แชร์

บทที่ 202

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-04 18:00:00
ลู่เหิงจือขมวดคิ้ว : "ประโยคนี้เจ้ากลับได้ยินชัดเจนยิ่งนัก"

"ท่านพูดเสียงดังเองต่างหาก" สีหน้าของนางดูน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง

ลู่เหิงจือยื่นมือออกไปเกี่ยวปลายคางนาง บังคับให้นางหันมาสบตาเขา ก่อนจะขำออกมาเบาๆ : "ข้าแค่พูดให้เหยาชั่วโมโหเท่านั้น เจ้าเขื่อจริงหรือ ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปแต่งกับผู้อื่นได้เช่นไร"

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากเบาๆ มองเขาด้วยความจริงจัง : "ต่อไปห้ามพูดเช่นนี้อีก พูดเล่นก็ไม่ได้"

ลู่เหิงจือพยักหน้า : "ข้าฟังน้องหญิง"

ซูชิงลั่วซบอกเขา พลางพูดเสียงเบา : "ท่านจะไม่ตาย ข้าก็จะไม่แต่งกับผู้อื่น พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต"

ประโยคนี้มีพลังเย้ายวนสูงมาก

หัวใจที่นิ่งสงบเข้าลู่เหิงจือสั่นรัว อุ้มนางขึ้นมาแล้วกดลงไปบนเตียงก่อนจะบรรจงจูบเบาๆ

"ชิงลั่ว..."

"อืม"

จูบกระหน่ำลงไปบนเรือนร่าง ทำให้นางสติกระเจิงความคิดฟุ้งซ่าน

อีกทั้งน้ำเสียงของเขาในเวลานี้

"มีลูกให้ข้าสักคนเถอะนะ ได้ไหม"

หลังจากที่พูดออกมา แม้แต่ลู่เหิงจือเองก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย

ความรักทำให้คนตาบอดเช่นนั้นหรือ แม้แต่เขาเองก็พูดประโยคเช่นนี้ออกไปโดยไม่รู้ตัว

เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าจะทำให้นางตกใจหรือ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jiraporn Klongsee
แปลสักวันละ10ตอนได้ไหมคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 203

    ลู่เหิงจืออมยิ้มพลางชี้ไปยังแก้วชาของตน ซึ่งหมายความว่าให้ซูชิงลั่วเข้ามาเติมน้ำอยู่ต่อหน้าคนนอกถึงอย่างไรก็ต้องไว้หน้าเขาซูชิงลั่วเข้าไปเติมชาให้เขา ก่อนจะหันไปเตรียมจะรินน้ำชาให้เหยาชั่ว ทว่ากลับได้ยินเสียงลู่เหิงจือพูดขึ้นมานิ่งๆ : "ของเขาไม่ต้อง"เหยาชั่วชะงัก : "เหตุใดข้าจึงไม่ต้อง"ลู่เหิงจือค่อยๆ จิบน้ำชา : "เวลาครึ่งวันคิด ได้แค่ความคิดเช่นนั้นความคิดเดียว เปลืองน้ำชา ข้าไม่เลี้ยงคนว่างงาน"เหยาชั่ว : "..."ซูชิงลั่วกระพริบตาปริบๆ มองไปยังลู่เหิงจือ : "แต่ข้าคิดว่าความคิดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว"พูดจบก็หันไปรินน้ำชาให้เหยาชั่วเหยาชั่วอดไม่ไหว หลุดหัวเราะดังลั่น : "นายหญิงสายตาแหลมคมเสียจริง"ลู่เหิงจือหรี่ตาทั้งสองข้างพร้อมกับวางแก้วน้ำชาลง แล้วมองไปที่ซูชิงลั่วแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า "คอยดูว่าเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าเช่นไร"ซูชิงลั่วหน้าแดงก่ำ วางแก้วน้ำชาลงแล้วเดินออกไปทันทีที่นางออกไป ลู่เหิงจือก็เริ่มมีท่าทีเหม่อลอย ในมือลูบแหวนหยกเล่นไปมา ได้ยินเหยาชั่วพูดน้ำไหลไฟดับเรื่องแผนการตรวจสอบภาษีในขั้นตอนต่อไป เขาก็ไม่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวากระทั่งเหยาชั่วเอ่ยถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 204

    นางสั่นไปทั้งตัว ทว่าขาทั้งสองข้างกลับถูกเขากดไว้แน่น"ต้องการให้ข้าขอร้องเช่นไร""เช่นนี้พอหรือไม่"“……”ซูชิงลั่วพูดติดๆ ขัดๆ ร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียกนางกัดฟันกรอด : "เช่นนี้ เช่นนี้คือการขอร้องหรือเจ้าคะ""จะไม่ใช่ได้อย่างไร" ดวงตาของลู่เหิงจือลุ่มลึก ส่วนมือก็ยื่นเข้าไป จงใจเคลื่อนไหวไปมาเบาๆ "ข้าชอบขอร้องคนเช่นนี้"“……”ค่ำคืนนี้ ซูชิงลั่วได้สัมผัสจากหลายๆ ด้านแล้วว่าสิ่งใดคือการขอร้องกลัวว่าจะถูกหาว่าเป็นเสียงแมวร้องอีก นางจึงไม่กล้าส่งเสียงนัก สุดท้ายก็ซุกหน้าของตนไว้ในผ้าห่ม จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเย้ายวนของลู่เหิงจือ"ขอร้องเจ้าล่ะ ร้องออกมาสิ"นางสาบานว่าจะไม่มีทางอยากรู้อีกแล้วว่าเขาขอร้องเช่นไรเช้าวันรุ่งขึ้น สีหน้าของนางดูหมดอาลัยตายอยากลู่เหิงจือตื่นขึ้นมาด้วยความกระชุ่มกระชวย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอื้อมมือมาตีแก้มนางเบาๆ : "น้องหญิงอย่าลืมลดราคา"ซูชิงลั่วถลึงตาใส่เขา...ผู้ชายต่ำช้า ร้ายกาจเสียจริงลู่เหิงจือเลิกคิ้ว : "หรือน้องหญิงต้องการให้ข้าขอร้องเจ้าอีกครั้งคืนนี้"แทงใจดำเหลือเกินซูชิงลั่วพลันหลับตาปี๋ :

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 205

    "อย่า" ซูชิงลั่วขัดดวงตาใสสว่างของนางมองไปยังลู่เหิงจือ "พี่สาม พ่อข้า..."เวลาที่พ่อแม่จากไปผ่านไปนานขึ้นเรื่อยๆ นานจนนางเหมือนจะไม่มีความผูกพันกับบ้านเดิมของนางแล้วอาศัยแค่ความทรงจำค่อยๆ หวนนึกขึ้นมาทีละครั้ง แต่กลับถูกเวลาลบเลือนจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะบอกเล่าความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ให้กับลู่เหิงจือฟังเช่นไรลู่เหิงจือสบตานาง ราวกับเข้าใจความรู้สึกภายในใจนางแล้ว"รับไว้เถอะ" น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบถ่านที่อยู่บนใบหน้าของนางด้วยความเอ็นดูซูชิงลั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาขอบคุณพลางเอ่ย : "คำพูดล้อเล่นของพ่อข้า ท่านก็เชื่อจริงจัง ข้าก็แต่งกับท่านแล้วนี่อย่างไร"ลู่เหิงจือไม่ได้ปฏิเสธ สีหน้าบ่งบอกว่า "ไม่สนว่าใคร แต่ต้องอยู่ให้ห่างจากภรรยาข้าทั้งสิ้น ทว่าครั้งนี้ต้องฝืนไปก่อน"สิ่งที่หลี่ว์เผิงเทียนมอบให้ไม่ใช่สิ่งของมีค่าอะไร สิ่งที่หาได้ยากที่สุดก็คือเป็ดตัวเป็นๆ หลายตัวที่จับมาจากจินหลิงลู่เหิงจือแสดงฝีมือเพื่อเอาใจภรรยา ให้ซูชิงลั่วได้ลิ้มรสชาติเป็ดตัวอวบอ้วนจากบ้านเกิดของตน เป็ดในเมืองหลวงผอมแห้งเกินไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 206

    ทันทีที่นางพูดจบก็เห็นสายตาของลู่เหิงจือดูดุร้ายขึ้นมากะทันหัน ทำให้นางตกใจจนผงะถอยหลังไปลู่เหิงจือยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินชายที่ขายโคมไฟอยู่ข้างทางพูดขึ้นมา : "เป็นถึงลูกสาวผู้ตรวจการมณฑล พูดจาอย่างผู้ไม่ได้รับการอบรมเช่นนี้น่ะหรือ นายหญิงของอัครมหาเสนาบดีจิตใจดี ลดราคาข้าวแล้วขายให้พวกเรา ใครกล้าว่านางน่าเกลียดก็คือผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับชาวบ้านเมืองหังโจวที่สุด""ใช่แล้ว อีกอย่าง นายหญิงของอัครมหาเสนาบดีน่าเกลียดอย่างไร นางยิ่งมองก็ยิ่งงาม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น..."“……”ซูชิงลั่วมองดูพ่อค้าที่กำลังพูดประโยคนี้อยู่ด้วยสายตาสับสน ตัดสินใจหันไปบอกให้จื๋อหยวนไปซื้อโคมไฟมาสองสามโคม ประโยคที่ขัดต่อความในใจเช่นนี้ลำบากเขาแล้วที่ต้องพูดออกมาแต่นางคิดไม่ถึงว่า แค่ทำเรื่องเล็กเรื่องเดียว ชาวบ้านเมืองหังโจวจะชื่นชมนางเช่นนี้ ทั้งยังกล้าที่จะออกมามีเรื่องกับลูกสาวผู้ตรวจการมณฑลเสียอีก นางซาบซึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกลู่เหิงจือเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เห็นผู้คนมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากจะให้เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โต จึงเอ่ยปากออกไป : "ไว้ข้าจะเขียนจดหมายไปถึงผู้ตรวจการมณฑลหวัง ให้เขาอบรม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 207

    ซูชิงลั่วขอร้องลู่เหิงจือสารพัดรูปแบบอยู่ครึ่งค่อนคืน ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงให้นางไปพบหลี่ว์เผิงเทียนด้วยความจำยอม แน่นอนว่าเขาต้องไปด้วยที่จริงแล้วนางสังสัยว่าเดิมทีเขาไม่ได้คิดจะขัดขวางนาง ความหึงหวงก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแค่แสร้งทำเท่านั้น เพียงแค่ต้องการให้นางปล่อยตัวปล่อยใจขอร้องเขาแต่ชายร้ายกาจผู้นี้แสร้งทำได้เหมือนเกินไป นางไม่มีหลักฐาน จึงทำได้เพียงแค่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดลู่เหิงจือก็ได้ยินเสียงซ่งเหวินเคาะประตูอยู่ลางๆนางง่วงมากจึงเพียงแค่พลิกตัว ไม่ได้สนใจลู่เหิงจือ ส่วนนางก็นอนต่อตั้งแต่ลู่เหิงจือมาอยู่หังโจว นานๆ ทีจะได้มีโอกาสนอนตื่นสายเขาสวมเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้นเดินออกไปถาม : "มีเรื่องอันใด"ซ่งเหวินตอบ : "ผู้ตรวจการมณฑลเจ้อเจียง หวังเหลียงฮั่นให้คนนำจดหมายมาส่งให้ใต้เท้า"ลู่เหิงจือเปิดจดหมายอ่านปราดหนึ่ง ก่อนจะปิดแล้วโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วออกคำสั่งซ่งเหวิน : "ตอบกลับไป ข้าจะไปถึงงานเลี้ยงตรงเวลาอย่างแน่นอน"ซ่งเหวิน : "ขอรับ"ซูชิงลั่วเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เดิมทีกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงเพื่อค่อยๆ ฟื้นตัวจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 208

    ลู่เหิงจือตอบเสียงนิ่ง : "หากท่านไม่มา เซี่ยถิงอวี่จะวางใจได้อย่างไร"เหยาชั่วชี้ไปยังลู่เหิงจือพลางเอ่ย : "ท่าน...เจ้าเล่ห์เพทุบาย ยากแท้หยั่งถึง !"ลู่เหิงจือไม่ใส่ใจ ตอบเบาๆ : "ซ่งเหวิน เรือที่ไปยังเมืองหลวงออกกี่ยาม"เหยาชั่วชะงักงัน รีบยัดสมุดบัญชีไว้ในแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินออกไป แต่กลับถามขึ้นมาราวกับคิดอะไรขึ้นได้ : "ครั้งนี้ที่ท่านมาเจียงหนานตั้งใจว่าจะอยู่อย่างน้อยครึ่งปีไม่ใช่หรือ ตรวจสอบภาษีเสร็จก็จะกลับไปรายงานฝ่าบาทเร็วเช่นนี้จะไม่เกิดความสงสัยหรือ""ใครบอกว่าข้าจะกลับเมืองหลวง""เช่นนั้นท่านอยู่ต่อเพื่อสิ่งใด จะเป็นซูตงพอหรืออย่างไร"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "กลับบ้านภรรยาเป็นเพื่อนนาง"เหยาชั่ว : "..."ถูกความงามคลอบงำจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเสียจริงซูชิงลั่วดวงตาเป็นประกาย : "ท่านหมายถึงจินหลิงน่ะหรือ"ลู่เหิงจือพยักหน้าโค้งที่มุมปากของซูชิงลั่วยกสูงเหยาชั่วทนดูสามีภรรยาคู่นี้พลอดรักหวานเลี่ยนกันไม่ไหว รีบเปิดประตูเดินออกไปทันทีซูชิงลั่วนั่งมองดูว่าลู่เหิงจือได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยวิธีใดตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ข้างๆ เวลานี้สายตาที่มองไปยังลู่เหิงจือเต็มไปด้วยค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 209

    สายตาของหวังเหลียงฮั่นแฝงไว้ด้วยความรังเกียจเหยียดหยามโดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจืออัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ดูท่าทางสูงส่งแล้วก็ดูเย่อหยิ่งทะนงตน แต่กลับขี้ขลาดถึงเพียงนี้กับแค่ภรรยาคนเดียวก็ตกใจกลัวเช่นนี้ ยังกล้ามาตรวจสอบภาษีที่เจียงหนานได้เช่นไรช่างเถอะ เขาจะจำใจช่วยลู่เหิงจือสักครั้งหวังเหลียงฮั่นกระแอมเบาๆ : "ฮูหยินลู่ สตรีแต่งงานแล้วต้องเชื่อฟังสามี เจ้า..."ยังไม่ทันพูดจบ ดาบเล่มนั้นในมือซูชิงลั่วก็ฟาดลงมาแก้วชามบนโต๊ะตรงหน้าหวังเหลียงฮั่นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ผักกาดขาวที่อยู่ในจานลอยเข้าหน้าเขา ทั้งยังมีน้ำแกงหยดลงมาอีกด้วยซูชิงลั่วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา : "ท่านใช่ไหมที่บังคับให้สามีข้านอนกับหญิงสาว"นางชี้ดาบไปตรงหน้าหวังเหลียงฮั่นหวังเหลียงฮั่นไม่เคยเจอหญิงสาวที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ภรรยาของเขาก็เทียบไม่ติด พลันตะโกนเสียงดังลั่น : "เจ้าบังอาจมาก ใครก็ได้ เข้ามา"ดาบพลันฟาดเข้าไป หมวกของหวังเหลียงฮั่นร่วงลงมาหางเต๋อโย่ววิ่งเข้ามาพยายามจะห้าม : "ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ ฮูหยินลู่วางดาบลงเถอะ พวกเราก็เพียงแค่..."ซูชิงลั่วยื่นดาบเข้าไปอีกครั้ง ตัดเข็มขัดของหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 210

    ทุกคน ณ ที่นั้นพากันถอนใจด้วยความโล่งอกลู่เหิงจือหันไปพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด : "ข้าขอพาภรรยาออกไปก่อน หวังว่าคงไม่รบกวนความเพลิดเพลินของใต้เท้าทุกท่าน เชิญทุกท่านต่อ ต่อกันได้เลย"นี่จะยังต่ออะไรอีกทุกคนทำหน้าตัดพ้อ แต่กลับไม่กล้าบ่นออกมา เพิ่งจะลุกขึ้นนั่งพักเหนื่อย ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องทิ่มหูของหญิงสาวดังขึ้นมา : "ผู้ใดคือคนของผู้ตรวจการมณฑล ไสหัวออกมาตรงหน้าข้า แล้วพูดให้ข้าฟังอีกรอบ !"สีหน้าของหวังเหลียงฮั่นพลันซีดเผือก ตกใจจนรีบโค้งตัวเข้าไปรับ : "ฮูหยินเหตุใดถึงได้มาไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้ ร่างกายเจ้าไม่ดี ดึกเช่นนี้แล้วยังออกมาอีก..."ตรงหน้ามีหญิงสาวอายุราวสี่สิบเดินเข้ามา หน้าตาดุดัน สายตาโหดเหี้ยมเพี้ยะนางฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าหวังเหลียงฮั่นหวังเหลียงฮั่นกุมหน้าตัวเองด้วยความโศกเศร้าสุดขีด แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาไหนบอกว่าจะตบให้นางหาทิศไม่เจอเล่าเหล่าขุนนางที่อยู่ ณ ตรงนั้นพากันก้มหน้า ในใจได้แต่คิดว่านี่เป็นวันอะไรกันแน่ถึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ร้อยปีจะเห็นได้สักทีเช่นนี้ แต่อีกใจก็อดความอยากรู้อยากเห็นไมไหวแอบเงยหน้าขึ้นมามองสถานการณ์ตรงหน้าหญิงสาวนางนั้นฟ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status