Share

หมอจำเป็น 1.1

last update Last Updated: 2025-01-02 05:12:53

เคฟคอร์ทยาร์ด โฮมสเตย์

 โฮมสเตย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตหลินถง ใกล้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ มีอาคารย้อนยุคก่อสร้างตามอาคารบ้านเรือนในยุคสมัยราชวงศ์ถัง ทุกอาคารมีชั้นเดียวและถ่ายเทอากาศได้ดี ท่ามกลางสวนหย่อมจัดวางตามลักษณะฮวงจุ้ยได้อย่างลงตัวและสวยงาม

“องค์ชาย! องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!!!” เสียงเรียกขานเอ็ดอึงเต็มไปด้วยความโกลาหลขึ้นมาอีกครา

 ขนตางามงอนยาวเป็นแพสวยเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงติดต่อกัน เมื่อหูของเธอได้ยินเสียงเรียกขานดังกล่าวอย่างชัดเจน ในยามนี้จางเพ่ยอัน กำลังนอนพักผ่อนในโฮมสเตย์ดังกล่าวซึ่งใกล้สถานที่ขุดพบสุสานแห่งใหม่เป็นการชั่วคราว ก่อนจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่

เธอและทีมงานจากศูนย์วิจัยเดินทางมาถึงบริเวณที่ขุดพบสุสานก็ปาเข้าไปเย็นย่ำแล้ว จึงต้องแวะพักผ่อนเอาแรงในเขตเมืองของซีอานเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกนอกเมืองลุยงานในวันรุ่งขึ้น

 ใบหน้าส่ายไปมาเมื่อเสียงเอ็ดอึงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าอยู่ใกล้เพียงแค่ห้องพักติดกันนี่เอง

พรึบ! เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาทันใด

 ดวงตาจ้องเพดานด้านบนเขม็งอยู่เพียงครู่ พร้อมกับร่างอรชรค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางเงี่ยหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ยินเป็นอะไรกันแน่ หูฝาดไปหรือเกิดขึ้นจริงๆ

 “รีบไปตามหมอใกล้ที่สุดมารักษาพระอาการขององค์ชายเร็วๆ เข้า” เสียงตะโกนสั่งการได้ยินเพียงแผ่วเบาราวเสียงกระซิบแผ่วพาดผ่านมากับสายลมก็ว่าได้

 “องค์ชายอย่างนั้นเหรอ!” หญิงสาวรำพึงออกมาทันที ครั้นหูของเธอได้ยินเสียงดังกล่าวมาจากสถานที่อันไกลโพ้น เหตุใดหนอจางเพ่ยอันจึงได้ยินเสียงเหล่านั้นได้

 ร่างระหงลุกขึ้นจากเตียงนอนทันใด พลางเดินตรงไปทางประตูกระจกซึ่งถูกปิดด้วยผ้าม่าน เมื่อเปิดออกจะเป็นระเบียงด้านนอกที่อยู่ในห้องพักของเธอ หญิงสาวเดินออกไปหยุดยืนอยู่ตรงระเบียงพลางทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า มองเห็นทิวเขารำไรของเมืองซีอาน ทั่วพื้นที่ในมณฑลส่านซีล้วนเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในยุคโบราณอันยาวนานที่เคยรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีตกาล

 ภาพเหตุการณ์ในวันที่กลุ่มอันธพาลไล่ยิงคู่อริจนสนั่นเมืองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายของประเทศแต่อย่างใด ช่วงเสี้ยววินาทีที่เธอกำลังหนีตายอย่างสุดชีวิต จางเพ่ยอันเห็นบุรุษในชุดเกราะโบราณยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันขาวที่เหล่าอันธพาลโยนระเบิดควันเข้าใส่กัน และหญิงสาววิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเขาก่อนจะถูกลูกหลงเมื่อกระสุนปืนเจาะถูกด้านหลังจนล้มลงอยู่ในอ้อมกอดของชายคนดังกล่าว

 ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จางเพ่ยอันจดจำถ้อยคำที่ชายคนดังกล่าวถามเธอได้เป็นอย่างดีและไม่มีวันลืมเลือน

 “แม่นาง! เจ้าเป็นเช่นไร” เสียงนั้นบ่งบอกว่าเขาตกใจอยู่มิใช่น้อยที่เห็นเธอเป็นเช่นนั้น ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกนัดพร้อมร่างใหญ่ทรุดลงนั่งกอดหญิงสาวเอาไว้แนบอก 

 “ตกลงวันที่เราถูกยิงผู้ชายที่สวมชุดเกราะคือความจริงหรือความฝันกันแน่ ทำไมคล้ายวิญญาณเจ้าของปิ่นหยกที่ขุดพบในสุสานมาทวงของคืนในศูนย์วิจัยเลยนะ แถมสวมชุดเกราะและหน้ากากสีเงินเหมือนกันซะด้วย ท่าทางจะต้องเป็นผีตัวเดียวกันแน่ๆ เลย” จางเพ่ยอันยืนรำพึงรำพันพลางยกมือขึ้นกอดอก ตั้งใจฟังเสียงที่เธอเพิ่งได้ยินอีกครา

 ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูติดต่อกันดังแทรกขึ้นมาทันที

 หญิงสาวหันกลับมามองประตูห้องพักพลางหันกลับไปดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงของโรงแรม

 “จะเที่ยงคืนแล้ว ดึกขนาดนี้ใครมาเคาะประตูห้องว้า” แม่สาวน้อยยืนพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงแขกผู้มาเยือน

 “อันอัน! นอนหรือยัง” เสียงหัวหน้างานของเธอดังขึ้น

 “อ้าว! หัวหน้าหลิวอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวกล่าวออกมาทันทีด้วยความแปลกใจ ร่างระหงรีบก้าวเข้าไปภายในห้องพร้อมเปิดประตูต้อนรับอย่างรวดเร็ว

 และทันทีที่ประตูเปิดออก กล่องไม้ขนาดกะทัดรัดทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสพร้อมแฟ้มเอกสารยื่นส่งให้เธอทันใด

 “เธอลืมของสำคัญทิ้งไว้ในรถ” หัวหน้างานสาวใหญ่บอกกลับมา

 ดวงตาคู่สวยมองกล่องไม้และแฟ้มเอกสารตรงหน้าด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้คือ ปิ่นหยกโบราณและผลสรุปการค้นคว้าประวัติความเป็นมาของวัตถุโบราณชิ้นล่าสุด

 “หัวหน้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ นี่คือวัตถุโบราณชิ้นล่าสุดที่สั่งให้อันอัน ค้นคว้าประวัติความเป็นมาและสรุปอายุว่ามาจากสมัยใด ทุกอย่างรายงานอยู่ในแฟ้มและเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว อีกอย่างงานชิ้นนี้หนูส่งให้ตรวจสอบก่อนจะเดินทางมาที่ซีอานไม่ได้หลงลืมทิ้งไว้บนรถเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามอธิบายกลับไป

 “เก็บเอาไว้! มันเป็นของเจ้า!” หัวหน้างานของหญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นช่างโบราณเสียนี่กระไร ดวงตาเฝ้าจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของจางเพ่ยอันอยู่ตลอดเวลาก่อนจะยิ้มน้อยๆ พร้อมหันหลังกลับเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย

 ทันใดนั้นเอง

 เงาวูบวาบคล้ายดวงวิญญาณหันกลับมามองจางเพ่ยอันพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตร ท่ามกลางความตกตะลึงของหญิงสาวเมื่อพบเห็นดวงวิญญาณของผู้หญิงซ้อนทับในร่างหัวหน้างานของเธอ และที่สำคัญดวงวิญญาณนั้นมีใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งยวด จนสะกดหญิงสาวยืนนิ่งไม่ขยับกายแต่อย่างใด

 “อัยยะ!” หญิงสาวอุทานออกมาโดยพลันครั้นได้เห็นเช่นนั้น ก่อนจะรีบก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในห้องพร้อมรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว

 ร่างระหงยืนกอดแฟ้มเอกสารและกล่องไม้บรรจุปิ่นหยกโบราณไว้แนบอก ดวงตากลอกกลิ้งไปมามองรอบๆ ห้องพักก่อนจะปิดเปลือกตาลงพลางสะบัดศีรษะติดๆ กัน

 “นอกจากฉันจะมีสัมผัสพิเศษเห็นอดีตและอนาคตของคนอื่นๆ ได้แล้ว ยังสามารถมองเห็นดวงวิญญาณของภูตผีปีศาจได้อีกอย่างนั้นด้วยเหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน เห็นผีในชุดเกราะแม่ทัพยังไม่พอ ยังเห็นดวงวิญญาณผีสาวส่งยิ้มหวานมาให้อีกด้วย ให้ตายสิจางเพ่ยอัน! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!” หญิงสาวบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลยทีเดียว ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

 ดวงตาคู่สวยก้มลงมองกล่องไม้ที่เธอกอดเอาไว้แนบอกอยู่ในขณะนี้ พลางเฝ้าครุ่นคิดทบทวน ร่างระหงเดินผละออกจากประตูห้องพักก่อนจะนำแฟ้มเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง มีเพียงกล่องไม้ที่ถือติดมือเดินกลับไปเตียงนอนก่อนจะทรุดกายลงนั่งพร้อมเลื่อนฝากล่องเปิดออก หยิบปิ่นหยกโบราณออกมาพิจารณาใกล้ๆ

 “ท่าทางปิ่นหยกอันนี้เจ้าของต้องหวงมากแน่ๆ เขาคงต้องการให้เอากลับไปคืนที่เดิม หาไม่แล้วจะมาปรากฏดวงวิญญาณให้เราเห็นทำไม ขนาดมาเองไม่ได้ยังทำภาพหลอนให้เห็นได้ด้วย แถมยังให้ได้ยินอะไรเป็นตุเป็นตะไปทั่ว ใหญ่โตมิใช่เล่นเสียด้วยเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ เชื่ออีตาผีแม่ทัพนี่จริงๆ ว่าแต่ทำไมต้องเป็นเราด้วยว้า” จางเพ่ยอันบ่นพึมพำออกมาเป็นการใหญ่ ภายในใจเฝ้าครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขผีแม่ทัพที่หวงปิ่นหยกของตนอยู่ตลอดเวลา

 ทว่าไม่ว่าจะเฝ้าครุ่นคิดหาวิธีเช่นไร แต่ก็แลดูเหมือนสมองของเธอในยามนี้ช่างตีบตันเสียนี่กระไร มือเรียวสวยค่อยๆ บรรจงวางปิ่นหยกโบราณลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนเมื่อเปลือกตาของเธอจู่ๆ ก็เริ่มหนักอึ้งอย่างมิรู้สาเหตุเสียขึ้นมาดื้อๆ

 หาวววว!!! เสียงหาวนอนดังออกมาเบาๆ

 “โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว… ง่วง! นอนดีกว่า พรุ่งนี้ยังต้องเข้าไปภายในบริเวณสุสานอีก เดี๋ยวค่อยคิดหาทางใหม่ก็แล้วกัน ราตรีสวัสดิ์นะท่านแม่ทัพ ฉัน... จางเพ่ยอันขอตัวนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนแล้ว เดี๋ยวจะพยายามหาวิธีให้คุณได้ของรักของหวงกลับคืนไปจะได้ไม่ต้องมาคอยตามตอแยฉันอีก… โอเคนะ… อือ” หญิงสาวพูดเองตอบเองอยู่คนเดียวพร้อมล้มตัวลงนอนก่อนจะผล็อยหลับสนิทภายในเวลาอันรวดเร็ว 

 ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ มีเพียงแสงจันทราลอดผ่านมาทางประตูระเบียงของห้องพักมองเห็นแค่สลัวๆ ชั่วเวลาเพียงกะพริบตาประตูระเบียงห้องพักค่อยๆ เลือนหายไปกลับกลายเป็นทางเข้ากระโจมที่ประทับซึ่งใช้ผ้าดิบผืนขนาดมหึมาปิดบังทางเข้า ด้านนอกมีทหารอารักขายืนรักษาการณ์ซ้ายขวา แสงจากคบไฟพวยพุ่งส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา

บนเตียงนอนขนาดใหญ่ของยุคอนาคตปรากฏเงาบางอย่างสะท้อนวูบวาบ เผยให้เห็นแท่นพระบรรทมขององค์ชายในโลกอดีตซ้อนทาบทับเข้ามา ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏเงาเลือนรางของบุรุษร่างสูงใหญ่นอนเหยียดยาวในท่านอนหงายเคียงคู่กับจางเพ่ยอัน จากเพียงเงาวูบวาบกลับกลายเป็นตัวคนอย่างสมบูรณ์

 ลมหายใจรวยรินที่เต็มไปด้วยพิษไข้ร้อนผ่าว ทั่วกายร้อนประดุจไฟบรรลัยกัลป์แผ่ออกมาจนสามารถสัมผัสได้ ท่อนบนของร่างกายสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีดำทะมึน สาบเสื้อแยกออกจากกัน เผยแผ่นอกกว้างใหญ่เปลือยเปล่า เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออัดแน่น หากแต่มีผ้าพันแผลสีขาวพันเอาไว้โดยรอบ และมีโลหิตไหลซึมออกจากบาดแผลอยู่ตลอดเวลา บริเวณช่วงล่างลงไปสวมกางเกงผ้าสีขาวและถุงเท้าผ้าสีขาวเช่นเดียวกันราวเครื่องแต่งกายของคนจากยุคอดีต

 ความร้อนจากพิษไข้เพราะบาดแผลแผ่ขยายออกมา จนร่างอรชรที่นอนอยู่เคียงคู่ซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัว ก่อนจะพลิกตัวหันตะแคงข้างไปทางด้านร่างใหญ่ที่กำลังนอนหมดสติอยู่ในขณะนั้น มือเรียวสวยคว้าท่อนแขนกำยำด้วยเข้าใจว่าเป็นหมอนข้างดึงเข้ามากอดเอาไว้แนบอกทันที

 และทันใดที่มือสัมผัสถูกไอร้อนจากท่อนแขนใหญ่ที่กำลังกกกอดเอาไว้แนบอกอยู่ในขณะนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ จวบจนกระทั่งเห็นร่างใหญ่ของบุรุษนอนหายใจรวยริน ใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินปิดทับอยู่ในขณะนั้น

 “เหวออออ!!!” หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาทันทีด้วยความตกใจสุดขีด

 ร่างอรชรลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว พลางกระเถิบถอยหนีไม่เป็นกระบวน ก่อนจะรีบพลิกตัวกระโดดลงจากเตียงนอนทันใด

 ตุบ! ร่างแน่งน้อยนอนหลบอยู่ข้างเตียงนานกว่าห้านาที

 เอื๊อก! เสียงกลืนน้ำลายลงคอได้ยินอย่างชัดเจนดังออกมาจากร่างของหญิงสาว

 ใบหน้าค่อยๆ เงยขึ้นช้าๆ มองตรงไปที่โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง ฝั่งทิศทางที่เธอนอนก่อนจะรีบเอื้อมมือกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟภายในห้องให้มีแสงสว่าง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 พรึบ! ทั่วทั้งห้องสว่างจ้าขึ้นมาทันใด

 “ไฟก็เปิดแล้ว ห้องก็สว่างซะขนาดนี้ ถ้าไม่เงยหน้าโผล่ออกไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอด เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่จางเพ่ยอัน ท่าทางคงจะคิดเรื่องอีตาผีแม่ทัพมาทวงของมากเกินไป ก็เลยเก็บเอาไปมโนเห็นภาพหลอนลวงตาไปทั่ว” หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจไม่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างเตียงอีกต่อไป เธอโผล่หน้าขึ้นมองบนเตียงนอนทันที

 “หา!... อุบ!” จางเพ่ยอันอุทานออกมา ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนจะรีบกระเถิบถอยหลังจนไปนั่งชิดกำแพงห้องพัก

 “ทะ... ทำไมยังอยู่อี๊ก!!!” หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ ดวงตาจับจ้องร่างบุรุษที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเขม็ง

 

Related chapters

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หมอจำเป็น 1.2

    บัดนี้องค์ชายอิ๋งหยางแห่งแคว้นฉิน ทรงมาปรากฏพระวรกายอยู่บนเตียงนอนของจางเพ่ยอันภายในโฮมสเตย์ที่พักในเขตเมืองซีอาน ด้วยเพราะสถานที่ดังกล่าวในยุคอนาคตถูกสร้างขึ้นตรงกับบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายกองทัพของแคว้นฉินในยุคโบราณ กระโจมที่ประทับของแม่ทัพใหญ่องค์ชายอิ๋งหยาง ก็ตั้งตรงกับห้องพักของจางเพ่ยอัน รวมไปถึงเตียงนอนในห้องพักก็ตั้งตรงกับแท่นพระบรรทมขององค์ชายหนุ่มในยุคอดีตเข้าให้พอดีอย่างไม่คาดคิด และสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ชายแห่งแคว้นฉินในอดีตกาลสามารถปรากฏพระวรกายในยุคอนาคตได้ นั่นก็เพราะวันประสูติของพระองค์เป็นดาวพิฆาต ซึ่งสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในขณะที่จางเพ่ยอันก็มีวันเดือนปีเกิดตกดาวพิฆาตเช่นเดียวกัน ซึ่งทิ้งช่วงระยะเวลาครบสามพันปีเข้าให้พอดี หากแต่แตกต่างตรงที่ดาวพิฆาตจะเกิดขึ้นกับบุรุษเท่านั้น ครั้นกาลเวลาเวียนมาบรรจบครบสามพันปีในครานี้ดวงพิฆาตกลับกลายเป็นอิสตรีนั่นก็คือจางเพ่ยอันนั่นเอง อย่างที่มิเคยปรากฏมาก่อนตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ครั้นหญิงสาวเดินทางมาถึงพื้นที่ ซึ่งโลกอดีตเป็นค่ายที่ตั้งกองทัพของแคว้นฉินอันเกรียงไกร ดวงพิฆาตทั้งสองจากยุคอดีตและยุคปั

    Last Updated : 2025-01-02
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หมอจำเป็น 1.3

    หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุรุษสองนาย เดินถือกระเป๋าซึ่งมีเครื่องมือปฐมพยาบาลอย่างครบครันมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางอันเป็นห้องพักของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของพนักงานซึ่งอยู่เวรกะกลางคืนของโฮมสเตย์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างระหงของจางเพ่ยอันซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกภายในห้อง รีบถลาไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากเลยค่ะที่รีบมา เข้ามาดูอาการคนเจ็บเถอะรู้สึกว่าจะไม่ค่อยดีแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันหลังกลับก้าวเดินนำหน้าตรงไปที่เตียง โดยมีบุรุษพยาบาลทั้งสองนายก้าวตามหลังหญิงสาวเข้าไปอย่างไม่รอช้า ทันใดนั้นเอง ฟิ้ววว! จู่ๆ มีแรงมหาศาลผลักร่างของบุรุษพยาบาลทั้งสองนายจนกระเด็นกระดอนออกจากห้องพัก ลอยละลิ่วไปนอนแอ้งแม้งกองกันอยู่ตรงหน้าประตู ตุบ! บุรุษพยาบาลทั้งสองนายถึงกับนั่งจุกไปตามๆ กัน ท่ามกลางความแปลกใจของจางเพ่ยอัน “เอ้า! พวกคุณทำไมพากันไปนั่งทำอะไรอยู่ที่พื้นคะ คนเจ็บนอนรออยู่บนเตียง! เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดพลางชี้มือไปที่เตียงนอนของเธอ ในขณะที่บุรุษพยาบาลทั้งสองนายต่างพากั

    Last Updated : 2025-01-02
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หมอจำเป็น 1.4

    เสียงเพ้อเรียกชื่อเล่นของเธอดังออกมาจากปากของคนที่กำลังนอนหมดสติยู่ในขณะนี้ จางเพ่ยอันถึงกับยืนนิ่งงันไปชั่วขณะครั้นได้ยินชื่อของตัวเองอย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ โน้มกายก้มลงจนชิดใบหน้าหล่อเหลาของคนเจ็บจากยุคอดีต พร้อมเงี่ยหูฟังว่าจะได้ยินอะไรออกมาจากปากอีกหรือไม่ ก่อนจะยืดกายยืนตัวตรงเช่นเดิมครั้นไม่ได้ยินอะไรอีกเลย “แปลก! อีตาแม่ทัพรู้จักชื่อเล่นของเราได้ยังไง คงไม่ใช่กระมัง อาจจะเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นที่อยู่โลกเดียวกันกับเขาและบังเอิญไอ้เราดันไปมีชื่อเหมือนกันเข้าให้ด้วยความบังเอิญเสียมากกว่า มันจะต้องเป็นอย่างที่คิดเอาไว้แน่ๆ” หญิงสาวยืนพึมพำ รีบสลัดความคิดอื่นๆ ที่คอยแทรกเข้ามาโดยตลอดพร้อมยกมีดผ่าตัดขึ้นมาจ้องเขม็ง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแมสก์ปิดปากที่วางอยู่ใกล้เครื่องมือผ่าตัด พร้อมนำมาสวมปิดบังใบหน้า เตรียมพร้อมลงมือผ่าเอาลูกกระสุนออกเป็นครั้งแรกในชีวิต ใบมีดกดลงพร้อมกรีดปากแผลให้เปิดออกกว้างทันทีก่อนจะชำเลืองไปทางคนเจ็บว่ามีปฏิกิริยาตอบโต้หรือไม่ “หมดสติแบบนี้ก็ดีค่อยยังชั่วหน่อย หวังว่าจะช่วยชีวิตของคุณได้ทันนะท่านแม่ทัพ” หญิงสาวรำพึงออกมาภายใต้แมสก์ปิดบังใบหน้า ในขณะ

    Last Updated : 2025-01-02
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หมอจำเป็น 1.5

    ตีห้าของเช้าวันใหม่ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังอยู่นอกห้องพัก ใบหน้าที่ฟุบอยู่บนเตียงนอนฝั่งตรงกันข้ามในลักษณะนั่งกับพื้นค่อยๆ รู้สึกตัวพลางเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อจางเพ่ยอันกลายร่างเป็นพยาบาลกะกลางคืนนอนเฝ้าคนเจ็บหลังจากทำหน้าที่เป็นหมอผ่าตัดด้วยสถานการณ์บังคับ “อันอัน! อยู่ห้องนี้หรือเปล่า! ฉันมาแล้ว!” เสียงของเพื่อนสนิทดังอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน และนั่นทำให้ร่างระหงดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที “เสี่ยวหงมาแล้ว! มาถึงเร็วเหมือนกันแฮะ รวดเร็วทันใจดีจริงๆ เลย” หญิงสาวกล่าวพร้อมมองร่างคนเจ็บจากโลกอดีตยังคงนอนหลับสนิทอยู่เช่นเดิม “ท่านแม่ทัพยังไม่หายไปแฮะ ป่านนี้ทางนั้นไม่วุ่นวายกันใหญ่แล้วเหรอ” หญิงสาวเอ่ยพึมพำพร้อมเสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาอีกครา “อันอัน!!!” ครานี้เสียงดังกว่าเดิม “มาแล้ว! มาแล้ว!” หญิงสาวส่งเสียงขานรับรีบก้าวออกจากเตียงเดินตรงไปทางประตูห้อง พร้อมเปิดต้อนรับเพื่อนสนิทของเธอทันใด ทันทีที่ประตูเปิดออก “เธอนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไรอันอัน ปล่อยให้ฉันเรียกอยู่ได้ตั้งนานสองนาน” แม่เภสัชกรสาวเพื่อนสนิทของจางเพ่ยอัน นามว่าอู๋หง กล่าวพร้อมเดินแท

    Last Updated : 2025-01-02
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หวนคืน 1.1

    ในขณะเดียวกัน ยุคอดีต เมืองหลวงหยง ภายในราชสำนักฉินและทั่วทั้งแคว้นเวลานี้อยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ให้แก่อดีตเจ้าผู้ครองแคว้น อิ๋งหรงหรือฉินเหรินกง ซึ่งสวรรคตลงอย่างกะทันหัน เมื่อทรงทราบข่าวชัยชนะของแคว้นฉินเหนือแคว้นต้าเหลียง โดยการนำทัพขององค์ชายอิ๋งหยางพระโอรสผู้ถูกเนรเทศไปพำนักอยู่ชายแดน ตั้งแต่มีพระชนมายุเพียงห้าพระชันษา โดยที่มิได้พานพบพระพักตร์ระหว่างพ่อกับลูกแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยฉินเหรินกงเจ้าผู้ครองแคว้นฉิน พระราชบิดาทรงเสียพระทัยในการจากไปของฮองเฮาเป็นยิ่งนัก พระนางสิ้นพระชนม์ทันทีที่ได้พบกับพระโอรสองค์โต ทรงมอบความรักให้อดีตฮองเฮาและองค์ชายอิ๋งหยางและพยายามปกป้องทุกอย่างเพื่อให้ปลอดภัย แต่ก็มิอาจต้านทานแรงกดดันของเหล่าขุนนางภายราชสำนักได้ ด้วยองค์ชายอิ๋งหยางทรงมีดวงพิฆาตชีวิตผู้คนและจะทำให้แคว้นถึงคราวล่มสลายหากขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นสืบต่อไป อดีตเจ้าผู้ครองแคว้นพยายามช่วยพระโอรสมาโดยตลอด ทรงตัดพระทัยมิพานพบองค์ชายอิ๋งหยางเพื่อให้ลูกน้อยอยู่ใกล้อดีตฮองเฮาของพระองค์ซึ่งคือพระมารดา แต่แล้วความรักของคนเป็นแม่มิอาจทนความคิดถึงลูกน้อยได้ พระนางแอบไปพบพระโอรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   หวนคืน 1.2

    ในขณะเดียวกันฮั่นจง เมืองหน้าด่านชายแดนแคว้นฉิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกของรองแม่ทัพ บ่งบอกสถานการณ์ตอนนี้ได้เป็นอย่างดีว่าภายในเวลานี้ กำลังทหารที่กระจายไปทั่วบริเวณค่ายทหารและกระจายออกเป็นวงกว้างจนไปถึงฮั่นจง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของชายแดนแคว้นฉิน ข่าวการหายตัวไปของแม่ทัพปีศาจผู้เลื่องลือไปทุกสารทิศ เริ่มจะปิดเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว ตลอดสามวันที่ผ่านมา กำลังทหารกระจายค้นหาแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินแทบพลิกแผ่นดินเลยก็ว่าได้ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หมุนเวียนสลับเวรผลัดเปลี่ยนกันค้นหาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มของรองแม่ทัพคนสนิท จนมิยอมเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาเลยตลอดระยะเวลาที่องค์ชายอิ๋งหยางทรงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หากทรงไม่ปรากฏพระวรกายตลอดกาล ขวัญและกำลังใจของทหารมิเหลือสิ้นเป็นแน่แท้ ท่ามกลางคบไฟที่กำลังเริ่มจุดให้แสงสว่างขึ้นมาอีกครา เมื่อแสงแห่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ก้าวเข้าสู่เวลาแห่งรัตติกาลมาเยือน ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนเริ่มสลัว ความมืดเริ่มคืบคลานปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง “ท่านรองแม่ทัพ!” เสียงทหารรักษาการณ์ดังขึ้นพร้อมก้าวเดินนำหน้

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.1

    ยุคอดีต “อันอัน!!!” สุรเสียงรับสั่งชื่อเล่นสตรีที่ช่วยชีวิตพระองค์ พร้อมพระหัตถ์ยื่นออกไปราวกับว่าพยายามจะไขว่คว้านางมีอันต้องหยุดชะงักโดยพลัน ห้องพักในยุคอนาคตค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นภายในกระโจมที่ประทับเข้ามาแทนที่ พระหัตถ์ยังคงยกค้างอยู่เช่นนั้นโดยที่องค์ชายหนุ่มมิทรงขยับพระวรกายเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย พระเนตรนิลกาฬจับจ้องอยู่แต่ทิศทางซึ่งตรงกับประตูห้องพักในโลกอนาคตอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน ก่อนจะรู้สึกพระองค์เมื่อทรงได้ยินเสียงของเหล่าทหารดังอยู่นอกกระโจม “รีบเข้าไปในกระโจมเร็วเข้า! ได้ยินเสียงท่านรองแม่ทัพเรียกองค์ชายใหญ่เอ็ดอึงไปหมด” สิ้นเสียงพูดคุย ทหารชั้นนายกองจำนวนหลายนายเปิดผ้ากระโจมซึ่งปิดประตูทางเข้าออกอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าดีใจมากมายยิ่งนัก “องค์ชายใหญ่เสด็จกลับมาแล้ว! พระองค์ทรงหายไปไหนมาพ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านายกองต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงเป็นการใหญ่ ก่อนจะพากันยืนแปลกใจไปตามๆ กันเมื่อเห็นร่างของรองแม่ทัพยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้น “ท่านรองแม่ทัพ! เหตุไฉนจึงยืนนิ่งราวกับหินเช่นนี้… หรือว่า!!!” นายกองแต่ละนายหันกลับมามองหน้ากันทันที ทุกสายตาเหลือบไปเห

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.2

    ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ราชวงศ์โจวซึ่งเคยปกครองแคว้นต่างๆ มากมายเริ่มเสื่อมถอย ไร้สิ้นอำนาจปกครองแคว้นน้อยใหญ่ในเวลานี้ได้แต่อย่างใด หลังจากกษัตริย์โจวผิงหวางย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ลั่วอี้ (ลั่วหยาง) ดินแดนทางทิศตะวันตกทั้งหมดตกเป็นของแคว้นฉิน ซึ่งได้ผนวกแคว้นหรือดินแดนชนเผ่าหรงจู่ซึ่งอยู่ชายแดนราชวงศ์โจวกลายเป็นมหาอำนาจทางตะวันตก ในขณะที่ดินแดนซานซีเป็นของแคว้นจิ้น ดินแดนซานตงเป็นของแคว้นฉู่และแคว้นหลู่ ดินแดนหูเป่ยเป็นของแคว้นฉู่ ดินแดนเป่ยจิงและหูเป่ยตอนเหนือเป็นของแคว้นเยี้ยน ต่อมาดินแดนทางตอนใต้แม่น้ำฉางเจียง (แม่น้ำแยงซีเกียง) เป็นของแคว้นอู๋และแคว้นเย่วและแคว้นอื่นๆ หลังจากแคว้นใหญ่ๆ ทั้งหมดผนวกเอาแคว้นเล็กๆ ในราชวงศ์โจวมาเป็นดินแดนของตน ทำให้เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นใหญ่ และเริ่มต้นเปิดฉากที่มาของสงครามแห่งการแย่งชิง เต็มไปด้วยความโหดร้ายของการแก่งแย่งอำนาจกันของแคว้นใหญ่ๆ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งในเวลานี้แคว้นใหญ่ที่มีอำนาจและแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วหล้ามีด้วยกันสิบแคว้น อันได้แก่ แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นจิ้น แคว้นเอี้ยน แคว้นเยี่ยน แคว้นเยว่ แคว้นเจิ้

    Last Updated : 2025-01-03

Latest chapter

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.2

    ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.1

    เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ปิ่นหงส์แทนข้า ปิ่นมังกรแทนหัวใจ 1.2

    สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status