ลู่เหิงจือขมวดคิ้ว : "ประโยคนี้เจ้ากลับได้ยินชัดเจนยิ่งนัก""ท่านพูดเสียงดังเองต่างหาก" สีหน้าของนางดูน้อยใจเป็นอย่างยิ่งลู่เหิงจือยื่นมือออกไปเกี่ยวปลายคางนาง บังคับให้นางหันมาสบตาเขา ก่อนจะขำออกมาเบาๆ : "ข้าแค่พูดให้เหยาชั่วโมโหเท่านั้น เจ้าเขื่อจริงหรือ ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปแต่งกับผู้อื่นได้เช่นไร"ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากเบาๆ มองเขาด้วยความจริงจัง : "ต่อไปห้ามพูดเช่นนี้อีก พูดเล่นก็ไม่ได้"ลู่เหิงจือพยักหน้า : "ข้าฟังน้องหญิง"ซูชิงลั่วซบอกเขา พลางพูดเสียงเบา : "ท่านจะไม่ตาย ข้าก็จะไม่แต่งกับผู้อื่น พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต"ประโยคนี้มีพลังเย้ายวนสูงมากหัวใจที่นิ่งสงบเข้าลู่เหิงจือสั่นรัว อุ้มนางขึ้นมาแล้วกดลงไปบนเตียงก่อนจะบรรจงจูบเบาๆ"ชิงลั่ว...""อืม"จูบกระหน่ำลงไปบนเรือนร่าง ทำให้นางสติกระเจิงความคิดฟุ้งซ่านอีกทั้งน้ำเสียงของเขาในเวลานี้"มีลูกให้ข้าสักคนเถอะนะ ได้ไหม"หลังจากที่พูดออกมา แม้แต่ลู่เหิงจือเองก็ยังประหลาดใจเล็กน้อยความรักทำให้คนตาบอดเช่นนั้นหรือ แม้แต่เขาเองก็พูดประโยคเช่นนี้ออกไปโดยไม่รู้ตัวเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าจะทำให้นางตกใจหรือ
ลู่เหิงจืออมยิ้มพลางชี้ไปยังแก้วชาของตน ซึ่งหมายความว่าให้ซูชิงลั่วเข้ามาเติมน้ำอยู่ต่อหน้าคนนอกถึงอย่างไรก็ต้องไว้หน้าเขาซูชิงลั่วเข้าไปเติมชาให้เขา ก่อนจะหันไปเตรียมจะรินน้ำชาให้เหยาชั่ว ทว่ากลับได้ยินเสียงลู่เหิงจือพูดขึ้นมานิ่งๆ : "ของเขาไม่ต้อง"เหยาชั่วชะงัก : "เหตุใดข้าจึงไม่ต้อง"ลู่เหิงจือค่อยๆ จิบน้ำชา : "เวลาครึ่งวันคิด ได้แค่ความคิดเช่นนั้นความคิดเดียว เปลืองน้ำชา ข้าไม่เลี้ยงคนว่างงาน"เหยาชั่ว : "..."ซูชิงลั่วกระพริบตาปริบๆ มองไปยังลู่เหิงจือ : "แต่ข้าคิดว่าความคิดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว"พูดจบก็หันไปรินน้ำชาให้เหยาชั่วเหยาชั่วอดไม่ไหว หลุดหัวเราะดังลั่น : "นายหญิงสายตาแหลมคมเสียจริง"ลู่เหิงจือหรี่ตาทั้งสองข้างพร้อมกับวางแก้วน้ำชาลง แล้วมองไปที่ซูชิงลั่วแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า "คอยดูว่าเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าเช่นไร"ซูชิงลั่วหน้าแดงก่ำ วางแก้วน้ำชาลงแล้วเดินออกไปทันทีที่นางออกไป ลู่เหิงจือก็เริ่มมีท่าทีเหม่อลอย ในมือลูบแหวนหยกเล่นไปมา ได้ยินเหยาชั่วพูดน้ำไหลไฟดับเรื่องแผนการตรวจสอบภาษีในขั้นตอนต่อไป เขาก็ไม่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวากระทั่งเหยาชั่วเอ่ยถ
นางสั่นไปทั้งตัว ทว่าขาทั้งสองข้างกลับถูกเขากดไว้แน่น"ต้องการให้ข้าขอร้องเช่นไร""เช่นนี้พอหรือไม่"“……”ซูชิงลั่วพูดติดๆ ขัดๆ ร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียกนางกัดฟันกรอด : "เช่นนี้ เช่นนี้คือการขอร้องหรือเจ้าคะ""จะไม่ใช่ได้อย่างไร" ดวงตาของลู่เหิงจือลุ่มลึก ส่วนมือก็ยื่นเข้าไป จงใจเคลื่อนไหวไปมาเบาๆ "ข้าชอบขอร้องคนเช่นนี้"“……”ค่ำคืนนี้ ซูชิงลั่วได้สัมผัสจากหลายๆ ด้านแล้วว่าสิ่งใดคือการขอร้องกลัวว่าจะถูกหาว่าเป็นเสียงแมวร้องอีก นางจึงไม่กล้าส่งเสียงนัก สุดท้ายก็ซุกหน้าของตนไว้ในผ้าห่ม จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเย้ายวนของลู่เหิงจือ"ขอร้องเจ้าล่ะ ร้องออกมาสิ"นางสาบานว่าจะไม่มีทางอยากรู้อีกแล้วว่าเขาขอร้องเช่นไรเช้าวันรุ่งขึ้น สีหน้าของนางดูหมดอาลัยตายอยากลู่เหิงจือตื่นขึ้นมาด้วยความกระชุ่มกระชวย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอื้อมมือมาตีแก้มนางเบาๆ : "น้องหญิงอย่าลืมลดราคา"ซูชิงลั่วถลึงตาใส่เขา...ผู้ชายต่ำช้า ร้ายกาจเสียจริงลู่เหิงจือเลิกคิ้ว : "หรือน้องหญิงต้องการให้ข้าขอร้องเจ้าอีกครั้งคืนนี้"แทงใจดำเหลือเกินซูชิงลั่วพลันหลับตาปี๋ :
"อย่า" ซูชิงลั่วขัดดวงตาใสสว่างของนางมองไปยังลู่เหิงจือ "พี่สาม พ่อข้า..."เวลาที่พ่อแม่จากไปผ่านไปนานขึ้นเรื่อยๆ นานจนนางเหมือนจะไม่มีความผูกพันกับบ้านเดิมของนางแล้วอาศัยแค่ความทรงจำค่อยๆ หวนนึกขึ้นมาทีละครั้ง แต่กลับถูกเวลาลบเลือนจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะบอกเล่าความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ให้กับลู่เหิงจือฟังเช่นไรลู่เหิงจือสบตานาง ราวกับเข้าใจความรู้สึกภายในใจนางแล้ว"รับไว้เถอะ" น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบถ่านที่อยู่บนใบหน้าของนางด้วยความเอ็นดูซูชิงลั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาขอบคุณพลางเอ่ย : "คำพูดล้อเล่นของพ่อข้า ท่านก็เชื่อจริงจัง ข้าก็แต่งกับท่านแล้วนี่อย่างไร"ลู่เหิงจือไม่ได้ปฏิเสธ สีหน้าบ่งบอกว่า "ไม่สนว่าใคร แต่ต้องอยู่ให้ห่างจากภรรยาข้าทั้งสิ้น ทว่าครั้งนี้ต้องฝืนไปก่อน"สิ่งที่หลี่ว์เผิงเทียนมอบให้ไม่ใช่สิ่งของมีค่าอะไร สิ่งที่หาได้ยากที่สุดก็คือเป็ดตัวเป็นๆ หลายตัวที่จับมาจากจินหลิงลู่เหิงจือแสดงฝีมือเพื่อเอาใจภรรยา ให้ซูชิงลั่วได้ลิ้มรสชาติเป็ดตัวอวบอ้วนจากบ้านเกิดของตน เป็ดในเมืองหลวงผอมแห้งเกินไป
ทันทีที่นางพูดจบก็เห็นสายตาของลู่เหิงจือดูดุร้ายขึ้นมากะทันหัน ทำให้นางตกใจจนผงะถอยหลังไปลู่เหิงจือยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินชายที่ขายโคมไฟอยู่ข้างทางพูดขึ้นมา : "เป็นถึงลูกสาวผู้ตรวจการมณฑล พูดจาอย่างผู้ไม่ได้รับการอบรมเช่นนี้น่ะหรือ นายหญิงของอัครมหาเสนาบดีจิตใจดี ลดราคาข้าวแล้วขายให้พวกเรา ใครกล้าว่านางน่าเกลียดก็คือผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับชาวบ้านเมืองหังโจวที่สุด""ใช่แล้ว อีกอย่าง นายหญิงของอัครมหาเสนาบดีน่าเกลียดอย่างไร นางยิ่งมองก็ยิ่งงาม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น..."“……”ซูชิงลั่วมองดูพ่อค้าที่กำลังพูดประโยคนี้อยู่ด้วยสายตาสับสน ตัดสินใจหันไปบอกให้จื๋อหยวนไปซื้อโคมไฟมาสองสามโคม ประโยคที่ขัดต่อความในใจเช่นนี้ลำบากเขาแล้วที่ต้องพูดออกมาแต่นางคิดไม่ถึงว่า แค่ทำเรื่องเล็กเรื่องเดียว ชาวบ้านเมืองหังโจวจะชื่นชมนางเช่นนี้ ทั้งยังกล้าที่จะออกมามีเรื่องกับลูกสาวผู้ตรวจการมณฑลเสียอีก นางซาบซึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกลู่เหิงจือเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เห็นผู้คนมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากจะให้เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โต จึงเอ่ยปากออกไป : "ไว้ข้าจะเขียนจดหมายไปถึงผู้ตรวจการมณฑลหวัง ให้เขาอบรม
ซูชิงลั่วขอร้องลู่เหิงจือสารพัดรูปแบบอยู่ครึ่งค่อนคืน ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงให้นางไปพบหลี่ว์เผิงเทียนด้วยความจำยอม แน่นอนว่าเขาต้องไปด้วยที่จริงแล้วนางสังสัยว่าเดิมทีเขาไม่ได้คิดจะขัดขวางนาง ความหึงหวงก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแค่แสร้งทำเท่านั้น เพียงแค่ต้องการให้นางปล่อยตัวปล่อยใจขอร้องเขาแต่ชายร้ายกาจผู้นี้แสร้งทำได้เหมือนเกินไป นางไม่มีหลักฐาน จึงทำได้เพียงแค่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดลู่เหิงจือก็ได้ยินเสียงซ่งเหวินเคาะประตูอยู่ลางๆนางง่วงมากจึงเพียงแค่พลิกตัว ไม่ได้สนใจลู่เหิงจือ ส่วนนางก็นอนต่อตั้งแต่ลู่เหิงจือมาอยู่หังโจว นานๆ ทีจะได้มีโอกาสนอนตื่นสายเขาสวมเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้นเดินออกไปถาม : "มีเรื่องอันใด"ซ่งเหวินตอบ : "ผู้ตรวจการมณฑลเจ้อเจียง หวังเหลียงฮั่นให้คนนำจดหมายมาส่งให้ใต้เท้า"ลู่เหิงจือเปิดจดหมายอ่านปราดหนึ่ง ก่อนจะปิดแล้วโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วออกคำสั่งซ่งเหวิน : "ตอบกลับไป ข้าจะไปถึงงานเลี้ยงตรงเวลาอย่างแน่นอน"ซ่งเหวิน : "ขอรับ"ซูชิงลั่วเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เดิมทีกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงเพื่อค่อยๆ ฟื้นตัวจ
ลู่เหิงจือตอบเสียงนิ่ง : "หากท่านไม่มา เซี่ยถิงอวี่จะวางใจได้อย่างไร"เหยาชั่วชี้ไปยังลู่เหิงจือพลางเอ่ย : "ท่าน...เจ้าเล่ห์เพทุบาย ยากแท้หยั่งถึง !"ลู่เหิงจือไม่ใส่ใจ ตอบเบาๆ : "ซ่งเหวิน เรือที่ไปยังเมืองหลวงออกกี่ยาม"เหยาชั่วชะงักงัน รีบยัดสมุดบัญชีไว้ในแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินออกไป แต่กลับถามขึ้นมาราวกับคิดอะไรขึ้นได้ : "ครั้งนี้ที่ท่านมาเจียงหนานตั้งใจว่าจะอยู่อย่างน้อยครึ่งปีไม่ใช่หรือ ตรวจสอบภาษีเสร็จก็จะกลับไปรายงานฝ่าบาทเร็วเช่นนี้จะไม่เกิดความสงสัยหรือ""ใครบอกว่าข้าจะกลับเมืองหลวง""เช่นนั้นท่านอยู่ต่อเพื่อสิ่งใด จะเป็นซูตงพอหรืออย่างไร"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "กลับบ้านภรรยาเป็นเพื่อนนาง"เหยาชั่ว : "..."ถูกความงามคลอบงำจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเสียจริงซูชิงลั่วดวงตาเป็นประกาย : "ท่านหมายถึงจินหลิงน่ะหรือ"ลู่เหิงจือพยักหน้าโค้งที่มุมปากของซูชิงลั่วยกสูงเหยาชั่วทนดูสามีภรรยาคู่นี้พลอดรักหวานเลี่ยนกันไม่ไหว รีบเปิดประตูเดินออกไปทันทีซูชิงลั่วนั่งมองดูว่าลู่เหิงจือได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยวิธีใดตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ข้างๆ เวลานี้สายตาที่มองไปยังลู่เหิงจือเต็มไปด้วยค
สายตาของหวังเหลียงฮั่นแฝงไว้ด้วยความรังเกียจเหยียดหยามโดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจืออัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ดูท่าทางสูงส่งแล้วก็ดูเย่อหยิ่งทะนงตน แต่กลับขี้ขลาดถึงเพียงนี้กับแค่ภรรยาคนเดียวก็ตกใจกลัวเช่นนี้ ยังกล้ามาตรวจสอบภาษีที่เจียงหนานได้เช่นไรช่างเถอะ เขาจะจำใจช่วยลู่เหิงจือสักครั้งหวังเหลียงฮั่นกระแอมเบาๆ : "ฮูหยินลู่ สตรีแต่งงานแล้วต้องเชื่อฟังสามี เจ้า..."ยังไม่ทันพูดจบ ดาบเล่มนั้นในมือซูชิงลั่วก็ฟาดลงมาแก้วชามบนโต๊ะตรงหน้าหวังเหลียงฮั่นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ผักกาดขาวที่อยู่ในจานลอยเข้าหน้าเขา ทั้งยังมีน้ำแกงหยดลงมาอีกด้วยซูชิงลั่วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา : "ท่านใช่ไหมที่บังคับให้สามีข้านอนกับหญิงสาว"นางชี้ดาบไปตรงหน้าหวังเหลียงฮั่นหวังเหลียงฮั่นไม่เคยเจอหญิงสาวที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ภรรยาของเขาก็เทียบไม่ติด พลันตะโกนเสียงดังลั่น : "เจ้าบังอาจมาก ใครก็ได้ เข้ามา"ดาบพลันฟาดเข้าไป หมวกของหวังเหลียงฮั่นร่วงลงมาหางเต๋อโย่ววิ่งเข้ามาพยายามจะห้าม : "ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ ฮูหยินลู่วางดาบลงเถอะ พวกเราก็เพียงแค่..."ซูชิงลั่วยื่นดาบเข้าไปอีกครั้ง ตัดเข็มขัดของหา