แชร์

บทที่ 168

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-26 18:00:01
ซูชิงลั่วสวมชุดสีแดงส้มผ้าไหมจากเมืองซู เดิมเป็นชุดที่ทำให้นางดูสวยงามอยู่แล้ว แต่ท่าทางบ่นของนางก็ทั้งดูน่ารักและน่าเอ็นดู เสียงของนางยังมีน้ำเสียงออดอ้อนปนอยู่

ลู่เหิงจืออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย สั่งให้คนนำกล่องอาหารเข้ามา แล้วเดินมาจับมือของนางไว้ “เป็นความผิดของข้าเอง ที่เพิ่งกลับเข้าท้องพระโรงก็ยุ่งไปหน่อย”

นางไม่ขยับ ปล่อยให้เขาจับมือนางไว้ และไม่ได้สลัดมือออก

ลู่เหิงจือก็อุ้มนางขึ้นมาทันที

ร่างลอยขึ้นกลางอากาศ ซูชิงลั่วตกใจมาก โอบคอเขาแน่น

จื๋อหยวนและอวี้จู๋ก้มหน้าลงพร้อมกันในทันที ไม่กล้าดู หูของอวี้จู๋ดูเหมือนจะแดงเล็กน้อย

ซูชิงลั่วเองก็เขินอาย พยายามผลักลู่เหิงจือออก “ท่านอย่า......รีบวางขาลง”

แรงน้อยนิดของนาง ผลักเขาไม่ออกเลย

ปล่อยให้เขาอุ้มตัวไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ และได้ยินเขาไล่สาวใช้ออกไป “พวกเจ้าไม่ต้องอยู่รอรับใช้”

อาหารในกล่องน่าจะเป็นฝีมือพ่อครัว ไม่เหมือนฝีมือของลู่เหิงจือ แม้จะดูประณีต แต่เมื่อเทียบกับอาหารที่ลู่เหิงจื่อทำ ก็ขาดรสชาติของบ้านไปบ้าง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งสองคนไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานหรือไม่ ลู่เหิงจือจึงดูแลนางเป็นพิเศษ คอยคีบอาหาร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 169

    การส่งเขาไปตรวจสอบภาษีที่เจียงหนาน ขณะที่ประเมินผลงานของขุนนางนั้น ถือเป็นการเตือนเขาไปในตัวหากไม่ใช่เพราะเซี่ยถิงอวี่ไม่เคยสนใจศึกษาเล่าเรียนและมัวแต่เที่ยวเตร่ คงจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ยากยิ่งกว่าเดิมก่อนหน้านี้เขาเป็นคนโดดเดี่ยวไม่กลัวอะไร แต่ยามนี้เขามีซูชิงลั่วแล้ว ทุกอย่างเขาก็ต้องคิดถึงนางเป็นหลักซูชิงลั่วถามว่า “แล้วท่านจะไปเมื่อใด”ลู่เหิงจือสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบว่า “อีกสองสามวันนี้แหละ”นางประหลาดใจ “รีบขนาดนั้นเลยหรือ”“เป็นพระราชโองการ ไม่อาจปฏิเสธได้” เขาตอบเสียงนิ่งเรียบ “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวทางนั้นดูยุ่งยากพอสมควร ข้าก็อยากกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าในช่วงตรุษจีน”คนในอ้อมกอดดูเหมือนจะรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจลู่เหิงจือใจอ่อนดยไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ามีแต่ความอ่อนโยนอย่างท่วมท้นในใจ อยากจะมอบให้นาง อยากเห็นนางมีความสุขเขาจึงก้มศีรษะบังคับให้นางมองหน้าแล้วจูบนางไม่ได้แตะต้องเขามาหลายวัน เขาก็จะไปเจียงหนานแล้ว ซูชิงลั่วก็อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา ดูเชื่องฟังอย่างมาก แทบจะยอมให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจเขาเอื้อมมืออ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 170

    ค่ำคืนนี้ซูชิงลั่วนอนไม่ค่อยหลับฝันร้ายตลอดทั้งคืน ประเดี๋ยวฝันเห็นลู่เหิงจือถูกคนลอบสังหาร ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหลอาบกาย เปื้อนเลือดไปทั่วทั้งชุดประเดี๋ยวก็ฝันเห็นเขาถูกบังคับให้กระโดดลงจากเรือจมน้ำ หายใจรวยรินและถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง แล้วถูกเด็กสาวช่วยไว้หญิงสาวผู้นั้นสวยมาก และบอกกับหลู่เหิงจือว่าชอบเขามากลู่เหิงจือเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าซับซ้อน - ราวกับภาพวาดที่หยุดนิ่งอยู่ในขณะนั้นซูชิงลั่วลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เห็นแสงรุ่งอรุณแล้ว แต่ผ้าห่มข้างกายยังคงเย็นเฉียบ ลู่เหิงจือไม่ได้กลับมาทั้งคืนนางลุกขึ้นเรียกจื๋อหยวนเข้ามาและถามว่า “พี่สามยังอยู่เรือนหน้าอยู่หรือไม่”"เจ้าค่ะ ซ่งเหวินมาบอกขณะยามสี่ว่ายังยุ่งอยู่เจ้าค่ะ” จื๋อหยวนช่วยนางแต่งตัวและหวีผมซูชิงลั่วจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกทองแดงด้วยดวงตาเหม่อลอย และนึกถึงฉากในความฝันความฝันของนางมักจะแม่นยำเสมอก่อนหน้านี้ความฝันเกี่ยวกับลู่เหยียนและหนิงไห่ลู่ก็เป็นจริงทั้งหมดแล้วไม่ถูก…แต่ก่อนนางก็เคยฝันว่าลู่เหิงจือจะไม่แต่งงานชัดๆ แต่ยามนี้เขากลับแต่งงานกับนางแล้วหรือว่าเรื่องในความฝันจะเปลี่ยนแปลงไปต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 171

    ซูชิงลั่วไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงพูดสิ่งเหล่านี้กับนาง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดูกลัวว่านางจะทำลายอนาคตที่ก้าวหน้าของเขาเสียขนาดนั้น เหตุใดเวลานี้กลับยอมโอนอ่อนขึ้นมากะทันหันหรือจะเป็นเพราะเงินทองไม่พอใช้คิดไปคิดมา ดูเหมือนจะมีเพียงแค่เหตุผลนี้ความรู้สึกรังเกียจที่นางมีต่อลู่เหยียนเพิ่มขึ้นทันควัน น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด : "เรื่องที่ไม่สลักสำคัญเหล่านั้น ข้าลืมไปหมดแล้ว ยามนี้ ข้าแต่งกับพี่สามของท่านแล้ว ท่านยังเอาแต่เรียกข้าว่าน้องซูจะเหมาะสมได้เช่นไร ท่านควรเรียกข้าว่าพี่สะใภ้สามถึงจะถูก"ลู่เหยียนชะงักงัน สีหน้าดูตกตะลึงไม่น้อยลู่เหิงจือขำออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปซูชิงลั่วได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยจึงหันไป ลู่เหิงจือเพิ่งกลับมาจากว่าราชการ ยังไม่ทันได้ถอดชุดคลุมพญางูสีน้ำเงินทำให้มีความรู้สึกกดดันที่ยากจะอธิบายบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา เพียงแค่ความรู้สึกกดดันนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดสำหรับนาง แต่กลับเป็นความรู้สึกคุ้นเคยเสียด้วยซ้ำเขาเดินตรงเข้ามา แล้วเอ่ยนิ่งๆ : "ไม่ได้ยินหรือ เรียกพี่สะใภ้สาม"ลู่เหยียนเกิดอาการลนลานขึ้นมาชั่วขณะลู่เหิง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 172

    แค่เห็นท่าทางของลู่เหิงจือก็รู้ว่าคำขอนี้เกินกว่าเหตุไปมากสตรีในรัชสมัยนี้ยึดถือหลักสามปฏิบัติสี่จรรยา อยู่เรือนเลี้ยงลูกช่วยเหลือสามี จะตามสามีออกไปข้างนอกได้เช่นไร นับประสาอะไรกับเขาที่ออกไปทำการใหญ่ของราชการ จะให้นางตามไปด้วยก็ไม่เหมาะซูชิงลั่วรีบเอ่ย : "ข้าเพียงแค่พูดไปเช่นนั้น"รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดูฝืนเกร็ง ทั้งยังพยายามปกปิดความรู้สึกด้วยการจัดเสื้อผ้าบนตัวเขา "พอดีตัวมากจริงๆ ข้าจะช่วยทำให้ท่านอีกหลายๆ ชุด แม้หน้าหนาวของเจียงหนานจะไม่หนาวเช่นเมืองหลวง แต่ถ้าหากหนาวขึ้นมาแล้ว ทั้งเปียกชื้นและเย็นยะเยือก ก็ทรมานไม่น้อย ข้าจะรีบเย็บเสื้อนวมให้ท่านอีกสองตัว""ไม่รีบร้อน ข้ายังไม่ถึงขั้นไม่มีเสื้อนวมใส่" ลู่เหิงจือถอนหายใจเบาๆ สวมกอดนางจากเบื้องหลัง เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับรสชาติของความรักลึกซึ้งระหว่างชายหญิงก่อหน้าเขาอยู่ลำพังตัวคนเดียว ไม่ว่าทำจะสิ่งใด หากคิดจะไปก็ออกเดินทางทันที เวลานี้จึงเกิดความอาวรณ์กับบ้านเกิดที่แสนอบอุ่นแห่งนี้ขึ้นมาไม่น้อยซูชิงลั่วอดพูดไม่ได้ : "พวกเรายังแต่งงานกันได้ไม่ถึงครึ่งเดือน..."ก็ต้องแยกจากกันแล้วน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 173

    ทันใดนั้นเองซ่งเหวินก็เคาะประตูเข้ามา น้ำเสียงของลู่เหิงจือแสดงออกถึงความเหลืออดอย่างเห็นได้ชัด : "มีเรื่องอันใดอีก"แม้ในยามปกติเขาจะเฉยชาเคร่งขรึม แต่ก็มีเวลาที่หมดความอดทนกันบ้าง ซ่งเหวินหัวใจเต้นตึกตัก แต่ก็พูดออกมา : "เมื่อครู่นายหญิงมาที่นี่ แต่มาถึงหน้าประตูก็กลับไปเสียก่อน"สีหน้าของลู่เหิงจือพลันอ่อนโยนลงมาทันทีนางจะต้องเป็นห่วงเขามาก แต่ก็กลัวว่าจะรบกวนเขาถึงได้ทำเช่นนี้เขาสั่งให้ซ่งเหวินออกไป แล้วกลับลงมานั่งอีกครั้ง ทว่าจิตใจกลับไม่ได้อยู่กับงานราชการอย่างชัดเจนเหยาชั่วพูดแทงใจดำ : "ใต้เท้าต้องจิตใจแน่วแน่อยู่กับเรื่องที่กำลังหารือ จะมัวลุ่มหลงอยู่กับสาวงามไม่ได้"เซี่ยถิงอวี่ก็เป็นเช่นนี้้ เขาก็เป็นเช่นนี้ การใหญ่ของพวกเขาจะยังทำต่อไปหรือไม่ลู่เหิงจือจ้องมองเขาปราดหนึ่ง เหยาชั่วรีบปิดปากเงียบทันทีลู่เหิงจือไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมานิ่งๆ : "หากข้าพาภรรยาของข้าไปเจียงหนานด้วย เห็นเช่นไร"ตกตะลึงราวกับฟ้าผ่าลงกลางหัวอย่างไม่ต้องสงสัยเหยาชั่วนิ่งอึ้งไปราวกับท่อนไม้ สงสัยว่าตนได้ยินผิดไปลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ : "หวังเหลียงฮั่นผู้นี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 174

    แววตาของลู่เหิงจือลุ่มลึกกว่าเดิมเขาหัวเราะเบาๆ : "ช่างกล้าหาญยิ่งนัก"ซูชิงลั่วหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้นาง...นางก็แค่รู้สึกว่าเขาจะต้องไปแล้ว เมื่อครู่ลองเปิดหนังสือดู ทั้งยังแบกหน้าไปถามฉู่หมัวมัวมาอีกด้วยฉู่หมัวมัวบอกนางว่า บุรุษต่างก็ชอบแบบนี้ทั้งสิ้นหรือว่า...ลู่เหิงจือจะไม่ชอบระหว่างที่นางกำลังสงสัย ตรงหน้าพลันว่างเปล่า ลู่เหิงจือไม่รู้ว่านอนลงไปตั้งแต่เมื่อใด ก่อนจะยกนางขึ้นไปบนตัวเขาเขาช้อนปลายคางนางขึ้นเบาๆๆ : "ให้ข้าดูหน่อย เจ้าเรียนสิ่งใดมาบ้างแล้ว"ใบหูของซูชิงลั่วเริ่มแดง พลันหลับตาลงได้ยินเสียงเสียงถ่านเผาไหม้ประสานกับเสียงออดอ้อนของนางเสื้อผ้าค่อยๆ ถูกโยนลงมาที่พื้นทีละชิ้นๆเขาประครองเอวคอดบางของนางไว้ ออกแรงสลับกับเบาแรงเป็นระยะ ความปรารถนาในดวงตาล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆท่วงท่าของนางแฝงไว้ด้วยความหมายอื่น ดูเหมือนจงใจจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อเอาใจเขา ราวกับปีศาจสาวในหนังสือนิยายที่คอยยั่วยวนผู้คนผมยาวสะบัดอยู่กลางอากาศเบาๆ สะบัดโดนข้อมือของเขา ทั้งเสียวและชาร่างกายก็กำลังโยกขึ้นลง จนเขาเกิดอาการตาลาย จนเขาแทบจะเสียการควบคุมแทบจะสามารถตายแทบอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 175

    ความประหลาดใจในดวงตาเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่ลู่เหิงจือพยักหน้า"ในเมื่อชวนเจ้าไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้"การเดินทางครั้งนี้มีองครักษ์ลับของเซี่ยถิงอวี่ติดตามไปด้วย อีกทั้งเรื่องที่ต้องตรวจสอบคือเรื่องเงินภาษี ไม่มีสิ่งใดเป็นอันตรายอีกอย่างเมื่อมีนางอยู่ด้วย เรื่องอื่นค่อยๆ จัดการไปช้าๆ ได้ ไม่ต้องรีบกลับเมืองหลวง ระหว่างทางยังสามารถพานางไปจินหลิงได้อีกด้วยซูชิงลั่วดวงตาเป็นประกาย : "เช่นนั้นข้าจะให้คนไปเก็บของนะเจ้าคะ"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "เดินทางครั้งนี้เรียบง่าย เจ้าพาสาวใช้ไปได้เพียงคนเดียว""ข้าจะพาจื๋อหยวนไป ข้ากับนางต่างก็ขี่ม้าเป็นทั้งคู่ ไม่มีทางสร้างความเดือดร้อนให้ท่าน" นางพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะรีบสวมเสื้อซับชั้นในแล้วลงจากเตียงไปความจริงแล้วที่นางกล้าพูดเรื่องไปเจียงหนานกับลู่เหิงจือก็เพราะถือว่าตนขี่ม้าได้ ท่านพ่อทำธุรกิจ มีลูกสาวเพียงคนเดียว อยากจะให้นางสืบทอดกิจการต่อ พอนางเพิ่งจะอายุได้สิบแปดก็สอนให้นางฝึกขี่ม้า"ที่แท้น้องหญิงก็ขี่ม้าเป็น มิน่าล่ะ" น้ำเสียงราวกับไตร่ตรองอะไรบางอย่างซูชิงลั่วพลันนึกอะไรขึ้นมาได้กันทะหัน ออกแรงชกแผงอกลู่เหิงจือไปหนึ่งหมัด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-28
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 176

    เมื่อวานหิมะตกเพียงครึ่งชั่วยาม หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นวันนี้ หิมะด้านนอกก็ละลายไปจนหมดสิ้นลู่เหิงจือและซูชิงลั่วบอกลาทุกคน ก่อนจะขึ้นรถม้าไปรถม้ากว้างขวาง ทั้งยังมีเตียงเล็กแคบๆ หนึ่งเตียง หากเหนื่อยก็สามารถนอนพักได้ลู่เหิงจือนั่งอยู่บนเตียง ยื่นมือเรียกนางเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างเป็นธรรมชาติซูชิงลั่วชะงักไปชั่วขณะในหัวพลันผุดภาพคู่ชายหญิงบนรถม้าที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้นขึ้นมากะทันหัน แล้วพลอยนึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เคยอ่านตอนยังไม่รู้เดียงสา บุรุษและหญิงงามตกลงปลงใจกันบนรถม้า นางกระแอมออกมาเบาๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา"ข้าไม่ค่อยชินกับการนั่งบนเตียง นั่งที่นี่ก็พอ" นางยิ้มแห้งๆลู่เหิงจือสบายๆ ไม่ได้ถือสาอะไรนัก ก่อนจะหยิบหนังสือจากหีบที่อยู่ใต้เตียงออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ แล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านซูชิงลั่วโล่งอกยังดีที่ลู่เหิงจือไม่ได้มีความชอบประหลาดๆลู่เหิงจือค่อยๆ พลิกหนังสืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สายตากวาดมาที่นางปราดหนึ่ง แล้วกลับไปอยู่บนหนังสือต่อไม่รู้ว่าเพราะประหม่าหรืออย่างไร นางมักจะรู้สึกว่าสายตาที่ลู่เหิงจือมองนางแฝงไว้ด้วยความกรุ้มกริ่มนางเผลอตัวหดไปอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-28

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status