Share

แฟนลูกชายคนโตหาว่าฉันเป็นชู้ ทำร้ายลูกคนเล็กจนตาย
แฟนลูกชายคนโตหาว่าฉันเป็นชู้ ทำร้ายลูกคนเล็กจนตาย
ผู้แต่ง: ครีมพัฟไม่หวาน

บทที่ 1

ลูกชายคนเล็กของฉันซุกซนมาก เข้าไปจับงูไม่ปล่อย จนโดนงูฉกไปทีหนึ่ง

สามีของฉันไปทำงานข้างนอก ส่วนลูกชายคนโตเข้าเวรกลางคืนที่โรงพยาบาล

ฉันจึงไม่ลังเลที่จะรีบเรียกแท็กซี่ ตรงไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ลูกชายคนโตทำงานอยู่

พยาบาลสาวสวยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา ถามฉันเกี่ยวกับอาการของลูกชายคนเล็ก จากนั้นเธอก็จัดการเตรียมเตียงคนไข้เพื่อพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

ฉันพยายามกลั้นน้ำตาและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละล่ำละลัก พร้อมทั้งขอร้องให้เธอช่วยลูกชายของฉัน

เธอยังคงมองดูเครื่องมือแพทย์อยู่ตลอดเวลาและประสานงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

แต่ในขณะที่เตียงคนไข้กำลังจะถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ทันใดนั้น เตียงก็หยุดเคลื่อนที่

ฉันไม่เข้าใจจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ”

พยาบาลสาวคนนั้นจ้องหน้าลูกชายคนเล็กของฉันด้วยสายตาที่บอกมาถูก ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณรู้จักกับฟู่เป่ยจี้ไหมคะ”

ฉันพยักหน้า “ฉันต้องรู้จักเขาสิ เขาเป็น...”

ยังไม่ทันจะพูดว่า ลูกชายคนโต ฉันก็โดนตบเข้าที่หน้าเต็มๆ

“ทำอะไรของเธอน่ะ” ฉันกุมแก้มที่บวมเป่งพลางเงยหน้ามองหญิงสาวที่ทำร้ายฉัน

พยาบาลสาวคนนั้นเชิดหน้าและจ้องฉันด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะด่าทอว่า

“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันคบกับฟู่เป่ยจี้มาหนึ่งปีแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงดีและเรากำลังจะแต่งงานกัน”

ฉันถึงได้พิจารณาใบหน้าของเธออย่างถี่ถ้วน ก่อนจะรู้สึกว่าเคยเห็นเธอในเฟซบุ๊กของลูกชายคนโตมาก่อนจริงๆ

เธอคือแฟนของฟู่เป่ยจี้ ชื่อว่า อิ่นซิน

ฉันยกมือขึ้นเพื่อจะจับมือของเธอ

แม้นี่จะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพบกับว่าที่ลูกสะใภ้ครั้งแรกก็ตาม แต่ฉันก็ยังพยายามแนะนำตนเองว่า “ฉันคือแม่ของฟู่เป่ยจี้...”

คำว่า แม่ ยังไม่ทันจะหลุดออกจากปาก ฉันก็ถูกตบเข้าอีกครั้ง คราวนี้แรงมากจนรู้สึกแสบที่แก้มเลยทีเดียว

“ยัยชั้นต่ำ อย่าคิดว่าหน้าตาดีแล้วจะมายุ่งกับผู้ชายของฉันได้นะ” เธอตะโกนด่าและเตะฉันเข้าที่ท้องจนฉันเจ็บแทบยืนตรงไม่ไหว

เธอหันไปจ้องลูกชายคนเล็กบนเตียงด้วยสายตาเย็นชา “นี่คือไอ้เด็กเวรที่เธอแอบมีไว้กับแฟนของฉันใช่ไหม”

แม้ลูกชายคนเล็กของฉันจะหน้าตาคล้ายกับพี่ชายถึงแปดส่วน แต่สองพี่น้องก็เหมือนพ่อของพวกเขาทั้งนั้น

ฉันพยายามจะอธิบายว่า ฟู่เป่ยจี้ก็หน้าตาคล้ายพ่อเหมือนกัน แต่อิ่นซินไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเลย เธอมองไปที่ลูกชายบนเตียงผู้ป่วยซึ่งมีใบหน้าซีดเซียว ก่อนจะพูดอย่างเฉื่อยชา

“ตอนนี้เรามีคนไข้ที่เร่งด่วนกว่า เด็กคนนี้คงต้องรอไปก่อน”

พูดจบเธอก็พยักหน้าให้พยาบาลคนอื่น แล้วเตรียมจะเดินจากไป

สมองของฉันหมุนติ้วด้วยความสับสน แต่ก็รู้ดีว่าลูกชายคนเล็กของฉันไม่อาจรั้งรอได้

ฉันพยายามหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรีบเร่งแล้วโทรหาฟู่เป่ยจี้

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

เสียงสายไม่ว่างดังขึ้น

ฉันยิ่งรู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นใบหน้าของลูกชายที่เริ่มหม่นหมองลงเรื่อยๆ แต่ฟู่เป่ยจี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้

ฉันทนไม่ไหวจึงสบถคำหยาบออกมา

แต่ไม่คิดว่าอิ่นซินที่ยังเดินไปไม่ไกลจะได้ยินเข้า และเข้าใจว่าฉันกำลังด่าเธอ

เธอรีบหันมา แล้วก้าวเท้าตรงปรี่มาหาฉัน เธอคว้าผมของฉันแล้วดึงอย่างแรง ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

“เธอกำลังโทรหาใคร”

อิ่นซินตะโกนถาม “ฟู่เป่ยจี้เพิ่งรับเคสฉุกเฉินจากอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องผ่าตัด”

“เธอคิดว่าถ้าติดต่อฟู่เป่ยจี้ได้ แล้วเขาจะมาช่วยเธองั้นเหรอ”

เธอดึงสร้อยคอเส้นหนึ่งออกจากคอ ทับทิมสีแดงบนนั้นกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าของเธอ

“นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นที่ฟู่เป่ยจี้มอบให้ฉัน เขากำลังจะแต่งงานกับฉัน อย่าคิดว่าการที่เธอมีลูกคนหนึ่งแล้วจะมัดใจเขาได้หรอกนะ”

“ฉันบอกเธอไว้เลยนะว่า ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงมาก!”

เธอพูดจบก็ผลักฉันลงกับพื้น ทำให้เสื้อของฉันเปิดออกเผยให้เห็นสร้อยคอที่ห้อยอยู่บนคอของฉัน ซึ่งมีทับทิมสีแดงเหมือนกัน

อิ่นซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และทันใดนั้นโกรธมากกว่าเดิม

“เธอมีสิทธิ์อะไรถึงได้ครอบครองทับทิมที่สืบทอดของตระกูลนี้ด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status