อวี๋ซื่อชิงยิ้มเยาะกับตัวเอง : "ท่านพูดถูก"แต่เขาพูดต่อ : "อย่างไรข้าก็อยากรู้"ดวงตาคู่นั้นของเขาสว่างชัดเจน ราวกับจะต้องรู้คำตอบให้ได้ถึงจะยอมเลิกราซูชิงลั่วสบตาเขาด้วยความสงบนิ่ง : "ไม่ ข้าไม่เคยมีความรู้สึกฉันท์ชายหญิงกับใต้เท้า ต่อให้ไม่มีลู่เหิงจือ ข้าก็จะไม่แต่งกับใต้เท้า"ราวกับมีดเล่มหนึ่งกรีดลงกลางใจของเขาทั้งเจ็บปวด แต่ก็รู้สึกโล่งใจบรรยากาเงียบสงัดไปสักพักอวี๋ซื่อชิงหัวเราะเบาๆ พลางพยักหน้าราวกับได้รับการปลดปล่อยแล้ว : "ข้าเข้าใจแล้ว"ซูชิงลั่วตอบ : "ใต้เท้าจะต้องได้พบกับบุพเพสันนิวาสของตนเจอเป็นแน่"อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างตรงไปตรงมา : "ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่นอน"ในเมื่อถามจนรู้เรื่องแล้ว เขาจึงไม่ได้วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้อีก : "หลังจากนี้ ข้าจะไปเฝ้าประตูเมืองกับติ้งอ๋อง ท่านแม่ของข้าอยู่บ้านตัวคนเดียว ข้าไม่ค่อยวางใจ ไม่รู้ว่าจะรับนางมา ให้ท่านช่วยดูแลสักหน่อยได้หรือไม่"ซูชิงลั่วพยักหน้า : "ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ขอบคุณที่ใต้เท้าช่วยเหลือข้าเอาไว้ ยามนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ข้าย่อมเต็มใจ"อวี๋ซื่อชิงเอ่ยขอบคุณ ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เพียงแค่หันหลังเดินจากไป
ทหารเป่ยตี๋บุกเข้ามาใกล้ตัวเมืองแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าลู่เหิงจืออยู่ไม่ไกลจากนางแล้วซูชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก นางนอนต่อไม่ได้แล้วในยามนี้ภายในใจของนางมีเพียงความคิดเดียวคือหวังว่าลู่เหิงจือจะปลอดภัยนางลูบท้องตัวเองโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าเวลานี้ลูกน้อยในท้องกลับกำลังปลอบใจนางและมอบความกล้าให้กับนางอยู่ ทำให้จิตใจของนางค่อยๆ สงบลงได้หลังจากนั้นไม่นาน นางพลันนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนเมื่อครู่เด็กในท้องจะขยับตัวเล็กน้อยนางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่สักพัก ทว่าพลันกังวลว่าตนจะคิดไปเอง จึงลูบท้องอีกครั้งแล้วพูดเบาๆ "ลูกน้อย เมื่อครู่เจ้าขยับใช่หรือไม่ หากเป็นเจ้าจริง เช่นนั้นก็ช่วยถีบแม่อีกสักที"หน้าท้องเกิดความรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสเบาๆ อีกครั้ง ราวกับปลาตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำพลิกตัวอย่างกะทันหันเรี่ยวแรงนั้นเบายิ่งนักภายในใจนางเกิดความรู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งสัญชาตญาณบอกนางว่าความรู้สึกปลาบปลื้มดีใจนี้จะคงอยู่ไปแสนนาน*กองทัพเป่ยตี๋บุกเข้ามาวันแรกก็ต่อสู้กันอย่างรุนแรงดุเดือดดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าทหารทัพใหญ่กำลังจะเข้ามาสมทบที่เมืองหลวง จึงพยายามจะรีบบุ
มีคนร้องรายงานเสียงดัง : "ใต้เท้า พวกเป่ยตี๋บุกเข้ามาอีกแล้ว"สีหน้าของเซี่ยถิงอวี่จริงจังหนักแน่นพวกเป่ยตี๋เองก็บุกเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกันเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว "ไม่ต้องตามแล้ว ล้อมปราบพวกศัตรูด้านนอกอย่างเต็มกำลัง"เขาเชื่อว่าในเมื่อซูชิงลั่วมาแจ้งกับเขาได้ นางก็คงต้องเตรียมความพร้อมด้วยตัวเองแล้วเป็นแน่*เดิมทีกลุ่มเป่ยตี๋ที่บุกเข้าไปได้มีประมาณสี่ห้าร้อยคน หลังจากที่โดนสกัดกั้นแล้ว สุดท้ายมีร้อยกว่าคนที่เอาชีวิตไม่รอดเหลืออีกสามร้อยกว่าคนที่หลุดเข้าไปในเมืองแล้วกลับพบว่าไม่มีใครตามพวกเขามาแล้วหนู่ฮาได้ยินเสียงตะโกนปลุกใจและเสียงปืนใหญ่ด้านนอกก็หัวเราะออกมาเบาๆข่านเองก็กำลังช่วยเหลือพวกเขาอยู่แม้จะต้องตาย แต่อย่างไรก็ต้องสร้างความย่อยยับในเมืองให้ได้ก่อน มีผู้คนล้มตายมากมายเช่นนี้ก็นับไม่ว่าเสียแรงเปล่าแล้วเขาเงยหน้าขึ้นไปมองปราดหนึ่ง ตัดสินใจเลือกเรือนอาศัยตรงหน้าที่มีโคมแดงแขวนอยู่ เตรียมจะเข้ายึดครองใช้เป็นฐานปฏิบัติการชาวบ้านราชวงศ์ฉู่อ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังมือเปล่าไร้อาวุธ จัดการง่ายเสียยิ่งกว่าสิ่งใดพวกเขาเดินไปยั
สตรีนางนั้นกล่าวเสียงเย็นเยียบ : "ยิงธนู..."เสียงของนางกลับไพเราะถึงเพียงนี้หนู่ฮาเห็นลูกศรสิบกว่าดอกที่อยู่เหนือหลุมขนาดใหญ่นั้นล้วนแต่ติดไฟทั้งสิ้นคือลูกศรไฟ เขาลูบใบหน้าตัวเองจึงได้รู้สึกตัวว่าของเหลวที่รดร่างเมื่อครู่คือน้ำมัน !เขาพลันกระสับกระส่ายขึ้นมาทันทีเขาอยากจะรีบปีนขึ้นมา ทว่าลูกศรไฟพุ่งมาจากกลางอากาศ ตกลงบนร่างเขาดัง "ฉึก" ไฟลุกโชนไปทั่วทั้งหลุม หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนเหล่าทหารเป่ยตี๋ด้านหลังที่ยังไม่ตกลงไปในหลุมเห็นเข้าก็ตกใจจนรีบหนีไป ทว่าหลังจากนั้นก็มีลูกศรพุ่งมาจากด้านหลังพวกเขาแค่หนีออกไปถึงหน้าประตูก็น่าจะได้แล้วกระมัง"ถอยถอยถอย !"ปรากฏว่าทันทีที่ไปถึงหน้าประตู โคมแดงหน้าประตูพลันสว่างสไวไปทั้งตรอกเส้นทางที่เดินผ่านล้วนแต่มีน้ำเดือดๆ สาดออกมาจากกำแพงสูงเหล่าทหารเป่ยตี๋พากันส่งเสียงร้องโอดครวญอีกครั้งเหตุใดพวกเขาถึงได้เตรียมพร้อมเช่นนี้พวกเขาควรจะมือเปล่าไร้อาวุธรอเวลาโดนฆ่าอย่างเดียวไม่ใช่หรือผู้คนในเขตที่ราบกลางล้วนแต่เป็นเช่นนั้นมาตลอด เหตุใดครั้งนี้ถึงต่างออกไป*เซี่ยถิงอวี่ทอดมองไปยังสนามรบในยามค่ำคืน คิ้วขมวดมุ่นเล็ก
เขาเพิ่งจะยิงออกไปได้แค่ลูกเดียว แต่นางกลับกำลังประกอบศรลูกที่สามแล้วหญิงชราพูดต่อ "ไปเถอะ ข้าจะช่วยตัดแต่งทรงผมและหนวดให้ เจ้าจะได้ไม่ต้องขายหน้ายามไปพบผู้คน"ในใจเหอป๋อบอกว่าข้าให้เจ้าช่วยข้าแต่งทรงแล้วหรือแต่ไม่รู้เพราะเหตใด เท้ากลับก้าวตามนางไปเสียได้หลี่ว์เผิงเทียน : ?เหอป๋อเชื่อฟังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด*หลังจากปะทะกันครั้งนี้จบลง ซูชิงลั่วก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งอย่างอดไม่ได้ทนทรมานมาถึงกลางดึก ร่างกายนางก็เหนื่อยล้ามากแล้วเมิ่งชิงไต้เป็นฝ่ายอาสารับหน้าที่ที่เหลือต่อ บอกให้นางไปพักผ่อนนางนำทุกคนไปเก็บกวาดสถานที่ สั่งให้ผู้ดูแลบ้านนำพวกเป่ยตี๋ทั้งหมดไปมัดไว้แล้วส่งตัวให้เซี่ยถิงอวี่หลังจากที่ซูชิงลั่วกลับไปที่ห้อง ความง่วงก็ถึงขีดจำกัด นางผล็อยหลับไปโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ได้ยินเสียงตะโกนร้องปลุกใจดังสนั่นจากนอกเมืองอยู่ลางๆ การสู้รบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางตื่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้วนางล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินออกไป ได้ยินอารักขาผู้หนึ่งกำลังพูดกับเมิ่งชิงไต้ "วันนี้พวกเป่ยตี๋บุกเข้ามาอย่างบ้า
เซี่ยถิงอวี่เห็นซูชิงลั่วและเมิ่งชิงไต้ก็พูดเสียงขรึม "พวกเจ้าขึ้นมาทำอันใดบนกำแพงเมือง การสู้รบไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น รีบลงไป !""อย่ามากความ" ซูชิงลั่วหยิบคันธนูขึ้นมาง้างออก แล้วยิงไปยังด้านล่างกำแพงทหารเป่ยตี๋ผู้หนึ่งล้มลงไปกับพื้นในทันที“……”นับว่าคล่องแคล่วอยู่ไม่น้อยเซี่ยถิงอวี่เกือบลืมไปแล้วว่าฝีมือการยิงธนูของซูชิงลั่วนั้นดีพอสมควร เมิ่งชิงไต้ก็เช่นกันเมิ่งชิงไต้มองเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "วางใจเถอะ พวกข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่านอย่างแน่นอน"เซี่ยถิงอวี่มองซ้ายขวาแวบหนึ่ง พวกนางยังพาบ่าวรับใช้และสาวใช้ในจวนมากันหมดสาวใช้ที่คอยติดตามซูชิงลั่วอยู่ตลอดผู้นั้นสายตาเยือกเย็น กำลังยิงธนูลงไปด้านล่างเช่นกันพวกเป่ยตี๋กำลังเตรียมจะใช้บันไดปีนขึ้นมาโจมตี สาวใช้ผู้นั้นยิงธนูออกไปไม่กี่ดอก ทหารเป่ยตี๋สองนายก็กลิ้งลงไปด้านล่างทันทีเซี่ยถิงอวี่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปพูดกับทหารหน่วยหนึ่ง "พวกเจ้าปกป้องพระชายาและแม่นางซูให้ดี หากมีอันตรายจะต้องพาพวกนางออกไปก่อนทันทีผู้ที่เป็นหัวหน้าขานรับเซี่ยถิงอวี่หันไปมองเมิ่งชิงไต้อีกปราดหนึ่ง ไม่ได้มีความอาลัยใดๆ เพียงแค่หันหล
สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอันท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อยซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันทีหยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดีชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมากจื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไรรับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาวปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"จื๋
ฝนยังคงตกและดูเหมือนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆซูชิงลั่วไม่อยากข้องเกี่ยวกับคู่หญิงร้ายชายเลวนี้อีก นางตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนกลับไปยังจวนลู่ทันทีโดยไม่รอให้รถม้ามาถึง เพราะอย่างไรระยะทางก็เพียงแค่สองถนนเท่านั้นเมื่อมาถึงตรอกของประตูข้าง นางก็หยุดฝีเท้าลงฉับพลัน ไม่อยากเข้าประตูไป ได้แต่กอดจื๋อหยวนแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตอนนางอายุได้เพียงสิบปี จากนั้นนางจึงได้ติดตามลู่โย่วผู้เป็นน้าชายย้ายจากจินหลิงมายังบ้านตระกูลลู่ของท่านยายในเมืองหลวงแม้ว่าท่านยายจะดูแลนางดียิ่งกว่าหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แต่นางก็รู้ดีแก่ใจว่าถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นบ้านของคนอื่นหลังจากนั้นลู่เหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นเขาเป็นคนที่อ่อนโยนและสุภาพ อีกทั้งมักจะส่งของที่พวกผู้หญิงชื่นชอบมาให้นาง เช่น เครื่องหอมจากตะวันตก ปิ่นหยก แจกันดอกไม้ต่างๆบ้านตระกูลซูเป็นคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แม้ว่าของพวกนี้นางจะคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็รู้สึกว่าลู่เหยียนนั้นใส่ใจในตัวนางภายหลังท่านยายและน้าหญิงของนางจัดแจงให้นางหมั้นหมายกับลู่เหยียน นางก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แถมยังเริ่มคาดหวังเรื่องการมีครอบคร
เซี่ยถิงอวี่เห็นซูชิงลั่วและเมิ่งชิงไต้ก็พูดเสียงขรึม "พวกเจ้าขึ้นมาทำอันใดบนกำแพงเมือง การสู้รบไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น รีบลงไป !""อย่ามากความ" ซูชิงลั่วหยิบคันธนูขึ้นมาง้างออก แล้วยิงไปยังด้านล่างกำแพงทหารเป่ยตี๋ผู้หนึ่งล้มลงไปกับพื้นในทันที“……”นับว่าคล่องแคล่วอยู่ไม่น้อยเซี่ยถิงอวี่เกือบลืมไปแล้วว่าฝีมือการยิงธนูของซูชิงลั่วนั้นดีพอสมควร เมิ่งชิงไต้ก็เช่นกันเมิ่งชิงไต้มองเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "วางใจเถอะ พวกข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่านอย่างแน่นอน"เซี่ยถิงอวี่มองซ้ายขวาแวบหนึ่ง พวกนางยังพาบ่าวรับใช้และสาวใช้ในจวนมากันหมดสาวใช้ที่คอยติดตามซูชิงลั่วอยู่ตลอดผู้นั้นสายตาเยือกเย็น กำลังยิงธนูลงไปด้านล่างเช่นกันพวกเป่ยตี๋กำลังเตรียมจะใช้บันไดปีนขึ้นมาโจมตี สาวใช้ผู้นั้นยิงธนูออกไปไม่กี่ดอก ทหารเป่ยตี๋สองนายก็กลิ้งลงไปด้านล่างทันทีเซี่ยถิงอวี่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปพูดกับทหารหน่วยหนึ่ง "พวกเจ้าปกป้องพระชายาและแม่นางซูให้ดี หากมีอันตรายจะต้องพาพวกนางออกไปก่อนทันทีผู้ที่เป็นหัวหน้าขานรับเซี่ยถิงอวี่หันไปมองเมิ่งชิงไต้อีกปราดหนึ่ง ไม่ได้มีความอาลัยใดๆ เพียงแค่หันหล
เขาเพิ่งจะยิงออกไปได้แค่ลูกเดียว แต่นางกลับกำลังประกอบศรลูกที่สามแล้วหญิงชราพูดต่อ "ไปเถอะ ข้าจะช่วยตัดแต่งทรงผมและหนวดให้ เจ้าจะได้ไม่ต้องขายหน้ายามไปพบผู้คน"ในใจเหอป๋อบอกว่าข้าให้เจ้าช่วยข้าแต่งทรงแล้วหรือแต่ไม่รู้เพราะเหตใด เท้ากลับก้าวตามนางไปเสียได้หลี่ว์เผิงเทียน : ?เหอป๋อเชื่อฟังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด*หลังจากปะทะกันครั้งนี้จบลง ซูชิงลั่วก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งอย่างอดไม่ได้ทนทรมานมาถึงกลางดึก ร่างกายนางก็เหนื่อยล้ามากแล้วเมิ่งชิงไต้เป็นฝ่ายอาสารับหน้าที่ที่เหลือต่อ บอกให้นางไปพักผ่อนนางนำทุกคนไปเก็บกวาดสถานที่ สั่งให้ผู้ดูแลบ้านนำพวกเป่ยตี๋ทั้งหมดไปมัดไว้แล้วส่งตัวให้เซี่ยถิงอวี่หลังจากที่ซูชิงลั่วกลับไปที่ห้อง ความง่วงก็ถึงขีดจำกัด นางผล็อยหลับไปโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ได้ยินเสียงตะโกนร้องปลุกใจดังสนั่นจากนอกเมืองอยู่ลางๆ การสู้รบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางตื่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้วนางล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินออกไป ได้ยินอารักขาผู้หนึ่งกำลังพูดกับเมิ่งชิงไต้ "วันนี้พวกเป่ยตี๋บุกเข้ามาอย่างบ้า
สตรีนางนั้นกล่าวเสียงเย็นเยียบ : "ยิงธนู..."เสียงของนางกลับไพเราะถึงเพียงนี้หนู่ฮาเห็นลูกศรสิบกว่าดอกที่อยู่เหนือหลุมขนาดใหญ่นั้นล้วนแต่ติดไฟทั้งสิ้นคือลูกศรไฟ เขาลูบใบหน้าตัวเองจึงได้รู้สึกตัวว่าของเหลวที่รดร่างเมื่อครู่คือน้ำมัน !เขาพลันกระสับกระส่ายขึ้นมาทันทีเขาอยากจะรีบปีนขึ้นมา ทว่าลูกศรไฟพุ่งมาจากกลางอากาศ ตกลงบนร่างเขาดัง "ฉึก" ไฟลุกโชนไปทั่วทั้งหลุม หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนเหล่าทหารเป่ยตี๋ด้านหลังที่ยังไม่ตกลงไปในหลุมเห็นเข้าก็ตกใจจนรีบหนีไป ทว่าหลังจากนั้นก็มีลูกศรพุ่งมาจากด้านหลังพวกเขาแค่หนีออกไปถึงหน้าประตูก็น่าจะได้แล้วกระมัง"ถอยถอยถอย !"ปรากฏว่าทันทีที่ไปถึงหน้าประตู โคมแดงหน้าประตูพลันสว่างสไวไปทั้งตรอกเส้นทางที่เดินผ่านล้วนแต่มีน้ำเดือดๆ สาดออกมาจากกำแพงสูงเหล่าทหารเป่ยตี๋พากันส่งเสียงร้องโอดครวญอีกครั้งเหตุใดพวกเขาถึงได้เตรียมพร้อมเช่นนี้พวกเขาควรจะมือเปล่าไร้อาวุธรอเวลาโดนฆ่าอย่างเดียวไม่ใช่หรือผู้คนในเขตที่ราบกลางล้วนแต่เป็นเช่นนั้นมาตลอด เหตุใดครั้งนี้ถึงต่างออกไป*เซี่ยถิงอวี่ทอดมองไปยังสนามรบในยามค่ำคืน คิ้วขมวดมุ่นเล็ก
มีคนร้องรายงานเสียงดัง : "ใต้เท้า พวกเป่ยตี๋บุกเข้ามาอีกแล้ว"สีหน้าของเซี่ยถิงอวี่จริงจังหนักแน่นพวกเป่ยตี๋เองก็บุกเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกันเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว "ไม่ต้องตามแล้ว ล้อมปราบพวกศัตรูด้านนอกอย่างเต็มกำลัง"เขาเชื่อว่าในเมื่อซูชิงลั่วมาแจ้งกับเขาได้ นางก็คงต้องเตรียมความพร้อมด้วยตัวเองแล้วเป็นแน่*เดิมทีกลุ่มเป่ยตี๋ที่บุกเข้าไปได้มีประมาณสี่ห้าร้อยคน หลังจากที่โดนสกัดกั้นแล้ว สุดท้ายมีร้อยกว่าคนที่เอาชีวิตไม่รอดเหลืออีกสามร้อยกว่าคนที่หลุดเข้าไปในเมืองแล้วกลับพบว่าไม่มีใครตามพวกเขามาแล้วหนู่ฮาได้ยินเสียงตะโกนปลุกใจและเสียงปืนใหญ่ด้านนอกก็หัวเราะออกมาเบาๆข่านเองก็กำลังช่วยเหลือพวกเขาอยู่แม้จะต้องตาย แต่อย่างไรก็ต้องสร้างความย่อยยับในเมืองให้ได้ก่อน มีผู้คนล้มตายมากมายเช่นนี้ก็นับไม่ว่าเสียแรงเปล่าแล้วเขาเงยหน้าขึ้นไปมองปราดหนึ่ง ตัดสินใจเลือกเรือนอาศัยตรงหน้าที่มีโคมแดงแขวนอยู่ เตรียมจะเข้ายึดครองใช้เป็นฐานปฏิบัติการชาวบ้านราชวงศ์ฉู่อ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังมือเปล่าไร้อาวุธ จัดการง่ายเสียยิ่งกว่าสิ่งใดพวกเขาเดินไปยั
ทหารเป่ยตี๋บุกเข้ามาใกล้ตัวเมืองแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าลู่เหิงจืออยู่ไม่ไกลจากนางแล้วซูชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก นางนอนต่อไม่ได้แล้วในยามนี้ภายในใจของนางมีเพียงความคิดเดียวคือหวังว่าลู่เหิงจือจะปลอดภัยนางลูบท้องตัวเองโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าเวลานี้ลูกน้อยในท้องกลับกำลังปลอบใจนางและมอบความกล้าให้กับนางอยู่ ทำให้จิตใจของนางค่อยๆ สงบลงได้หลังจากนั้นไม่นาน นางพลันนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนเมื่อครู่เด็กในท้องจะขยับตัวเล็กน้อยนางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่สักพัก ทว่าพลันกังวลว่าตนจะคิดไปเอง จึงลูบท้องอีกครั้งแล้วพูดเบาๆ "ลูกน้อย เมื่อครู่เจ้าขยับใช่หรือไม่ หากเป็นเจ้าจริง เช่นนั้นก็ช่วยถีบแม่อีกสักที"หน้าท้องเกิดความรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสเบาๆ อีกครั้ง ราวกับปลาตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำพลิกตัวอย่างกะทันหันเรี่ยวแรงนั้นเบายิ่งนักภายในใจนางเกิดความรู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งสัญชาตญาณบอกนางว่าความรู้สึกปลาบปลื้มดีใจนี้จะคงอยู่ไปแสนนาน*กองทัพเป่ยตี๋บุกเข้ามาวันแรกก็ต่อสู้กันอย่างรุนแรงดุเดือดดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าทหารทัพใหญ่กำลังจะเข้ามาสมทบที่เมืองหลวง จึงพยายามจะรีบบุ
อวี๋ซื่อชิงยิ้มเยาะกับตัวเอง : "ท่านพูดถูก"แต่เขาพูดต่อ : "อย่างไรข้าก็อยากรู้"ดวงตาคู่นั้นของเขาสว่างชัดเจน ราวกับจะต้องรู้คำตอบให้ได้ถึงจะยอมเลิกราซูชิงลั่วสบตาเขาด้วยความสงบนิ่ง : "ไม่ ข้าไม่เคยมีความรู้สึกฉันท์ชายหญิงกับใต้เท้า ต่อให้ไม่มีลู่เหิงจือ ข้าก็จะไม่แต่งกับใต้เท้า"ราวกับมีดเล่มหนึ่งกรีดลงกลางใจของเขาทั้งเจ็บปวด แต่ก็รู้สึกโล่งใจบรรยากาเงียบสงัดไปสักพักอวี๋ซื่อชิงหัวเราะเบาๆ พลางพยักหน้าราวกับได้รับการปลดปล่อยแล้ว : "ข้าเข้าใจแล้ว"ซูชิงลั่วตอบ : "ใต้เท้าจะต้องได้พบกับบุพเพสันนิวาสของตนเจอเป็นแน่"อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างตรงไปตรงมา : "ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่นอน"ในเมื่อถามจนรู้เรื่องแล้ว เขาจึงไม่ได้วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้อีก : "หลังจากนี้ ข้าจะไปเฝ้าประตูเมืองกับติ้งอ๋อง ท่านแม่ของข้าอยู่บ้านตัวคนเดียว ข้าไม่ค่อยวางใจ ไม่รู้ว่าจะรับนางมา ให้ท่านช่วยดูแลสักหน่อยได้หรือไม่"ซูชิงลั่วพยักหน้า : "ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ขอบคุณที่ใต้เท้าช่วยเหลือข้าเอาไว้ ยามนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ข้าย่อมเต็มใจ"อวี๋ซื่อชิงเอ่ยขอบคุณ ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เพียงแค่หันหลังเดินจากไป
ลู่จือเก็บถุงผ้าที่นางเฉียนโยนลงบนพื้นขึ้นมาเมื่อคาดว่าบ่าวคงออกประตูไปหมดแล้ว ลู่จือจึงอดพูดไม่ได้ว่า "เจ้าพูดบ้าอะไร พวกเราต้องมาทะเลาะกันยามนี้ทำไม?"นางเฉียนกะพริบตาให้เขาและเอ่ยเสียงเบาว่า "ชิงลั่วก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปไหน"ลู่จือนิ่งอึ้งไป แล้วเดินเร็วไปหานาง "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?""ชิงลั่วบอกกับข้าว่าลูกในท้องของนางว่าเป็นของเหิงจือ ก่อนหน้านี้นางเพียงแค่ต้องการแต่งงานกับอวี๋ซื่อชิงเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น"ลู่จืองงงวย "นี่มันอะไรกันเนี่ย""แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ" นางเฉียนลดเสียงลงและเอ่ยว่า "ชิงลั่วบอกว่าเหิงจือจะกลับมาแล้ว นั่นหมายความว่า......นี่อาจจะเป็น......"นางหยุดชะงักและไม่กล้าเคาเดาไป นางเอ่ยว่า "แต่เมื่อชิงลั่วยังไม่ไปแสดงว่าในเมืองหลวงก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น คนที่นางติดต่อด้วยย่อมรู้มากกว่าที่ลู่โย่วเสียอีก"ลู่จือเอ่ยว่า "แต่ฮ่องเต้ก็......"นางเฉียนรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง นางจึงเอ่ยว่า "ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ต้องการจะให้ชิงลั่วแต่งออกไปที่เป่ยตี๋ เจ้าว่าเหิงจือจะ.....หรือไม่"นางหมดคำพูดลู่จือเพิ่งจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่เจ้าพูดน่ะ เป็นความ
นางเฉียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะอะไรกันเนี่ย?นางไม่ได้จะแต่งงานกับคนอื่นแล้วหรือ? ทำไมถึงยังเรียกเขาว่าเหิงจืออีกล่ะ?เหิงจือไม่อยู่เมืองเหลียวหรอกหรือ? ทำไมถึงกลับมา?แล้วก็ได้ยินซูชิงลั่วเอ่ยว่า “หากแม่จะไป ก็อย่าไปไกลนัก เประดี๋ยวจะเหนื่อยกับการเดินทางไปมา”นางยังเรียกนางว่าแม่!นางเฉียนหัวใจเต้นเร็วมาก รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก คำใบ้ของซูชิงลั่วชัดเจนเกินไปนางจึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ากับเหิงจือ.......”ยามนี้ฮ่องเต้ก็จากไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรแล้วนางพยักหน้ายิ้ม “เด็กคนนี้เป็นลูกของเขา ก่อนหน้านี้ทำไปเพื่อปกป้องตนเอง”นางเฉียนเข้าใจทันที นายเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”นางรีบกลับไปยังเรือนพักของตนลู่จือยังคงเก็บของอยู่ แต่เมื่อเห็นนางเฉียนก็รีบพูดขึ้นมาว่า “รีบเตรียมตัวให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วยามเราต้องออกเดินทางแล้ว”นางเฉียนพยักหน้าด้วยความสับสน และเมื่อนึกถึงคำพูดของซูชิงลั่วชั่วครู่ ก็รู้สึกลังเลใจอยู่บ้างขณะนี้เอง บ่าวข้างกายของลู่โย่วก็เดินเข้ามาและเอ่ยว่า “ท่านรองบอกว่าจะเดินทางไปด้วยกัน และระหว่างทางก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก ขอเงินจากท่านใ
เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งงานแล้ว อวี๋ซื่อชิงจงใจพูดออกมาเพื่อให้ติ้งอ๋องได้ยินเท่านั้นเซี่ยถิงอวี่ไม่ได้ตอบสิ่งใดอีกเลยแต่ก็ต้องยอมรับว่า อวี๋ซื่อชิงเป็นคนเก่งเรื่องการทำให้คนอื่นโกรธเขารู้สึกอยากเห็นลู่เหิงจือกลับมาแล้วโกรธแค้นเสียเหลือเกินชั่วครู่ เขาก็ตบไหล่อวี๋ซื่อชิงเบาๆ “ไปเตรียมตัว”อวี๋ซื่อชิงพยักหน้าแล้วหันหลังจากไปเมฆดำครึ้มลอยต่ำอยู่เหนือวังหลวงเเซี่ยถิงอวี่ยกชายผ้าขึ้นแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า รู้สึกเหมือนลมพัดโชยเย็นยะเยือกราวกับนักรบที่กำลังจะจากไปขี่ม้ากลับวังอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบพุ่งไปยังห้องของเมิ่งชิงไต้บ่าวในจวนต่างประหลาดใจ เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา นอกจากวันแต่งงาน ติ้งอ๋องไม่เคยเข้ามาในห้องของเมิ่งชิงไต้เลยวันนี้เกิดอะไรขึ้น?เซี่ยถิงอวี่ผลักประตูเข้ามาเมิ่งชิงไต้กำลังถือดาบเช็ดอยู่ช้าๆ ด้ามดาบยังคงเปล่งประกายระยิบระยับนางเงยหน้าสบตาเขา"ท่านอ๋องเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว?""ใช่" เซี่ยถิงอวี่ตอบ "แต่เจ้าสามารถออกจากเมืองหลวงพร้อมกับซิ่นกั๋วกงได้ เพราะการจะใช้ทหารสองหมื่นนายป้องกันเมืองหลวงสามวัน ข้าก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก"ในจดหมา