันหรือ?” มิเช่นนั้นจะเอ่ยขอร้องแทนเมิ่งเฉียวม่อทันทีที่กลับถึงมาตุภูมิได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่หวนนึกถึงวันวาน นัยน์ตาพลันพร่ามัว “ในปีนั้นข้าแบกรับการถูกเหยียดหยามไม่ไหว จึงหลบหนีออกจากแคว้นต้าเซี่ยจนมาถึงชายแดนเหนือของแคว้นหนานฉี ถูกไล่ล่ามาตลอดทาง สุดท้ายก็ได้แม่ทัพน้อยเมิ่งช่วยชีวิตข้าไว้ “บุญคุณช่วยชีวิตนี้ ข้าจักต้องตอบแทน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 353

    แม้ว่าใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้เผยอารมณ์นึกคิดมากนัก เซียวอวี้ก็สามารถมองเห็นว่านางอารมณ์ไม่ดี เพราะเรื่องที่เขาสั่งให้ปล่อยตัวเมิ่งเฉียวม่อก่อนกำหนด หลังจากที่องค์หญิงใหญ่เดินออกไปแล้ว เซียวอวี้เดินลงจากที่นั่งตำแหน่งสูง แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน มิได้เผยรัศมีของฮ่องเต้ เพียงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ในช่วงปีที่เราเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์นั้น ต้องเผชิญทั้งศึกภายในและศึกภายนอก เสด็จพี่หญิงจึงเสียสละตัวเอง เพื่ออภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นต้าเซี่ย “เราติดค้างนางอยู่” “เพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลงมองไปที่อิฐปูพื้น สีหน้าไม่เผยความรู้สึก นางมีปฏิกิริยาที่ดูเรียบเรื่อยขนาดนี้ เซียวอวี้กลับรู้สึกว่านางไม่เข้าใจเขาเลย ดังนั้น เขาจึงกล่าวต่ออีก “เช่นนั้นก็ถือว่าเราไม่รักษาสัจจะเถิด “และเราได้ไตร่ตรองดูแล้ว เมิ่งเฉียวม่อถูกจำคุกมาหลายวันแล้ว นั่นถือว่าเพียงพอ “เจ้ามีฐานะเป็นฮองเฮา สมควรมีความใจกว้างบ้าง “ในเวลานั้นนางเปิดเผยที่อยู่ของเจ้า สำหรับเจ้าคือการไม่รักษาสัจจะ ทว่าในฐานะที่นางเป็นขุนนาง การรายงานที่อยู่ของฮองเฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 354

    ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮากำลังตระกองกอดพระธิดาโดยสายเลือดซึ่งมิได้พบหน้ามานานหลายปี ด้วยน้ำตาคลอหน่วย “ฉีเอ๋อร์! ลูกของข้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว...แม่เฝ้าคิดถึงเจ้าทั้งวันทั้งคืน สวรรค์เห็นแล้วคงจะเมตตา และส่งเจ้ากลับคืนมาแล้ว...” หนิงเฟยก็นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความสุขใจมากล้น พลางยกมือเช็ดน้ำตาอย่างตื้นตันใจ “พี่หญิง ท่านป้าคิดคำนึงถึงท่านทุกวันคืน เฝ้าแต่นับวันรอคอย ท่านควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว ท่านป้าเป็นห่วงท่านเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าก็เป็นห่วงท่าน กลัวว่าแคว้นต้าเซี่ยจะผิดสัญญาคืนคำ...โชคดีที่ท่านกลับมาได้อย่างปลอดภัย” องค์หญิงใหญ่ยืดหลังตั้งตรง ดวงตาเป็นสีแดงระเรื่อ ทว่ามิได้หลั่งน้ำตามากนัก ระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาในแคว้นต้าเซี่ย น้ำตาของนางได้เหือดแห้งไปนานแล้ว “เสด็จแม่เพคะ หลังจากที่ฮ่องเต้ชราของต้าเซี่ยสิ้นพระชนม์ โอรสของเขาขึ้นครองราชย์แทน หม่อมฉันกลายเป็นพระสนมของอดีตฮ่องเต้ กลับกลายเป็นว่าเดรัจฉานนั้น...เขายังต้องการครอบครองหม่อมฉันด้วย!” เมื่อไทเฮาได้ยินเช่นนั้น พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ว่าอันใดนะ! เขาไร้ยางอายและทำตัวขัดหลัก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 355

    ย่ำสนธยามาเยือน องค์หญิงใหญ่ได้พบกับสตรีนางหนึ่งระหว่างทาง สตรีนางนั้นดูไม่เหมือนกับเป็นคนในวังเลย นางกำลังเร่งรีบไปที่ห้องทรงพระอักษร จึงมิได้เห็นคนผู้นี้อยู่ในสายตา ทว่าอีกฝ่ายกลับเข้ามาคำนับทักทายนาง ก่อนจะกล่าว “หม่อมฉันเมิ่งเฉียวม่อ ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่” องค์หญิงใหญ่พลันตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็มองดูคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ความคิดของนางย้อนกลับไปในปีนั้น... ครั้งแรกที่นางเดินทางถึงแคว้นต้าเซี่ย ฮ่องเต้ผู้เฒ่าทรงโปรดปรานนางมาก ทว่าในเวลาไม่ถึงสองเดือน เขาก็เปลี่ยนไปโปรดปรานคนใหม่ ในพระราชวัง หากมิได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ และไม่รู้วิธีสร้างเส้นสายกับผู้อื่น ผลลัพธ์นั้นสามารถจินตนาการได้เลย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นางต้องทรมานแสนสาหัสจากความอัปยศนานัปการ ในภายหลัง นางทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงลงมือสังหารนางสนมรักของอดีตฮ่องเต้ แล้วหลบหนีออกจากแคว้นต้าเซี่ยโดยมีองครักษ์คนสนิทให้การอารักขา นางรู้ว่าการกระทำวู่วามของตน อาจจะเป็นภัยต่อแคว้นหนานฉี ทว่าในยามนั้นนางแค่อยากจะมีชีวิตรอดต่อไป หลังจากหลบหนีไปถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 356

    เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ผล็อยหลับไปในห้องทรงพระอักษรโดยไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ นางย่อกายคำนับให้เซียวอวี้ “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ สำหรับคำพูดขององค์หญิงใหญ่เมื่อครู่นี้ นางแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน เซียวอวี้มองดูนางด้วยท่าทางอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็ปล่อยให้นางกลับออกไป องค์หญิงใหญ่รอจนนางเดินออกไปแล้ว ก็เอ่ยวาจาที่ชอบธรรม “ฝ่าบาท ได้โปรดให้เวลาข้าสักหน่อย แล้วข้าจะต้องหาหลักฐานที่นางใส่ร้ายป้ายสีแม่ทัพน้อยเมิ่งได้แน่!” งูมีวิถีของงูฉันใด หนูก็มีเส้นทางของหนูฉันนั้น เป็นไปไม่ได้เลยว่าฮองเฮาจะเป็นผู้บริสุทธิ์! จักต้องทำให้ฝ่าบาทได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง เพื่อป้องกันมิให้นางประทุษร้ายต่อแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกครั้ง ณ จวนองครักษ์อารักขาประตู หลังจากที่เฉียวม่อได้ตามสืบจากหลายช่องทาง ก็ได้ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น นางพึมพำอยู่กับตัวเอง “ที่แท้ ก็เป็นบุญคุณช่วยชีวิต...” เฉียวม่อพ่นลมหายใจผ่านจมูกอย่างเย็นชา ศิษย์พี่ชอบช่วยชีวิตผู้คนมากจริง ๆ ทว่า ศิษย์พี่ที่เย็นชาไม่กล้าเอ่ยความจริงกับอง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 357

    ภายใต้การซักถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าขององค์หญิงใหญ่ เฉียวม่อจึงต้อง “ฝืนใจ” บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ฮองเฮาหลบหนีออกไปครานั้น องค์หญิงใหญ่ได้ยินเช่นนั้นแล้วไซร้ พลันตกตะลึงไม่น้อย “มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ!?” เป็นเรื่องที่เหลวไหลสิ้นดี! เฉียวม่อแสร้งทำเป็นช่วยอธิบายเสียหน่อย “ฮองเฮาทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเพคะ เนื่องจากโกรธที่ฝ่าบาทมิเคยลืมเลือนหรงเฟยผู้ล่วงลับไปเลย ขึ้นชื่อว่าสตรี ย่อมมีความอิจฉาริษยาไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว” องค์หญิงใหญ่ยิ้มเยาะด้วยความโกรธ “นางเอาแต่ใจตัวเองเกินไป เห็นฝ่าบาทเป็นอะไร มองเกียรติยศของฮองเฮานั้นเป็นอย่างไร? ทำตัวเสมือนพวกนางสนมน้อยใหญ่เหล่านั้น ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก!” เฉียวม่อเร่งรีบหันมองไปรอบ ๆ และเอ่ยอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงเพคะ เรื่องนี้มีน้อยคนที่รู้ อีกทั้งฝ่าบาทยังมีคำสั่งกับผู้ที่รู้เรื่องว่า ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด...โทษหม่อมฉันเอง มิควรพูดมากกับท่านเลย” องค์หญิงใหญ่ยกมือตบไหล่นางเบา ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นขุนนางผู้จงรักภักดี เกรงว่าฮองเฮาจะมองแค่เจ้าเป็นสตรี ทว่ากลับได้รับความนับถืออย่างสูงจากฝ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 358

    ความผิดที่เฉียวม่อได้กระทำต่อเวยเฉียงและกองทัพมังกรพยัคฆ์นั้น ไม่อาจมีอะไรมาลบล้างความผิดได้ และเฟิ่งจิ่วเหยียนจะไม่มีวันให้อภัย ทว่าเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง มิอาจให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียการใหญ่ได้ หากว่าเฉียวม่อพ่ายแพ้การประลอง มันจะกลายเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของแคว้นหนานฉี ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ส่งเหลียนซวงไปเตือนเฉียวม่อให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะดาบคู่ที่ชาวซีหนี่ว์ชำนาญ เฉียวม่อไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง “กลับไปทูลฮองเฮาเถอะ นางไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะข้าจะต้องได้ชัยชนะอย่างแน่นอน” ศิษย์พี่ประเมินนางต่ำเกินไปแล้ว ในช่วงบ่าย ใกล้ถึงเวลาเริ่มการประลอง เหล่าขุนนางอำมาตย์ของหนานฉีอยู่พร้อมหน้า และมีราชทูตจากหลายแคว้นร่วมเป็นสักขีพยาน เฟิ่งจิ่วเหยียนและองค์หญิงใหญ่ก็ไม่พลาดงานนี้ เซียวอวี้มิได้แปลกใจเลยที่เห็นว่าองค์หญิงใหญ่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่คาดคิดว่าฮองเฮาก็ใส่ใจมากเช่นกัน เขาสั่งให้คนจัดเตรียมที่นั่ง และให้เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งเคียงข้างกาย เฟิ่งจิ่วเหยียนพุ่งความสนใจท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 359

    หลังจากที่ราชทูตแคว้นซีหนี่ว์หงายหลังล้มลง เฉียวม่อก็รีบพุ่งเข้ามาตระครุบอีกฝ่าย แล้วใช้พลังงานทั้งหมดในร่างกาย ตีศอกใส่หน้าท้องของคู่ต่อสู้ราชทูตพลันกระอักโลหิตจำนวนมากออกมา ลำตัวทั้งสองข้างกระดอนขึ้นมาตามแรงศอกตี แล้วล้มลงอีกทันทีพร้อมกับดาบที่หลุดออกจากมือ... บริเวณโดยรอบเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ตะโกนออกมาก่อน “ชนะ...ชนะแล้ว!” องค์หญิงใหญ่ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน นางมองไปที่เฉียวม่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข อีกฝ่ายไม่ทำให้นางผิดหวังจริง ๆ เหล่าขุนนางอำมาตย์ของหนานฉีทุกคนก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คิดว่าจะแพ้เสียแล้ว ทำเอาข้าใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย” “จักแพ้ได้อย่างไรเล่า นั่นคือเมิ่งสิงโจวเชียวนะ!” เฉียวม่อยืนอยู่บนเวทีประลองพลางยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่านางชนะแล้ว นางหันไปยังทิศทางของเฟิ่งจิ่วเหยียน ด้วยรูปลักษณ์ของผู้ที่เป็นหนึ่ง ในยามนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มองนางด้วยประกายแสงสีเข้มที่วาวโรจน์อยู่ในดวงตา เพลงหมัดของเฉียวม่อนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้คนผู้หนึ่งล้มลงได้ เช่นนี้ จึงเหลือสมมติฐานที่เป็นไป

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 954

    หลิวอิ๋งมาถึงจวนตระกูลเฟิ่ง วางมาดเป็นเหมือนนายหญิงกลับจวน นำรังนกยื่นให้สาวใช้“นำรังนกไปตุ๋น เดี๋ยวข้าจะดื่ม”สาวใช้ยื่นมือทั้งคู่รับมา ไม่กล้าที่จะละเลยพ่อบ้านเหลือบมองรังนก แล้วก็แอบส่ายหัวฮูหยินในอนาคตคนนี้หาเงินเก่งก็จริง ทว่าใช้จ่ายเงินก็ไม่ธรรมดาหากให้นางดูแลจัดการจวนตระกูลเฟิ่ง จะมีชีวิตที่ดีได้หรือ?หลิวอิ๋งอายุสี่สิบกว่า ปกติใช้เงินจำนวนมากในการบำรุงดูแล ใช้ผงแป้งไข่มุกทุกวัน แลดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอย่างน้อยเจ็ดแปดปีวันนี้นางแต่งตัวสวมชุดกระโปรงเบาสบายทันสมัย กล่าวกันว่าเป็นแบบที่ฝ่าบาทออกแบบให้กับฮองเฮาด้วยพระองค์เอง เมื่อสวมใส่แล้วมีความสง่ากล้าหาญ นางคิดว่า คู่ควรกับสถานะของนางที่เป็นหญิงแกร่งทางการค้าเวลานี้ มุมหนึ่งตรงระเบียงทางเดิน อี๋เหนียงหลินกับสาวใช้ยืนอยู่ตรงนั้น แอบมองดูอยู่สาวใช้แสดงสีหน้าสมน้ำหน้า“อี๋เหนียง นายท่านโกรธขนาดนี้ แม่หญิงหลิวคนนั้นโชคร้ายแน่”สายตาอี๋เหนียงหลินแฝงไปด้วยความเกลียดแค้น ชิงชัง มือออกแรง แทบอยากฉีกผ้าเช็ดหน้าให้ขาด“สารเลว! อย่าให้นางเข้ามาอยู่ที่นี่ดีที่สุด!”……หลิวอิ๋งเข้าไปในห้องโถงหน้า ก็เห็นเฟิ่งหลินจับจ้องต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 953

    ในห้องโถงส่วนหน้า จวนตระกูลเฟิ่ง นายท่านเฟิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ความคับแค้นใจนั้นมิอาจจางหายได้ มันอัดแน่นอยู่ในทรวงอก รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก พ่อบ้านรออยู่ด้านข้าง กลั้นเสียงมิกล้าหายใจแรง แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ฮองเฮาพิโรธขนาดนั้นก็ไม่น่าแปลกใจ ว่าที่ฮูหยินทำเกินไปแล้วจริง ๆ กล้าไปสร้างปัญหาที่จวนพลทหาร ทั้งตบหน้าฮูหยินน้อยได้อย่างไร! บัดนี้นายท่านจึงตกที่นั่งลำบาก หันหน้าไปทางไหนก็ไม่ดี พ่อบ้านลอบถอนหายใจ หนึ่งเรื่องยังไม่ทันจบ เรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก เด็กรับใช้รีบเร่งเดินเข้ามาข้างใน “นายท่าน! คุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ!” เพิ่งจะพูดจบ เฟิ่งเหยียนเฉินพลันเดินเข้ามาด้วยท่าทีน่าเกรงขาม เขาไม่รอให้คนไปรายงานก่อน เดินตรงมาหานายท่านเฟิ่งที่ห้องโถงส่วนหน้าโดยตรง ครั้นได้เห็นสีหน้าบึ้งตึงของบุตรชาย ก็คาดเดาได้ถึงเหตุผลที่เขามาเยือนทันที จู่ ๆ นายท่านเฟิ่งรู้สึกนั่งก็ไม่ใช่ ยืนก็ไม่ถูก เขานึกหงุดหงิดใจนัก วันนี้ช่าง “ครึกครื้น” เสียจริง! เฟิ่งเหยียนเฉินยังสวมเครื่องแบบราชการอยู่ ยืนนิ่ง พูดเข้าประเด็นทันที “ขอบังอาจถ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 952

    จวนตระกูลเฟิ่ง นายท่านเฟิ่งกำลังสั่งให้คนเขียนเทียบเชิญงานแต่ง พ่อบ้านพลันวิ่งเข้ามารายงาน “นายท่าน นายท่าน! ฮองเฮาเสด็จมาขอรับ!” สีหน้าของนายท่านเฟิ่งดูตกตะลึง เหตุใดฮองเฮาจึงมาเยือนอย่างกะทันหัน? หรือได้ยินข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงานใหม่ จึงรีบมาขัดขวาง? อีกด้านหนึ่ง ในเรือนอี๋ชิง อี๋เหนียงหลินร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้ว “ไฉนนังแพศยานั่นมาทีหลังกลับได้สมหวัง! “ข้าปรนนิบัตินายท่านมานานหลายปีแล้ว นางเป็นแค่หญิงม่ายคนหนึ่ง คิดจะมาแข่งกับข้า...นายท่านจะชื่นชอบนางได้อย่างไร! “ข้าโมโหจะตายอยู่แล้ว! ให้ตายเถอะ! ข้ายอมตาย ดีกว่าทนอัดอั้นเช่นนี้!” ตั้งแต่รู้ว่าหลิวอิ๋งกำลังจะได้แต่งเข้าจวน อี๋เหนียงหลินก็ร้องไห้โวยวายอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ได้วิ่งไปโวยวายต่อหน้านายท่านแล้ว กลับถูกตำหนิกลับมาเสียยกใหญ่ ยามนี้จึงได้แต่ระบายความอัดอั้นในเรือนของตนเอง เดิมเฟิ่งหมิงเซวียนยังมาปลอบโยนนางบ้าง ทว่านางร้องไห้บ่อยเกินไป จนเฟิ่งหมิงเซวียนรู้สึกรำคาญเช่นกัน จึงย้ายไปอยู่ที่โรงพักแรม ไม่ยอมกลับบ้านทั้งกลางวันกลางคืน อี๋เหนียงหลินยิ่งคิดก็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 951

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้าไปในห้อง พลันเห็นมารดานั่งอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าเช็ดน้ำตาอยู่ แววตาของนางมืดลง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปเร็วขึ้น ครั้นนายหญิงเฟิ่งได้ยินเสียงคนเข้ามา จึงเงยหน้ามอง เห็นว่าเป็นเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รีบปาดน้ำตาทิ้ง เปลี่ยนจากความเศร้าเป็นยินดี “ฮองเฮา...” ถึงแม้จะเป็นแม่ลูกกัน และอยู่ในสถานที่ส่วนตัว นายหญิงเฟิ่งยังเคร่งครัดในกฎระเบียบ นางไม่อยากให้บุตรสาวกังวล จึงหาข้ออ้างง่าย ๆ โดยไม่รอให้เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยถามก่อน “แม่แค่คิดถึงเวยเฉียง มิรู้ว่านางอยู่ที่จางโจวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” การร้องไห้เมื่อคิดถึงบุตรสาว เป็นธรรมดาของมนุษย์ หากเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ก็คงจะเชื่อแล้วจริง ๆ นางเดินไปนั่งลงข้างกายของนายหญิงเฟิ่งอย่างเงียบ ๆ “พูดมาตามตรงเถิด เกิดอะไรขึ้น” นายหญิงเฟิ่งชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกลับมาแย้มยิ้มทันที “ก็เป็นดั่งที่พูดเมื่อครู่นี้ ฮองเฮา ไฉนเจ้าถึงออกจากวัง? มีเรื่องอะไรนอกวังหรือไร?” นางยังต้องการจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนยังวกกลับมา “ข้าเห็นคนพวกนั้นแล้ว พวกนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 950

    ราชทูตจากเป่ยเยี่ยนที่รักตัวกลัวตายนั้น เขาย่อมรู้ดีว่านิสัยของอดีตฮ่องเต้เป็นคนเช่นไร จึงมิคิดหาเรื่องเดือดร้อนให้กับตนเองเขารีบพาทหารทั้งหลายที่ถูกถอดชุดเกราะปลดอาวุธกลับเป่ยเยี่ยนไปในทันที มิคิดรั้งอยู่หนานฉีเลยแม้แต่วินาทีเดียวเมื่ออดีตฮ่องเต้เห็นทุกคนออกไปกันหมดแล้วนั้น เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้วจริง ๆ วินาทีนั้น เขาโกรธโมโหยิ่งนัก พร้อมทั้งไอสังหารที่แผ่ไปทั่วทุกที่“อ๊าก! ตาเฒ่า! ข้าเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่าน ท่านกล้าทำเช่นนี้กับข้าเลยหรือ!”เขาทั้งสองข้างพลันคุกลงบนพื้น ก่อนจะร้องคำรามไปมามิต่างอันใดกับสุนัขที่บ้าคลั่ง……แคว้นตงซานที่อยู่ห่างออกไปพันลี้นั้นหลังจากที่ราชทูตทั้งสองกลับมาแล้วนั้น พลางนำข่าวที่ตนเองถูกพวกหนานฉีบังคับให้ทำการค้าขายด้วยมารายงานในทันทีฮ่องเต้แคว้นตงซานที่ได้ยินเช่นนั้น พลันหัวเราะออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“เรารู้ดีว่า หนานฉีจักไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้แน่!”ราชทูตหลี่หลิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นนั้น“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจช่วยราชครูกลับมาได้ ทว่า พวกกระหม่อมได้ทิ้งสายลับเพื่อติดตามหาเบาะแสของตงฟางซื่อเอาไว้แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 949

    การที่พวกเขาขอเข้าพบยามมืดค่ำเช่นนี้ เกรงว่าราชทูตเป่ยเยี่ยนเองคงมีเรื่องร้อนใจมากกระมังจางฉี่หยางนำกองทัพที่แข็งแกร่งบุกเข้าโจมตีเป่ยเยี่ยนสงครามในครานี้จึงต้องรีบระงับโดยไว แว่นแคว้นภายในถึงจักสามารถฟื้นตัวได้เสียที……เมืองเซวียนภายในเรือนจำฮ่องเต้เยี่ยนและเหล่าทหารมากมายถูกคุมขังเอาไว้ที่นี่เขามิคิดเลยว่า ตนเองจักถูกพวกหนานฉีจับได้ ทั้งยังถูกคนของตนเองทรยศหักหลังอีก!เขาโกรธเกลียดยิ่งนักเมื่อฮ่องเต้ถูกจับตัวเอาไว้ได้เช่นนี้ กองทัพเยี่ยนที่เหลืออยู่บนภูเขาจิ่วเหลียนย่อมไร้ความสามารถเป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนหาได้แสดงออกท่าทีว่าตนเองพ่ายแพ้ไม่ หากแต่ยังคงทำตัวหยิ่งจองหอง ยโสโอหังไม่เลิก“เราจักไม่ตาย! พวกเจ้ามิกล้าสังหารเราหรอก!“กองทัพเยี่ยนที่มีทหารนับหมื่นนายนั้น พวกเขาจักยังคงทยอยโจมตีหนานฉีต่อไป จนกระทั่งหนานฉีพ่ายแพ้ราบคาบเป็นหน้ากอง!”นี่คือพระราชโองการที่เขาออกสั่งด้วยตนเอง ก่อนที่เขาจะทยานเข้าสู่ศึกสงครามไม่ว่าอย่างไร เป่ยเยี่ยนกับหนานฉีก็จักรบกันจนตัวตายไปข้างหนึ่ง!ทหารที่เฝ้าห้องขังนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาเสียฉากใหญ่“ทยอยโจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 948

    ในวังหลวงหลังจากรับสำรับมื้อค่ำแล้วนั้น เซียวอวี้ก็มอบของขวัญให้กับตระกูลเฟิ่งมากมาย ทุกคนต่างก็ได้รับกันถ้วนหน้า รวมไปถึงเด็กน้อยวัยสองขวบด้วยเฟิ่งเหยียนเฉินพลันลุกขึ้นยืน“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมนึกละอายใจยิ่งนัก!”โจวซื่ออุ้มบุตรสาวของตนเองขึ้นมา ก่อนจะโค้งกายคำนับตามสามีของตนเองเซียวอวี้ที่มีงานราชกิจมากมายรออยู่นั้น หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเสร็จเขาก็ต้องกลับไปที่ห้องทรงพระอักษร ก่อนจะสั่งการให้หลิวซื่อเหลียงส่งตระกูลเฟิ่งออกจากวังไปหลิวซื่อเหลียงที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้ การที่ได้เขาช่วยนำออกจากวังหลวงนั้น ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลเฟิ่งมากเพียงใดเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองหลานสาวตัวน้อยของนาง ก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของฮ่องเต้ที่เดินจากไปทันใดนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายจึงฉายชัดขึ้นมาในทันทีตลอดการรับสำรับมื้อค่ำในครานี้ เซียวอวี้ลอบมองดูเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ฉายขึ้นในดวงตาของเขาเสมอสายตานั้น มิต่างอันใดกับเฟิ่งเหยียนเฉินที่มอบให้กับบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 947

    สีหน้าของนายท่านเฟิ่งเต็มไปด้วยการต่อต้านถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังมีบุปผางามสาวสะพรั่งอีกมากมายให้เลือกสรร อย่างน้อย เขาก็สามารถแต่งกับสตรีที่รู้ความแตกฉานด้านอักษร หรือมีภูมิหลังที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ผุดผ่องได้หลิวอิ๋งผู้นี้ หาได้มีคุณสมบัติที่จักมาเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิ่งไม่!หากแต่ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาหาได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเขาราวกับเต็มไปด้วยความรักใคร่“นายท่าน สามีของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ข้ามิเคยลืมท่านเลยสักวันเดียว“ในเมื่อพี่สาวข้าหย่าขาดกับท่านเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันดีหรือไม่ ในครานี้ มิมีผู้ใดขัดขวางพวกเราได้อีกแล้ว”ทั่วร่างของนายท่านเฟิ่งพลันเหงื่อแตกไปในทันที ก่อนจะผลักนางออกไป“ใครเคยอยู่กับเจ้ากัน! เจ้าออกไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งในยามนี้ จัดการยากกว่าในปีนั้นยิ่งนัก!เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่มารดาของเขามิยินยอมให้นางแต่งเข้าจวนมา!ดวงตาของหลิวอิ๋งพลันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายกับท่าทีที่พร้อมจะทุบหม้อข้าวหม้อแกงทุกอย่างทิ้งไป“ท่านไม่อยากแต่งกับข้างั้นหรือ?“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status