ดวงพิฆาตในรอบสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งและจะเกิดขึ้นเฉพาะบุรุษ
พิฆาตทุกชีวิตทันทีที่พานพบหน้า พิฆาตดวงเมืองล่มแคว้นจนถึงกาลล่มสลาย อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสามพันปีต่อมาดวงพิฆาตกำหนดให้เป็นอิสตรี คราใดเมื่อดวงพิฆาตทั้งสองได้โคจรมาพานพบกัน จากดวงพิฆาตจบทุกชีวิตรอบข้างให้สูญสิ้น กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นดวงจักรพรรดิ และรักนี้ไม่มีวันตายเกิดขึ้นกับคนทั้งคู่คริสต์ศักราช 2018
มณฑลส่านซี ณ นครซีอาน เมืองซีอาน ตั้งอยู่ในมณฑลส่านซีเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เรียกได้ว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์โลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีชื่อเสียงระดับโลก ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่ต้องการอยากจะสัมผัสอารยธรรมในอดีตของจีน ต่างเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองซีอานด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในตะวันตกเฉียงเหนือของจีนอีกด้วย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองซีอานเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าในเขตนครซีอาน ยังปรากฏกำแพงเมืองโบราณซึ่งถือได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดของจีน มีความยาวโดยรวมถึง 13.7 กิโลเมตร และมีทางเดินกว้างสิบสองถึงสิบแปดเมตร มีป้อมปราการเก้าสิบแปดป้อม มีการขุดคูน้ำล้อมรอบ สร้างขึ้นในยุคสมัยของราชวงศ์หมิง เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีของข้าศึก ปัจจุบันกำแพงเมืองแห่งนี้ยังคงยืนหยัดสูงตระหง่านให้คนรุ่นหลังซึ่งอยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยีล้ำหน้า ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นสถานที่ออกกำลังกายของประชาชนเมืองซีอานและยังมีการจัดเทศกาลหรือกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ และในบริเวณดังกล่าวกำลังจัดเทศกาลชมดอกโบตั๋น ซึ่งจะกำหนดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี เทศกาลดอกโบตั๋น ในหนึ่งปีมีจัดงานเทศกาลดอกโบตั๋นแค่ครั้งเดียว ในช่วงนี้เท่านั้น นักท่องเที่ยวมากมายทั้งภายในประเทศและชาวต่างชาติต่างพากันเดินทางเข้ามาเยี่ยมชม และสัมผัสกับบรรยากาศงานเทศกาลดอกโบตั๋นที่สวยสดงดงามหลากหลายสี ซึ่งเป็นสีที่ยากจะพบเห็น ตระการตากับดอกโบตั๋นที่สวยงามดอกโบตั๋นหรือ หมู่ตาน เป็นดอกไม้ที่มีความหมายพิเศษสำหรับชาวจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โบตั๋นเป็นหนึ่งในดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ เป็นมงคล และดอกโบตั๋นที่พิเศษแตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ คือ ที่ก้านจะมีใบสามใบ และในใบใหญ่แต่ละใบจะแตกออกเป็นใบเล็กอีกสามใบ รวมทั้งหมดเก้าใบ ภายในงานนอกจากจะมีแต่ดอกโบตั๋นหลากสีแล้ว ยังมีร้านค้ามากมายมาเปิดขายของนานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้พากันเลือกชื้อติดไม้ติดมือ นับตั้งแต่ของกินดาษดื่นจนไปถึงของใช้ต่างๆ มากมายและรวมไปถึงสิ่งที่เป็นความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ เกี่ยวกับโชคลางรวมไปถึงลิขิตแห่งโชคชะตาดูดวง ทำนายโชคชะตา จัดวางฮวงจุ้ย เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี เชิญด้านใน ป้ายโฆษณาสำหรับตั้งพื้นวางไว้อยู่ตรงทางเข้าร้านซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าประจำมากมายมาเปิดให้บริการถัดจากกำแพงเมืองโบราณเพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันเดินทางมาเที่ยวชมสถานที่ดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง ด้านนอกร้านมีผู้คนกำลังนั่งรอคิวตามบัตรที่วางไว้อยู่บนโต๊ะด้านนอก เพื่อเข้าไปตรวจดวงชะตากับซินแสชื่อดังซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว “อัยย่ะ! วันนี้ฉันได้คิวยาวคนที่ร้อยสี่สิบเลยเหรอ” เสียงของหญิงชราวัยประมาณหกสิบปี ยืนบ่นพึมพำอยู่หน้าร้านก่อนจะหันกลับไปมองเก้าอี้นั่งซึ่งจัดเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้ามาใช้บริการนั่งรอตามคิว
“อ้าว! มีรอแค่ห้าคน ก็หมายความว่าฉันเป็นคนที่หกสิใช่ไหม แล้วทำไมบัตรคิวถึงอยู่ลำดับที่ร้อยสี่สิบล่ะ” คุณยายวัยเก๋าบ่นมิรู้วาย
“โธ่ คุณยายจ๋า คนมาดูดวงทั้งวันตั้งแต่เปิดร้านจนถึงตอนนี้ ยายก็ต้องเป็นคนที่ร้อยสี่สิบสิจะเป็นคนที่หนึ่งได้ยังไงกันจริงไหม” พนักงานหน้าร้านซึ่งเป็นหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ค่อยๆ อธิบายให้ผู้สูงวัยได้เข้าใจ
“อ่อ... อ่อ... เข้าใจแล้ว... แล้ววันนี้เป็นเวรของซินแสอันอันมาดูดวงใช่ไหม ถ้าเป็นซินแสคนอื่นยายไม่ดูนะ เชื่อไม่ได้เลยไม่เหมือนซินแสอันอัน ดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็น”คุณยายยังบ่นไม่หยุด
“วันนี้เป็นคิวของซินแสอันอันละจ้ะ คุณยายขา คิวถึงได้ยาวขนาดนี้ยังไงล่ะเจ้าคะ ถ้าเป็นซินแสคนอื่นนะเหรอ... เหอ... เหอ... ไม่อยากจะพูด” พนักงานหน้าร้านกล่าวได้เพียงแค่นั้นก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไม่อยากจะเอื้อนเอ่ย
ด้วยเป็นที่ล่วงรู้กันดีว่าช่วงสามปีที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ของกำแพงเมืองโบราณของซีอาน มีร้านมาเปิดทำนายดวงและโชคชะตา และจัดวางฮวงจุ้ยให้เกิดสิริมงคล ซึ่งเพียงระยะเวลาไม่นานลูกค้าเอ่ยปากต่อปากต่างขยายออกเป็นวงกว้าง ว่ามีซินแสวัยละอ่อนทำนายโชคชะตาและแม่นยำราวกับตาเห็น สามารถทำนายทายทักและแก้ไขผู้ที่ต้องการล่วงรู้ว่าตนจะมีลิขิตดีร้ายชั่วดีอย่างไรบ้าง
และด้วยราคามิตรภาพที่ไม่เอาเปรียบลูกค้าที่มาใช้บริการ ทำให้ร้านหมอดูซึ่งมีขนาดเล็กพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายคับคั่งไปด้วยผู้คนต่างเข้ามาใช้บริการในวันที่ซินแสคนดังกล่าวมานั่งประจำร้าน วันใดที่มาวันนั้นร้านแทบแตกและทำรายได้นับหมื่นๆ หยวนและมากกว่านั้นขึ้นไปอีก หากมอบสินน้ำใจพิเศษ
เมื่อเข้าไปภายในร้านจะพบว่าตนเองหลุดเข้าไปโลกอดีต ด้วยพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายขนาด สามคูณสามเมตรตกแต่งคล้ายห้องรับรองย้อนไปในสมัยโบราณ โต๊ะหนังสือทำจากไม้มีขนาดเตี้ยวางอยู่บนพื้นพรมซึ่งยกระดับสูงขึ้นจากพื้นพร้อมตั่งสำหรับนั่งกับพื้นมีพนักพิงหลังสำหรับลูกค้าสองตัวและ สำหรับซินแสหนึ่งตัวเท่านั้น
อุปกรณ์ในการดูดวงหามีอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกแก้วขนาดใหญ่ สำรับไพ่หรือจะเป็นเหรียญโบราณ มิได้นำมาใช้ในการทำนายโชคชะตา มีเพียงซินแสสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ในวัยสาวแรกแย้ม ใช้เพียงปลายนิ้วเรียวสัมผัสกับอีกฝ่ายเท่านั้น
จางเพ่ยอันหรืออันอัน ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเธอ หญิงสาววัยแรกดรุณีอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น เธอคือแม่หมอหรือซินแสคนดังที่กำลังเป็นที่กล่าวขานอยู่ในขณะนี้ ด้วยการทำนายทายทักที่แม่นยำราวกับตาเห็น และสามารถแก้ไขให้คนที่มาหาเธอจากร้ายให้บรรเทาเบาบางลง
ทว่าไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วแม่หมอคนดังทำอาชีพนี้ควบคู่ไปกับการเป็นนักประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ส่านซีในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยชั่วคราว ซึ่งอาชีพดูดวงของเธอทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่ารายได้จากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายเท่าตัวนัก
เปลือกตาปิดสนิทพร้อมปลายนิ้วเรียวสัมผัสกับนิ้วส่วนปลายของลูกค้ากำลังใช้ญาณสัมผัสพิเศษของเธอค้นหาที่มาที่ไปของต้นตอชะตาร้ายให้แก่ลูกค้าวัยกลางคนที่กำลังนั่งรอฟังคำตอบด้วยใจจดใจจ่อ ในขณะที่ญาณจิตของเธอกำลังสัมผัสเปิดผนึกภาพเหตุการณ์ของลูกค้า
ฉับพลันภาพเหตุการณ์บางอย่างแทรกเข้ามาทันที เมื่อผู้คนที่กำลังเดินชมเทศกาลงานดอกโบตั๋น ต่างพากันแตกฮือวิ่งหนีกันอย่างอลหม่านเมื่อปรากฏกลุ่มอันธพาลซึ่งเป็นมาเฟียท้องถิ่นเกิดเปิดศึกนองเลือด ท่ามกลางผู้คนมากมาย
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงปืนดังสนั่นเกิดขึ้นติดต่อกันพร้อมร่างของนักท่องเที่ยวซึ่งมาเที่ยวชมงาน ถูกลูกหลงล้มลงกับพื้นเลือดไหลนองออกจากร่างกรี๊ดดดด!!! เสียงกรีดร้องของผู้คนพากันแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่านพร้อมเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อมาเฟียสองกลุ่มลงมือปะทะกันอย่างดุเดือด
เปรี้ยง! เปรี้ยง! ลูกกระสุนสาดไปทุกทิศทางพร้อมร่างของพนักงานหน้าร้านของหญิงสาวล้มลงไปนอนจมกองเลือดทันที ดวงตาเบิกค้างอยู่เช่นนั้น
พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นทันใด
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเธอเห็นภาพอนาคตที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนับต่อจากนี้“รีบออกไปจากร้านเร็วเข้า! บริเวณนี้กำลังมีอันตราย... จะมีเหตุยิงกัน! รีบออกไปจากบริเวณนี้! ออกไป!!!” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
มือเรียวรีบฉุดลูกค้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามให้ลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมดึงออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ปากก็รีบตะโกนบอกไปพร้อมๆ กัน
“ออกไปจากบริเวณนี้เร็วๆ เข้า จะมีเหตุยิงกันขึ้น ไปเร็ว กลับบ้านใครบ้านมัน” หญิงสาวตะโกนบอกลูกค้าทางด้านนอกท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคน ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อาจารย์หมายความว่ายังไง จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ” ลูกค้าของเธอถามกลับไปมา
“อย่ามัวเสียเวลาถาม! รีบวิ่งไป! เจ๊หวีรีบออกไปจากที่นี่ ขืนอยู่ต่อไปพี่สาวจะถูกยิงตาย!!!” หญิงสาวตะโกนบอกพนักงานหน้าร้านคนดังกล่าวที่เธอเห็นในญาณจิตของเธอ
“หา!!!” เสียงร้องอุทานของทุกคนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นดังออกมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น
ทันใดนั้นเอง
กรี๊ดดดด!!! เสียงกรีดร้องของผู้คนในงานดังกระหึ่มขึ้นมาทันทีเปรี้ยง !เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน
และนั่นทำให้ผู้คนที่กำลังยืนตื่นตระหนกอยู่หน้าร้านซินแสคนดัง แตกฮือวิ่งหนีไปคนละทิศละทางในขณะที่แม่หมอสาวยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อเหตุการณ์ที่เห็นในญาณกำลังเกิดขึ้นจริง
“มันเกิดขึ้นแล้ว!” หญิงสาวยืนพึมพำ
ทว่ายังมิทันจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดสัมผัสพิเศษของเธอพลันปรากฏขึ้นมาให้เธอเห็นอีกครา เมื่อจางเพ่ยอันเห็นตึกสูงระฟ้าในเมืองซีอานและกำแพงเมืองโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเข้ามาแทนที่
ทว่าทั่วบริเวณมีแต่ร่างอันไร้วิญญาณของชายฉกรรจ์มากมายนับเรือนแสนนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าเธอ ในสภาพสยดสยองราวกับว่าพื้นที่ในขณะนี้เพิ่งผ่านพ้นการทำสงครามกันอย่างดุเดือดไปได้ไม่นาน
ลูกธนูไฟมากมายปักอยู่ทั่วพื้นเต็มไปหมด กำลังลุกโชนเผาไหม้กองทัพอีกฝ่ายให้วอดวาย ธงรบสีแดงตระหง่านโบกสะบัดไปมาแสดงถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้
“ธงรบแคว้นฉิน!” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีครั้นเห็นเช่นนั้น
ทันใดนั้นเองจู่ๆ พลันปรากฏกลุ่มหมอกควันขาวลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างมิรู้สาเหตุ จนมองไม่เห็นอะไรเลยท่ามกลางความตกตะลึงของจางเพ่ยอัน
เปรี้ยง! เสียงปืนดังกระหึ่มอยู่ทางด้านหลังของหญิงสาว
สองขาที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงรีบก้าวยาวๆ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงสาดกระสุนปืนของกลุ่มมาเฟียดังไล่หลังตามเธอมาติดๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงปืนดังกระหึ่มจนทำให้จางเพ่ยอันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!” หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปจนสุดเสียงพร้อมพยายามเพ่งมองฝ่าม่านหมอกควันขาวที่แผ่ปกคลุมไปโดยรอบ
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาทันใดพร้อมรอยยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อเห็นร่างใหญ่ของบุรุษสวมชุดเกราะโบราณระดับแม่ทัพชั้นสูง ยืนสูงตระหง่านถืออาวุธสมัยโบราณเป็นดาบง้าวขนาดใหญ่ ท่ามกลางหมอกควันขาวที่แผ่ปกคลุมไปโดยรอบ
ทว่าในเวลานี้จางเพ่ยอันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นว่าสิ่งที่เธอเห็นคืออะไรกันแน่ สองขารีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาทันที
“คุณคะช่วยฉันด้วย! ช่วยด้วย!!!”
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองสตรีสาวที่กำลังวิ่งหนีตายมาอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความแปลกใจอย่างยิ่งยวด ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้ามองผ่านหน้ากากสีเงินฝ่าม่านหมอกออกไปครั้นเห็นผู้ที่วิ่งมาหาพร้อมส่งเสียงขอความช่วยเหลือหาใช่บุรุษแต่อย่างใด
“สตรีหรือนี่!” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาภายใต้หน้ากากสีเงิน
ในขณะเดียวกันยุคอดีต ยุคชุนชิวหรือยุควสันตสารท เป็นยุคสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์ของจีน โดยอยู่ในช่วง 770 จนถึงราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ยุคชุนชิว คือช่วงเวลาที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ละแคว้นและหัวเมืองต่าง ๆ ต่างเปิดศึกและแย่งชิงอำนาจกันเพื่อหมายที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินโดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสงครามในยุคชุนชิวนั้น เกิดขึ้นจากการปกครองแผ่นดินภายใต้กษัตริย์ของราชวงศ์โจว ซึ่งปกครองในระหว่าง 1,046 จนถึง 256 ปีก่อนคริสตกาล ที่มีความอ่อนแอและไร้อำนาจ ทำให้ไม่สามารถควบคุมบรรดาหัวเมืองและแคว้นต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การนำของราชวงศ์โจวได้ ท้ายที่สุด บรรดาหัวเมืองและแว่นแคว้นต่าง ๆ ก็ประกาศแยกตัวจากราชวงศ์โจว และเปิดศึกต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อราชวงศ์โจวอีกต่อไป แผ่นดินจีนในขณะนั้น จึงแตกแยกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย 200กว่าแคว้น ถึงขั้นที่ว่าผู้นำของบางแคว้น ประกาศตั้งตัวเองเป็น "อ๋อง" หรือกษัตริย์ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับกษัตริย์ของราชวงศ์โจว กันเลยทีเดียวบริเวณเขตชายแดนแคว้นต้าเหลียงภายในเทือกเขาสูงเสียดฟ้า เต็มไปด้วยซากศพของชายฉกรรจ์นอนตายกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นที่ราบส
คริสต์ศักราช 2018พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ห่าน Giant Wild ในเมืองโบราณซีอานในมณฑลส่านซีประเทศจีนเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของรัฐขนาดใหญ่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของกว่าสามแสนเจ็ดหมื่นชิ้น รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาเหรียญตลอดจนวัตถุที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ทองคำและเงิน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1983 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2001 และมีลักษณะของการสร้างรูปแบบสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซีแห่งนี้มีพื้นที่หกหมื่นห้าพันตารางเมตร มีพื้นที่อาคารห้าหมื่นห้าพันหกร้อยตารางเมตร ห้องเก็บพระธาตุทางวัฒนธรรมแปดพันตารางเมตร ห้องโถงนิทรรศการของหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตารางเมตร และคอลเลกชันสามแสนเจ็ดหมื่นวัตถุ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ Tang โดยมี “ห้องโถงอยู่ตรงกลางอาคารที่มีชั้นในหลายมุม” มีความสง่างามและใหญ่โต โออ่าด้วยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งแสดงถึงประเพณีพื้นบ้านและลักษณะเฉพาะของท
ร่างระหงของหญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะล่าถอยออกจากห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้างาน โดยมีสายตาของผู้สูงวัยกว่ามองตามหลังด้วยความเอ็นดูนาง ครั้นถึงโต๊ะทำงานส่วนตัว จางเพ่ยอันวางถาดที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ ดวงตาคู่สวยหันกลับไปมองภาพถ่ายของพ่อและแม่ที่จากไปเพราะอุบัติเหตุรถคว่ำตั้งแต่หญิงสาวมีอายุเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น พ่อและแม่ของเธอต่างเป็นลูกโทนด้วยกันทั้งคู่ ญาติมิตรล้วนล้มหายตายจากไปหมด ที่มีอยู่ก็เพียงแค่ญาติห่างไกลลิบลิ่ว ไม่มีความสามารถที่จะอุปการะเลี้ยงดูได้ด้วยมีฐานะยากจนและอยู่ในชนบท หญิงสาวจึงถูกเลี้ยงดูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด บ่อยครั้งที่มีผู้อุปการะนำไปเลี้ยง ทว่าแต่ละรายเลี้ยงจางเพ่ยอันได้ไม่ถึงปี ถ้าไม่ตายยกครัวก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องนำกลับมาคืนสถานรับเลี้ยงเด็กตามเดิม ซึ่งต่างพากันพูดปากต่อปากว่า วันเดือนปีเกิดของสาวน้อยคนงามเป็นดวงพิฆาตหากแม้นอยู่ร่วมกับผู้ใด คนใกล้ตัวจะต้องมีอันเป็นไปและเป็นเช่นนี้ทุกครอบครัว และนี่เป็นสาเหตุทำให้หญิงสาวเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด จนกระทั่งอายุสิบแปดปี พ้นวัยเยาวชนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตามกฎหมาย จางเพ่ย
“อันอันเข้ามาในห้องหน่อย!” เสียงหัวหน้างานดังขึ้นอยู่ห้องทำงานส่วนตัว ร่างบุรุษในชุดเกราะแม่ทัพหันกลับมามองหัวหน้างานของหญิงสาวเพียงครู่ ก่อนจะหันกลับมามองเธอดั่งเดิม พรึบ! ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เลือนหายไปชั่วพริบตา “เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจออกมาทันใด มือน้อยๆ ยกขึ้นจับหน้าอกของตัวเองพร้อมตบลงเบาๆ เป็นการเรียกขวัญของเธอให้กลับคืนมาโดยพลันพลางกลืนน้ำลายลงคอ “มาให้เห็นกลางวันแสกๆ เลยหรือนี่ ผีหวงของชัดๆ” จางเพ่ยอันบ่นพึมพำพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดใบหน้าหวานสวยของเธอพลางสูดลมหายใจเข้าปอด “มาแล้วค่ะหัวหน้า” หญิงสาวรีบขานรับตอบกลับไป ร่างระหงรีบลุกจากเก้าอี้ทำงานหากแต่ก่อนไปก็ไม่วายที่จะหันกลับมามองปิ่นหยกโบราณที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพิศวงอย่างยิ่งยวด เมื่อเพิ่งได้พานพบกับเจ้าของปิ่นหยกดังกล่าวอย่างไม่คาดฝัน ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้างาน “เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเตรียมตัวออกพื้นที่ไปร่วมตรวจสอบกับทีมงานที่เพิ่งขุดค้นสุสานใหม่ด้วยนะอันอัน ข้อมูลของวัตถุโบราณที่เพิ่งให้ไปนำส่งก่อนจะออกเดินทางด้วยนะ” หัวหน้าสาวรุ่นใหญ่บอกกับเธอก่อนจะหยุดชะงักเม
หมอหลวงและผู้ช่วยยังไม่ตายอย่างนั้นหรอกรึ!” รับสั่งด้วยความแปลกพระทัยเป็นยิ่งนัก ก่อนจะทอดพระเนตรองครักษ์คนสนิทที่ยังคงนั่งมองพระองค์ตาไม่กะพริบด้วยความแปลกใจมิรู้วาย “จริงสิ! แม้แต่ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ตาย กลับยังมีชีวิตอยู่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าข้าในขณะนี้ ทั้งๆ ที่ควรจะตายทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของข้า” และถ้อยรับสั่งของพระองค์ทำให้องครักษ์คนดังกล่าวถึงกับเงยหน้ามององค์ชายของตนทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “เหตุใดจึงทรงรับสั่งเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เข้าใจ” เสียงนั้นกราบทูลถามกลับไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด พระโอษฐ์แสยะยิ้มเหยียดก่อนจะเค้นเสียงพระสรวลออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่ทรงได้รับนับตั้งแต่แรกประสูติออกจากพระครรภ์มารดา “เมื่อแรกประสูติ ทุกคนที่อยู่ในห้องพระประสูติกาลจบชีวิตลงอย่างมิรู้สาเหตุ ทันทีที่เห็นหน้าข้า ส่วนคนที่มิได้เห็นล้วนแล้วแต่รอดชีวิต ดังนั้นทุกคนจึงมิให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ได้พานพบข้าเลยสักครา ด้วยเกรงว่าทั้งสองพระองค์จะทรงมีอันเป็นไป แต่ถึงกระนั้นเสด็จแม่ของข้าก็ไม่ทรงเชื่อคำเล่าลือเช่นนั้น” รับสั่งพร้อมเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรองครักษ์คนสนิทอีกครา “พร
เคฟคอร์ทยาร์ด โฮมสเตย์ โฮมสเตย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตหลินถง ใกล้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ มีอาคารย้อนยุคก่อสร้างตามอาคารบ้านเรือนในยุคสมัยราชวงศ์ถัง ทุกอาคารมีชั้นเดียวและถ่ายเทอากาศได้ดี ท่ามกลางสวนหย่อมจัดวางตามลักษณะฮวงจุ้ยได้อย่างลงตัวและสวยงาม “องค์ชาย! องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!!!” เสียงเรียกขานเอ็ดอึงเต็มไปด้วยความโกลาหลขึ้นมาอีกครา ขนตางามงอนยาวเป็นแพสวยเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงติดต่อกัน เมื่อหูของเธอได้ยินเสียงเรียกขานดังกล่าวอย่างชัดเจน ในยามนี้จางเพ่ยอัน กำลังนอนพักผ่อนในโฮมสเตย์ดังกล่าวซึ่งใกล้สถานที่ขุดพบสุสานแห่งใหม่เป็นการชั่วคราว ก่อนจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ เธอและทีมงานจากศูนย์วิจัยเดินทางมาถึงบริเวณที่ขุดพบสุสานก็ปาเข้าไปเย็นย่ำแล้ว จึงต้องแวะพักผ่อนเอาแรงในเขตเมืองของซีอานเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกนอกเมืองลุยงานในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าส่ายไปมาเมื่อเสียงเอ็ดอึงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าอยู่ใกล้เพียงแค่ห้องพักติดกันนี่เอง พรึบ! เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาทันใด ดวงตาจ้องเพดานด้านบนเขม็งอยู่เพียงครู่ พร้อมกับร่างอรชรค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางเงี่ยหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ย
บัดนี้องค์ชายอิ๋งหยางแห่งแคว้นฉิน ทรงมาปรากฏพระวรกายอยู่บนเตียงนอนของจางเพ่ยอันภายในโฮมสเตย์ที่พักในเขตเมืองซีอาน ด้วยเพราะสถานที่ดังกล่าวในยุคอนาคตถูกสร้างขึ้นตรงกับบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายกองทัพของแคว้นฉินในยุคโบราณ กระโจมที่ประทับของแม่ทัพใหญ่องค์ชายอิ๋งหยาง ก็ตั้งตรงกับห้องพักของจางเพ่ยอัน รวมไปถึงเตียงนอนในห้องพักก็ตั้งตรงกับแท่นพระบรรทมขององค์ชายหนุ่มในยุคอดีตเข้าให้พอดีอย่างไม่คาดคิด และสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ชายแห่งแคว้นฉินในอดีตกาลสามารถปรากฏพระวรกายในยุคอนาคตได้ นั่นก็เพราะวันประสูติของพระองค์เป็นดาวพิฆาต ซึ่งสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในขณะที่จางเพ่ยอันก็มีวันเดือนปีเกิดตกดาวพิฆาตเช่นเดียวกัน ซึ่งทิ้งช่วงระยะเวลาครบสามพันปีเข้าให้พอดี หากแต่แตกต่างตรงที่ดาวพิฆาตจะเกิดขึ้นกับบุรุษเท่านั้น ครั้นกาลเวลาเวียนมาบรรจบครบสามพันปีในครานี้ดวงพิฆาตกลับกลายเป็นอิสตรีนั่นก็คือจางเพ่ยอันนั่นเอง อย่างที่มิเคยปรากฏมาก่อนตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ครั้นหญิงสาวเดินทางมาถึงพื้นที่ ซึ่งโลกอดีตเป็นค่ายที่ตั้งกองทัพของแคว้นฉินอันเกรียงไกร ดวงพิฆาตทั้งสองจากยุคอดีตและยุคปั
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุรุษสองนาย เดินถือกระเป๋าซึ่งมีเครื่องมือปฐมพยาบาลอย่างครบครันมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางอันเป็นห้องพักของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของพนักงานซึ่งอยู่เวรกะกลางคืนของโฮมสเตย์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างระหงของจางเพ่ยอันซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกภายในห้อง รีบถลาไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากเลยค่ะที่รีบมา เข้ามาดูอาการคนเจ็บเถอะรู้สึกว่าจะไม่ค่อยดีแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันหลังกลับก้าวเดินนำหน้าตรงไปที่เตียง โดยมีบุรุษพยาบาลทั้งสองนายก้าวตามหลังหญิงสาวเข้าไปอย่างไม่รอช้า ทันใดนั้นเอง ฟิ้ววว! จู่ๆ มีแรงมหาศาลผลักร่างของบุรุษพยาบาลทั้งสองนายจนกระเด็นกระดอนออกจากห้องพัก ลอยละลิ่วไปนอนแอ้งแม้งกองกันอยู่ตรงหน้าประตู ตุบ! บุรุษพยาบาลทั้งสองนายถึงกับนั่งจุกไปตามๆ กัน ท่ามกลางความแปลกใจของจางเพ่ยอัน “เอ้า! พวกคุณทำไมพากันไปนั่งทำอะไรอยู่ที่พื้นคะ คนเจ็บนอนรออยู่บนเตียง! เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดพลางชี้มือไปที่เตียงนอนของเธอ ในขณะที่บุรุษพยาบาลทั้งสองนายต่างพากั
ถ้อยคำของท่านผู้เฒ่าทำให้จางเพ่ยอันรู้สึกทึ่งในความรู้ความสามารถของหยงเซี๊ยะอย่างยิ่งยวด และเธอเพิ่งจะล่วงรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ตนเองเกิดดวงพิฆาตเช่นเดียวกับองค์ชายปีศาจ หญิงสาวหันกลับไปมองคนที่กำลังนั่งรอคอยอยู่บนเรือที่กำลังมองเธออยู่ในขณะนี้เช่นกัน “หรือนี่คือเหตุผลที่เราได้กลับมาอีกครั้ง” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ “เจ้ารีบไปนำองค์ชายเข้าบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องว่าใครจะตายต่อไปอีกแล้วเพราะตอนนี้เจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน ผู้คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เจ้าและได้พานพบหน้าองค์ชายก็ไม่ต้องตายอีกต่อไปแล้ว” หยงอู่บอกหลานสาว จางเพ่ยอันยืนฟังด้วยความสงบแต่ถึงกระนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ “แสดงว่าข้ากับท่านแม่ทัพที่เกิดดวงพิฆาตทั้งคู่ มาอยู่ด้วยกันเช่นนี้เป็นผลดีกับคนรอบข้างด้วยหรือท่านตา” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องตายลงไปโดยไม่รู้ตัวเพียงแค่พบหน้าองค์ชายผู้นั้น และตัวเจ้าเองก็อยู่กับผู้ใดเนิ่นนานกว่าครึ่งเหมันต์ไม่ได้เพราะจะทำให้คนรอบข้างพบแต่ความหายนะ ครานี้มิมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เจ้าทั้งสองยังคงอยู่ด้วยกันและคว
ทันทีที่องค์ชายปีศาจได้ยินถ้อยคำของชายชราตะโกนกลับมาเช่นนั้น พระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรสองผู้เฒ่าทันทีด้วยความแปลกพระทัยระคนสงสัย ในขณะที่อีกฝ่ายรีบดึงร่างฮูหยินของตนหันหลังกลับไม่ยอมมองพระพักตร์ของพระองค์เช่นกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมข้าจึงได้ยินเรื่องเช่นนี้ ใบหน้าของข้าต้องสาปอย่างนั้นหรอกรึ” รับสั่งด้วยความสงสัยพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรหนุ่มน้อยตรงพระพักตร์ที่กำลังนั่งนิ่งงันด้วยความตื่นตระหนกในสิ่งที่เธอเพิ่งได้รับรู้และได้เห็น สองมือยังคงจับพระพักตร์ของพระองค์อยู่เช่นนั้น “น้องชาย! เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดจึงเงียบงันและนิ่งเฉยเช่นนี้ อีกทั้งท่านตาของเจ้ายังบอกว่าข้าเป็นผู้ถูกสวรรค์สาป ผู้ใดเห็นหน้าต้องตายทุกคนเป็นเช่นนั้นจริงรึ!” ครั้นจางเพ่ยอันได้ยินรับสั่งขององค์ชายปีศาจเช่นนั้น อาการตื่นตระหนกที่ได้เห็นภาพในอดีตของพระองค์และถ้อยรับสั่งที่ถามกลับมา ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาโดยพลัน “ผู้ใดเห็นหน้าต้องตายโดยพลันทันทีที่พานพบ ตำนานโบราณบันทึกเอาไว้แบบนั้น ที่เราเห็นภาพเมื่อกี้มันก็ใช่ ละ… แล้ว... ทำไมฉันเห็นหน้าเขาแล้วยังอยู่อีกล่ะ... เฮ้ย!… เป็นไปได้ยังไง! ทำไมถึงยังไม่ตาย!!!”
เสียงหัวเราะดั่งเช่นบุรุษแผดดังกึกก้องและถ้อยเจรจาของจางเพ่ยอัน ทำให้สองผู้เฒ่ารู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น รวมไปถึงองค์ชายปีศาจก็ด้วยเช่นกัน “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่าสวรรค์เข้าข้าง มีสิ่งใดเกิดขึ้นรึอันอัน!!!” หยงอู่ตะโกนถามหลานสาวกลับไป และนั่นทำให้จางเพ่ยอันรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เธอรีบกลบเกลื่อนอาการดีใจของตัวเองให้เลือนหายไปโดยพลัน ด้วยสิ่งที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นมิสามารถบอกกับผู้ใดได้ ว่าเธอต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับบุรุษซึ่งในภายภาคหน้าคือเจ้าผู้ครองแคว้นอันยิ่งใหญ่สืบต่อไป และนั่นจะทำให้หญิงสาวสามารถบันทึกเรื่องราวของพระองค์เอาไว้ได้ ว่าแท้จริงแล้วทรงเป็นผู้ใดในประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืม หรือแท้จริงแล้วพระองค์คือบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกแต่มีการเรียกขานพระนามผิดเพี้ยนไปจากเดิมนั่นเองความดีใจมิได้เกิดขึ้นเพราะอยากใกล้ชิดบุรุษหล่อเหลาแต่ดีใจเพราะจะได้ศึกษาและล่วงรู้รายละเอียดทุกอย่างของคนตรงหน้าในขณะนี้นั่นเอง หญิงสาวค่อยๆ ฉีกยิ้มหวานส่งให้องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉิน พร้อมยกมือเรียวตบลงบนบ่ากว้างของพระองค์พรึบ!!!! ทันทีที่มือเรียวสวยของเ
ณ บ้านน้อยริมลำธาร“ท่านตา! ท่านยาย! ข้ากลับมาแล้ว!!!” เสียงตะโกนก้องดังอยู่ริมฝั่งไม่ห่างจากบ้านน้อยเท่าใดนัก ร่างระหงของหญิงสาวในคราบบุรุษถอดหน้ากากหนังสีดำออกจากใบหน้าของเธอทันทีที่เรือเข้าเทียบท่าอยู่ตรงหน้าบ้านในเวลาเย็นย่ำซึ่งเป็นตามกำหนดระยะเวลาของเธอที่ให้ไว้กับท่านผู้เฒ่าทั้งสอง พร้อมโบกมือไปมาตามนิสัยของเธอด้วยความร่าเริงเพียงครู่ฮูหยินฉางค่อยๆ เดินออกมาจากตัวบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อล่วงรู้ว่าหลานสาวคนสวยของนางกลับถึงบ้านน้อยกลางเขาด้วยความปลอดภัย“อันอันมาแล้ว! ท่านตาของเจ้าเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้เอง... โอ๊ย! ดีใจจริงๆ จะได้หมดห่วงเสียที คืนนี้ตากับยายจะได้นอนหลับสนิทเสียทีแม่คุณของยาย” ฮูหยินฉางกล่าวพลางตรงเข้าสวมกอดร่างอรชรซึ่งอยู่ในคราบของบุรุษเอาไว้แนบอกด้วยความโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเหลือบไปเห็นข้าวของมากมายเต็มลำเรือด้วยความตื่นตระหนกมากกว่าความดีใจเสียมากกว่า“อันอัน! เจ้าไปเอาข้าวของพวกนี้มาจากไหน เหตุใดจึงมากมายเช่นนี้ แล้วคนเรือที่จ้างเอาไว้ไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า ใยจึงเห็นเจ้าเพียงผู้เดียวเช่นนี้” ฮูหยินฉางถามกลับไปแทบจะไม่ได้หายใจ ในขณะ
เหวอ!!!! เสียงอุทานดังลั่นอย่างตื่นตระหนกออกมาโดยพลันฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!! เสียงแหวกว่ายคล้ายอาวุธพุ่งตรงมาจากริมฝั่งแม่น้ำอย่างไม่คาดฝันฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!!! ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงหมายปักเข้าที่ร่างของบุรุษที่กำลังวิ่งหนีจนมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ก่อนจะหันหลังกลับใช้ดาบกวัดแกว่งไปมาเพื่อมิให้ฝูงลูกธนูเสียบไปทั่วกายทว่าลูกธนูบางส่วนกลับเล็ดลอดพุ่งตรงมายังลำเรือซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ในขณะนั้นฉึก! ฉึก! ฉึก! ลูกธนูพุ่งตรงปักเข้าที่หน้าอกของคนเรือถึงสามดอกเลยทีเดียว จนผงะถอยหลังต่อหน้าต่อตาของหญิงสาวซึ่งกำลังนั่งตกตะลึงที่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างไม่คาดฝันตูม!!! ร่างของคนเรือที่ถูกลูกธนูปักจนผงะถอยหลังร่วงหล่นไปจากเรืออย่างรวดเร็ว“ท่านลุง!!!” จางเพ่ยอันตะโกนร้องเรียกคนเรือจนสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีดและนั่นทำให้บุรุษที่กำลังโดนตามล่าหันกลับมามองเรือลำน้อยที่กำลังลอยลำอยู่กลางแม่น้ำในขณะนั้นทันที ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยละลิ่วมุ่งตรงไปที่เรือดังกล่าวอย่างรวดเร็วตุบ!!! ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าค้ำศีรษะอยู่ตรงหน้าของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความตกตะลึงของหญิงสาว“เฮ้ย! อะไรกันนี่! เป็นท่านอ
ทันใดนั้นเองสายพระเนตรเหลือบไปกระทบกับกลุ่มคนที่คอยติดตามองค์ชายปีศาจและองครักษ์ซึ่งคอยถวายอารักขาพระองค์เพียงแค่สองนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านั้นเพียรเฝ้าหาโอกาสหมายกำจัดองค์ชายใหญ่ให้สิ้นพระชนม์ตามที่ได้รับคำสั่ง ในขณะที่จางเพ่ยอันอาศัยจังหวะที่ตัวเล็กและบอบบาง รีบเดินหลบฉากเข้าไปปะปนกับชาวบ้านที่เริ่มเดินหนาแน่นแทรกเข้ามา เป็นเหตุให้เธอคลาดสายพระเนตรจากองค์ชายอิ๋งหยางไปโดยพลัน ครั้นทรงหันกลับมาทอดพระเนตรอีกครา บุรุษร่างเล็กพลันเลือนหายไปในเหล่าฝูงชน“หายไปแล้ว!” รับสั่งออกมาทันที“องค์ชายพวกนั้นตามมาทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เฝ้าคอยตามเสด็จรีบกราบทูลรายงานทันใด“รู้แล้ว! พวกเจ้าพากันแยกย้ายออกค้นหาเด็กหนุ่มที่ข้าคุยด้วยเมื่อสักครู่ ไม่ว่ายังไงก็ตามจับตัวมาให้ได้!” รับสั่งกำชับ“แต่พระองค์จะทรงอยู่เพียงลำพังนะพ่ะย่ะค่ะ หากพวกกระหม่อมออกแยกย้ายพากันค้นหาเด็กหนุ่มผู้นั้นตามพระบัญชา” องครักษ์ผู้ติดตามกราบทูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงพระพักตร์ภายใต้หน้ากากหนังสีดำหันกลับมาทอดพระเนตรองครักษ์ทั้งสองทันที“ไป! นักฆ่ากระจอกเหล่านั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! รีบไปจับเด็กห
“เจ้ารู้จักชื่อของข้า!” รับสั่งถามกลับไปพร้อมสายพระเนตรลุกโชนวาววับอย่างน่าสะพรึงกลัวพระหัตถ์หนาอีกข้างหมายพระทัยตรงเข้าบีบลำคอเล็กๆ ของบุรุษตรงพระพักตร์เหวอออ!!! จางเพ่ยอันซึ่งสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารีบทิ้งพระหัตถ์ใหญ่ของพระองค์อย่างรวดเร็ว“ท่านจะบีบคอข้าทำไม ข้ารู้ทันหรอกนะ!” หญิงสาวโวยวายต่อว่ากลับไปทันทีพร้อมยกมือของเธอจับลำคอของตัวเองเอาไว้มิให้ถูกบีบ ท่ามกลางความแปลกพระทัยขององค์ชายปีศาจ บุรุษร่างเล็กตรงพระพักตร์เหตุใดจึงล่วงรู้ว่าพระองค์ทรงหมายจะทำสิ่งใด“ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายใจว่าจะทำเช่นนั้นกับเจ้า!” รับสั่งถามกลับไปทันทีพลางทอดพระเนตรเขม็ง“ข้าล่วงรู้ก็แล้วกัน! แต่ท่านสบายใจได้ปากของข้าไม่มีทางที่จะหาความตายใส่ตัวเองหรอกถ้าคิดอยากจะอยู่ต่อไปก็ต้องรูดซิปปากตัวเองให้สนิท” หญิงสาวพูดพลางทำท่าเอามือลากตรงมุมริมฝีปากอีกข้างไปยังอีกข้างประกอบให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร“รูดซิปปาก!” รับสั่งทวนประโยคของหญิงสาวก่อนจะเดาเอาเองตามความคาดเดาของพระองค์“ถ้าข้าจะเดาความหมายของเจ้าคงหมายถึงปิดปากใช่หรือไม่” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้“ตามนั้น! ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว” จางเพ่ยอ
ในขณะเดียวกันยุคปัจจุบันนครซีอาน ณ โรงพยาบาลเกาซินร่างอรชรของหญิงสาวในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเครื่องวัดความดันและท่อนำส่งอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายที่นอนหมดสติมานานกว่าหนึ่งเดือน ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำให้สาวน้อยจางเพ่ยอัน อยู่ในสภาพไม่ตายก็เหมือนตายหรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาพผัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากศูนย์วิจัยที่เดินทางมาเยี่ยมหญิงสาว ต่างพากันยืนมองร่างที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาและสงสารอย่างยิ่งยวด “หัวหน้าไปพบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วเป็นยังไงบ้างคะ อันอันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหม และเมื่อไรจะฟื้นขึ้นมา นี่ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้วที่อยู่ในสภาพแบบนี้” เพื่อนร่วมงานของแม่สาวน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากสตรีสาวใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้างานดังออกมาทันที “ความหวังว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติดั่งเดิมไม่มีใครตอบได้หรอกแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้ก็ตอบไม่ได้ อันอันหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นไปนาน เธอตายไปแล้วตอนรถฉุกเฉินมาถึง แต่พอถูกปั้มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้งจะว่าโชคร
เมืองหลวงหยงเมืองหลวงใหญ่แห่งแคว้นฉินอันรุ่งเรืองในเวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย ที่ทยอยเข้ามาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ จากอดีตซึ่งเคยเป็นเพียงแคว้นนอกสายตา ห่างไกลและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ทุรกันดาร ชาวแคว้นฉินเป็นเพียงกลุ่มคนเร่ร่อน ดำรงอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นนักต่อสู้และมีน้ำอดน้ำทนสูง สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้ทุกข์สภาวะ ทว่าเพียงไม่กี่ร้อยปีจากแคว้นเล็กๆ กลับยิ่งใหญ่และขยายอาณาเขตครอบครองดินแดนแถบตะวันตกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงระยะสิบปีที่ผ่านมา ได้ทำสงครามปราบชนเผ่าชวนหรงซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาอย่างยาวนานได้อย่างราบคาบและบุกตีดินแดนเล็กๆ รวมไปถึงแคว้นใหญ่ในยุคนั้นได้เป็นผลสำเร็จมากมาย ขยายอำนาจออกไปจนกลายเป็นหนึ่งในสิบแคว้นใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในขณะนั้น และจางเพ่ยอัน ดวงวิญญาณของหญิงสาวในยุคอนาคต จากปีคริสต์ศักราช 2018 ได้หวนคืนกลับมาในยุคอดีตกาลและที่สำคัญเป็นยุคในอดีตชาติของเธอที่เคยถือกำเนิดมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งเธอเป็นถึงบุตรสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดีจางฟง และมีชื่อแซ่ในชาตินี้ว่าจางเพ่ยอัน เช่นเดียวกับชาติปัจจุบัน ทว่าในชาติอดีต