ตีห้าของเช้าวันใหม่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังอยู่นอกห้องพัก ใบหน้าที่ฟุบอยู่บนเตียงนอนฝั่งตรงกันข้ามในลักษณะนั่งกับพื้นค่อยๆ รู้สึกตัวพลางเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อจางเพ่ยอันกลายร่างเป็นพยาบาลกะกลางคืนนอนเฝ้าคนเจ็บหลังจากทำหน้าที่เป็นหมอผ่าตัดด้วยสถานการณ์บังคับ “อันอัน! อยู่ห้องนี้หรือเปล่า! ฉันมาแล้ว!” เสียงของเพื่อนสนิทดังอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน และนั่นทำให้ร่างระหงดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที “เสี่ยวหงมาแล้ว! มาถึงเร็วเหมือนกันแฮะ รวดเร็วทันใจดีจริงๆ เลย” หญิงสาวกล่าวพร้อมมองร่างคนเจ็บจากโลกอดีตยังคงนอนหลับสนิทอยู่เช่นเดิม “ท่านแม่ทัพยังไม่หายไปแฮะ ป่านนี้ทางนั้นไม่วุ่นวายกันใหญ่แล้วเหรอ” หญิงสาวเอ่ยพึมพำพร้อมเสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาอีกครา “อันอัน!!!” ครานี้เสียงดังกว่าเดิม “มาแล้ว! มาแล้ว!” หญิงสาวส่งเสียงขานรับรีบก้าวออกจากเตียงเดินตรงไปทางประตูห้อง พร้อมเปิดต้อนรับเพื่อนสนิทของเธอทันใด ทันทีที่ประตูเปิดออก “เธอนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไรอันอัน ปล่อยให้ฉันเรียกอยู่ได้ตั้งนานสองนาน” แม่เภสัชกรสาวเพื่อนสนิทของจางเพ่ยอัน นามว่าอู๋หง กล่าวพร้อมเดินแทรกกลางเข้ามาภายในห้องพักทันใด “ดะ... ดะ... เดี๋ยว... สะ... เสี่ยว... เสี่ยวหง” หญิงสาวพูดได้เพียงแค่นั้นก็หยุดลง เมื่อเพื่อนสาวคนสนิทของเธอเดินตรงไปยังเตียงนอนที่มีร่างใหญ่ของบุรุษจากยุคอดีตนอนเจ็บอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบริเวณช่วงขาท่อนล่างทั้งสอง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอัน ยืนมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นเพื่อนกำลังนั่งทับขาของแม่ทัพใหญ่จากยุคอดีต “ธะ... เธอนั่งทับอะไรอยู่ไม่เห็นเลยเหรอ” หญิงสาวตัดสินใจถามกลับไป ในขณะที่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อถูกถามเช่นนั้น “ฉันนั่งทับอะไรเหรอ... บนเตียงนี้ไม่เห็นมีอะไรวางไว้เลย ของสำคัญของเธอก็ไม่มี เห็นแต่เตียงเปล่าโล่งๆ” กล่าวพร้อมใช้สายตาสำรวจไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดไปมาเมื่อภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผล “เธอได้รับบาดเจ็บอะไรมาเหรออันอัน ฉันได้กลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผลฟุ้งเต็มห้องไปหมดเลย” ครั้นจางเพ่ยอันได้ยินเพื่อนสนิทของเธอถามกลับมาเช่นนั้น จึงทำให้แน่ใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมว่ามีเพียงเธอเท่านั้นเห็นแม่ทัพใหญ่จากยุคอดีตและสามารถแตะต้องสัมผัสได้เพียงผู้เดียว นอกเหนือจากนั้นหามีใครเห็นตัวตนของเขาได้แต่อย่างใด แม้กระทั่งสายน้ำเกลือระโยงระยางพร้อมขวดยาหลายกระปุกและน้ำเกลือที่แขวนอยู่บนราวผ้าอเนกประสงค์ เพื่อนของเธอก็ไม่เห็น ทั้งๆ ที่ทุกอย่างยังตั้งอยู่ข้างเตียงนอนไม่ได้หายไปไหน “อะ... เออฉันเอามาล้างทำความสะอาดพื้นห้องน่ะ เมื่อวานรู้สึกได้กลิ่นไม่สะอาด แล้วนี่เธอเอาของที่ฉันสั่งมาด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวพูดตัดบทพร้อมเข้าประเด็นสิ่งที่ต้องการทันใด แม่เพื่อนสาวคนสนิทฉีกยิ้มกว้างออกมาโดยพลัน พร้อมยกกระเป๋าผ้าชูขึ้นให้เพื่อนของเธอได้เห็น “ของที่เธอสั่งอยู่ในนี้หมดแล้ว ยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อ แก้ปวด แก้ไข้ มีทั้งแบบฉีดและแบบกินรวมไปถึงอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่างมีใช้ตลอดทั้งเดือน ทั้งหมดนี้ราคากันเองแค่ห้าพันหยวนเท่านั้น” แม่เพื่อนรักบอกราคามาเสร็จสรรพ “อะไรนะ! ห้าพันหยวนเลยเหรอ... ทำไมถึงได้แพงแบบนี้!” หญิงสาวโวยวายขึ้นมาทันที “เอ้า! เธอบอกว่าจะต้องใช้ยาพวกนี้ประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์มิใช่เหรอ ฉันก็จัดมาให้สองอาทิตย์เลยง่ายดี เพียงพอตามระยะเวลาเหลือดีกว่าขาด ตัวยาพวกนี้ได้รับรองจากศูนย์วิจัยถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ตระกูลฉันเป็นตัวกลางในการจัดจำหน่ายตัวยาทุกชนิดรับรองปลอดภัย ราคาขนาดนี้พิเศษสุดๆ” แม่เพื่อนรักสาธยายจนเสร็จสรรพ “โอเค! โอเค! ข้อนั้นฉันเชื่อเธออยู่แล้ว ถึงได้โทรหา เอาเป็นว่าผ่อนจ่ายเดือนละห้าร้อยหยวนได้ไหม” หญิงสาวต่อรองการจ่ายทันใด “โอ๊ย! ทำการค้ากับเธอฉันโคตรขาดทุนเลย” แม่เพื่อนสาวบ่นกระปอดกระแปดออกมา “เอาแบบนี้แล้วกันค่ายาพวกนี้เธอไม่ต้องจ่าย ฉันล้อเล่นนะ แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องไปที่บริษัทของคุณพ่อฉันเพื่อดูฮวงจุ้ย ปรับเปลี่ยนทิศทางให้ร่ำรวยมากยิ่งขึ้นไปอีกและทำนายดวงชะตาปีนี้ของท่านว่าจะเป็นยังไงต่อไป หากไม่ดีจะได้หาทางแก้ไขและป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ” เพื่อนสาวยื่นข้อเสนอให้ทันที จางเพ่ยอันรีบพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเช่นนั้น “โอเค! ค่อยดูสมน้ำสมเนื้อหน่อย ตกลงตามนั้นเดี๋ยวฉันว่างเมื่อไรจะเข้าไปที่บริษัทคุณพ่อของเธอดูตำแหน่งฮวงจุ้ยสำหรับปีนี้ให้ไม่ต้องห่วง” หญิงสาวรับปากเพื่อนสนิท “อีกนานไหมกว่าจะเข้าไป แม่หมอคนดังอย่างเธอคิวยาวเหยียด บางคนต้องรอเป็นปีกว่าจะถึงแบบนั้นไม่เอานะ” “เอาน่ะ! เดี๋ยวลัดคิวให้แต่ต้องหลังจากที่ฉันกลับจากออกนอกพื้นที่ก่อนนะ เพราะตอนนี้มาสำรวจสุสานแห่งใหม่และจะต้องพักที่นี่ประมาณหนึ่งอาทิตย์” หญิงสาวตอบเพื่อนสนิทกลับไป แม่เพื่อนสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ก็ไม่นานนะ! เดี๋ยวฉันจะรีบโทรบอกคุณพ่อให้ท่านรู้ล่วงหน้า ว่าซินแสคนดังจางเพ่ยอัน ลัดคิวเข้าไปพบคุณพ่อที่บริษัท ท่านจะได้เตรียมการต้อนรับเธอเอาไว้ล่วงหน้า” เพื่อนสนิทบอกด้วยความดีใจท่ามกลางสายตาของหญิงสาว “ไม่เห็นต้องดีใจถึงขนาดนี้เลย ฉันก็แค่ดูหมอและจัดวางฮวงจุ้ยธรรมดาเหมือนซินแสคนอื่น อันที่จริงให้คนอื่นเข้าไปดูก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอฉันเลย” “จะเหมือนกันที่ไหนล่ะยะ ใครๆ ก็รู้ว่าเรื่องความแม่นยำและการจัดวางฮวงจุ้ย ไม่มีใครทัดเทียมจางเพ่ยอันเพื่อนรักของฉันคนนี้ไปได้ ทั้งแม่นยำเหมือนกับตาเห็น ตระกูลของฉันทำการค้าจนพลิกสถานการณ์วิกฤตจากหน้ามือเป็นหลังมือก็เพราะได้เธอช่วย หาไม่แล้วจะลืมตาอ้าปากอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้เหรอ” “อ่อ... ก็ต้องขอบคุณพ่อของเธอด้วยเหมือนกันที่เปิดโอกาสให้กับฉันได้เข้าไปช่วยเหลือท่าน” หญิงสาวกล่าวถ่อมตนพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท ทันใดนั้นเอง แค่ก! แค่ก! แค่ก! เสียงไอติดต่อกันดังออกมาจากร่างของคนเจ็บในยุคอดีต จางเพ่ยอันมองหน้าเพื่อนสนิทของเธอเขม็ง เมื่อเสียงไอของผู้ชายตัวโตมหึมา ดังจนได้ยินไปทั่วทั้งห้องเสียขนาดนั้น ทว่าเพื่อนของเธอหามีอาการแสดงออกแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองร่างใหญ่ที่แม่เพื่อนสาวของเธอกำลังนั่งทับอยู่เสียด้วยซ้ำ “เอาละ... เห็นทีฉันต้องกลับก่อนนะอันอัน เดี๋ยวจะเข้างานสาย ห้องยาที่โรงพยาบาลยุ่งอยู่ตลอดเวลาเสียด้วยสิ แถมมีหัวหน้างานโคตรโหด แม่บ่นได้ตลอดเวลาและทั้งวันเลยทีเดียว” เพื่อนรักของเธอบ่นพึมพำในขณะที่อีกฝ่ายมีอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเพื่อนของเธอเตรียมตัวกลับ “กะ... กลับแล้วเหรอ... ดะ... ดี... รีบกลับไปเลย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ ร่างเล็กๆ ของเพื่อนสนิทลุกขึ้นยืนพร้อมตรงเข้าสวมกอดหญิงสาว ทั้งสองพากันกอดจนตัวกลม ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องพักโดยมีสายตาของจางเพ่ยอันมองตามหลังจนลับสายตา ทันทีที่ประตูห้องพักปิดตัวลงตามเดิม เฮ้อ!!! เสียงถอนหายใจดังออกมาโดยพลัน หญิงสาวรีบเดินไปที่เตียงนอนซึ่งองค์ชายอิ๋งหยางประทับบรรทมอยู่ในขณะนั้น เธอยืนมองอยู่เพียงครู่ก่อนจะโน้มกายลงไปใกล้ๆ เผื่อจะได้ยินว่าทรงมีรับสั่งสิ่งใดออกมาหรือไม่ “แปลกจังเลย ขนาดเสี่ยวหงนั่งทับขาท่านแม่ทัพกลับไม่รู้สึก แถมอีกฝ่ายก็ไม่เห็นคนตัวเป็นๆ นอนอยู่บนเตียง แสดงว่าข้อสันนิษฐานของเราถูกหมดทุกอย่าง ว่าคนทางนี้ไม่มีใครเห็นคนในอดีต และคนทางนั้นก็ไม่เห็นเราเช่นกัน มีเพียงฉันเท่านั้นที่เห็นใครต่อใครอยู่คนเดียว... ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้นะ” หญิงสาวยืนรำพึงรำพัน มือเรียวหันกลับไปหยิบปรอทวัดไข้ซึ่งวางอยู่บนผ้าสะอาด นำไปสอดไว้ใต้ลิ้นขององค์ชายหนุ่มพร้อมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะดึงออกมาเมื่อครบระยะเวลาวัดไข้ “โอ้โฮ! ไข้ยังไม่ลดเลยแฮะ สี่สิบองศา สงสัยคงมาจากแผลกระสุนฝังในอยู่นาน แล้วเกิดอักเสบมีแต่หนองขนาดนั้นต้องใช้เวลารักษาท่านแม่ทัพนานแค่ไหนนะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมวางปรอทวัดไข้ลงบนผ้าสะอาดตามเดิม ก่อนจะหันกลับมาสาละวนรื้อข้าวของภายในถุงผ้า เพื่อหาตัวยาและน้ำเกลือรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่องค์ชายใหญ่จากยุคอดีต ในขณะที่น้ำเกลือถุงใหม่ถูกนำมาเปลี่ยนแทนถุงเดิมที่หมดไป พร้อมตัวยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบถูกนำมาเปลี่ยนแทนขวดเดิมเช่นเดียวกัน ยาลดไข้ที่บรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ บัดนี้อยู่ในไซริงก์ มีหัวเข็มอยู่ด้านบนเพื่อฉีดให้กับคนไข้ในรายที่หมดสติไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถทานยาลดไข้ผ่านทางหลอดอาหารได้ จางเพ่ยอันแทงเข็มลงไปบริเวณข้อพับอย่างเบามือ คนเจ็บแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย ตัวยาถูกฉีดเขาร่างกายไปอย่างรวดเร็วติดตามด้วยความโล่งอกของคุณหมอจำเป็น “ถ้าฉันรักษาท่านแม่ทัพหายเป็นปกติ เห็นทีจะมีอาชีพเสริมเป็นหมอรักษาคนได้เสียแล้วเรา” หญิงสาวพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะนึกขึ้นได้ “บ้าแล้วจางเพ่ยอันเธอไม่มีใบประกอบโรคศิลป์จะรักษาคนได้ยังไง ลำพังรักษาท่านแม่ทัพอาศัยเปิดยูทูบเธอก็โคตรเทพแล้ว” หญิงสาวบ่นพึมพำให้กับตัวเองพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะรีบจัดการตัวเองเพื่อเดินทางไปสำรวจพื้นที่สุสานในเช้าวันนี้ เพียงไม่นานจางเพ่ยอันปรากฏตัวพร้อมเครื่องแต่งกายสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีน สวมแจ็กเกตสีดำทับเรือนร่าง รองเท้าบูทหุ้มข้อสีน้ำตาลเข้มสำหรับลุยเข้าเขตสำรวจพื้นที่สุสานในวันนี้ หญิงสาวดึงผ้าห่มส่วนตัวของเธอนำออกมาจากกระเป๋าเดินทางเดินตรงมาที่เตียงนอน ก่อนจะคลี่ผ้าห่มออกกว้าง กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดซึ่งนำมาอบไว้จนแห้งกับเสื้อผ้าและเครื่องนอนของเธอแทนน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีแต่สารเคมี ฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วห้อง หญิงสาวดึงผ้าห่มของโฮมสเตย์ที่มีรอยเลือดของบุรุษจากยุคอดีตเปรอะเปื้อนออก พลางนำผ้าห่มของตัวเองมาคลุมร่างใหญ่ดังกล่าวเอาไว้อย่างมิดชิด พร้อมมือเรียวสวยหันกลับไปปรับระดับความเร็วของตัวยาให้หยดลงอย่างสม่ำเสมอ สายตาสำรวจความเรียบร้อยอย่างพึงพอใจ “หวังว่ากลับมาจะเห็นอาการกระเตื้องขึ้นกว่าเดิมนะ” หญิงสาวพูดกับตัวเองพลางหันหลังกลับเดินออกจากห้องพักเพื่อเดินทางเข้าพื้นที่สุสานพร้อมกับทีมงาน ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ พระพักตร์ขององค์ชายหนุ่มจากยุคอดีตปรากฏรอยแย้มเยือนออกมาบางๆ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรผ่านม่านตาที่มีแต่ภาพพร่าเลือน ทั่วทั้งห้องมีแสงสว่างส่องรำไรมาจากประตูทางเข้าซึ่งปิดทับด้วยผ้าม่าน ในบางเวลาที่พระองค์อยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ทรงทอดพระเนตรสตรีสาวร่างบอบบางกำลังสาละวนอยู่กับการรักษา หลายครั้งเข็มเงินถูกทิ่มแทงลงบนพระวรกายอย่างเบามือ แต่ไม่ปรากฏว่าทรงรู้สึกเจ็บแต่อย่างใดตรงกันข้ามกลับไม่รู้สึกแม้แต่น้อย และหลายครั้งทรงได้ยินเสียงคนเรียกชื่อสตรีสาวที่รักษาพระองค์ อันอัน! จางเพ่ยอัน ชื่อเล่นและชื่อแซ่ของสตรีที่คอยดูแลรักษาพระอาการบาดเจ็บขององค์ชายอิ๋งหยางแห่งแคว้นฉินดังก้องอยู่ในโสตประสาท พระโอษฐ์ซีดเซียวค่อยๆ ขยับช้าๆ ติดตามด้วยพระสุรเสียงทุ้มดังเล็ดลอดออกมา “จางเพ่ยอัน!” สุรเสียงรับสั่งชื่อแซ่ของหญิงสาวออกมาโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าชื่อแซ่ดังกล่าวติดตรึงอยู่ในโสตประสาทของพระองค์อยู่ทุกขณะในขณะเดียวกัน ยุคอดีต เมืองหลวงหยง ภายในราชสำนักฉินและทั่วทั้งแคว้นเวลานี้อยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ให้แก่อดีตเจ้าผู้ครองแคว้น อิ๋งหรงหรือฉินเหรินกง ซึ่งสวรรคตลงอย่างกะทันหัน เมื่อทรงทราบข่าวชัยชนะของแคว้นฉินเหนือแคว้นต้าเหลียง โดยการนำทัพขององค์ชายอิ๋งหยางพระโอรสผู้ถูกเนรเทศไปพำนักอยู่ชายแดน ตั้งแต่มีพระชนมายุเพียงห้าพระชันษา โดยที่มิได้พานพบพระพักตร์ระหว่างพ่อกับลูกแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยฉินเหรินกงเจ้าผู้ครองแคว้นฉิน พระราชบิดาทรงเสียพระทัยในการจากไปของฮองเฮาเป็นยิ่งนัก พระนางสิ้นพระชนม์ทันทีที่ได้พบกับพระโอรสองค์โต ทรงมอบความรักให้อดีตฮองเฮาและองค์ชายอิ๋งหยางและพยายามปกป้องทุกอย่างเพื่อให้ปลอดภัย แต่ก็มิอาจต้านทานแรงกดดันของเหล่าขุนนางภายราชสำนักได้ ด้วยองค์ชายอิ๋งหยางทรงมีดวงพิฆาตชีวิตผู้คนและจะทำให้แคว้นถึงคราวล่มสลายหากขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นสืบต่อไป อดีตเจ้าผู้ครองแคว้นพยายามช่วยพระโอรสมาโดยตลอด ทรงตัดพระทัยมิพานพบองค์ชายอิ๋งหยางเพื่อให้ลูกน้อยอยู่ใกล้อดีตฮองเฮาของพระองค์ซึ่งคือพระมารดา แต่แล้วความรักของคนเป็นแม่มิอาจทนความคิดถึงลูกน้อยได้ พระนางแอบไปพบพระโอรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต
ในขณะเดียวกันฮั่นจง เมืองหน้าด่านชายแดนแคว้นฉิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกของรองแม่ทัพ บ่งบอกสถานการณ์ตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าภายในเวลานี้ กำลังทหารที่กระจายไปทั่วบริเวณค่ายทหารและกระจายออกเป็นวงกว้างจนไปถึงฮั่นจง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของชายแดนแคว้นฉิน ข่าวการหายตัวไปของแม่ทัพปีศาจผู้เลื่องลือไปทุกสารทิศ เริ่มจะปิดเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว ตลอดสามวันที่ผ่านมา กำลังทหารกระจายค้นหาแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินแทบพลิกแผ่นดินเลยก็ว่าได้ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หมุนเวียนสลับเวรผลัดเปลี่ยนกันค้นหาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มของรองแม่ทัพคนสนิท จนมิยอมเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาเลยตลอดระยะเวลาที่องค์ชายอิ๋งหยางทรงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หากทรงไม่ปรากฏพระวรกายตลอดกาล ขวัญและกำลังใจของทหารมิเหลือสิ้นเป็นแน่แท้ ท่ามกลางคบไฟที่กำลังเริ่มจุดให้แสงสว่างขึ้นมาอีกครา เมื่อแสงแห่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ก้าวเข้าสู่เวลาแห่งรัตติกาลมาเยือน ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนเริ่มสลัว ความมืดเริ่มคืบคลานปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง “ท่านรองแม่ทัพ!” เสียงทหารรักษาการณ์ดังขึ้นพร้อมก้าวเดินนำหน้
ยุคอดีต “อันอัน!!!” สุรเสียงรับสั่งชื่อเล่นสตรีที่ช่วยชีวิตพระองค์ พร้อมพระหัตถ์ยื่นออกไปราวกับว่าพยายามจะไขว่คว้านางมีอันต้องหยุดชะงักโดยพลัน ห้องพักในยุคอนาคตค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นภายในกระโจมที่ประทับเข้ามาแทนที่ พระหัตถ์ยังคงยกค้างอยู่เช่นนั้นโดยที่องค์ชายหนุ่มมิทรงขยับพระวรกายเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย พระเนตรนิลกาฬจับจ้องอยู่แต่ทิศทางซึ่งตรงกับประตูห้องพักในโลกอนาคตอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน ก่อนจะรู้สึกพระองค์เมื่อทรงได้ยินเสียงของเหล่าทหารดังอยู่นอกกระโจม “รีบเข้าไปในกระโจมเร็วเข้า! ได้ยินเสียงท่านรองแม่ทัพเรียกองค์ชายใหญ่เอ็ดอึงไปหมด” สิ้นเสียงพูดคุย ทหารชั้นนายกองจำนวนหลายนายเปิดผ้ากระโจมซึ่งปิดประตูทางเข้าออกอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าดีใจมากมายยิ่งนัก “องค์ชายใหญ่เสด็จกลับมาแล้ว! พระองค์ทรงหายไปไหนมาพ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านายกองต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงเป็นการใหญ่ ก่อนจะพากันยืนแปลกใจไปตามๆ กันเมื่อเห็นร่างของรองแม่ทัพยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้น “ท่านรองแม่ทัพ! เหตุไฉนจึงยืนนิ่งราวกับหินเช่นนี้… หรือว่า!!!” นายกองแต่ละนายหันกลับมามองหน้ากันทันที ทุกสายตาเหลือบไปเห
ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ราชวงศ์โจวซึ่งเคยปกครองแคว้นต่างๆ มากมายเริ่มเสื่อมถอย ไร้สิ้นอำนาจปกครองแคว้นน้อยใหญ่ในเวลานี้ได้แต่อย่างใด หลังจากกษัตริย์โจวผิงหวางย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ลั่วอี้ (ลั่วหยาง) ดินแดนทางทิศตะวันตกทั้งหมดตกเป็นของแคว้นฉิน ซึ่งได้ผนวกแคว้นหรือดินแดนชนเผ่าหรงจู่ซึ่งอยู่ชายแดนราชวงศ์โจวกลายเป็นมหาอำนาจทางตะวันตก ในขณะที่ดินแดนซานซีเป็นของแคว้นจิ้น ดินแดนซานตงเป็นของแคว้นฉู่และแคว้นหลู่ ดินแดนหูเป่ยเป็นของแคว้นฉู่ ดินแดนเป่ยจิงและหูเป่ยตอนเหนือเป็นของแคว้นเยี้ยน ต่อมาดินแดนทางตอนใต้แม่น้ำฉางเจียง (แม่น้ำแยงซีเกียง) เป็นของแคว้นอู๋และแคว้นเย่วและแคว้นอื่นๆ หลังจากแคว้นใหญ่ๆ ทั้งหมดผนวกเอาแคว้นเล็กๆ ในราชวงศ์โจวมาเป็นดินแดนของตน ทำให้เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นใหญ่ และเริ่มต้นเปิดฉากที่มาของสงครามแห่งการแย่งชิง เต็มไปด้วยความโหดร้ายของการแก่งแย่งอำนาจกันของแคว้นใหญ่ๆ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งในเวลานี้แคว้นใหญ่ที่มีอำนาจและแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วหล้ามีด้วยกันสิบแคว้น อันได้แก่ แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นจิ้น แคว้นเอี้ยน แคว้นเยี่ยน แคว้นเยว่ แคว้นเจิ้
บริเวณชายป่า ขบวนเสด็จของว่าที่ฮองเฮาบัดนี้ได้ตั้งกระโจมที่ประทับบริเวณเขตชายป่าดงดิบของเมืองผิงหยาง โดยเลือกตั้งกระโจมใกล้กับลำธารเพื่อสามารถใช้เป็นสถานที่อาบน้ำชำระล้างกายและกักเก็บน้ำสะอาดไว้ใช้ดื่มในระหว่างการเดินทาง ด้วยต้องใช้เวลาอีกสองวันก็จะถึงเมืองหยงซึ่งเป็นเมืองหลวง ด้วยอาณาเขตพื้นที่ของเมืองผิงหยางกว้างใหญ่พอๆ กับเมืองหยง จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร อีกทั้งเส้นทางหลักเกิดดินถล่มทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้ จำเป็นต้องใช้เส้นทางอ้อมขุนเขาจึงจะเข้าสู่เขตเมืองหยง ท่ามกลางป่าดงดิบและสัตว์ป่าที่ออกมาหาอาหาร ต่างเดินมาให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ กวางตัวขนาดใหญ่ถูกล่ามาทำเป็นอาหารในค่ำคืนนี้ โดยทีมล่าคือองครักษ์ทั้งหกนายขององค์ชายสามอิ๋งเฟิ่ง เริ่มลงมือตามแผนที่วางเอาไว้เพื่อลอบสังหารจางเจี๋ยอี้ ว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่ในค่ำคืนนี้ กวางเลิศรสถูกย่างจนเกรียมส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ถูกตัดแบ่งแจกจ่ายให้กับทุกคนอย่างทั่วถึงโดยหารู้ไม่ว่าในเนื้อกวางดังกล่าวได้วางยาทำให้หลับอย่างแรงซึ่งได้มาจากแคว้นเอี้ยนของพระชายารองซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแคว้น และพระนางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นพร
ในขณะเดียวกัน ยุคปัจจุบัน ร่างไร้วิญญาณของโฉมงามล่มแคว้น ถูกเชือกมัดรอบกลางลำตัวติดกับหินขนาดใหญ่เพื่อใช้ถ่วงน้ำหนัก วางทับไว้บนร่างโดยมีบุรุษชุดดำอุ้มส่วนหัวและปลายเท้า เหวี่ยงไปมาติดๆ กันอยู่เพียงครู่ก่อนจะโยนลงไปในแม่น้ำทันที ตูม!!! ร่างนั้นจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำอันหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงเพรียกหาของจางเจี๋ยอี้เจ้าของร่างไร้วิญญาณดังกล่าวดังอยู่ใต้ก้นแม่น้ำนั้น “อันอัน! อันอัน!” เสียงเพรียกหาน้องสาวฝาแฝดออกมาจากดวงวิญญาณของจางเจี๋ยอี้ ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ “อันอัน! ตื่นได้แล้ว!” เสียงเรียกปลุกให้ตื่นจากภวังค์แห่งการหลับใหล เฮือกกก!!! จางเพ่ยอันสะดุ้งจนสุดตัว ดวงตาเปิดขึ้นพร้อมกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบบริเวณ และพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนรถตู้ของศูนย์วิจัย และรถจอดนิ่งสนิทอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำหวงโหวเพื่อเดินทางกลับเข้านครซีอาน หลังจากออกสำรวจสุสานแห่งใหม่จนเสร็จสิ้นภารกิจ “ที่แท้ฉันก็ฝันไป! แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ฝันเห็นอดีตชาติของตัวเอง ชาติที่แล้วเรามีฝาแฝดด้วยอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมพี่สาวของฉันถึงได้ตายอย่างน่าเวทนาเช่นนั้น ทำไมต้องถูกฆ่า! แล้วทำไมถึงเพิ่งมาเห็นเหต
เมื่อจู่ๆ จางเพ่ยอันก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตาของเพื่อนร่วมงาน ร่างของหญิงสาวถูกช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนเพื่อทำให้เธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอันที่ยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล มาถึงทันทีที่มีการแจ้งจากทีมงาน ทีมแพทย์ฉุกเฉินรีบช่วยกันปั้มหัวใจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนไข้กลับมาหายใจได้ดั่งเดิม “หัวใจหยุดเต้นไปประมาณหนึ่งนาทีเศษๆ เห็นจะได้ ตอนนี้ปั้มหัวใจกลับคืนมาได้แล้วแต่อาการยังน่าเป็นห่วง ความดันต่ำยังไม่ยอมขึ้นเลย รีบนำขึ้นรถเร็วๆ เข้า” ทีมแพทย์ฉุกเฉินเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนจะรีบยกร่างของสาวน้อยวัยใสขึ้นเปล “นี่ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นทีมแพทย์คลี่ผ้าสีขาวคลุมร่างของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด ใบหน้าถูกสายออกซิเจนครอบเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอได้หายใจสะดวก พร้อมยกร่างขึ้นไปไว้บนรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของเพื่อนร่วมงาน “ทำไมอันอันถึงได้เป็นแบบนี้... คุณหมอทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มฟาดพื้นทั้งยืนแบบนั้นคะ” หัวหน้าทีมวิจัยถามทีมแพทย์ช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก “เป็นอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ เกิดข
ยุคอดีต ฮั่นจง เมืองชายแดนแคว้นฉิน จวนแม่ทัพ พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจอิ๋งหยาง ในฉลองพระองค์สีดำทะมึนทรงนั่งประทับภายในห้องพระบรรทม โดยมีหมอในเมืองฮั่นจง มาถวายการรักษาบาดแผลแปลกประหลาดที่อยู่บริเวณพระอุระ ผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกนำมาพันรอบพระวรกายใหญ่ด้วยมืออันสั่นเทาของคนเป็นหมอ เมื่อต้องถวายการรับใช้องค์ชายปีศาจซึ่งเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น “เจ้ากลัวข้ามากอย่างนั้นรึ มือจึงสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ข้าคงเป็นปีศาจมากกระนั้นสิ” รับสั่งถามสุรเสียงเย็นยะเยียบ สายพระเนตรจับจ้องใบหน้าหมอที่มาทำการรักษาพระองค์อยู่ในขณะนี้เขม็ง ในขณะที่คนเป็นหมอรีบทรุดกายลงพื้นก้มคำนับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองแต่อย่างใดด้วยความกลัวเกรง แม้ว่าในขณะนี้องค์ชายอิ๋งหยางจะสวมหน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์เอาไว้ก็ตามที แต่มิอาจลดทอนความน่ากลัวและน่าเกรงขามของพระองค์ลดน้อยถอยลงไปได้เลย “กะ… กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะที่แสดงอาการออกมาเช่นนั้น ตะ... แต่… แต่กระหม่อมก็กลัวพระองค์จริงๆ มิขอปิดบังแต่ประการใด บรรดาหมอทั่วเมืองฮั่นจงต่างมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากกระหม่อมแม้แต่น้อย” “เช่นนั้นรึ!”รับสั่งออกมาสั้นๆ พ
ถ้อยคำของท่านผู้เฒ่าทำให้จางเพ่ยอันรู้สึกทึ่งในความรู้ความสามารถของหยงเซี๊ยะอย่างยิ่งยวด และเธอเพิ่งจะล่วงรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ตนเองเกิดดวงพิฆาตเช่นเดียวกับองค์ชายปีศาจ หญิงสาวหันกลับไปมองคนที่กำลังนั่งรอคอยอยู่บนเรือที่กำลังมองเธออยู่ในขณะนี้เช่นกัน “หรือนี่คือเหตุผลที่เราได้กลับมาอีกครั้ง” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ “เจ้ารีบไปนำองค์ชายเข้าบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องว่าใครจะตายต่อไปอีกแล้วเพราะตอนนี้เจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน ผู้คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เจ้าและได้พานพบหน้าองค์ชายก็ไม่ต้องตายอีกต่อไปแล้ว” หยงอู่บอกหลานสาว จางเพ่ยอันยืนฟังด้วยความสงบแต่ถึงกระนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ “แสดงว่าข้ากับท่านแม่ทัพที่เกิดดวงพิฆาตทั้งคู่ มาอยู่ด้วยกันเช่นนี้เป็นผลดีกับคนรอบข้างด้วยหรือท่านตา” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องตายลงไปโดยไม่รู้ตัวเพียงแค่พบหน้าองค์ชายผู้นั้น และตัวเจ้าเองก็อยู่กับผู้ใดเนิ่นนานกว่าครึ่งเหมันต์ไม่ได้เพราะจะทำให้คนรอบข้างพบแต่ความหายนะ ครานี้มิมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เจ้าทั้งสองยังคงอยู่ด้วยกันและคว
ทันทีที่องค์ชายปีศาจได้ยินถ้อยคำของชายชราตะโกนกลับมาเช่นนั้น พระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรสองผู้เฒ่าทันทีด้วยความแปลกพระทัยระคนสงสัย ในขณะที่อีกฝ่ายรีบดึงร่างฮูหยินของตนหันหลังกลับไม่ยอมมองพระพักตร์ของพระองค์เช่นกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมข้าจึงได้ยินเรื่องเช่นนี้ ใบหน้าของข้าต้องสาปอย่างนั้นหรอกรึ” รับสั่งด้วยความสงสัยพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรหนุ่มน้อยตรงพระพักตร์ที่กำลังนั่งนิ่งงันด้วยความตื่นตระหนกในสิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้และได้เห็น สองมือยังคงจับพระพักตร์ของพระองค์อยู่เช่นนั้น “น้องชาย! เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดจึงเงียบงันและนิ่งเฉยเช่นนี้ อีกทั้งท่านตาของเจ้ายังบอกว่าข้าเป็นผู้ถูกสวรรค์สาป ผู้ใดเห็นหน้าต้องตายทุกคนเป็นเช่นนั้นจริงรึ!” ครั้นจางเพ่ยอันได้ยินรับสั่งขององค์ชายปีศาจเช่นนั้น อาการตื่นตระหนกที่ได้เห็นภาพในอดีตของพระองค์และถ้อยรับสั่งที่ถามกลับมา ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาโดยพลัน “ผู้ใดเห็นหน้าต้องตายโดยพลันทันทีที่พานพบ ตำนานโบราณบันทึกเอาไว้แบบนั้น ที่เราเห็นภาพเมื่อกี้มันก็ใช่ ละ… แล้ว... ทำไมฉันเห็นหน้าเขาแล้วยังอยู่อีกล่ะ... เฮ้ย!… เป็นไปได้ยังไง! ทำไมถึงยังไม่ตาย!!!”
เสียงหัวเราะดั่งเช่นบุรุษแผดดังกึกก้องและถ้อยเจรจาของจางเพ่ยอัน ทำให้สองผู้เฒ่ารู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น รวมไปถึงองค์ชายปีศาจก็ด้วยเช่นกัน “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่าสวรรค์เข้าข้าง มีสิ่งใดเกิดขึ้นรึอันอัน!!!” หยงอู่ตะโกนถามหลานสาวกลับไป และนั่นทำให้จางเพ่ยอันรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เธอรีบกลบเกลื่อนอาการดีใจของตัวเองให้เลือนหายไปโดยพลัน ด้วยสิ่งที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นมิสามารถบอกกับผู้ใดได้ ว่าเธอต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับบุรุษซึ่งในภายภาคหน้าคือเจ้าผู้ครองแคว้นอันยิ่งใหญ่สืบต่อไป และนั่นจะทำให้หญิงสาวสามารถบันทึกเรื่องราวของพระองค์เอาไว้ได้ ว่าแท้จริงแล้วทรงเป็นผู้ใดในประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืม หรือแท้จริงแล้วพระองค์คือบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกแต่มีการเรียกขานพระนามผิดเพี้ยนไปจากเดิมนั่นเองความดีใจมิได้เกิดขึ้นเพราะอยากใกล้ชิดบุรุษหล่อเหลาแต่ดีใจเพราะจะได้ศึกษาและล่วงรู้รายละเอียดทุกอย่างของคนตรงหน้าในขณะนี้นั่นเอง หญิงสาวค่อยๆ ฉีกยิ้มหวานส่งให้องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉิน พร้อมยกมือเรียวตบลงบนบ่ากว้างของพระองค์พรึบ!!!! ทันทีที่มือเรียวสวยของเ
ณ บ้านน้อยริมลำธาร“ท่านตา! ท่านยาย! ข้ากลับมาแล้ว!!!” เสียงตะโกนก้องดังอยู่ริมฝั่งไม่ห่างจากบ้านน้อยเท่าใดนัก ร่างระหงของหญิงสาวในคราบบุรุษถอดหน้ากากหนังสีดำออกจากใบหน้าของเธอทันทีที่เรือเข้าเทียบท่าอยู่ตรงหน้าบ้านในเวลาเย็นย่ำซึ่งเป็นตามกำหนดระยะเวลาของเธอที่ให้ไว้กับท่านผู้เฒ่าทั้งสอง พร้อมโบกมือไปมาตามนิสัยของเธอด้วยความร่าเริงเพียงครู่ฮูหยินฉางค่อยๆ เดินออกมาจากตัวบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อล่วงรู้ว่าหลานสาวคนสวยของนางกลับถึงบ้านน้อยกลางเขาด้วยความปลอดภัย“อันอันมาแล้ว! ท่านตาของเจ้าเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้เอง... โอ๊ย! ดีใจจริงๆ จะได้หมดห่วงเสียที คืนนี้ตากับยายจะได้นอนหลับสนิทเสียทีแม่คุณของยาย” ฮูหยินฉางกล่าวพลางตรงเข้าสวมกอดร่างอรชรซึ่งอยู่ในคราบของบุรุษเอาไว้แนบอกด้วยความโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเหลือบไปเห็นข้าวของมากมายเต็มลำเรือด้วยความตื่นตระหนกมากกว่าความดีใจเสียมากกว่า“อันอัน! เจ้าไปเอาข้าวของพวกนี้มาจากไหน เหตุใดจึงมากมายเช่นนี้ แล้วคนเรือที่จ้างเอาไว้ไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า ใยจึงเห็นเจ้าเพียงผู้เดียวเช่นนี้” ฮูหยินฉางถามกลับไปแทบจะไม่ได้หายใจ ในขณะ
เหวอ!!!! เสียงอุทานดังลั่นอย่างตื่นตระหนกออกมาโดยพลันฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!! เสียงแหวกว่ายคล้ายอาวุธพุ่งตรงมาจากริมฝั่งแม่น้ำอย่างไม่คาดฝันฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!!! ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงหมายปักเข้าที่ร่างของบุรุษที่กำลังวิ่งหนีจนมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ก่อนจะหันหลังกลับใช้ดาบกวัดแกว่งไปมาเพื่อมิให้ฝูงลูกธนูเสียบไปทั่วกายทว่าลูกธนูบางส่วนกลับเล็ดลอดพุ่งตรงมายังลำเรือซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ในขณะนั้นฉึก! ฉึก! ฉึก! ลูกธนูพุ่งตรงปักเข้าที่หน้าอกของคนเรือถึงสามดอกเลยทีเดียว จนผงะถอยหลังต่อหน้าต่อตาของหญิงสาวซึ่งกำลังนั่งตกตะลึงที่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างไม่คาดฝันตูม!!! ร่างของคนเรือที่ถูกลูกธนูปักจนผงะถอยหลังร่วงหล่นไปจากเรืออย่างรวดเร็ว“ท่านลุง!!!” จางเพ่ยอันตะโกนร้องเรียกคนเรือจนสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีดและนั่นทำให้บุรุษที่กำลังโดนตามล่าหันกลับมามองเรือลำน้อยที่กำลังลอยลำอยู่กลางแม่น้ำในขณะนั้นทันที ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยละลิ่วมุ่งตรงไปที่เรือดังกล่าวอย่างรวดเร็วตุบ!!! ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าค้ำศีรษะอยู่ตรงหน้าของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความตกตะลึงของหญิงสาว“เฮ้ย! อะไรกันนี่! เป็นท่านอ
ทันใดนั้นเองสายพระเนตรเหลือบไปกระทบกับกลุ่มคนที่คอยติดตามองค์ชายปีศาจและองครักษ์ซึ่งคอยถวายอารักขาพระองค์เพียงแค่สองนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านั้นเพียรเฝ้าหาโอกาสหมายกำจัดองค์ชายใหญ่ให้สิ้นพระชนม์ตามที่ได้รับคำสั่ง ในขณะที่จางเพ่ยอันอาศัยจังหวะที่ตัวเล็กและบอบบาง รีบเดินหลบฉากเข้าไปปะปนกับชาวบ้านที่เริ่มเดินหนาแน่นแทรกเข้ามา เป็นเหตุให้เธอคลาดสายพระเนตรจากองค์ชายอิ๋งหยางไปโดยพลัน ครั้นทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอีกครา บุรุษร่างเล็กพลันเลือนหายไปในเหล่าฝูงชน“หายไปแล้ว!” รับสั่งออกมาทันที“องค์ชายพวกนั้นตามมาทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เฝ้าคอยตามเสด็จรีบกราบทูลรายงานทันใด“รู้แล้ว! พวกเจ้าพากันแยกย้ายออกค้นหาเด็กหนุ่มที่ข้าคุยด้วยเมื่อสักครู่ ไม่ว่ายังไงก็ตามจับตัวมาให้ได้!” รับสั่งกำชับ“แต่พระองค์จะทรงอยู่เพียงลำพังนะพ่ะย่ะค่ะ หากพวกกระหม่อมออกแยกย้ายพากันค้นหาเด็กหนุ่มผู้นั้นตามพระบัญชา” องครักษ์ผู้ติดตามกราบทูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงพระพักตร์ภายใต้หน้ากากหนังสีดำหันกลับมาทอดพระเนตรองครักษ์ทั้งสองทันที“ไป! นักฆ่ากระจอกเหล่านั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! รีบไปจับเด็กห
“เจ้ารู้จักชื่อของข้า!” รับสั่งถามกลับไปพร้อมสายพระเนตรลุกโชนวาววับอย่างน่าสะพรึงกลัวพระหัตถ์หนาอีกข้างหมายพระทัยตรงเข้าบีบลำคอเล็กๆ ของบุรุษตรงพระพักตร์เหวอออ!!! จางเพ่ยอันซึ่งสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารีบทิ้งพระหัตถ์ใหญ่ของพระองค์อย่างรวดเร็ว“ท่านจะบีบคอข้าทำไม ข้ารู้ทันหรอกนะ!” หญิงสาวโวยวายต่อว่ากลับไปทันทีพร้อมยกมือของเธอจับลำคอของตัวเองเอาไว้มิให้ถูกบีบ ท่ามกลางความแปลกพระทัยขององค์ชายปีศาจ บุรุษร่างเล็กตรงพระพักตร์เหตุใดจึงล่วงรู้ว่าพระองค์ทรงหมายจะทำสิ่งใด“ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายใจว่าจะทำเช่นนั้นกับเจ้า!” รับสั่งถามกลับไปทันทีพลางทอดพระเนตรเขม็ง“ข้าล่วงรู้ก็แล้วกัน! แต่ท่านสบายใจได้ปากของข้าไม่มีทางที่จะหาความตายใส่ตัวเองหรอกถ้าคิดอยากจะอยู่ต่อไปก็ต้องรูดซิปปากตัวเองให้สนิท” หญิงสาวพูดพลางทำท่าเอามือลากตรงมุมริมฝีปากอีกข้างไปยังอีกข้างประกอบให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร“รูดซิปปาก!” รับสั่งทวนประโยคของหญิงสาวก่อนจะเดาเอาเองตามความคาดเดาของพระองค์“ถ้าข้าจะเดาความหมายของเจ้าคงหมายถึงปิดปากใช่หรือไม่” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้“ตามนั้น! ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว” จางเพ่ยอ
ในขณะเดียวกันยุคปัจจุบันนครซีอาน ณ โรงพยาบาลเกาซินร่างอรชรของหญิงสาวในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเครื่องวัดความดันและท่อนำส่งอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายที่นอนหมดสติมานานกว่าหนึ่งเดือน ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้สาวน้อยจางเพ่ยอัน อยู่ในสภาพไม่ตายก็เหมือนตายหรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาพผัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากศูนย์วิจัยที่เดินทางมาเยี่ยมหญิงสาว ต่างพากันยืนมองร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาและสงสารอย่างยิ่งยวด “หัวหน้าไปพบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วเป็นยังไงบ้างคะ อันอันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหม และเมื่อไรจะฟื้นขึ้นมา นี่ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้วที่อยู่ในสภาพแบบนี้” เพื่อนร่วมงานของแม่สาวน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากสตรีสาวใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้างานดังออกมาทันที “ความหวังว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมไม่มีใครตอบได้หรอกแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้ก็ตอบไม่ได้ อันอันหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นไปนาน เธอตายไปแล้วตอนรถฉุกเฉินมาถึง แต่พอถูกปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้งจะว่าโชคร
เมืองหลวงหยงเมืองหลวงใหญ่แห่งแคว้นฉินอันรุ่งเรืองในเวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย ที่ทยอยเข้ามาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ จากอดีตซึ่งเคยเป็นเพียงแคว้นนอกสายตา ห่างไกลและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ทุรกันดาร ชาวแคว้นฉินเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อน ดำรงอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นนักต่อสู้และมีน้ำอดน้ำทนสูง สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้ทุกข์สภาวะ ทว่าเพียงไม่กี่ร้อยปีจากแคว้นเล็กๆ กลับยิ่งใหญ่และขยายอาณาเขตครอบครองดินแดนแถบตะวันตกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำสงครามปราบชนเผ่าชวนหรงซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนานได้อย่างราบคาบและบุกตีดินแดนเล็กๆ รวมไปถึงแคว้นใหญ่ในยุคนั้นได้เป็นผลสำเร็จมากมาย ขยายอำนาจออกไปจนกลายเป็นหนึ่งในสิบแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในขณะนั้น และจางเพ่ยอัน ดวงวิญญาณของหญิงสาวในยุคอนาคต จากปีคริสต์ศักราช 2018 ได้หวนคืนกลับมาในยุคอดีตกาลและที่สำคัญเป็นยุคในอดีตชาติของเธอที่เคยถือกำเนิดมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งเธอเป็นถึงบุตรสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดีจางฟง และมีชื่อแซ่ในชาตินี้ว่าจางเพ่ยอัน เช่นเดียวกับชาติปัจจุบัน ทว่าในชาติอดีต