ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเมินเฉย ขณะที่จดจ่ออยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ นางก็ยังวางแผนที่จะออกจากวังไปพร้อมกันด้วยหากมีนางเพียงคนเดียว ก็สามารถออกไปได้เลยทันทีทว่าตอนนี้ยังจะต้องคำนึงถึงตระกูลเฟิ่งหากนางจากไป ตระกูลเฟิ่งจะต้องรับผิด วิธีที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือการแกล้งตายและหลบหนีหากเป็นเช่นนั้น ทั้งตระกูลเฟิ่งและเซียวอวี้จะไม่ตามหานางอีกนางจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลด้วยทว่า ร่างกายของนางก็ยังดีอยู่ การตายอย่างกะทันหัน จะทำให้คนเกิดความสงสัยอย่างแน่นอนดังนั้น โอกาสนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากนางกำลังรอโอกาสนี้...“ฝ่าบาทเสด็จ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบเก็บของเข้าที่ พร้อมกับลุกขึ้นต้อนรับ เซียวอวี้มาถึงตำหนักหย่งเหอเมื่อเห็นนางมีรอยคล้ำใต้ดวงตา จึงรู้ว่าหลายวันมานี้นางคงนอนหลับไม่เต็มอิ่มนักเพื่องานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ครั้งนี้ นางคงเหน็ดเหนื่อยจริง ๆแต่หารู้ไม่ว่า การที่เหน็ดเหนื่อยไม่พักผ่อนนั้น กลับทำเพื่อจะได้ออกจากวัง“ฝ่าบาททรงมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือเพคะ?” แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งราวกับน้ำไร้ระลอกคลื่นเซียวอวี้นั่งอยู่ตรงที
ณ เมืองซาง จวนตระกูลเมิ่งโชคดีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนแจ้งให้รู้ทันกาล ฮูหยินเมิ่งจึงเตรียมการล่วงหน้า ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยรู้ว่าหลานชายของนางตายก่อนวัยอันควรหญิงชรานั่งเอนกายอยู่บนเตียง พร้อมกุมมือลูกสะใภ้“คนแก่ชราอย่างข้า เหตุใดเจ้ายังอุตส่าห์นึกถึง ทั้งเดินทางรอนแรมมาไกล มาอยู่ฉลองวันไหว้พระจันทร์เป็นเพื่อนข้าอีก”ฮูหยินเมิ่งยิ้มน้อย ๆ “ท่านพี่ก็คิดถึงท่าน สามปีนี้ไม่เคยกลับบ้าน หวังว่าท่านจะเข้าใจและให้อภัย”“การภักดีต่อกษัตริย์และการตอบแทนต่อแผ่นดิน ลูกหลานทุกคนในตระกูลเมิ่งของข้าก็เป็นเช่นนี้ นั่นสิ สิงโจวเป็นอย่างไรบ้าง สู้รบกับรัฐเหลียงครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”หญิงชราเป็นห่วงหลานชาย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลใจ กลัวว่าจะได้ยินข่าวร้าย ฮูหยินเมิ่งย่อมแจ้งแต่ข่าวดีไม่แจ้งข่าวร้ายจากนั้น หญิงชราพลันเอ่ยอีกว่า“สิงโจวอายุครบ 20 ปีแล้ว พวกเจ้าในฐานะพ่อแม่ ก็ควรต้องคิดถึงเรื่องการแต่งงานของเขาได้แล้ว”ฮูหยินเมิ่งข่มความโศกเศร้าในใจ ยิ้มพร้อมพยักหน้า“ท่านแม่พูดถูก พอกลับไปข้าจะไปหารือกับท่านพี่ เพียงแต่ หลานชายของท่านตั้งมาตรฐานสูงนัก และช่างเลือกเจ้าค่ะ”ฮูหย
“สวรรค์! เลือด!” นางสนมจวงผู้ขวัญอ่อนกรีดร้องออกมาก่อนทุกคนต่างหันไปมองจึงเห็นว่า เศษกระเบื้องในมือของนางกำนัลผู้นั้นกรีดโดนมือของฮองเฮา จนมีเลือดไหลออกมา...นางกำนัลยิ่งหวาดกลัว และคุกเข่าลงอีกครั้งเหลียนซวงโมโหจนหายใจหอบ: “เจ้าเจตนา!”เซียวอวี้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรมีสีหน้าเย็นชา และมองไปทางนางกำนัลที่ทำผิดผู้นั้น“พวกรนหาที่ตาย ลากตัวออกไป!”นางกำนัลตะโกนขอชีวิต จากนั้นนางกำนัลอีกคนหนึ่งก็ก้าวขึ้นมา เพื่อจัดการบาดแผลให้เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเรียบเฉย แสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของนางกำนัลผู้นั้นบิดามารดาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางนั้นด้วยความเป็นห่วงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น สาวใช้ที่อยู่ข้างบิดาเฟิ่งจิ่วเหยียนถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่ในมือ นางอาศัยจังหวะกำลังเทสุรา เล็งไปที่มือของบิดาเฟิ่งจิ่วเหยียนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร...มือของนางรวดเร็วฉับไว จนยากจะหลบหลีกได้บิดาเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันรู้สึกเจ็บขึ้นมา และยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณทว่ามองเห็นแมลงเปลือกแข็งตัวหนึ่งอยู่บนพื้น เขากลับคิดว่าอาจจะถูกมันกัด จึงไม่ได้สนใจเซียวอวี้พูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนว่า“ฮองเฮ
เมื่อเห็นถุงหอมและผ้าเช็ดหน้า สีหน้าของเซียวจั๋วพลันเปลี่ยนไป เขารู้ทันทีว่า ตนเองกับฮองเฮาถูกกลั่นแกล้งแล้วบิดามารดาเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ต่างมองหน้ากัน สีหน้าดูหวาดหวั่นและสงสัยข้าหลวงที่ทำของขวัญพลิกคว่ำผู้นั้นรู้ตัวว่าทำผิด จึงรีบเก็บของขึ้นมาด้วยท่าทางลนลานองค์ชายน้อยจากเหล่าราชนิกุลที่อยู่ด้านข้างซุกซนอยู่ไม่นิ่ง เขาวิ่งมาด้านหน้า และหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมา เขาคิดว่าตนรู้จักตัวอักษรบนนั้น จึงอ่านออกมาด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา“‘ขุนเขาสองฝั่งรอรับส่ง ผู้ใดรู้ซึ้งถึงการจากลา น้ำตาพี่เอ่อล้น น้ำตาน้องเอ่อคลอ สองใจผูกพันมิทันหมั้นหมาย กระแสน้ำใยจึงพัดพาไป’”“ท่านพ่อ บทกลอนนี้เศร้านัก! ไม่เหมือนได้อยู่พร้อมหน้าในวันไหว้พระจันทร์!”เหล่าพระสนมตกใจมากถึงกับอ้าปากค้าง และพากันมองหน้ากันบทกลอนรักนี้ บ่งบอกถึงความโศกเศร้าของคนที่มีใจรักมั่นต่อกันแต่ไม่อาจครองคู่กันของขวัญนี้ฮองเฮาเป็นคนจัดเตรียม และมอบให้กับอดีตรัชทายาทนั่นหมายความว่า...ฮองเฮายังคิดถึงอดีตรัชทายาทไม่เสื่อมคลาย!เซียวอวี้มองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเย็นชานางจะมีความรู้สึกต่ออดีตรัชทายาทได้อย่างไร?!เฟิ่ง
ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ทุกคนจึงต้องเปิดของขวัญทว่าการเปิดแต่ละคนมีก่อนหลัง ไม่นานนักก็มีคนพบ “ยาทาผิวแตก! ของหม่อมฉันมียาทาผิวแตกเพิ่มมาหนึ่งตลับ!” เมื่อมู่หรงฉานได้ยินดังนั้น แววตาดูเปลี่ยนไปโชคดีที่ในเวลานี้ หนิงเฟยที่อยู่ฝ่ายเดียวกับนางเอ่ยขึ้นว่า“ฝ่าบาท ต่อให้พบบางอย่างจริง ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าฮองเฮา...”“หนิงเฟย ของเจ้าเป็นอะไร!”นางสนมเจียที่อยู่ด้านข้างมือไม้ว่องไว นางฉวยจังหวะขณะที่หนิงเฟยกำลังพูด เปิดของขวัญของนาง และพบเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ“เอ๊ะ! เหตุใดจึงมีหนูตาย !”ใบหน้าหนิงเฟยซีดลงทันทีจากนั้น พระสนมคนอื่น ๆ พากันส่งเสียงกรีดร้อง “เหตุใดขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนี้จึงเคยถูกกัด! น่าสะอิดสะเอียน!”“นี่มันสิ่งใดกันอีก?”กระทั่งในของขวัญของไทเฮา ก็ยังมีสายรัดเอวขององครักษ์อยู่หนึ่งเส้นไทเฮาทรงสบตากับไทฮองไทเฮาผู้เป็นแม่สามี จากนั้นเอ่ยต่อฮ่องเต้ในทันทีว่า“ข้าอายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกในวังหลังเด็ดขาด! ฝ่าบาท ท่านต้องสืบสวนให้กระจ่าง!”วุ่นวาย!วุ่นวายไปหมดแล้ว!มู่หรงฉานเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ในมือแอบกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นนางรีบหันไปมองเ
บนบัลลังก์มังกร เซียวอวี้ดูหนังสือร้องเรียนนั้นอย่างละเอียด ไม่พลาดแม้แต่ตัวอักษรเดียวผ่านไปไม่นาน เขาเงยหน้าขึ้น คนแรกที่หันไปมอง ก็คือฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนหลุบสายตาลง ท่าทางดูนอบน้อม“หม่อมฉันก็ไม่ทราบว่า หนังสือร้องเรียนนี้ผู้ใดนำเข้ามาในวัง อีกทั้งเหตุใดจึงใส่เข้าไปในของขวัญของจิ้งกุ้ยเหริน”หนิงเฟยมองฮองเฮาด้วยความประหลาดใจนางบอกกับฮองเฮาว่า มู่หรงฉานคิดจะสับเปลี่ยนของขวัญของอดีตรัชทายาทดังนั้นฮองเฮาจึงสับเปลี่ยนของขวัญของคนอื่นด้วย เพื่อสร้างความวุ่นวาย และล้างมลทินให้กับตนเอง นางไม่แปลกใจเลยว่าฮองเฮาลงมือทำแบบนี้ และยังคิดด้วยว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ทว่าหนังสือร้องเรียนนี้ เกินความคาดหมายของนางอย่างมากการใส่หนังสือร้องเรียนไว้ในของขวัญของมู่หรงฉาน...เป็นแผนซ้อนแผนอันร้ายกาจของฮองเฮาจริง ๆ ! ในตอนนี้ นางรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับฮองเฮา...แม้หนิงเฟยจะสำนึกได้ในภายหลัง นางก็ยังแอบร่วมมือกับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างลับ ๆ“ฝ่าบาท หากท่านไม่ขอให้พวกเราเปิดของขวัญ หนังสือร้องเรียนนี้คงถูกจิ้งกุ้ยเหรินนำกลับไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่านางจะจัดการกับสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่
“คุ้มกันฮ่องเต้!” เฉินจี๋อารักขาอยู่ด้านหน้าจักรพรรดิเซียวอวี้ลุกขึ้นยืน เขามองลงมาจากด้านบนไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกแม้แต่น้อยแต่คนอื่น ๆ ในท้องพระโรงไม่ได้สงบนิ่งเช่นนั้น พวกเขาตื่นตระหนก และมองหาที่ซ่อนเซียวอวี้สั่งว่า: “คุ้มกันไทฮองไทเฮากลับตำหนักก่อน!”ไทเฮาได้ยินคำพูดนี้รู้สึกขมขื่นฮูหยินเฟิ่งนั้น สิ่งแรกที่นึกถึงคือบุตรสาวของตน ทว่ากลับถูกบิดาเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงตัวออกไป พร้อมทั้งตะคอกใส่ว่า“มีองครักษ์อยู่ตั้งมากมาย!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเผชิญหน้ากับนักฆ่าอยู่บ่อยครั้ง นางสังเกตและวิเคราะห์เหตุการณ์รอบด้านได้ จึงมีลางสังหรณ์ว่า หากเป็นการลอบสังหารที่วางแผนรอบคอบ การยิงลูกธนูสะเปะสะปะจะต้องเป็นการพรางตา และเบี่ยงเบนความสนใจแผนการสังหารที่แท้จริง จะซ่อนอยู่ในตำแหน่งที่นึกไม่ถึงทันใดนั้นเอง นางก็มองเห็นแล้ว!ชายผู้หนึ่งดูลักษณะเหมือนขันที เขากำลังอาศัยความโกลาหลซ่อนตัวอยู่หลังเสา พร้อมกับเล็งเกาทัณฑ์แขนเสื้อ[1]ไปยังฮ่องเต้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สงบนิ่งไร้ระลอกคลื่นอีกต่อไปในสมองของนางปรากฎอยู่สี่คำ--- คุ้มกัน! โอกาส!จากนั้นนางรีบวิ่งไปโดย
แม้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะสั่งให้ดึงลูกธนู แม้ว่าบาดแผลจะอยู่บนตัวนาง หมอหลวงกลับรอฟังคำสั่งของฮ่องเต้สีหน้าของเซียวอวี้เยือกเย็นจนขีดสุด เขาพยักหน้าในทันที“ดึงออก”เมื่อมีคำอนุญาตจากเขา หมอหลวงจึงอาศัยมุมและกำลังที่แม่นยำ ดึงลูกธนูดอกนั้นออกมาเฟิ่งจิ่วเหยียนกำผ้าห่มใต้ร่างไว้แน่น ได้ยินแค่เสียงร้องอู้อี้เท่านั้น กลับไม่มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดใด ๆเม็ดเหงื่อราวกับเมล็ดถั่วนั้น ทำให้เส้นผมตรงขมับของนางเปียกชุ่มต่อมาหมอหลวงเริ่มตรวจดูที่ลูกธนูหัวโลหะดอกนั้น หลังจากนั้นมือไม้ของเขาเริ่มสั่น และเอ่ยกับเซียวอวี้ว่า“ฝ่าบาท ตรงตามที่กระหม่อมคาดการณ์ไว้จริง ๆ ด้านบนนี้มีพิษ!”“เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่” เซียวอวี้ถามในขณะที่ยืนอยู่หมอหลวงตอบว่า: “โชคดีที่ดึงมันออกมาได้เร็ว ฮองเฮาทรงยังไม่เป็นอะไรร้ายแรง”หลังจากพูดจบ หมอหลวงรีบทำการรักษาบาดแผลทันทีเซียวอวี้ยืนอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา เฝ้ามองด้วยสายตาหม่นหมองหมอหลวงตัดอาภรณ์ด้านหลังของเฟิ่งจิ่วเหยียนให้ขาด เขาจะต้องใช้ยาน้ำพิเศษเฉาะล้างหลาย ๆ รอบ เพื่อขับพิษที่ซึมอยู่ในบาดแผล จากนั้นค่อยโรยผงยาลงไป พร้อมทั้งพันผ้าปิดบาดแ
ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่
เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน
ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที
หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั
เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที
ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า
แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว
ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ