Share

บทที่ 187

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ฮูหยินเมิ่งไม่ทันได้ล้างหน้าแปรงผม นางลุกขึ้นนั่ง และรีบสอบถามสาวใช้ว่า

“เกิดอะไรขึ้น!”

“กองทัพถูกปิดล้อม มีเพียงครึ่งหนึ่งที่กลับมาได้! ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพกลับมาไม่ได้...”

ฮูหยินเมิ่งพลันรู้สึกเจ็บที่ใจ แต่นางยังคงรักษาอาการสงบนิ่งของฮูหยินแม่ทัพไว้ รีบสวมเสื้อคลุมและเตรียมออกไปดูด้านนอก

ขณะที่นางกำลังจะออกไป เฉียวม่อก็เดินเข้ามา

เฉียวม่อไล่สาวใช้ให้ออกไป จากนั้นถึงกล้าถอดหน้ากากออก และโผเข้ากอดฮูหยินเมิ่งด้วยความตระหนก

“อาจารย์หญิง...ท่านอาจารย์นำทัพขนาบหลัง เพื่อให้ข้าสามารถบุกเข้าไป แต่เขา...เขาไม่สามารถออกมาได้ และติดกับอยู่ในวงล้อมของศัตรู!

“ชาวเหลียงชั่วช้า และวางกับดักตั้งแต่เนิ่น ๆ

“อาจารย์หญิง เราควรทำอย่างไรดี?”

เฉียวม่อใจไม่กล้านัก ก่อนหน้านี้มีเฟิ่งจิ่วเหยียนคอยปกป้อง ทว่าพอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จึงตื่นตระหนก

ฮูหยินเมิ่งแตะที่หลังนางเบา ๆ

“อย่าร้องเลย บอกมาให้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร พวกเราถึงจะคิดหาวิธีช่วยคนได้”

ฮูหยินเมิ่งจะแบ่งขอบเขตความสัมพันธ์ชัดเจนมาตั้งแต่แรก

นางเป็นทั้งอาจารย์หญิงของเฟิ่งจิ่วเหยียน และเป็นแม่บุญธรรม นางจะมองเฟิ่งจิ่วเหยียน
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 188

    ราชทูตรัฐเหลียงท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง หากท่านไม่ถอยทัพ ก็ทำได้แค่เก็บศพของแม่ทัพเมิ่งเท่านั้น ถึงแม้จะชนะการสู้รบในครั้งนี้ แต่ไม่มีบิดาของเจ้า ชีวิตนี้จะขมขื่นปานใด“ข้าขอพูดบางประโยคที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนัก ดินแดนที่สู้รบกันแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อท่านเลย”“เฉียวม่อที่สวมหน้ากากผู้นี้ ลักษณะท่าทางคล้ายเฟิ่งจิ่วเหยียนในอดีตนางลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเต็มไปด้วยความแค้น“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า หนานฉีของเราจะต้องสู้รบจนถึงที่สุด เชิญราชทูตกลับไปเถอะ ข้าไม่อาจถอนกำลังทหารเพื่อช่วยบิดาได้!”ในแง่หนึ่งเหล่าทหารชื่นชมความกล้าหาญของนาง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่อาจทนเสียสละแม่ทัพเมิ่ง รวมถึงเหล่าทหารที่ถูกจับไปพร้อมกันทว่าอยู่ต่อหน้าราชทูตรัฐเหลียง พวกเขาก็ต้องทำตามเฉียวม่อ“สู้จนตัวตายและไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”“ใช่แล้ว ไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”ราชทูตเห็นพวกเขาแต่ละคนเป็นเช่นนี้จึงหัวเราะด้วยความโกรธเขายกนิ้วโป้งให้เฉียวม่อ และเอ่ยประชดประชันว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ท่านเป็นลูกกตัญญูจริง ๆ!”เมื่อพูดจบประโยค ราชทูตก็เดินออกไปไม่ว่าเขาจะเดิน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 189

    ฮูหยินเมิ่งเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างหนักแน่น“อยากไปก็ให้พวกเขาไป แต่ข้าจะอยู่ที่นี่”หลีฮวาคุกเข่าลง“นายหญิง ท่านอยู่ที่ไหน บ่าวก็จะอยู่ที่นั่นด้วย!”“ท่านแม่” จู่ ๆ เฉียวม่อก็เดินเข้ามา และส่งสัญญาณให้หลีฮวาออกไปก่อนนางเดินมาข้างหน้าฮูหยินเมิ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วทำความเคารพแบบทหาร“ท่านแม่ สถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน จึงขอให้ท่านย้ายออกจากค่ายไปพร้อมกับกองทัพด้วย”ฮูหยินเมิ่งก้มหน้าอ่านตำราต่อไป ท่าทางอ่อนโยนแต่แน่วแน่“หากไปกันหมด ผู้ใดจะเก็บศพสามีของข้า?”ม่านตาของเฉียวม่อหดลง เผยให้เห็นความเจ็บปวด“อาจารย์หญิง...”ฮูหยินเมิ่งเป็นสตรีองอาจ นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เฉียวม่อจึงทิ้งทหารม้าเบาราวสิบกว่านายไว้คอยคุ้มกัน จากนั้นจึงนำกองทัพย้ายออกจากค่ายไปก่อน ก่อนจะแยกย้าย นางนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ และสั่งกับทหารใต้บังคับบัญชาว่า“ต้องคุ้มกันฮูหยินให้ดี! มิเช่นนั้นจะตัดหัวของเจ้า!”“ขอรับ แม่ทัพน้อย!”ทุกคนออกไปหมดแล้ว ค่ายที่คึกคักแต่เดิม เหลือเพียงกองถ่านที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมฮูหยินเมิ่งมองไปยังที่ไกล ๆ และกลับไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 190

    “ท่านแม่ทัพ! เขาคือเมิ่งสิงโจว เมิ่งสิงโจวตัวจริง เขากลับมาแล้ว!”หัวหน้าแม่ทัพเหลียงตะลึงงันเมิ่งสิงโจว?เป็นไปได้อย่างไร!เขาไม่ได้นำกองกำลังแสนกว่านายเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกหรอกหรือ! ทว่าบุกกลับมาโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้!ก่อนที่แม่ทัพเหลียงจะทันได้ตั้งสติ พลันได้ยินเสียงร้องน่าเวทนามาจากทางเข้าค่ายทหารฝ่ายตรงข้ามคือทหารม้าเพียงสิบกว่านาย ทว่าราวกลับม้าป่าข้ามแดน ย่ำเท้าเข้ามาหาพวกเขาหัวหน้าแม่ทัพตะโกนว่า “ตกใจอะไร ตั้งแถวและขวางพวกเขาไว้!!”เชลยศึกหนานฉีเห็นทหารกำลังเสริมมาแล้ว จึงเข้ามาร่วมสู้รบ คอยติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียน และต่อสู้อย่างเต็มที่ทวนเงินพู่แดงของเฟิ่งจิ่วเหยียนด้ามนั้นดื่มเลือดมาจนนับไม่ถ้วนเมื่อหัวหน้าแม่ทัพและบรรดารองแม่ทัพเห็นเหตุการณ์ พลันสร่างเมาในทันทีคำพูดคุยโวเมื่อครู่ ที่เอ่ยว่าจะบุกเข้าไปในเจ๋อเทียนเชวี่ย ทั้งหมดราวกับเป็นความฝันก็ไม่ปานเมิ่งสิงโจวผู้นี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!เขาฆ่าคนจนตาพร่ามัวไปหมดเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างสิ้นเชิง!เมื่อเหล่าทหารเหลียงได้ยินว่าเมิ่งสิงโจวมาแล้ว พวกเขายังไม่ทันสู้รบก็หมดแรงเสียก่อน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 191

    แม่ทัพสองสามนายส่งคนไปเชิญเมิ่งสิงโจว กลับได้รับแจ้งว่าในกระโจมนั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้วใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงปนชื่นชม “หรือจะเป็นเมิ่งสิงโจวนำทหารไปจริง ๆ ?”ขณะเดียวกันนั้นเองเวลานี้เฉียวม่อที่เดิมอยู่ในกระโจมได้ออกไปจากฐานที่มั่นด้วยวิชาตัวเบานานแล้ว โดยใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อขึ้นไปบนเนินเขาหานซานยามที่ทหารสอดแนมตัวน้อยพูดว่า ‘ชนะแล้ว’ นางก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ผิดปกติพอได้ยินว่าเป็นคนของแม่ทัพน้อยก็รู้ทันทีว่าศิษย์พี่กลับมาแล้วเช่นนั้นหากนางยังอยู่ที่นี่จะต้องถูกเปิดโปงเป็นแน่ดังนั้นนางจึงต้องรีบกลับไปณ ฐานที่มั่นแม่ทัพสองสามท่านทั้งรู้สึกประหลาดใจ ทั้งรู้สึกอัดอั้นพวกเขารวมตัวอยู่ด้วยกัน แต่ละคนล้วนไม่รู้ว่าจากนี้ไปควรทำอะไรต่อ“กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมของเมิ่งสิงโจวนี้ใช้ได้ดี ทว่าเขาไม่มีศีลธรรมเกินไปแล้ว ปิดบังแม้กระทั่งพวกเรา”“นั่นหมายความว่า การที่ทำเป็นถอนทัพครั้งยิ่งใหญ่นั้น สุดท้ายตัวเขาพาทหารสิบกว่านายไปบุกโจมตีค่ายทหารรัฐเหลียงเอง...แล้วยามนี้ก็หาตัวเขาไม่เจอ เช่นนั้นพอถึงเวลายามเช้า พวกเราควรเดินทัพต่อหรือรอเขาอยู่ที่เดิมดีเล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 192

    เฉียวม่อถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางโล่งอก“ศิษย์พี่ ท่าน...ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองนางด้วยสายตาจริงจัง“เจ้าทอดทิ้งอาจารย์และอาจารย์หญิง รวมถึงทหารทั้งหมดเกือบสองหมื่นนาย แล้วนำทหารแสนกว่านายถอนทัพไปทางตะวันออก นี่เจ้าคิดอะไรอยู่กัน!”เฉียวม่อทำท่าจะร้องไห้ และอธิบายอย่างรีบร้อน“ข้าไม่ได้อยากจะทอดทิ้งพวกเขา โดยเฉพาะท่านอาจารย์...แต่ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ“นั่นเป็นผลลัพธ์หลังจากปรึกษากับแม่ทัพมาหลายท่าน“ข้า...ข้าไม่ใช่ท่าน ศิษย์พี่ ข้าเพียงมาแทนท่านชั่วคราวเพื่อทำให้กำลังใจทหารมั่นคงเท่านั้น“ข้าไม่มีความสามารถ ทำอะไรไม่ได้เลย...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจนิสัยศิษย์น้องของนางคนนี้ดี เกรงกลัวปัญหา ไม่มีความคิดเป็นของตนเองคราแรกที่พบกับเฉียวม่อ นางอายุเพียงหกเจ็ดขวบเท่านั้น นางหิวจนเกือบตาย ล้มอยู่หน้าประตูจวนสกุลเมิ่งหลังจากท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงช่วยนางเอาไว้ เดิมคิดจะส่งตัวไปที่อื่นเป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ขอร้องไม่หยุดจนพวกท่านอาจารย์ยอมให้เฉียวม่ออยู่ต่อ ทั้งยังรับไว้เป็นศิษย์เฉียวม่อกลัวคนแปลกหน้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 193

    กองทัพใหญ่แสนกว่านายปักหลักฐานที่มั่นอยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกลอยู่“พวกเขาต้องรู้เรื่องการปะทะที่ค่ายทหารรัฐเหลียงแล้วเป็นแน่ ช้าสุดวันพรุ่งนี้ฟ้าสว่างย่อมส่งคนมาสอบถาม“จิ่วเหยียน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องกลยุทธ์ศึกการโจมตีรัฐเหลียง เจ้ามีความคิดอย่างไรบ้าง?“กองทัพใหญ่มากกว่าแสนนายนี้ จะต้องเคลื่อนพลไปทางตะวันออกต่อหรือจะย้อนกลับมา แล้วผ่านเนินเขาหนานซานมุ่งหน้าไปทางเหนือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองโต๊ะทรายแล้วครุ่นคิดอยู่เป็นนานผ่านไปไม่นาน นางก็มีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ“ศึกคืนนี้รัฐเหลียงต้องพ่ายแพ้ยับเยินเท่านั้น“ดังนั้นพวกเราจะต้องทำให้ศึกนี้จบโดยเร็วที่สุดให้กองทัพอินทรีเหิน[1]ออกปฏิบัติการก่อนเพื่อเปิดประตูใหญ่ทางใต้ของรัฐเหลียง จากนั้นให้กองทัพใหญ่แสนกว่านายเร่งเคลื่อนพลแล้วบุกเข้าไป เป้าหมายคือเมืองหลวงของรัฐเหลียง!”นางดึงธงเมืองหลวงรัฐเหลียงออก แววตาสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการคว้าชัยชนะแม่ทัพเมิ่งลูบเคราและพยักหน้า “นี่เหมือนกับกลยุทธ์ที่พวกเราคิดจะใช้ในตอนแรก“ยามนั้นรัฐเหลียงพักรบแล้วขอสงบศึกกะทันหัน กองทัพเราหยุดการรบทั้งที่กำลังได้เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 194

    เหล่าขุนนางในราชสำนักแอบซุบซิบกัน“ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่? แคว้นหนานฉีชนะแล้วจริง ๆ ไม่ใช่รัฐเหลียง?”“กองทัพชาวเหลียงหนึ่งแสนสองหมื่นนาย ถึงกับแพ้แล้ว?”“ไม่ใช่ข่าวลวงหรอกหรือ? ตรวจสอบดีรึยัง? เมิ่งสิงโจวมีกำลังพลเพียงแค่หมื่นนายจริงหรือ?”เหล่าฝูงชนต่างเชื่อไม่ลงเซียวอวี้บนบัลลังก์มังกรมีสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ดูราวกับไม่รู้สึกยินดีจากข่าวศึกเนินเขาหานซานเลยแม้แต่น้อยจากนั้นเขาก็สั่งการลงไปทันที“ศึกนี้ให้แต่งตั้งเมิ่งสิงโจวเป็นหัวหน้าแม่ทัพเป็นพิเศษ บอกเขาว่าหากครั้งนี้สามารถตีรัฐเหลียงได้สำเร็จ จะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์และพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวและศักดินาหนึ่งหมื่นครัวเรือน!”เหล่าขุนนางทั้งอิจฉาและริษยาทันใดนั้นก็มีคนกระโดดออกมากล่าวทัดทาน“ฝ่าบาท! ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! เมิ่งสิงโจวผู้นี้เดิมก็ลำพองตนอยู่แล้ว หากยังทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวและศักดินาหนึ่งหมื่นครัวเรือนให้อีก เกรงว่าจะยิ่งควบคุมเขาไม่อยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นก็มีคนมาสนับสนุนเขาอีก“ฝ่าบาท หากให้เมิ่งสิงโจวเป็นหัวหน้าแม่ทัพก็จะไม่มีใครคุมเขาได้ เขาจะยิ่งกำเริบเสิบสานนะพ่ะย่ะค่ะ แม้คนผู้นี้จะทำศึกอย่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 195

    ระยะทางระหว่างวังหลวงกับวัดต้าเจาใช้เวลาเกือบสองชั่วยามหลิวซื่อเหลียงกลับมาอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงกักตนสวดมนต์ บ่าวไม่อาจเข้าพบพระนางได้ ได้พบเพียงข้าหลวงเหลียนซวง นางบอกว่าพระนางสบายดีทุกอย่าง ไม่ขาดอะไรพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เลิกคิ้วคมดุจกระบี่ขึ้น“สวดมนต์ยังต้องกักตน?”นางกำลังทำอะไรอยู่กันณ วัดต้าเจาเหลียนซวงใจเต้นรัวตึกตักตึกตักนางรีบปิดหน้าต่างอาราม กลัวว่าจะมีคนรู้...ว่าฮองเฮาไม่ได้ทรงประทับอยู่ที่นี่“ฮองเฮา ท่านรีบเสด็จกลับมาเถิดเพคะ...”ฝ่าบาทก็ทรงแปลกยิ่ง อยู่ ๆ จะส่งคนมาทำไม? คงไม่ใช่ว่ารู้สึกสงสัยหรอกนะ?......การรบระหว่างแคว้นหนานฉีกับรัฐเหลียงนั้นกำลังเป็นไปอย่างคึกคักยิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็มีรายงานส่งเข้ามาที่เมืองหลวงแคว้นหนานฉีอีก“รายงาน! ฝ่าบาท แม่ทัพน้อยเมิ่งใช้กำลังพลสามสิบนายบุกยึดหุบเขาชุ่ยซานได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าขุนนางเป็นอย่างยิ่งสามสิบคน?!!“ฝ่าบาท นี่ต้องเป็นการหลอกลวงแน่พ่ะย่ะค่ะ! สามสิบคนจะยึดดินแดนอันตรายอย่างหุบเขาชุ่ยซานมาได้อย่างไรกัน!”ถ้าสามหมื่นยังพอว่า!น้อยคนนักที่เซียวอวี้จะรู้สึกนับถือ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status