เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้นี้ จางหยวนก็ปฏิเสธไปตามสัญชาตญาณในเมื่อหลิวเซียนไห่หาคนอื่นแล้ว เขาก็จะไม่ต้องยุ่งวุ่นวาย!คิดไม่ถึงว่าเจิ้งปินที่อยู่ด้านข้างกลับพูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: "ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งไปเลย! ฉันจะให้คนป่าเถื่อนอย่างนายเปิดหูเปิดตาสักหน่อย จะได้รู้ว่าหมอสัตว์เลี้ยงมืออาชีพมันเป็นยังไง!"คำพูดของเจิ้งปิน กระตุ้นความโกรธของจางหยวนแม้ว่าจางหยวนจะไม่เคยอ้างว่าตนเป็นสัตวแพทย์แต่อีกฝ่ายเหยียดหยามกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ทำให้จางหยวนรู้สึกเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมากเขาเหลือบมองเจิ้งปิน: "เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะดูว่า คุณมีความสามารถมากแค่ไหน!"เมื่อหลิวเซียนไห่เห็นดังนี้ หลิวเซียนไห่ก็รีบเรียกพาทุกคนไปที่ลานหมูด้านหลังระหว่างทางไปลานหลังบ้าน หลิวหงเหมยก็เดินขึ้นไปที่ข้างๆเจิ้งปิน ขมวดคิ้วแล้วถามว่า“เจิ้งปิน ทำไมคุณต้องให้นายคนนี้อยู่ต่อด้วย? ให้เขาไปเลยไม่ได้เหรอ?”เจิ้งปินกหลับยิ้ม: "หงเหมย ถ้าไม่ให้เขาอยู่ต่อ แล้วความสามารถของฉันจะโดดเด่นขึ้นมาได้ยังไง?"เมื่อพูดถึงจุดนี้ จู่ๆเจิ้งปินก็ลดเสียงให้ต่ำลง น้ำเสียงของเขาก็ดูเลวร้ายขึ้นมาทันที“หงเหมย พวกเราสองคนตกลง
ก็เห็นว่าจางหยวนมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกในเวลานี้ เขาได้หมุนเวียนแก่นพลังลมปราณปิดกั้นการรับกลิ่นในจมูกของเขาแล้วหลิวเซียนไห่ที่ไม่รู้เรื่อง เห็นจางหยวนไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย กลับไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นสาปหมูเลยแม้แต่น้อย ก็อดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกายในความคิดของเขา ในฐานะสัตวแพทย์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จะต้องเป็นเหมือนจางหยวนถึงจะถูก!แพทย์สัตว์เลี้ยงที่สําอางค์อย่างเจิ้งปิน เข้ามาในฟาร์มหมูก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ดูไม่เหมือนสัตวแพทย์เลยแม้แต่น้อยหลังจากได้ตัดสินจางหยวนและเจิ้งปินอย่างเงียบๆในใจแล้ว หลิวเซียนไห่ก็กล่าวว่า:“นี่ก็คือหมูที่ฉันเลี้ยง! ดูสิพวกมันสิ ผอมลงกว่าเดิมมาก! อีกอย่างพวกมันยังอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ! ครั้งที่แล้วตอนที่ให้อาหารหมู เกือบจะโดนพวกมันกัด!”เมื่อได้ยินดังนี้ เจิ้งปินก็เหลือบมองจางหยวน: "เฮ้ นายก่อนหรือฉันก่อนดีล่ะ? ถ้าฉันลงมือก่อน นายก็ไม่มีความหมายแล้ว!"“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เชิญนายก่อนเลย! ถ้านายรักษาหมูให้หายได้ ฉันจะรีบหันหลังกลับแล้วจากไปทันที!” จางหยวนพูดอย่างสงบนิ่ง“นาย ฮึ่ม!” เจิ้งปินทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา แล้วก็ยิ้มกับหลิวหงเหมยอย่า
"เดี๋ยวก่อน ผมเหมือนเคยได้ยินโรคพลาสเทอร์โรซีสในหมู เหมือนว่าหมูที่เป็นโรคพลาสเทอร์โรซีส จะเปลี่ยนไปฉุนเฉียวและโมโหง่าย อีกทั้งมักจะต่อสู้กัน ปริมาณอาหารก็ลดลง!"“อาการเหล่านี้ เหมือนกับหมูที่ครอบครัวของพวกผมเลี้ยงเอาไว้เป๊ะ ๆ เลย!” หลิวเซียนไห่พูดกับตัวเองจางหยวนพยักหน้า: "ไม่ผิด! คุณหลิว คุณใช้ลานบ้านเลี้ยงหมู เป็นวิธีการที่ดีที่แปลกใหม่แหวกแนวกว่าผู้อื่นจริง ๆ นั่นแหละครับ แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่แย่เกินไป!""สภาพแวดล้อมในการเลี้ยงหมูนั้นแย่เกินไป ประกอบกับการจัดการที่ไม่เหมาะสม ก็ทำให้หมูเป็นโรคพลาสเทอร์โรซีสได้ง่าย!"หลิวเซียนไห่เข้าใจในทันทีถึงแม้ตอนนี้เขาจะเลี้ยงหมูเป็นสิบกว่าตัว แต่ยังใช้วิธีการแบบเก่าที่เลี้ยงหมูแบบขังในคอกหนึ่งถึงสองตัวเหมือนเมื่อก่อนวิธีการแบบเก่าเลี้ยงหมูหลายตัวขนาดนี้ ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่แล้ว!เขาตบท้ายทอยตัวเองอย่างแรง: "ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! ผมผิดเองครับ ตอนที่เลี้ยงหมูไม่ได้ใช้สมอง! ผลปรากฏว่าเกิดปัญหาขึ้นมา!"ครู่หนึ่ง หลิวเซียนไห่ก็มองไปทางจางหยวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง"เสี่ยวจาง ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าหมูของครอบครัวผมเป็นโรคพล
ก่อนหน้านี้หลิวหงเหมยบอกว่า ไม่ให่เขาเอาเรื่องอาชีพของหลิวหงเหมยบอกหลิวเซียนไห่และภรรยาถ้าเขาเอาเรื่องนี้มาข่มขู่หลิวหงเหมยล่ะ?ดูเหมือนว่าจะตระหนักได้ถึงความคิดของเจิ้งปิน จู่ๆหลิวหงเหมยก็เยาะเย้ยขึ้นมาทันทีว่า“เจิ้งปิน ถ้าคุณไม่กลัวตาย คุณก็ลองดูสิ! แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ที่หนึ่งในคลับของพวกเรา แต่ฉันก็เป็นหนึ่งในเจ้าหญิงในคลับ ที่มีผลงานที่ดีเช่นกัน!”“ถ้าเป็นเพราะคุณเอาเรื่องอาชีพของฉันบอกพ่อแม่ของฉัน แล้วทำให้ฉันต้องลาออก พอถึงเวลานั้นคลับก็จะสูญเสียบ่อเงินบ่อทองอย่างฉันไป คุณคิดว่าเถ้าแก่ของพวกเราจะส่งคนมาจัดการกับคุณหรือเปล่า?” หลิวหงเหมยกล่าวอย่างเยาะเย้ยรูม่านตาของเจิ้งปินหดตัวลง คลับที่หลิวหงเหมยอยู่ ภูมิหลังของเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังน่ากลัวมากอาจกล่าวได้ว่า ถ้าอีกฝ่ายยินยอม เจิ้งปินก็สามารถหายตัวไปจากโลกนี้ได้ตลอดเวลา!จู่ๆเจิ้งปินก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา เสื้อที่อยู่ด้านหลังบนหลังก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเพื่อเล่นสนุกกับผู้หญิง จะต้องเอาชีวิตน้อยๆของตนเข้าไปเสี่ยง ไม่คุ้ม ไม่คุ้มเลยจริงๆ!เจิ้งปินฝืนยิ้มออกมา: "หงเหมย คุณกำลังพูดอะไรอยู่? รอให้ผมได้รับโบนัสในช่วงสิ้นปี
ไม่แน่ อาจจะมีชาวบ้านมากมายที่เกิดความคิดที่อยากจะเป็นสัตวแพทย์ขึ้นมา!ระหว่างทางที่เดินทางกลับ จางหยวนก็แวะซื้อไข่ไก่ห้ากิโลกรัมพอดีสองสามีภรรยาลำบากมาทั้งชีวิต ชีวิตที่เหลืออยู่ก็ควรจะให้พวกเขาได้สุขสบายได้แล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ทางด้านโภชนาการจะต้องตามให้ทันจางหยวนได้ตั้งกฎสั้น ๆ ง่าย ๆ กับหวังฮุ่ยแม่ของเขาเอาไว้แล้ว ทุกเช้าให้ต้มไข่ไก่หกฟองครอบครัวสามคน คนละสองฟอง ใครก็ห้ามกินไม่ครบปกติตอนที่ผัดอาหาร จะมากจะน้อยแค่ไหนก็จะต้องใส่เนื้อลงไปด้วยเว้นเวลาห่างกันไม่กี่วัน ก็ให้ผัดไก่หรือตุ๋นซี่โครงพูดได้ว่า มาตรฐานอาหารของครอบครัวของพวกเขาในตอนนี้ เกือบจะเทียบเท่ากับผู้ที่มีอันจะกินแล้ว!เขารฮัมเพลงกลับมาถึงที่หมู่บ้าน ตอนที่ผ่านคลินิกหมู่บ้าน จางหยวนก็มองเข้าไปในคลินิกด้วยสัญชาตญาณไม่คิดเลยว่าจะสบตาเข้ากับสายตาของหลิวรั่วหลันพอดี!ในตอนนี้หลิวรั่วหลันก็มองมาที่ข้างนอก และก็สบตาเข้ากับจางหยวนพอดีเช่นกัน!จางหยวนตะลึงงันครู่หนึ่ง หลิวรั่วหลันที่อยู่ภายในคลินิกก็ตะลึงงันเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นจางหยวนหลังจากตกตะลึง จางหยวนก็รีบเบือนหน้าหนี เตรียม
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของจางหยวนก็เคร่งขรึมลงทันทีเดิมทีเขายังคิดว่า หลิวรั่วหลันรู้เรื่องที่หลินจงเฟยอยากให้หลี่ชิวจวี๋ช่วยเกิดลูกให้เขาแล้ว ดังนั้นถึงได้เรียกหาเขาเพราะอยากให้เกลี้ยกล่อมหลี่ชิวจวี๋ไม่ให้แย่งสามีกับเธอแต่คิดไม่ถึง หลิวรั่วหลันจะพูดเรื่องที่หลินจงเฟยจะแก้แค้นหลี่ชิวจวี๋!เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากที่หลี่ชิวจวี๋ปฏิเสธข้อเสนอของหลินจงเฟย ทำให้อันธพาลหมู่บ้านคนนี้โมโหหลินจงเฟยรู้สึกโกรธแค้น ถึงได้อยากจะหาคนมาจัดการหลี่ชิวจวี๋!เมื่อเข้าใจได้ถึงเหตุผลในนั้น จางหยวนมองดูหลิวรั่วหลันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโมโห:"เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วหน่อย?"เขาในตอนนี้ สามารถพูดได้ว่าเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นเหมือนกับสิงโตตัวผู้ที่คลุ้มคลั่งหลิวรั่วหลันตกใจกับท่าทางที่เดือดดาลของเขา และถอยหลังไปสองก้าวด้วยความหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของหลิวรั่วหลันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จางหยวนถึงได้รู้ตักว่าน้ำเสียงของเขาดุดันเกินไปหน่อยหลิวรั่วหลันสามารถนำข่าวนี้มาบอกเขาได้ ได้รวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากแล้วถ้าหากให้หลินจงเฟยรับรู้ หลิวรั่วหลันเป็นคนบอกข่าวให
พูดถึงตอนสุดท้าย หลินจงเฟยหัวเราะขึ้นมาด้วยความกำเริบเสิบสานพวกอันธพาลที่อยู่รอบ ๆ ก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายหลินจงเฟยเคยรับปากเอาไว้ อีกเดี๋ยวหลังจากที่เขาเล่นกับผู้หญิงคนนี้เสร็จแล้ว ก็จะให้พวกเขาเหล่านี้เล่น!หญิงสาวที่ขาวสวย แถมรูปร่างยังเซ็กซี่อย่างหลี่ชิวจวี๋แบบนี้ ที่บ้านนอกมีไม่เยอะ!เพียงแค่ผิวพรรณที่บอบบาง แถมยังมีเรือนร่างที่อวบอิ่มหยิ่งทะนงตัว ก็เพียงพอที่จะทำให้คนอยากเข้าไปครอบครองเพียงแค่ได้จับต้อง สัมผัสแบบนั้น จะไม่ทำให้คนตกภวังค์จนบ้าคลั่งไปเลยเหรอ!น่าเสียดาย หลินจงเฟยได้พูดเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่เขาจะได้เพลิดเพลินกับหลี่ชิวจวี๋ ใครก็ห้ามแต๊ะอั๋งหลี่ชิวจวี๋ทั้งนั้นอันธพาลพวกนี้อันที่จริงแล้วเป็นยามในโรงงานของหลินจงเฟย พวกเขาไม่กล้าที่จะขัดใจเจ้านาย!ในตอนนี้ หลี่ชิวจวี๋มองหลินจงเฟยด้วยความเดือดดาล: "หลินจงเฟย แกมันไอ้สารเลว! ถ้าพี่หยวนรู้ว่าแกกล้ารังแกฉัน เขาไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน!"“ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าขำชะมัดเลย! ก็แค่คนปัญญาอ่อน! ต่อให้ฟื้นคืนสติปัญญามาแล้วจะทำอะไรได้? เขากล้าต่อสู้กับฉันหลินจงเฟยไหมล่ะ?” หลินจงเฟยเยาะเย้ยขณะที่เขาพูด เขาก็แกว่งโทรศัพท์มือถือของห
ได้ยินคำพูดที่รุนแรงของจางหยวน หลินจงเฟยตกใจจนตัวสั่น และอยากจะดึงแขนที่ถูกจางหยวนจับเอาไว้ออกมาด้วยสัญชาตญาณแต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากมายแค่ไหน ก็ยังหลุดจากการผูกมัดของจางหยวนไม่ได้หลังจากที่หลี่ชิวจวี๋ได้ยินเสียงของจางหยวน เธอก็ถลึงตาโตทันทีในตอนที่เธอเห็นจางหยวน ความสิ้นหวังที่เต็มในดวงตากลับกลายเป็นความดีใจ"อาหยวน นายมาช่วยฉันแล้ว!"จางหยวนยิ้มอย่างรู้สึกผิดกับหลี่ชิวจวี๋: "พี่สะใภ้ชิวจวี๋ ขอโทษครับ ผมมาสายไปก้าวหนึ่ง ทำให้พี่ถูกไอ้สัตว์เดียรัจฉานตบหน้า!""ไม่สายไม่สาย! นายมาได้พอดีเลย!" หลี่ชิวจวี๋รีบพูดขึ้นถ้าหากจางหยวนมาช้าอีกสองสามนาที เกรงว่าหลี่ชิวจวี๋ก็จะถูกหลินจงเฟยย่ำยีแล้ว!ถูกไอ้สารเลวแบบนี้ย่ำยี แถมยังทำต่อหน้าคนมากมายด้วยนิสัยหยิ่งในศักดิ์ศรีของหลี่ชิวจวี๋ ไม่มีทางที่จะยอมรับการเหยียดหยามได้แน่นอน สุดท้ายก็เลือกฆ่าตัวตาย!การมาถึงได้ทันเวลาของจางหยวน ถือว่าได้ช่วยชีวิตหลี่ชิวจวี๋เอาไว้!ในตอนนี้ หลินจงเฟยมองดูใบหน้าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดของพวกยามอันธพาลที่เขาพามาก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอด้วยความโมโห"แม่งเอ๊ย! พวกแกกลายเป็นไอ้โง่กันหมดแล้วเหรอ? รีบมาช่วย