รอยยิ้มที่ปลอบโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางหยวน: "แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ! ลูกชายของแม่รับปากเรื่องอะไรไว้ มีเรื่องไหนบ้างที่ทำไม่เคยทำสำเร็จ? ผมมีความมั่นใจครับ!"ด้วยคำพูดเหล่านี้ของจางหยวน ทำให้หวังฮุ่ยมีความมั่นใจมากขึ้นทันทีอันที่จริง นับตั้งแต่จางหยวนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง คำพูดที่เขาเคยพูด ล้วนกลายเป็นเรื่องจริงในที่สุด!เธออดไม่ได้ที่จะตบไหล่ของจางหยวน: "อาหยวน สมแล้วที่เป็นลูกชายที่ดีของแม่จริงๆ! แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ หวังฮุ่ยก็สังเกตเห็นว่า ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้วเธอจึงรีบล้างมือแล้วเข้าไปในครัว สวมผ้ากันเปื้อนและเริ่มทำอาหารตอนที่ทางอาหารกลางวัน สองแม่ลูกเล่าเรื่องนี้ให้จางต้าซานฟังพ่อของเขาจางต้าซานไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน แต่ถามจางหยวนว่าเขามีความมั่นใจมากแค่ไหนว่าจะสามารถรักษาสวีจ้วงจ้วงให้หายขาดได้จางหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: "ถ้าเส้นประสาทในไขกระดูกสันหลังที่หักของเขาไม่ตายทั้งหมด ผมก็มีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ!"“แบบนี้นี่เอง!”จางต้าซานตอบกลับหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กำชับจางหยวนอีกครั้
ในห้องนอน มีชายหนุ่มที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยนัยน์ตาที่เหม่อลอย และมีชามบะหมี่ที่ยังไม่ได้กินชามหนึ่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกชายของป้าหลิวสวีจ้วงจ้วงไม่ได้เจอกันมาสองสามปีแล้ว เขากลับไม่ดำคล้ำเหมือนเมื่อก่อน หน้าตาก็หล่อเหลามากขึ้นเพียงแต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับจางหยวนแล้วยังห่างกันชั้นมากหวังฮุ่ยก็เหลือบมองสวีจ้วงจ้วง และอดไม่ได้ที่จะถามป้าหลิว“น้องหลิว จ้วงจ้วงยังไม่ยอมกินข้าวอีกเหรอ?”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ป้าหลิวก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตา“ไม่กิน ใครเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่กิน! ฉันล่ะกลัวจริงๆว่าเขาจะหิวจนล้มป่วยอีก!”ในเวลานี้ หวังฮุ่ยพูดถึงเรื่องที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้: "น้องหลิว ที่พี่พาอาหยวนมาที่นี่ในครั้งนี้ อันที่จริงแล้วเพราะอยากให้เขาช่วยรักษาจ้วงจ้วง!"ป้าหลิวเช็ดน้ำตา ด้วยสีหน้าท่าทางที่งุนงง“พี่หวัง อาหยวนของพี่เรียนรู้วิธีรักษาผู้คนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ฉันได้ยินมาว่า เขาสามารถรักษาโรคให้ไก่ได้ แถมยังรักษากาฬโรคไก่ในหมู่บ้านพวกพี่ด้วย!”เมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของหวังฮุ่ยก็ดูภูมิใจ: "เธอยังไม่รู้เรื่องนี้! ตอนที่อาหยวน
หลังจากตรวจสอบชีพจรได้ครู่หนึ่ง ใบหน้าของจางหยวนก็เผยรอยยิ้มออกมาแม้ว่าสวีจ้วงจ้วงจะได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทไขสันหลังหนักมาก แต่โชคดีที่เขายังคงรักษาเส้นประสาทส่วนใหญ่เอาไว้ได้!จางหยวนคิดกับตนเองว่า ถ้าตนเองลงมือรักษา เขาจะกลับมาเป็นปกติและลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งแน่นอน!และระยะเวลาในการพักฟื้นอาจจะสั้นกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้!เมื่อได้ข้อสรุปในใจแล้ว จางหยวนก็วางมือของสวีจ้วงจ้วงลง แล้วหันกลับมาพูดกับหวังฮุ่ยและป้าหลิวว่า"ผมแน่ใจห้าถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจ้วงจ้วงจะสามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง!"เมื่อได้ยินดังนี้ ใบหน้าของป้าหลิวก็ดูประหลาดใจสวีจ้วงจ้วงที่อยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว แล้วหันหน้าไปมองจางหยวนนับตั้งแต่เขาถูกแพทย์ประจำโรงพยาบาลประจำเทศมณฑลประกาศว่าเป็นอัมพาตตลอดชีวิตครอบครัวของพวกเขายังเชิญแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมาตั้งหลายคนแต่หลังจากที่คนเหล่านี้จับชีพจรของสวีจ้วงจ้วงแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ส่ายหัวและถอนหายใจ เพื่อแสดงว่าตนเองไม่สามารถรักษาได้ โดยไม่มีข้อยกเว้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จางหยวนเป็นคนแรกที่กล้าพูดว่า มั่นใจว่าจะทำให้สวีจ้วงจ้วงกลั
ส่วนศีรษะของเต่า อยู่ที่ตำแหน่งจุดบาเหลียวบนหลังส่วนล่างของเขาพอดี!นี่ไม่ใช่รสนิยมที่ไม่ดีของจางหยวนนี่คือศาสตร์การฝังเข็มชั้นยอดศาสตร์หนึ่งที่เขาตั้งใจแสดงออกมาศาสตร์การฝังเข็มเต่ายืดอายุ!อย่างที่ทราบกันดีว่า เต่ามีอายุที่ยืนยาวดังนั้นคนโบราณที่รักษาสุขภาพ ก็จะเรียนรู้จากเต่าในระดับหนึ่งกระดูกสันหลังของมนุษย์ เรียกอีกอย่างว่าเสามังกรในมุมมองของคนโบราณ กระดูกสันหลังเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณของมนุษย์!กระดูกสันหลังตรง หมายถึงเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงพลังและความมีชีวิตชีวาคนแก่ชราหลังงอหลังคด ก็หมายความว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่นานศาสตร์การฝังเข็มเต่ายืดอายุ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะกระตุ้นเส้นประสาทไขสันหลัง และส่งเสริมการซ่อมแซมกระดูกสันหลังด้วยตนเอง!แม้ว่าสวีจ้วงจ้วงจะยังหนุ่มยังแน่น แต่เส้นประสาทไขสันหลังก็ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้เข้ามาช่วยในการฟื้นฟู!แน่นอนว่า แม้ว่าศาสตร์การฝังเข็มเต่ายืดอายุจะยอดเยี่ยม แต่ผลที่ได้จะไม่เกิดขึ้นในทันที และจะต้องฝังเข็มหลายครั้งถึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนอันที่จริงแล้วตอนนี้สิ่งที่มีบทบาทหลักในการทำให้ได้ผล คือแก
ในเวลานี้ หวังฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างก็รีบถามว่า: "จ้วงจ้วง ที่หลานบอกว่าขาทั้งสองข้างมีความรู้สึกแล้ว มันเป็นความรู้สึกแบบไหนเหรอ?"“ป้าหวังครับ ผมรู้สึกว่าขาของผมร้อนครับ ตั้งแต่ผมเป็นอัมพาตมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขาของผมร้อนครับ!” สวีจ้วงจ้วงพูดพร้อมสะอื้นพอได้ฟังเขาพูดแบบนี้ ป้าหลิวก็รีบวิ่งไปข้างหน้าแล้วกอดเขาเอาไว้่ทันทีสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ฟูมฟายกันยกใหญ่หวังฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างเช็ดหางตาเพราะภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้รู้สึกตื้นตันใจประดุจว่าเป็นตนเองตอนนั้นจางหยวนกลายเป็นคนปัญญาอ่าน จางต้าซานก็เป็นอัมพาตอยู่บนเตียงเธอเป็นผู้หญิงตั้วคนเดียว ที่ต้องประคับประคองครอบครัวตามลำพังถ้าเทียบกับป้าหลิวในตอนนี้แล้ว ลำบากกว่ามาก!อย่างน้อย สามีของป้าหลิว เสาหลักของตระกูลสวีไม่ได้มีปัญหาอะไรเมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว หวังฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จางหยวนลูกชายของตนหากไม่ใช่เป็นเพราะจางหยวนกลับมามีสติสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และแสดงศาสตร์ทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ออกมาตอนนี้ตนเองคงจะเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนนั้น ที่น้ำตานองหน้าตลอดทั้งวัน!จากนั้นไม่นาน เมื่
ป้าหลิวรีบลุกขึ้นเพื่อชักชวนทั้งสองให้อยู่ต่อ โดยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นพวกเขา แต่ถูกหวังฮุ่ยปฏิเสธไปในเวลานี้ จู่ๆป้าหลิวก็ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบกลับไปที่ห้องของตนเองเธอกลับออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเงินหนึ่งแสนบาทที่อยู่ในมือ" อาหยวน ขอบคุณที่หลานรักษาจ้วงจ้วง ตอนนี้ป้าหลิวมีเงินอยู่ในมือแค่หนึ่งแสนบาท หลานเอาไปก่อนนะ ! วันหน้าถ้าป้าหลิวมีเงินมากขึ้น เป้าจะเอาเงินรักษาให้หลานอีก!" ป้าหลิวพูดกับจางหยวน“ป้าหลิวครับ คือว่า…” สีหน้าของจางหยวนเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็มองป้าหลิวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เงินนี้ผมรับเอาไว้ไม่ได้หรอกครับ!”หวังฮุ่ยยังพูดด้วยน้ำที่เสียงทุ้มว่า: "ใช่แล้ว น้องหลิว ครอบครัวของเธอใช้เงินเป็นจำนวนมากในการรักษาจ้วงจ้วง! เป็นเวลาที่จะต้องใช้เงินพอดี!"“ตอนนี้ถ้าเธอเอาเงินหนึ่งแสนบาทออกมา ก็เท่ากับว่าไม่เห็นแก่หน้าพี่นะ? เพราะพี่เห็นว่าพวกเราสองคนเป็นเพื่อนกัน ถึงได้ขอให้อาหยวนมาช่วยดูอาการจ้วงจ้วงให้!”“ไม่ว่ายังไงก็ตาม จ้วงจ้วงก็เรียกพี่ว่าป้าหวัง! เอาแค่ประเด็นนี้ อาหยวนจึงไม่สามารถรับเงิน ค่ารักษาเขาได้!”คำพูดของหวังฮุ่ย ทำให้นัยน์ตาของป้าหลิวเปลี
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกลับมา ลุงจางต้าเฉิงก็กล่าวคำอำลาเช่นกันก่อนไป จางต้าเฉิงยังถามหวังฮุ่ยเรื่องหนึ่งด้วย“พี่สะใภ้ พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมบอกว่า อยากจะขายที่ดินหนึ่งไร่ข้างทางหลวง! พี่ช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อย อย่าให้เขาขายที่ดินเลย!” จางต้าเฉิงกล่าว“จะว่ายังไง นั่นก็คือหลุมศพของบรรพบุรุษเชื้อสายเดียวกันกับพวกพี่! อย่าไปรบกวนคุณปู่รองคุณย่ารองทั้งสองท่านของผมเลย!”คนชนบทให้ความสำคัญกับหลุมศพของบรรพบุรุษเป็นอย่างมากในด้านนี้ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวจะดีกว่าเว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุสุดวิสัย ไม่เช่นนั้นจะไม่ย้ายหลุมฝังศพของบรรพบุรุษเด็ดขาดหลังจากได้ยินจางต้าเฉิงพูดแล้ว หวังฮุ่ยก็รีบพูดขึ้นว่า“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก! ที่ดินติดทางหลวง พวกเราจะไม่ขายเด็ดขาด!”ก่อนหน้านั้น หวังฮุ่ยและจางต้าซานเคยคิดที่จะขายที่ดินไร่นั้นตอนนั้นครอบครัวนี้ยากจนข้นแค้นมาก ทั้งสองคนจึงได้ตัดสินใจด้วยความจนปัญญาแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!ไม่ต้องพูดถึงว่าครอบครัวของพวกเขาเพิ่งได้รับเงินสี่หมื่นบาทจากการที่จางหยวนขายโสมแม้ว่าจะไม่มีเงินสี่หมื่นบาท แต่แค่ศาสตร์ทางการแพทย์ของจางหย
การรักษาโรคให้สัตว์ ก็แค่รักษาไปตามโอกาส!เช้าของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่จางหยวนกินข้าวเสร็จแล้ว เขาก็ถีบรถสามล้อไปที่บ้านของคนที่จางต้าซาน พูดถึงบังเอิญว่า อีกฝ่ายก็เป็นคนหมู่บ้านต้าหลิว ชื่อว่าหลิวเซียนไห่พอมาถึงหมู่บ้านต้าหลิวแล้ว ไม่นาน จางหยวนก็ได้พบกับคนที่รู้จักคนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีของป้าหลิว สวีเฟิง!เมื่อก่อนตอนที่จางหยวนกลายเป็นคนปัญญาอ่อน สวีเฟิงไปที่บ้านของเขากับป้าหลิว และพบจางหยวนอยู่หลายครั้งตอนนี้บังเอิญเจอกัน สวีเฟิงก็จำจางหยวนได้ทันทีที่จำได้ไม่ใช่เพราะหน้าของจางหยวน แต่เป็นรถสามล้อที่เขาถีบอยู่คันนั้นตอนนี้ หลายคนเริ่มหันมาซื้อรถสามล้อไฟฟ้ากันหมดแล้วคนที่ถีบรถสามสับปะรังเคเหมือนครอบครัวจางหยวน มีน้อยมาก!“นายคือ... อาหยวน?” สวีเฟิงจอดรถสามล้อไฟฟ้าไว้ข้างถนนจางหยวนจึงทำได้แค่ยิ้มทักทายสวีเฟิง“สวัสดีครับลุงสวี! ผมก็คือจางหยวนครับ!”เมื่อเห็นจางหยวนที่อยู่ตรงหน้ากลับมามีสติสัมปชัญญะ และไม่มีลักษณะท่าทางปัญญาอ่อนเหมือนตอนนั้นแล้ว สวีเฟิงก็รู้สึกปลงว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้เขาคิดว่า จางหยวนจะต้องเป็นคนปัญญาอ่อนไปตลอด
เพราะเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่มูลค่าหลายแสน มากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของจางหยวนตอนนี้เสียอีก! คิดไปคิดมา จางหยวนก็ยิ่งรู้สึกสับสน สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะไม่คิดอะไรมากแล้วเพราะอย่างไรเสียเขาได้บอกไปกับฉู่เสวี่ยเยี่ยนแล้วว่าขอเวลาคิดสองวัน ก็ใช้เวลาคิดสองวันแล้วค่อยว่ากันทว่าตอนนี้จางหยวนมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ นั่นก็คือการไปซื้อลูกไก่! เดิมทีจางหยวนตั้งใจว่า ตอนเช้าจะไปช่วยจ้าวเจียซินรักษาเป็ดที่ฟาร์มเลี้ยงเป็ด แล้วตอนบ่ายจะไปซื้อลูกไก่เนื้อที่บ้านของหยวนเต๋อหวัง อารองของหยวนเสวี่ยไก่ฟีนิกซ์ได้ผลตอบรับดีมาก ถึงเวลาที่จะเลี้ยงไก่ฟีนิกซ์รุ่นใหม่เพิ่มแล้วแต่เนื่องจากเมาตั้งแต่เที่ยง เขาจึงกลับบ้านในช่วงบ่าย แล้วเตรียมที่จะไปซื้อลูกไก่ที่บ้านของหยวนเต๋อหวังอีกครั้งในวันพรุ่งนี้แต่บางครั้งแผนการก็มักจะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ วันรุ่งขึ้น ตอนที่ฟ้ายังมืดครึ้ม ฝนก็ตกหนัก จะไปซื้อลูกไก่ในเมืองด้วยการสวมเสื้อกันฝนแบบนี้ จางหยวนทำไม่ได้ รถสามล้อไฟฟ้าของเขาเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่มีหลังคาบังฝน จึงกันฝนไม่ได้ เมื่อมองไปที่เกาเสี่ยวอวี๋ นักข่าวสาวที่กำลังรายงานพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์
"ฮัลโหล เสี่ยวอวี้? ผมนัดเรียบร้อยแล้ว สำหรับคืนพรุ่งนี้ เธอยืนยันแล้วใช่หรือไม่?” ตู้เหิงเซิงงถามคนในสาย “สบายใจได้ประธานตู้ ประเดี๋ยวฉันจะไปลางานกับหัวหน้าสถานี แล้วคุณว่าคืนพรุ่งนี้ฉันควรใส่ชุดสไตล์ไหนดี?” เกาเสี่ยวอวี้ยิ้มเสียงออดอ้อน ตู้เหิงเซิงงพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูบ้ากาม “แน่นอนว่าต้องเป็นชุดที่คุณใส่เวลาเป็นพิธีกรรายการ! เชื่อฉันสิ ชุดนั้นจะทำให้ผู้ชายเกิดความอยากจะพิชิตใจคุณอย่างแน่นอน! อยากจะฉีกชุดของคุณทิ้งให้หมดในทันทีเลย......” “บ้าน่ะ ประธานตู้พูดตรงเหลือเกิน! งั้นตกลงตามนี้แล้วกัน คืนพรุ่งนี้เจอกัน!” เกาเสี่ยวอวี้พูดจบแล้วก็วางสายทันที ตู้เหิงเซิงยังรู้สึกไม่สะใจเท่าไหร่ “จางหยวนเอ๋ยจางหยวน โชคดีเสียจริงๆ! คืนพรุ่งนี้ต้องโดนจิ้กจอกสาวดูดเอาพลังงานหมดเป็นแน่!” ตอนนี้จางหยวนยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย มื้ออาหารที่ตู้เหิงเซิงงชวนเขาไปกินนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการ “เลี้ยงต้อนรับ” ที่เต็มไปด้วยอันตราย! และอาจจะพลาดท่าเสียตัวได้ง่ายๆ! แต่แม้รู้ว่าเป็นกับดัก จางหยวนก็ยังไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนั้นเพราะเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำรออยู่!เพิ่งวางสายจากตู้เหิงเซิงไปไม่
หากเขาไม่มีความสามารถอะไรเลยเหมือนจินฟานที่สนใจแต่ประชาสัมพันธ์ยาสุดพิเศษ เช่นนั้น แม้จ้าวลี่ซานจะแนะนำเขาให้เพื่อนร่วมอาชีพมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์! หลังจากได้ยินเช่นนั้น จางหยวนพยักหน้าอย่างแรง “อาจ้าว ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้ว! ขอบคุณที่ช่วยแนะนำคนรู้จักให้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!" ขณะพูดประโยคนี้ จางหยวนรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง งานหลักของเขาควรเป็นแพทย์แผนจีนชัดๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงโด่งดังเพราะเป็นสัตวแพทย์ไปได้? หรือว่า......ต่อไปทุกคนจะคิดว่าเขาเป็นสัตวแพทย์ชื่อดัง ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นแพทย์แผนจีน?พอคิดว่าอนาคตข้างหน้าเวลาเดินไปบนถนน เจอใครก็ทักมายและเรียกเขาว่าหมอจางอย่างสนิทสนม จางหยวนก็อดขนลุกไม่ได้ ทว่าตามคำกล่าวที่ว่าของผู้ใหญ่ให้ก็ต้องรับ ความหวังดีของจ้าวลี่ซาน จางหยวนก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้เมื่อจางหยวนกลับไปที่ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ปัญหาอีกอย่างก็ตามมา! ตู้เหิงเซิงโทรมา “รบกวน” อีกครั้ง! พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ของเขา จางหยวนแทบอยากโยนโทรศัพท์ทิ้งเมื่อคืนเขาบอกตู้เหิงเซิงชัดเจนแล้วว่า เขาจะไม่ผิดสัญญา ตู้เหิงเซิงคนนี้ทำไมถึงตื้อไม่เลิกเช่นนี้?จางหยวนรับสายทันท
พ่อลูกตระกูลจ้าวพยายามโน้มน้าวจางหยวนให้รับซองแดง แต่จางหยวนยืนกรานไม่รับสุดท้ายเมื่อไม่มีทางอื่น ทั้งสองจึงต้องยอมแพ้ แต่ไม่นานดวงตาของจ้าวลี่ซานก็เป็นประกาย เขาคิดหาวิธีตอบแทนจางหยวนได้แล้ว! “พี่หยวน ไม่รับซองแดงก็ไม่เป็นไร แต่อาจ้าวขอเชิญเอ็งไปกินข้าว เอ็งต้องห้ามปฏิเสธนะ!” จ้าวลี่ซานพูดพร้อมรอยยิ้ม จางหยวนพยักหน้ายิ้ม “กินข้าวได้อยู่แล้ว ต้องสั่งอาหารเพิ่มสักสองอย่างนะ ผมกินเยอะ! ฮ่าๆ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาทำให้คนทั้งสามถึงกับหัวเราะลั่น เมื่อถึงเวลามื้ออาหารกลางวัน จางหยวนก็รู้ว่าทำไมจ้าวลี่ซานถึงเชิญเขาไปกินข้าว ถึงจะบอกว่าเชิญไปกินข้าว แต่เป้าหมายที่แท้จริงของจ้าวลี่ซานคือการแนะนำคนรู้จักให้จางหยวน! เขาเชิญเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลายรายในเมืองมาด้วยกัน และแนะนำให้รู้จักกับจางหยวน พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่จางหยวนเอาชนะจินฟานเมื่อเช้าให้ฟัง เมื่อเหล่าเจ้าของฟาร์มได้ยินว่าจางหยวนสามารถรักษาสัตว์ป่วยที่แม้แต่ช่างเทคนิคจากโรงงานผลิตยาสัตว์ก็รักษาไม่ได้ พวกเขาจึงรู้สึกอยากรู้จักจางหยวนกันมากขึ้นทันทีที่จางหยวนเข้าใจเจตนาของจ้าวลี่ซาน เขาก็เล่าเรื่องที่เคยรักษาโรคอหิวาต
ยิ่งสองพ่อลูกตระกูลโจวชมเชยจางหยวนมากใด สีหน้าของจินฟานก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้นเป็ดสองตัวที่เดินเล่นอยู่บนพื้น ราวกับฝ่ามือที่ตบหน้าจินฟานอย่างแรงไม่เพียงเสียงดังฟังชัด และยังเจ็บปวดมาก!ยาของจางหยวนรักษาเป็ดให้หายดี ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า กาฬโรคเป็ดที่จินฟานพูดถึงก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโกหกหมด!เมื่อจ้าวลี่ซานลุกขึ้นยืน เขามองจินฟานด้วยสายตาที่ไม่พอใจ“ช่างเทคนิคจิน ผมต้องการคำอธิบายจากคุณ! ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเป็ดของผมเป็นกาฬโรคเป็ด แล้วให้ผมซื้อยาจากต่างประเทศ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ คุณจะอธิบายอย่างไร”สีหน้าของจินฟานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมา“เถ้าแก่จ้าว คนเราย่อมผิดพลาดกันได้ ครั้งนี้ถือว่าผมดูผิดไป!”“จริงหรือ? อย่าคิดว่าคนอื่นโง่กันหมดนะ ช่างเทคนิคจิน ผมว่าต่อไปนี้คุณไม่จำเป็นต้องมาขายยาในเมืองของเราอีกแล้ว! ให้บริษัทของคุณส่งช่างเทคนิคคนอื่นมาแทนเถอะ ผมจะบอกกับคนอื่นๆ ในเมืองด้วย!” จ้าวลี่ซานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหตุผลที่เขาเชื่อฟังจินฟาน เพราะเขามีความเชื่อมั่นในช่างเทคนิคของโรงงานผลิตยาเกินไปแต่จินฟานกลับใช้ความไว้วางใจของเขา พูดจาหลอกลวงจ้าวลี่ซาน จ้าวลี่ซาน
ทันใดนั้น จ้าวลี่ซานรีบวิ่งไปหาเป็ด แล้วนั่งยองตรวจสอบอ้วกของเป็ด ไม่นาน เขาก็เห็นพยาธิเม็ดเลือดสีแดงอยู่ด้านใน พยาธิตัวนั้นยาวประมาณเล็บนิ้วก้อย แต่บางมาก บางราวกับเชือก “นี่......นี่คือพยาธิเม็ดเลือดหรือ? หรือว่าเป็ดในฟาร์มของฉันจะติดโรคพยาธิเม็ดเลือดในเป็ดจริงๆ?” จ้าวลี่ซานพูดด้วยความตกตะลึง ทันทีที่จ้าวลี่ซานพูดจบ จินฟานก็เดินตรงเข้ามา มองจ้าวลี่ซานด้วยสายตาเย้ยหยัน “เถ้าแก่จ้าว คุณเป็นคนมากประสบการณ์ ทำไมถึงโดนหลอกด้วยเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ได้!”จ้าวลี่ซานเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ “เล่ห์เหลี่ยม? เล่ห์เหลี่ยมอะไร?” “คำตอบง่ายมาก! พยาธิสีแดงตัวเล็กๆ เหล่านี้ถูกเป็ดอาเจียนออกมาจริง! แต่คุณอย่าลืมว่าเมื่อครู่เป็ดดื่มอะไรเข้าไป! พยาธิสีแดงตัวเล็กๆ เหล่านี้ที่อาจถูกป้อนเข้าไปตอนนั้นก็เป็นได้!” จินฟานพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาไม่เคยเชื่อว่าจางหยวนจะสามารถระบุอาการป่วยของเป็ดได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อในสิ่งที่จางหยวนพูด เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวเจียซินก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า “เมื่อครู่ฉันยังคิดว่าคุณไม่ใช่คนโง่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด!” จินฟานขมวดคิ้วมองเขา “ค
จินฟานฮึดฮัดออกมา โดยไม่ได้พูดอะไรต่อแผนการรักษาของเขาก็เป็นแบบนี้แม้ว่าจะมียาสำหรับสัตว์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแล้วก็ตาม เป็ดที่รอดชีวิตได้ก็เป็นเพียงเป็ดที่ร่างกายแข็งแรงที่สุดเท่านั้นส่วนพวกเป็ดที่ป่วยหนัก ก็ต้องปล่อยให้รอความตายไปจ้าวลี่ซานคิดครุ่นดูแล้วก็เห็นด้วย จึงให้จ้าวเจียซินไปจับเป็ดป่วยมาแต่จินเฟินกลับอาสาเสียเอง เดินไปที่โรงเลี้ยงเป็ด แล้วจับเป็ดป่วยหนักที่สุดมาสองตัวสิ่งที่จินเฟินอยากเห็นที่สุดก็คือ จางหยวนฆ่าเป็ดทั้งสองตัวตายคาที่เช่นนั้น เขาก็จะใช้โอกาสนี้ให้จ้าวลี่ซานสั่งซื้อยาสำหรับสัตว์เพิ่มอีกสองกล่องได้เมื่อเห็นเป็ดทั้งสองตัวที่ป่วยจนแทบไม่มีแรงดิ้น จ้าวลี่ซานก็ทำหน้าแปลกๆจ้าวเจียซินกลับยิ้มเย้ยหยัน “จับเป็ดป่วยที่ใกล้ตายมาใช่หรือไม่ แต่ไม่เป็นไรหรอก! พี่หยวนจะรักษาเป็ดทั้งสองตัวให้หายได้......ใช่หรือไม่”พูดถึงตรงนี้ จ้าวเจียซินก็รู้ตัวว่าพูดออกไปเช่นนี้อาจไม่เหมาะ จึงรีบหันไปถามความเห็นของจางหยวนจางหยวนพยักหน้ายิ้ม “ไม่เป็นไร ตราบใดที่เป็ดทั้งสองตัวยังไม่ตาย ก็ยังมีความหวังที่จะรักษาให้หายได้!”จากนั้นเขาใช้ช้อนเล็กตักยาจากอ่างลายครามหน
เห็นเช่นนั้น จางหยวนก็ยิ้มออกมา “โปรดรอสักครู่! อาจ้าวและผู้เชี่ยวชาญจินท่านนี้ อย่ารีบร้อนไปเลย การสั่งซื้อก็ไม่ต้องรีบร้อนหรอก! จะลองดูหรือไม่ว่าผมจะรักษาเป็ดพวกนี้อย่างไร?”“หึ! ไม่สนใจ! ผมไม่อยากเสียเวลากับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว!” จินฟานพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกจางหยวนจ้องมองจินฟาน “อาจ้าวตัดสินใจจะสั่งซื้อยาของคุณแล้ว อย่างไรเสียผู้เชี่ยวชาญจินจะไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อยเลยหรือ?” จ้าวเจียซินเข้าใจและพูดต่อ “ใช่! ซื้อยาของคุณ แล้วคุณยังไม่ให้เกียรติขนาดนี้ ประเดี๋ยวผมจะลองติดต่อบริษัทยายี่ห้ออื่นทางออนไลน์ พวกเขาคงจะนำเข้ายาจากต่างประเทศได้เช่นกัน!”สีหน้าของจินฟานเปลี่ยนไปเล็กน้อยหากเป็นอย่างที่จ้าวเจียซินพูดจริงๆ และไปหาบริษัทยายี่ห้ออื่น วันนี้เขาคงจะมาเสียเที่ยว “เอาล่ะ! ถ้าเช่นนั้น ผมจะเห็นแก่หน้าเถ้าแก่จ้าว!” จินฟานพูดด้วยท่าทางใจกว้างจากนั้น ทุกคนก็เดินไปยังอ่างที่จางหยวนเตรียมไว้ เมื่อเห็นยาสมุนไพรในอ่าง และปูนขาวที่โรยอยู่ด้านบน จ้าวลี่ซานอดถามไม่ได้ว่า “พี่หยวน ข้างในนี้คืออะไรหรือ?”จางหยวนตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อันนี้คือยาสมุนไพรบดเป็นผง ประกอบด้วยไฉหู เทียนหมา
แม้ว่าเขาจะพยายามกระซิบเสียงเบา แต่ทั้งจางหยวนและจ้าวเจียซินก็ยังได้ยินสิ่งที่เขาพูดอยู่ดี ทั้งสองสบตากัน แล้วต่างก็เห็นรอยยิ้มในสายตาของกันและกัน ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ที่แท้จินฟานก็เป็นแค่คนเขลาแต่จ้าวลี่ซานกลับตกใจกับคำพูดของจินฟาน รีบถามเขาเหมือนจะคว้าเอาหญ้าแพรกมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว “ผู้เชี่ยวชาญจิน คุณมีวิธีรักษาโรคระบาดในเป็ดได้หรือไม่ หากเป็ดของผมตายหมด ผมคงขาดทุนมากแน่!” เมื่อเห็นว่าหลอกล่อจ้าวลี่ซานได้ จินฟานก็ยิ้มออกมา “จริงๆ แล้ว การรักษาโรคระบาดในเป็ดก็ไม่ยาก! บริษัทของเรานำเข้ายาสำหรับสัตว์ชนิดหนึ่งมาจากต่างประเทศ! สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันของเป็ดได้มากเลย!” “ถึงแม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูง แต่หากเป็ดได้รับยานี้ เชื่อว่าน่าจะมีเป็ดรอดชีวิตจำนวนมาก!” จ้าวลี่ซานรีบถามว่า “แล้วตอนนี้มียาหรือไม่” “ตอนนี้ยังไม่มี! แต่หากคุณจ้าวลี่ซานโอนเงินเข้าบริษัทวันนี้ ผมสามารถให้บริษัทเร่งจัดส่งได้ภายในวันเดียวกัน!” จินฟานพูดพร้อมรอยยิ้ม แผนของเขาเรียบง่ายมากคือต้องการให้จ้าวลี่ซานซื้อยาที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของเป็ดชุดนั้น จินฟานไม่ได้โอ้อวด ยานั้นสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันของเป็ดไ