แชร์

บทที่ 193

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-02 18:00:00
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ลู่เหิงจือดูไม่สบอารมณ์ และค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ

พอรุ่งเช้า ซูชิงลั่วตื่นนอน ลู่เหิงจือก็ออกไปแล้ว

เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็เห็นโฉวกว่างสวมชุดดำคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายลมหนาว สันหลังตรง แสดงถึงความหยิ่งผยองในตนเอง

แน่นอนว่าถูกลู่เหิงจือลงโทษให้คุกเข่า

ซูชิงลั่วรู้สึกเขินอายจึงสั่งให้เขาลุกขึ้น

โฉวกว่างลุกขึ้น และแสดงสีหน้าเขินอาย แล้วพูดว่า “ใต้เท้าบอกว่าฮูหยินยังไม่มีพื้นฐาน ฝึกท่าทางจู่โจมฉับพลันก็คงไม่สำเร็จ ควรฝึกยืนม้าก่อน แล้วค่อยฝึกท่าพื้นฐานอีกสักสองสามกระบวนท่า วันนี้ข้าจะสอนฮูหยินเอง"

ซูชิงลั่วพยายามทำสีหน้าคงดิม และพูดว่า “ได้ ข้าจะให้จื๋อหยวนมาฝึกเป็นเพื่อนข้า”

ช่วงนี้ ลู่เหิงจือยุ่งอยู่กับการไต่สวนคดีของลี่หลุน ออกเช้ากลับดึก

ซูชิงลั่วจึงฝึกท่าพื้นฐานกับจื๋อหยวน รู้สึกว่ามือเริ่มมีแรงขึ้น ไม่ได้อ่อนนิ่มเหมือนเมื่อก่อน นางก็รู้สึกมีความสุขมาก

ความสุขที่กำลังเบ่งบานก็ต้องมาสะดุดลง เมื่อลูกน้องของผู้บัญชาการนครลี่หลูเดินทางมาส่งมอบหญิงสาวสองคนให้กับลู่เหิงจือ

ทั้งอายุน้อย รูปร่างดี และมีใบหน้าที่งดงามพอควร

ซึ่งระหว่างที่ซ่งเหวินและฉางชิงตามลู่เห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 194

    ลู่เหิงจือหันมามองนางอีกครั้งและพูดว่า “เรื่องภายในเรือน จากไปนี้เจ้าจัดการเองได้ทั้งหมด จะไม่ต้องมาเสียอารมณ์เพราะเรื่องนี้อีก”ซูชิงลั่วกลั้นหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ยังพูดด้วยความเศร้าใจโดยไม่รู้ตัว “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะรับหรือไม่ หากใต้เท้าอยากได้ขึ้นมาล่ะ”ลู่เหิงจือชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ยกมือเรียกจื๋อหยวนออกไปซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างสูงใหญ่ราวกับต้นสนของเขา เงาของเขาทอดลงมาปกคลุมร่างของนางเขาโน้มตัวลงมา วางมือทั้งสองข้างบนพนักเก้าอี้ไม้ และพูดเสียงเรียบว่า “เจ้าไม่รู้กฎของข้าหรือ ข้าเคยรับสตรีใดบ้าง”เขาเข้าใกล้นางมากจนลมหายใจสัมผัสใบหน้าของเขา“นั่น นั่นคือเมื่อก่อน” ซูชิงลั่วใบหน้าแดงก่ำ ถูกเขาบีบจนต้องถอยหลังไปเล็กน้อย หลังของนางชนกับพนักเก้าอี้ที่แข็งแรง และถอยไปไม่ได้อีกแล้ว “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ายามนี้ท่าน...”"ยามนี้ต่างอย่างไร" เขาพูดแทรกด้วยเสียงเรียบเฉย "ยามนี้หรือภายภาคหน้า จะมีเพียงเจ้าเท่านั้น"เขาผู้นี้แม้แต่ยามพูดเกี้ยวพาราสี น้ำเสียงก็เรียบเฉยคงเดิมราวกับผิวน้ำสงบนิ่งทว่าความสงบเช่นนี้กลับทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะซูชิงล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 195

    ค่ำคืนนี้ ลู่เหิงจือรังแกนางจนเกือบตีสาม บอกว่าจะมาชดเชยเวลาที่ขาดหายไประหว่างนั้น นางทนไม่ไหว คิดจะใช้กระบวนท่าที่โฉวกว่างสอนมาโจมตีลู่เหิงจือ แต่กลับได้รับบทเรียนที่รุนแรงกว่าเดิมสุดท้ายนางจึงต้องยอมจำนน ขอร้องเขาไม่หยุด เรียกเขาว่าสามี บอกรักเขา และสุดท้ายบอกว่าครั้งหน้าจะขอเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจเอง เขาถึงยอมปล่อยนางไปด้วยความไม่เต็มใจโชคดีที่ร่างกายของนางชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว ครั้งนี้จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก เพียงแต่รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งตัว และหลับไปอย่างรวดเร็วเช้าวันรุ่งขึ้น นางรู้สึกตัวอย่างเลือนรางว่าลู่เหิงจือลุกขึ้นมาแต่งตัว นางก็ไม่ได้ลืมตาเพียงแต่ได้ยินลู่เหิงจือออกไปแล้ว และซ่งเหวินพูดอะไรบางอย่าง ลู่เหิงจือก็ตอบเสียงเบาว่า “อย่าให้นางรู้”ไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่ให้นางรู้นางง่วงมาก จึงลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว และหลับไปอีกครั้งเมื่อตื่นนอน พระอาทิตย์ก็เกือบจะอยู่ตรงศีรษะพอดีโชคดีที่นี่ไม่ใช่จวนลู่ มิเช่นนั้นคงต้องมาฟังคำนินทาว่า “เมื่อคืนเรียกน้ำหลายรอบ” หรือ “ฮูหยินยังไม่ตื่นเลยแม้ตะวันโด่งฟ้าแล้ว ท่านชายสามยอดเยี่ยมจริงๆ”ดูเหมือนเขาจะยอดเยี่ยมจริงๆ แหละ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 196

    ซูชิงลั่วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “ยาระบายลมเย็น”บ่าวบอกให้นางไปหาหมอจับชีพจรก่อน หลังจากจับชีพจรและได้รับใบสั่งยาแล้ว จึงค่อยๆ ไปหยิบยาอย่างเชื่องช้าในขณะนั้นเอง ก็มีเด็กสาวชุดเขียวเดินเข้ามา กลิ่นหอมของเครื่องสำอางค์ตลบอบอวลจนรู้สึกอึดอัดทันทีที่เด็กสาวเข้ามา บ่าวดวงตาเป็นประกาย “เสี่ยวเหอมาแล้วรึ ครั้งนี้แม่นางชิงซวงจะเอาอะไรหรือ”เสี่ยวเหอตอบว่า “มีกลิ่นหอมอะไรที่ทำให้คนหลงใหลบ้างหรือไม่”บ่าวหัวเราะ “แม่นางชิงซวงเป็นถึงดาวเด่นของหอหว่างชุน ต้องใช้อันนี้ด้วยหรือ”เสี่ยวเหอกระซิบ “คืนนี้แม่นางจะไปรับใช้ท่านอัครมหาเสนาบดีคนใหม่ กลัวจะพลาด จึงเตรียมไว้ก่อน”บ่าวหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ มือก็ลูบไปที่ข้อมือของนาง “มีสิ มีแน่นอน ครั้งหน้าข้าขอลองกับเจ้าบ้างนะ”เสี่ยวเหอสะบัดมือเขาออก “ทำธุระให้เสร็จก่อน”บ่าวรีบเดินไปด้านหลังซูชิงลั่วที่นั่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร เมื่อได้ยินคำว่าอัครมหาเสนาบดีก็รู้สึกสะดุ้งวาบขึ้นมาทันที – หรือว่าสิ่งที่ลู่เหิงจือไม่อยากให้นางรู้ ก็คือเรื่องนี้?ชั่วครู่ บ่าวก็กลับมาและยัดยาหนึ่งห่อใส่ในมือของเสี่ยวเหอ เสี่ยวเหอรีบจ่ายเงินแล้วจากไปบ่าวใช้เวลานานพอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 197

    ชิงซวงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างยิ่งอย่างน้อยลู่เหิงจือก็จำนางได้แล้ว และยังชี้แนะถึงปิ่นปักผมของนางอีกด้วยหางเต๋อโย่วรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่า เขารู้สึกว่าค่ำคืนนี้เขาจะเอาอกเอาใจอัครมหาเสนาบดีผู้มีอำนาจคับฟ้าของราชสำนักได้สำเร็จ จึงส่งสายตาให้ชิงซวงยืนรออยู่ข้างๆลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรนั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธหลังจากดื่มอีกหลายรอบ ลู่เหิงจือก็ลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับหางเต๋อโย่วรีบตามไปถามว่า "ยามนี้ดึกมากแล้ว ใต้เท้าพักที่จวนข้าก่อนก็ได้"สายตาของเขาฉายแววฉลาดและเจ้าเล่ห์ลู่เหิงจือลุกขึ้นตอบว่า "ไม่แล้ว"หากอยากให้พวกเขาลดความระแวงลงบ้าง เขาคงไม่ถึงขั้นต้องอยู่ที่นี่นานเพียงนี้เขาลุกขึ้น ขยี้ตาเบาๆ หางเต๋อโย่วเดินตามหลังเข่า "ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยขออาสาไปส่งท่าน""ไม่จำเป็น""อย่างนั้นจะได้อย่างไร" หางเต๋อโย่วพูดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง "ถ้าอย่างนั้น ให้แม่นางชิงซวงไปส่งใต้เท้าดีหรือไม่"ลู่เหิงจือรีบร้อนที่จะสลัดเขาทิ้ง จึงพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปชิงซวงรีบเดินตามเขาออกไปข้างนอกเขาตัวหอมมาก ราวกับกลิ่นของกิ่งสนที่แผดเผาในหิมะ*บนฟากฟ้ามีพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 198

    แม้แววตาของเขาจะดูนิ่งเฉย แต่สายตาที่มองนางกลับแฝงความหมายว่า "เจ้าเป็นนางโลมก็ยังคิดว่าเป็นสตรีธรรมดาอีกหรือ"ชิงซวงชักสีหน้าตอบว่า "ครอบครัวข้ายากจน ข้าจึงถูกบังคับให้มาอยู่ในที่เช่นนี้ ข้าไม่เคยคิดว่าตนต่ำต้อย"เมืองหางโจวแห่งนี้ บรรดาขุนนางผู้มีอำนาจจำนวนมากล้วนหลงเชื่อนางลู่เหิงจือจ้องมองนางอย่างทะลุทะลวง"ถูกบังคับให้มาอยู่ในที่เช่นนี้มิใช่เรื่องน่าอับอาย แต่สิ่งที่น่าอับอายคือการกระทำของเจ้าในยามนี้""กลิ่นหอมจากถุงหอมของเจ้า ข้าได้กลิ่นมานานแล้ว เจ้าคิดว่ากลิ่นหอมของเมืองหางโจวจะเทียบกับกลิ่นหอมจากวังหลวงได้อย่างนั้นหรือ""ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอย่าได้คิดว่าตนจะงดงามกว่าฮูหยินของข้า เพราะสิ่งที่เจ้าภาคภูมิใจอยู่นั้น เทียบไม่ติดแม้แต่เศษเสี้ยวของฮูหยินข้า"สีหน้าของชิงซวงซีดเผือกเขาพูดเสียงเย็นชาด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า "อย่างเจ้าก็เทียบกับฮูหยินข้าได้อย่างนั้นหรือ"ลู่เหิงจือไม่ใช่คนพูดมาก แต่ค่ำคืนนี้ดื่มสุราไปมากพอสมควร และเขาอดฟังคนอื่นหยามเกียรติซูชิงลั่วไม่ได้ จึงพูดต่ออีกหลายประโยคหลังจากพูดจบ เขาก็รู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่คู่ควรที่จะได้รับการตำหนิจากเขา จึงหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 199

    ค่ำคืนนี้ลมไม่แรง นั่งบนหลังม้าซบอยู่ในอ้อมกอดของลู่เหิงจือก็ไม่รู้สึกหนาว เพราะพ้นจากตรอกหน้าประตูจวนไปแล้ว เขาก็ขี่ช้าลงราวกับจะพานางมารับชมแสงจันทราของเมืองหางโจวซูชิงลั่วพิงอยู่บนอกของเขา มุมปากของนางยิ้มไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่นางคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็อดถามไม่ได้ว่า "ทำไมท่านถึงพูดว่าปิ่นปักผมอันนั้นไม่คู่ควรกับนางเล่า ท่านยังมีอารมณ์ที่จะมาวิจารณ์ปิ่นปักผมของหญิงอื่นอีกหรือ"นี่เป็นเพียงจุดเดียวที่น่าจับผิดของค่ำคืนนี้นางคิดว่าบางทีคนอย่างลู่เหิงจือที่อยู่ในตำแหน่งสูง คงต้องทำเป็นสนิทสนมกับคนอื่นบ้างเป็นธรรมดาลู่เหิงจือวางมือบนเอวอันอ่อนนุ่มนิ่มของนาง และเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมา "นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่อยากเห็นคนอื่นใส่ปิ่นปักผมไข่มุก"ซูชิงลั่วหัวใจเต้นเร็วขึ้นทันที - ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองนางอดใบหน้าแดงก่ำไม่ได้ แล้วก็เอ่ยถามความในใจด้วยความหวานปานน้ำผึังว่า "แล้วที่ท่านพูดเมื่อครู่ว่าสิ่งที่นางภาคภูมิใจก็เทียบข้า ไม่ได้ หมายความอะไรหรือ"ลู่เหิงจือเสียงแหบแห้ง “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”ซูชิงลั่วเมื่อครู่ไม่ได้คิดไปทางนั้น พอเขาพูด นางก็รู้ตัวทันที ทั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 200

    ค่ำคืนนี้ ไม่รู้ว่าเขาเอ่ยคำพูดน่าอับอายกับนางไปเท่าใด ถูกเขาพาขึ้นสวรรค์ ถูกเขาดึงให้จมลงไปในกองเมฆอันอ่อนนุ่ม ราวกับกำลังจมน้ำ หายใจไม่ออก......สุดท้ายก็กอดแขนเขาหลับสนิท แม้แต่ในฝันก็ยังถูกเขาข่มเหงทว่าในฝันดูเหมือนนางจะยินยอมให้ข่มเหงวันรุ่งขึ้น นางถูกเสียงและการเคลื่อนไหวของลู่เหิงจือที่ลุกขึ้นทำให้ตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เห็นลู่เหิงจือสวมเสื้อผ้าผูกเข็มขัด เดินกลับมาที่เตียง ก้มลงมาจูบนางเบาๆ แล้วพูดว่า "จื๋อหยวนรออยู่ข้างนอก เจ้านอนต่อได้เลย"ซูชิงลั่วรู้สึกง่วงจึงหลับตาลงและพยักหน้าพอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงบ่าวถามด้วยความกระตือรือร้นอยู่หน้าประตูว่า “แม่นางชอบกินอะไร ทางร้านทำเสร็จแล้วจะยกมาส่งโดยไม่คิดเงิน”จื๋อหยวนตอบเสียงเรียบว่าไม่เป็นไรบ่าวหัวเราะคิกคักและถามว่า "แม่นางท่านนี้เป็นคนของที่ใดหรือ"ซูชิงลั่วมึนงงไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลาพอสมควร นางถึงรู้ว่าบ่าวเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นนางโลมของหอใดสักแห่งก็จริง ใครจะพาฮูหยินของตนเองมาที่โรงเตี๊ยมยามวิกาลกันเล่ายิ่งไปกว่านั้น ในเมืองหางโจวก็รู้กันทั่วว่าฮูหยินของอัครมหาเสนาบดีใบหน้าอัปลักษ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 201

    เมฆครึ้มดำปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลังลงโทษประหารลี่หลุน สำนักราชการเมืองหังโจวพลันดูจริงจังหนักแน่นขึ้นทันทีทว่าสิ่งที่ต่างออกไปคือบรรยากศภายในเมืองหังโจวกลับคึกคักกว่าเดิมมาก การค้าขายทำได้ง่าย ไม่มีการฉ้อโกงหลอกลวงเกิดขึ้นเลยในช่วงหลายวันนี้ ชาวบ้านต่างก็พากันชื่นชมอัครมหาเสนาบดีที่มาใหม่ผู้นี้กันปากต่อปากว่าเอาใจใส่ราษฎร มีสง่าราศีและห้าวหาญแม้แต่คำว่า "ผู้มักมากในกาม" ที่ตอนแรกใครๆ ก็เรียกกัน กลับเปลี่ยนเป็น "ใต้เท้าก็แค่เที่ยวเล่นสนุก ไม่มีสิ่งใดผิด ผู้ชายก็ต้องสนใจเรื่องเล่นสนุกทั้งนั้น"นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่แอบวิจารณ์กันว่าลี่หลูผู้นี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น มังกรมิอาจสยบงูเจ้าถิ่นได้ ดีไม่ดีอัครมหาเสนาบดีผู้นี้อาจมีอันตรายถึงชีวิตข่าวลือรู้ไปถึงหูซูชิงลั่ว นางจึงเริ่มอดเป็นห่วงไม่ได้ ถึงอย่างไรลี่หลูก็มีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาตกดึก ลู่เหิงจือกลับมา นางก็อดถามไม่ได้ว่าเขาจะมีอัตรายหรือไม่ เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ ว่าไม่เป็นไร นางจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจอีกวันรุ่งขึ้น เหยาชั่วมาหาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเรือนที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ในหังโจวไม่ใหญ่นัก ทั้งยังเป็นกลาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status