Share

บทที่ 155

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจัดการกับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์เสร็จ เฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนมาสวมชุดบุรุษ และสวมหน้ากาก พาไฉ่เยว่กลับไปหาเวยเฉียง

ภายในห้อง เวยเฉียงมีซ่งหลีคอยดูแลอยู่

นางดูราวจะย้อนไปตอนวัยเด็ก ซุกตัวด้วยความขลาดกลัวที่มุมเตียง เห็นใครก็ตัวสั่นด้วยความกลัว

เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวมาข้างหน้า นางก็หลบหนี และกรีดร้อง

“อย่าเข้ามา! กรี้ด! อย่าแตะต้องข้า!!”

คนเหล่านั้นทำร้ายนางไม่ต่างจากหนอนชอนไชกระดูก ที่กำจัดไม่สิ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนทนมองไม่ไหว จึงลดม่านลง ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวในนั้น

ซ่งหลีเป็นหมอที่เก่งกาจ ทุกวันนี้เวยเฉียงกินยาที่เขาเตรียมให้ อาการป่วยจึงดีขึ้นบ้างแล้ว โดยเฉพาะสามารถนอนหลับในตอนกลางคืนได้แล้ว

ถึงอย่างไรก็ยังไม่เหมือนคนปกติ ตอนนี้นางได้รับความกระทบกระเทือนใจมากจนตื่นตกใจง่าย

แม้ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวต้องใบหญ้า ก็สามารถกระตุ้นนางได้ ทำให้นางตื่นตระหนก

เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้ไฉ่เยว่เฝ้าดูแลอยู่ในห้อง นางกับซ่งหลีออกไปคุยกันข้างนอก

ซ่งหลีพูดอย่างหนักใจ

“แผลทางกายยังรักษาได้ แต่แผลทางใจยากจะหาย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหัวคิ้วขมวด

Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ไฉเย่วหรือเปล่าคนร้ายตัวจริง
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 156

    อู๋ไป๋มีเรื่องจะรายงาน เฟิ่งจิ่วหยียนจึงให้ไฉ่เยว่ออกไปก่อน ให้นางกลับไปคอยดูแลเวยเฉียงที่ห้อง แสงจันทร์เย็นยะเยือก ส่องกระทบร่างของเฟิ่งจิ่วเหยียน ดูราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกที่คลุมเครือ นางดูไร้ความรู้สึก ไม่พูดไม่ยิ้ม “สิ่งใดทำให้เจ้ารีบร้อนถึงเพียงนี้” คำพูดของอู๋ไป๋ติดอยู่ที่ริมฝีปากแล้ว “สตรีนางนั้น ข้าน้อยได้ทำตามคำสั่งท่าน โดยกรอกยาที่ทำให้นางเป็นใบ้ชั่วคราว และส่งนางไปที่หอนางโลมใต้ดิน “แม่เล้าของที่นั่นปฏิบัติตามกฎ โดยตรวจร่างกายของนางก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับไว้หรือไม่ “ส่วนข้าน้อยรออยู่ข้างนอก ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน แม่เล้าก็วิ่งออกมาด้วยความโกรธเคือง และก่นด่าข้าน้อยเป็นชุดใหญ่ “ท่านลองเดาสิว่า เกิดอะไรขึ้น?” ให้นางเดา? เฟิ่งจิ่วเหยียนสาดประกายตาคมกริบเหมือนมีดใส่ อู๋ไป๋ไม่กล้าเก็บงำเรื่องอีก และเขาก็ไม่สามารถอดกลั้นที่จะพูดออกมา “แม่เล้าบอกว่า นางไม่ใช่สตรีที่มีพื้นฐานพร้อมสมบูรณ์เลย แต่เป็นสตรีที่ช่องคลอดตีบตัน!” ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเกิดระรอกคลื่น สตรีที่ช่องคลอดตีบตัน? กล่าวอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 157

    ตลอดสองวันนี้ฮองเฮาอยู่ในตำหนักฉือหนิง เห็นได้ชัดว่ากำลังลี้ภัยอยู่ข้างหลังไทเฮา หลิวซื่อเหลียงลองถามหยั่งเชิง “ฝ่าบาท บัดนี้ฮองเฮาอยู่กับไทเฮา หากว่าไทเฮา...” เซียวอวี้เงยหน้าขึ้นทันที นัยน์ตาเย็นชาน่าเกรงขาม “ไทเฮามิได้ไร้เหตุผลถึงเพียงนั้น” สองวันแล้ว ให้เวลามากพอแล้ว ตำหนักฉือหนิง เฟิ่งจิ่วเหยียนแช่ตัวในน้ำร้อน ร่างกายผ่อนคลาย ทว่าหัวใจถูกเหนี่ยวรั้ง มิอาจผ่อนคลาย ตึกตึกตึก! “ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้ท่านเข้าเฝ้าเพคะ” ครึ่งชั่วยามต่อมา ในห้องทรงพระอักษร เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมอาภรณ์เรียบง่าย บนศีรษะมีเครื่องประดับน้อยชิ้น นางทำเช่นนี้ ราวกับมาขอรับโทษ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง นางคุกเข่าด้วยความเคารพ “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท” เซียวอวี้สายตาเยือกเย็น “เจ้าก็รู้ตัวว่ามีความผิด แล้วได้คิดหรือยัง ตามกฎของวังหลวง สมควรถูกลงโทษแบบใด” เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลง “ล้วนขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ” หลิวซื่อเหลียงยืนเคียงข้างฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง เขาเห็นเองกับตา ว่าฝ่าบาททรงเขียนราชโองก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 158

    ชุนเหอรับใช้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นานหลายปี เช่นเดียวกับจ้าวเฉียน ที่ได้กระทำสิ่งเลวร้ายมากมายเพื่อหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฟิ่งจิ่วเหยียนจะปล่อยนางไป เมื่อทำผิด ต้องได้รับโทษ ดังนั้น ชุนเหอจึงถูกจำคุกในกรมราชทัณฑ์ “ฮองเฮาโกหกข้า! นางโกหกข้า!” ไม่ว่านางจะตะโกนมากเพียงใด ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ ตำหนักหย่งเหอ เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ตัดสินใจไปยังป่าที่เวยเฉียงถูกลักพาตัว เพื่อตรวจสอบให้ละเอียดยิ่งขึ้น หลังจากเข้าสู่ยามราตรี นางจึงลอบออกจากวัง นางกำชับให้อู๋ไป๋คอยดูแลเวยเฉียง แล้วพาไฉ่เยว่ไปที่ป่าผืนนั้นด้วยกัน วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้มีเพียงไฉ่เยว่ที่รู้ชัดเจน ไฉ่เยว่ความจำดี อีกทั้งประสบการณ์ในวันนั้นได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ชั่วชีวิตนี้มิอาจลืมเลือน นางชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วรื้อฟืนความทรงจำ “ฮองเฮา ตรงนี้เพคะ! ในเวลานั้นรถม้าของพวกเราถูกโจรภูเขาขวางไว้ ผู้คุ้มกันต่อสู้กับพวกโจรภูเขา บ่าวและเหยาเหนียงปกป้องคุณหนูกระโดดลงจากรถม้า วิ่งเข้าป่าทางนั้นเพคะ” แสงจันทร์หนาวเหน็บ ส่องกระทบใบหน้าของไฉ่เยว่ ช่างดูซีดเซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 159

    ในสุสานอัดแน่นด้วยพลังวิญญาณ ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกโดยเลี่ยงไม่ได้ อู๋ไป๋แบกจอบขึ้นบ่า และมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนแบบยิ้มไม่ออก “แม่ทัพน้อย ท่านแน่ใจหรือว่ามาถูกที่แล้วขอรับ?” ก่อนจะมาที่นี่ แม่ทัพน้อยไม่ได้บอกว่าจะขุดหลุมฝังศพของตระกูลตัวเอง! หลุมฝังศพบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งล้วนตั้งอยู่ที่นี่ ลบหลู่มากเกินไปแล้ว! เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่พูดไร้สาระ และเดินตรงเข้าไปข้างใน หลังจากเห็นป้ายหลุมศพที่มีชื่อเหยาเหนียงเขียนอยู่ จึงออกคำสั่ง “ขุดขึ้นมา” เหล่าผู้คุ้มกันก็ถูกฝังพร้อมกับเหยาเหนียง หลุมฝังศพจึงอยู่ใกล้ ๆ กัน หาเจอไม่ยาก เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้อู๋ไป๋ขุดศพขึ้นมาทั้งหมด อู๋ไป๋เห็นว่าไม่ได้ขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่ง จึงเริ่มใช้จอบขุดทันที ฉึก! ฉึก! หนึ่งชั่วยามต่อมา บนพื้นมีซากศพที่เน่าเปื่อยอย่างหนักอยู่หลายศพ มีของเหลวไม่ทราบชนิดไหลออกมาจากช่องต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตา จมูก ปาก... เป็นฉากที่ไม่น่ามองสุด ๆ แน่นอน แม้แต่คนเช่นอู๋ไป๋ที่เห็นคนตายมานับไม่ถ้วน ยังถูกกลิ่นเหม็นเน่าทำให้ลืมตาแทบไม่ขึ้น รู้สึกคล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 160

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คาดคิดว่า เซียวอวี้จะมาหานางในเวลากลางคืนเช่นนี้ นกพิราบสื่อสารบินออกจากตำหนักหย่งเหอ โดยปกติไม่ส่งเสียงเคลื่อนไหวมากนัก ทว่าเซียวอวี้ และราชองครักษ์ที่อยู่รอบกายเขา ทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ด้านกำลังภายในขั้นสูง การเคลื่อนไหวใด ๆ มิอาจเล็ดลอดหูตาของพวกเขาได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบซ่อนจดหมายลับไว้ และกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่นกพิราบสื่อสารบินจากไป เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือ ต้องส่งเสียงดังเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ... เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงร้องตะโกนทันที “มีนักฆ่า!” เหลียนซวงก็ตอบสนองได้ว่องไว จึงช่วยตะโกน “ทหาร! คุ้มครองฮองเฮา!” ทันใดนั้น เซียวอวี้และราชองครักษ์ก็เข้ามาในตำหนัก เซียวอวี้เดินตรงเข้าสู่ตำหนักชั้นใน ทว่าสิ่งแรกที่เขาสนใจ มิใช่ความปลอดภัยและอันตรายของเฟิ่งจิ่วเหยียนผู้เป็นฮองเฮา “นักฆ่าอยู่ที่ใด!” หรือว่านักฆ่าหญิงผู้นั้นก่อเรื่องอีกแล้ว นางเพิ่งจะขับพิษวารีสวรรค์ทั้งหมดให้เขา พลังภายในยังไม่ฟื้นฟู กลับกล้ามาก่อความวุ่นวายในวัง! ทว่า นั่นอาจจะมิใช่นาง เฟิ่งจิ่วเหยียนชี้ไปทางหน้าต่างท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 161

    หลังจากเหลียนซวงได้รู้ความจริงที่คุณหนูเวยเฉียงถูกลักพาตัวไป แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้ว แต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่“ฮองเฮา นี่ก็คือที่ท่านพูดว่า เราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับใช่ไหม!“สามารถปลอมเป็นเหยาเหนียง แฝงตัวอยู่กับคุณหนูเวยเฉียง คนคนนั้นน่ากลัวมากเลย! พวกเราจะทำยังไงถึงจะสามารถจับตัวเขาได้?“อีกอย่าง ท่านวางแผนที่จะไปจากเมืองหลวง กลับชายแดนเหนือไม่ใช่หรือ?”นางรู้ดีมาตลอด ฮองเฮาไม่เหมาะสมกับที่นี่แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ไปแล้ว”นางจะต้องสืบให้รู้ถึงคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังให้ได้ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ไม่สามารถพาเวยเฉียงจากไปได้ สิ่งเดียวที่เป็นกังวลก็คือชายแดนเหนือ หวังว่าชายแดนเหนือจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายอะไร…… ฮองเฮาไม่เหมือนนางสนมที่มีเวลาว่างพวกนั้น ต้องจัดการงานภายในวังมากมายช่วงที่ผ่านมานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนบันทึกการรับสินบนทั้งหมดของตำหนักหลิงเซียวไว้ พร้อมส่งไปยังคลังหลวงข้าหลวงในตำหนักหลิงเซียว ที่เคยกระทำเรื่องชั่วช้าให้กับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ผู้ที่ได้ทำความผิดอย่างร้ายแรงนั้น ต้องรับโทษเช่นชุนเหอนั้น ส่งตัวไปยังกรมราชทัณฑ์ ไม่ไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 162

    มู่หรงฉานได้เป็นที่โปรดปรานของไทเฮา ถูกไทเฮาเรียกให้เข้าวังมาบ่อยครั้ง สวดมนต์เป็นเพื่อนไทเฮา เป็นสิ่งได้เปรียบที่หญิงสาวรอการคัดเลือกคนอื่นไม่มีแม้แต่หนิงเฟยที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ยังถูกไทเฮาหลงลืมมองข้ามไปในใจหนิงเฟยนั้นไม่พอใจวันนี้นางไม่ได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ก็ตรงไปถวายพระพรยังตำหนักฉือหนิงกุ้ยหมัวมัวออกมาบอกว่า“หนิงเฟยมาได้ไม่ถูกจังหวะ แม่นางมู่หรงกำลังช่วยซ่อมแซมหนังสือสวดมนต์ให้กับไทเฮา เมื่อสักครู่ไทเฮามีรับสั่งว่า ใครก็ห้ามมารบกวน พระนางค่อยมาช่วงบ่ายเถอะ”หนิงเฟยอดกลั้นความขุ่นเคืองไว้ ฝืนยิ้มแย้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ง่ายที่ท่านป้ากับแม่นางของตระกูลมู่หรงเข้ากันได้ดี ข้าไม่รบกวนแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนช่างสังเกต มองเห็นถึงความโศกเศร้าของหนิงเฟย เห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร จึงกระซิบด้วยเสียงต่ำ พูดเตือนหนิงเฟย“พระนาง ที่ไทเฮาทำแบบนี้ ล้วนเป็นการทำเพื่อท่าน เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ท่านกับไทเฮาเป็นญาติกัน คนอื่นเทียบไม่ได้”หนิงเฟยผงกศีรษะ“ข้ารู้ ขอให้ท่านป้าดูแลสุขภาพด้วย”หลังจากไปแล้ว สาวใช้ของหนิงเฟย เต็มไปด้วยความกังวล“พระนาง คุณหนูมู่หรงฉานคนนั้นมีความสาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 163

    ตำหนักจื้อเฉินเซียวอวี้อาบน้ำเสร็จ ผมดำสยาย สวมอาภรณ์หลวมเล็กน้อย เผยกล้ามที่หน้าอกอันแข็งแกร่ง เปล่งรัศมีเยือกเย็นชาดวงตาคู่หงส์นั้นมองหรี่ลง มองดูแส้เก้าท่อนบนโต๊ะมันคือสิ่งที่นักฆ่าหญิงคนนั้น ถูกนางทิ้งไว้จนถึงวันนี้นับดูวันเวลา เมื่อวานเป็นสิบวันที่พิษแดนฝันกำเริบนางน่าจะมาเอายาตามปกติ เขาจะสั่งให้เฉินจี๋นำยาไปส่งที่ตำหนักฉางสิ้นแต่เฉินจี๋รออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นนางมาเอายา เช้าวันนี้ไปดู ยาถอนพิษก็ยังอยู่ที่นั่น ยังคงสภาพเดิมไว้ในระหว่างที่เซียวอวี้กำลังครุ่นคิด เฉินจี๋กลับมารายงานว่า“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมไปยังตำหนักฉางสิ้นอีกครั้ง ยาถอนพิษก็ยังคงไม่ถูกนำไป”เฉินจี๋คิดว่า เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆพิษแดนฝันกำเริบ ทุกข์ทรมานอย่างมากนางถูกพิษนี้ จะอดทนอยู่ได้อย่างไร?สีหน้าเซียวอวี้เยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า“แล้วแต่นาง”หากนางต้องการ ก็จะไปเอาเองมิเช่นนั้นจะให้เขาป้อนยาถอนพิษ ให้ถึงปากนางด้วยตนเองหรือ……เรื่องบุคคลลึกลับ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แอบสืบความอยู่อย่างหลายครั้งแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลอะไรเขารอบคอบอย่างมาก ไม่ทิ้งร่องรอยอะ

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 933

    ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังต่อเซียวอวี้ นางจึงบอกตามความจริง“ก็แค่จดหมายเพคะ”เซียวอวี้เลือกหยิบจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ เห็นบนนั้นเขียนว่า---[อาเหยียนที่รัก]สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นฝืนข่มความรู้สึกไม่พอใจนั้นไว้ และหันมายิ้มให้เฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมถามว่า“นี่ต้วนไหวซวี่เป็นคนเขียนทั้งหมดหรือ?”หว่านชิวยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนจะรับรู้บางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ชัด และยังไม่เข้าใจหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองที่เซียวอวี้ ก็หันไปพูดกับหว่านชิว “เจ้าออกไปก่อน”“เพคะ ฮองเฮา”ในตำหนักชั้นในไม่มีผู้อื่น เหลือเพียงฮ่องเต้กับฮองเฮาสองคนเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบจดหมายฉบับนั้นมาจากมือเซียวอวี้ และเอ่ยอย่างจริงจัง“เรื่องในอดีต ฝ่าบาทจักสนพระทัยไปไยเพคะ”เซียวอวี้กลับคว้าข้อมือของนางไว้ “เราอยากอ่าน”เขาดูท่าทางจริงจังอย่างมาก “เราอยากรู้ว่า ในจดหมายของเขา เขียนอะไรบ้าง และยิ่งอยากรู้ว่า เจ้าตอบเขาว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท...”เซียวอวี้เอ่ยแทรกคำพูดของนาง มองนางด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ พร้อมกับย้อนถาม“ม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 932

    หลายวันก่อนเหล่าราชทูตก็ทยอยกันมาถึงแล้ว กำลังรอให้ฮ่องเต้ฉีเรียกเข้าเฝ้า เพื่อเจรจาเรื่องชดเชยการสงบศึกพวกเขามิอาจรบได้อีก และมิอาจเดิมพันได้ไหวหากหนานฉีโจมตีแว่นแคว้นของพวกเขาจริง ๆ จักต้องล่มสลายเป็นแน่ไม่เพียงแต่แคว้นเล็ก ๆ ที่ผู้คนรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แคว้นใหญ่อย่างต้าเซี่ยก็เช่นเดียวกันราชทูตต้าเซี่ยต้องการจะเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เพราะหวังว่าองค์หญิงใหญ่จะออกหน้า ประสานความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นทว่า แม้แต่ประตูจวนองค์หญิงใหญ่พวกเขาก็ยังมิอาจเข้าไปได้เหล่าราชทูตอยู่รวมกัน ต่างมองหน้ากัน และถอนหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย“เฮ้อ!”“ทุกท่าน พวกท่านจะยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของหนานฉี ยอมยกดินแดนตามที่พวกเขาต้องการจริงหรือ?”“แล้วจะอย่างไร? พวกเรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”“พวกเรามิใช่เป่ยเยี่ยน ไม่มีกองกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับหนานฉีได้ การสงบศึกถึงจะรับประกันความสงบสุขได้”เหล่าราชทูตสีหน้าซีดเผือด ราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่ หายใจแทบไม่ออกหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นคงจะไม่เข้าร่วมกับการสู้รบครั้งนี้......จันทราลอยอยู่บนกิ่งไม้ ม่านราตรีมาเยือนงานเลี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 931

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตว่า หลังจากเซียวอวี้ได้พบกับอาจารย์ศิษย์ทั้งสองคน หลายวันต่อมาหลังจากนั้นดูเหมือนในใจมีเรื่องครุ่นคิด คิ้วขมวดปมไม่คลาย คิดดูแล้วอาจจะวิตกกังวลเรื่องของมนุษย์โอสถขณะที่นางขี่ม้าอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดทาง จะรู้สึกอยู่เสมอว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองนางเมื่อหันกลับมา ก็มองเห็นเพียงเซียวอวี้ ใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ดวงตาดำคล้ำคู่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ต้นเดือนเจ็ดกองทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ และกลับมาถึงเมืองหลวงผู้คนในเมืองหลวงพากันออกจากบ้านเรือน มายืนอยู่ริมถนนสายหลักเพื่อต้อนรับกองทัพใหญ่ชาวบ้านต่างเปล่งเสียงด้วยความยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”“ฮองเฮาทรงเกรียงไกร!”เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อแม่จับยกขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อมองดูฉากเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ผู้คนพากันพูดปากต่อปาก“ว่ากันว่าฝ่าบาททรงนำทัพด้วยพระองค์เอง จนพลิกสถานการณ์เลวร้าย แก้ไขวิกฤตในเมืองเซวียน ทหารกองทัพศัตรูก็ถูกจับกุมทั้งหมด”“ชายแดนเหนือกับชายแดนตะวันออกสร้างการป้องกันขึ้นมาใหม่! แคว้นต่าง ๆ ถูกหนานฉีพวกเราตีพ่ายจนหวาดกลัว คงมิกล้ามารุกรานอีกเป็นแน่!”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status