Share

บทที่ 224

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้ไล่ตามคนมาตลอดทางจนถึงตำหนักหย่งเหอ เขาเห็นกับตาว่านักฆ่าหญิงผู้นั้นเข้าไปในตำหนักบรรทม จึงสาวเท้าตามเข้าไป

บนพื้นมีเลือดหยดอยู่หลายหยดยาวไปจนถึงห้องอาบน้ำ

สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นคมปลาบ

ทันใดนั้นประตูของห้องอาบน้ำก็เปิดออก

เป็นฮองเฮา

“ฝ่าบาททรงเสด็จมา เหตุใดจึงไม่มีคนมารายงาน?”

หญิงสาวห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดนอนบาง ๆ อย่างผู้ที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง ปลายผมมีหยดน้ำ เท้าคู่นั้นเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียที่ทำมาจากผ้าแคชเมียร์โดยตรง เหนือข้อเท้าเล็กบอบบางมีชายกระโปรงที่ถูกลมพัดจนโบกพลิ้ว เผยให้เห็นน่องขาที่กระชับได้รูปอย่างคลุมเครือ

ใบหน้าที่เยือกเย็นของเซียวอวี้มีสีอื่นวาบผ่านมาแล้วหายไปทันที

เขามองไปด้านหลังนางปราดหนึ่ง

ยามที่เพิ่งจะเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว จังหวะที่เดินผ่านฮองเฮาไปเขาก็ถูกนางใช้มือเดียวจับแขนเอาไว้

“ฝ่าบาท ข้างในยังไม่ได้ทำความสะอาดเพคะ”

ควับ---

ทันใดนั้นเซียวอวี้พลันคว้าจับไหล่ของนาง แล้วกดนางเข้ากับกำแพงด้านหลัง

สายตาดุดันโหดร้ายราวกับเหยี่ยวของเขามองใบหน้าของนางอย่างสงสัย

“อาบน้ำอยู่ตลอดงั้นหรือ?”

ยามที่เขามองประเมินเฟิ่งจิ่วเหยียน เ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (6)
goodnovel comment avatar
FF
ทันกันทั้งคู่ อยากอ่านบทรักกันแล้ว
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ฮ่องเต้รู้แล้วว่าฮองเฮาคือนักฆ่า
goodnovel comment avatar
Kokkanok Tisa
ฮ่องเต้ เป็น คำนิยาม ของคำว่า ชายแท้ จริง ๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 225

    หลังจากงานเลี้ยงเหล่าแม่ทัพจบลง เซียวอวี้ก็ยังต้องปรึกษากิจธุระเรื่องการยอมสวามิภักดิ์ของรัฐเหลียงกับแม่ทัพแต่ละภาคส่วนอีกด้วยเหตุนี้เฉียวม่อจึงยังรั้งอยู่ในเมืองหลวงอีกหลายวัน และต้องเข้าวังอยู่หลายครั้งนางมักจะเข้าไปในห้องทรงพระอักษรบ่อย ๆ เหล่านางสนมจึงเริ่มหึงหวงยามเช้าพอไปน้อมคารวะที่ตำหนักหย่งเหอ ก็มาบ่นต่อหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ต่อให้เป็นแม่ทัพ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรี เหตุใดจึงไม่รู้จักหนักเบาเช่นนี้!”“แม่ทัพน้อยเมิ่งผู้นั้น ยามนี้เป็นถึงคนโปรดของฮ่องเต้ อย่างไรพวกเราก็เทียบไม่ติด”“ฝ่าบาทไม่ค่อยเสด็จมาที่วังหลัง แต่กลับทรงประทับอยู่กับเมิ่งเฉียวม่อผู้นั้นอยู่เป็นประจำ วันนี้ยังไปขี่ม้ายิงธนูที่สนามม้าหลวงด้วยนะ ฮองเฮาเพคะ เกรงว่าวังหลังจะต้องมีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนแล้ว”ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนคือการดื่มชาอย่างนิ่งเฉยนางไม่แน่ใจในความคิดของเซียวอวี้นัก ทว่าเฉียวม่อที่ทุ่มเทความคิดเพื่อที่จะได้เป็นแม่ทัพหญิง ย่อมไม่คิดที่จะเข้าวัง“หากพวกเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปคัดกฎวังเถิด”เมื่อเหล่านางสนมได้ยินก็พลันเงียบปากทันทีหลังจากพวกนางกลับกันไปแล้ว นางสนมเจียงยังคงรั้งอยู่ต่อ แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 226

    ยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ความจริงที่เฉียวม่อสามารถพูดได้มีไม่มากนางทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮาทรงอธิษฐานขอพรให้เหล่าทหาร หม่อมฉันจึงคิดว่า ไม่ว่าเยี่ยงไรก็ต้องขอบพระทัยพระนางด้วยตนเอง“เมื่อครู่ตอนอยู่สนามม้าหลวงกับฝ่าบาท จึงกล่าวถึงคำขอที่ไม่เหมาะสมนี้“ฮองเฮา หม่อมฉันขอคารวะท่านด้วยน้ำชาจอกนี้แทนสุรา”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบนิ่ง“ท่านแม่ทัพ เกรงใจแล้ว”เซียวอวี้พูดออกมาทันที“อฐิษฐานขอพรเพียงเรื่องเล็กน้อย เหล่าทหารเสียสละเลือดเนื้อสู้ศึกต่างหากคือเรื่องจริง ฮองเฮาไม่คู่ควรกับคุณงามความดีนี้หรอก”เหลียนซวงอยากโต้กลับมากฮองเฮานำทัพไปทำสงครามที่ชายแดนแท้ ๆ ผลกลับกลายเป็นว่าคุณงามความดีนี้ตกไปอยู่ที่เฉียวม่อเสียอย่างนั้นเฉียวม่อกล่าวเหมือนให้ความเที่ยงตรง“ฝ่าบาท หากไม่มีคำอธิษฐานขอพรของฮองเฮา พวกข้าก็คงไม่สามารถเอาชนะกองทัพรัฐเหลียงได้รวดเร็วขนาดนี้”น้อยคนนักที่จะกล้าโต้แย้งฝ่าบาทเช่นนี้ซ้ำยังเป็นอิสตรีทว่าเซียวอวี้ไม่เพียงไม่ลงโทษ ยังเห็นด้วย“หากเจ้าบอกว่าฮองเฮาทำคุณงามความดี ย่อมเป็นเช่นนั้น”เท่านี้ก็ดูออกแล้วว่าเขาเชื่อใจและโปรดปรานยอดแม่ทัพหญิงม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 227

    เฟิ่งเวยเฉียงฟื้นคืนสติ นี่เป็นข่าวดีอย่างยิ่งหลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนทราบเรื่องนี้ ก็ออกจากวังไปในคืนนั้นยามราตรีเงียบสงัด ไฉ่เยว่เปิดประตูเรือน ให้เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้ามาข้างในจากนั้นไฉ่เยว่ก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกภายในเรือนเฟิ่งเวยเฉียงนั่งเหม่อลอยบนเตียง ยามเห็นคนใส่หน้ากาก ก็จำไม่ได้ว่าเป็นใครจนกระทั่งเฟิ่งจิ่วเหยียนถอดหน้ากากออก น้ำตาของเฟิ่งเวยเฉียงพลันเอ่อล้น“ท่านพี่…”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวเท้าเร็ว ๆ ไปที่เตียงเฟิ่งเวยเฉียงนั่งอยู่ตรงนั้น กอดเอวของนางเอาไว้ แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่“ท่านพี่! เป็นท่าน...เป็นท่านจริง ๆ ใช่ไหม!”เฟิ่งจิ่วเหยียนควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้ ยกมือขึ้นตบหลังของเวยเฉียงเบา ๆ“ข้าเอง ข้ากลับมาแล้ว”เฟิ่งเวยเฉียงฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน จึงยังเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้างนางจะใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งเหม่อลอยเพียงลำพังไฉ่เยว่ถามอะไร นางก็ไม่ตอบพอเห็นท่านพี่ของตนเอง จึงเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง เช็ดน้ำตาบนหน้าให้นางเองกับมือเวยเฉียงผอมลงเยอะมากนางเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสาร“เราออกจากเมืองหลวง ไปที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 228

    ในยามรัตติกาล บริเวณสถานที่พักแรมเงียบสงัดเฉียวม่อเดินไปหยุดตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน ด้วยรอยยิ้มยินดี“ศิษย์พี่ ท่านมาได้อย่างไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกมือขึ้น วางบนไหล่ของนางเบา ๆเฉียวม่อแสร้งทำเป็นนิ่งไม่หลบหลีก ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายดีใจ พร้อมกับมองมาที่นางเฟิ่งจิ่วเหยียนปัดใบไม้บนไหล่ของนาง ดวงตาเบื้องหลังหน้ากาก ปรากฏแววเย็นยะเยือก“มาส่งเจ้า”เฉียวม่อเหมือนยกภูเขาออกจากอก ขอบตาพลันรื้นไปด้วยหยาดน้ำ“ศิษย์พี่ ข้า ข้านึกว่า…เรื่องในงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพ ท่านยังเข้าใจข้าผิด ข้าคิดว่าท่านจะไม่สนใจใยดีข้าอีกแล้ว…”นางกอดเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้อย่างตื้นตัน “ศิษยพี่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปากจนกลายเป็นเส้นตรง มือที่วางแนบข้างลำตัว กำเข้าหากันจนกลายเป็นกำปั้นต่อมา นางก็ผลักเฉียวม่อออก จดจ้องดวงตาของอีกฝ่าย แล้วเอ่ยถาม“จริงหรือ ไม่ได้โกหกข้าแน่นะ”เฉียวม่อพยักหน้าอย่างหนักแน่น“แน่นอน! ศิษย์พี่ ข้ามีอะไรก็บอกท่านมาตลอด! ท่านวางใจได้ แม้นตอนนี้ข้าจะเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่ง แต่ตำแหน่งนี้ยังคงเป็นของท่านวันยังค่ำ ข้ากับอาจารย์และอาจารย์หญิงต่างเฝ้ารอให้ท่านกลับมา“ข้าจะไม่ยึดครองตั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 229

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษร แล้วทำความเคารพอย่างไม่ถือตัวและไม่ถ่อมตน“ถวายบังคมฝ่าบาท”หลิวซื่อเหลียงเหลือบมองฮองเฮา สีหน้าของนางดีขึ้นมาก ดูไม่เหมือนคนไม่สบาย ทว่าแววตานั้นกลับดูเย็นชากว่าปกติ ทอแววเยือกเย็นห้ามเข้าใกล้เซียวอวี้ดึงความสนใจจากสาส์นร้องทุกข์ เงยหน้ามองนาง แล้วเอ่ยถาม“มีเรื่องอะไร”“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากกลับไปเยี่ยมเยือนบ้านเพคะ”ในเมื่อสงสัยว่าเฉียวม่อคือบุคลคลลึกลับผู้นั้น ก็ต้องไปสืบหาหลักฐานประการแรก หากไม่มีหลักฐาน ย่อมไม่มีคนเชื่อนางประการที่สอง เพราะความสัมพันธ์ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมากับเฉียวม่อ จึงไม่อยากปรักปรำนางหากอยู่ในวังต่อไป ก็ไม่มีความหมายอันใดเฟิ่งจิ่วเหยียนหลุบตาลง รอคำตอบของเซียวอวี้ทว่าชายหนุ่มกลับมองสำรวจมาที่นาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมยากที่จะโต้แย้ง“เจ้าเป็นฮองเฮา ไม่ควรออกจากวังไปโดยพลการ หากคิดถึงครอบครัว ให้พวกเขาเข้าวังมาก็ได้”หัวใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนหล่นวูบเดิมนางวางแผนไว้ว่าจะอาศัยข้ออ้างออกจากวังไปเยี่ยมบ้าน โดยใช้กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบตบตา ไม่กลับมาที่นี่อีก ไม่คาดคิดเลยว่าเซียวอวี้จะเข้มงวดเช่นนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 230  

    ในตอนนั้นอดีตรัชทายาทลอบทำร้ายพี่ชาย จึงถูกฮ่องเต้องค์ก่อนลดสถานะเหลือเพียงสามัญชน ตามหลักแล้ว งานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ เขาไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมไทฮองไทเฮาได้ยินความคิดเห็นของมู่หรงฉานครั้งแรก ก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งมู่หรงฉานอ่อนโยนดุจสายน้ำ ดวงตาทอแววบริสุทธิ์อย่างมีเมตตา ราวกับว่าสามารถคลี่คลายความบาดหมางทุกอย่างในโลกได้ นางโน้มน้าวว่า“ท่านเคยบอกกับหม่อมฉัน ฝ่าบาทเคยตรัส ว่ายอมมีโอรสคนเดียว ดีกว่ามีหลายคนแล้วแก่งแย่งกัน“เห็นไทฮองไทเฮากังวลเรื่องนี้ หม่อมฉันก็พลอยเศร้าไปด้วย“จึงมีความเห็นว่า บางทีอาจจะใช้ประโยชน์จากอดีตรัชทายาท เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับฝ่าบาท เช่นนี้ ฝ่าบาทอาจจะเปลี่ยนความคิด ว่าการมีโอรสหลายองค์ต่างหากคือความสุข หากมีโอรสเพียงองค์เดียว คงโดดเดี่ยวเกินไป”เมื่อไทฮองไทเฮาได้ฟัง ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลหากฝ่าบาทพูดสิ่งใดอย่างมั่นเหมาะแล้ว ย่อมไม่เปลี่ยนคำง่าย ๆ หากเขาตั้งใจว่าจะมีโอรสเพียงองค์เดียวจริง ๆ เช่นนั้นเด็กคนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าต้องกำเนิดมาจากฮองเฮา ฉานเอ๋อร์ก็จะไม่หลงเหลือโอกาสอะไร“ข้าจะคิดดูอีกที”แม้นนางจะยินยอมให้อดีตรัชทาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 231

    เซียวจั๋วอดีตรัชทายาท เขาอยู่ในชุดสามัญชนสีคราม ช่างดูขัดตากับพระราชวังอันโอ่อ่าหรูหราแห่งนี้เหลือเกิน ราวกับหมอกควันที่จู่ ๆ ลอยมาบนยอดเขาสูงเขายืนอยู่ด้านนอกตำหนักฉือหนิง อาจจะรอให้ไทเฮาเรียกเข้าเฝ้าวันนี้สภาพอากาศไม่ดีนักเมฆดำลอยมาเป็นระยะ เงาดำมืดสลัวปกคลุมบนตัวเขาลมพัดแรงจนชายเสื้อเปิด ทั้งพัดเข้าไปในแขนเสื้อกว้าง จนพองตัว ทำให้แขนเสื้อที่ปะชุนของเขายิ่งเห็นเด่นชัดเหลียนซวงมองเซียวจั๋วด้วยสีหน้าฉงน ในความทรงจำของนาง เขาเป็นคนมีชาติตระกูลสูงศักดิ์ไม่เป็นรองใคร ทว่าตอนนี้กลับ...เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตเห็นท่าทางใจลอยของเหลียนซวงสำหรับเรื่องที่เหลียนซวงอาศัยแค่เงาด้านข้างก็จำอดีตรัชทายาทผู้นี้ได้นั้น นางไม่ได้ถามให้มากความในตอนนี้ ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจทว่าเหลียนซวงกลับรู้สึกกังวลใจ จึงเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ฮองเฮา นั่นคืออดีต...”“ข้ารู้” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยน้ำเสียงเรียบ และส่งสายตาให้นางเป็นการตักเตือนหากแม้แต่ตนเองยังรู้สึกผิดจนไม่กล้าเดินหน้า คนอื่นจะยิ่งนำไปพูดจนบิดเบือนความจริง“ฮองเฮา” องครักษ์เฝ้าประตูทำความเคารพอย่างนอบน้อมเซียวจั๋วได้ยินเสียงนั้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 232

    เมื่อเผชิญกับข่าวลือในวัง เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับทำตัววางเฉยถึงอย่างไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางประสบกับเรื่องราวทำนองนี้หากเทียบกับจัดการกับข่าวลือ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการหาต้นตอของข่าวลือต่างหากอยู่ดี ๆ ไทฮองไทเฮาก็ขอให้อดีตรัชทายาทมาร่วมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ นี่เท่ากับเริ่มวางแผนอันแยบยลไว้เรียบร้อยแล้วทว่า แผนการอันแยบยลนี้ไม่น่าจะเป็นไทฮองไทเฮาที่ทรงวางแผนเฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกไปด้านนอก แววตาเยือกเย็นแฝงความไร้กังวลณ ตำหนักเซี่ยวเสียนหนิงเฟยตรวจสอบรายชื่ออาหารสำหรับงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์อย่างตั้งอกตั้งใจสาวใช้คนสนิทของนางเอ่ยด้วยความกังวลว่า“พระนาง หากท่านไม่สร้างโอกาสให้ฮองเฮากับอดีตรัชทายาทได้พบกัน ข่าวลือคงไม่แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ กลัวแค่ว่าฮองเฮาจะสงสัยมาที่ตัวท่าน”การถูกเนรเทศของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ แสดงให้เห็นว่าฮองเฮาไม่ใช่คนที่ควรหาเรื่องด้วย นางกลัวว่าพระสนมของนางก็จะถูกฮองเฮา...หนิงเฟยแค่นเสียงเย็นชาและไม่แยแส“สงสัยข้าแล้วจะอย่างไร? ข่าวลือเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย”แต่ที่น่าแปลกคือ หลายวันถัดมา ข่าวลือโหมกระพือหนักขึ้นทุกวัน ทางตำหนัก

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status