เหออวิ๋นเหยาเดาได้ไม่ผิด เหอหย่งไม่ได้เห็นหน้าแม่เล้าด้วยซ้ำ ก็ถูกลูกสมุนที่อยู่ข้างๆ ขวางทางไว้“พวกเจ้ากล้าดียังไง!” เหอหย่งแสดงอํานาจบาตรใหญ่ของตัวเองออกมา “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”ลูกสมุนผู้นั้นกลับไม่ยอมใช้วิธีนี้ “ใต้เท้าไม่จําเป็นต้องแสดงอํานาจบาตรใหญ่ที่นี่หรอกขอรับ วันนี้ต่อให้องค์ชายในวังมา ข้าน้อยก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน”พูดพลางชี้นิ้วไปรอบๆ “ไต้เท้าไปสืบดูเองสิขอรับ มาที่นี่ ใครบ้างที่ไม่ใช่คนใหญ่คนโต”ได้ยินถึงตรงนี้เหอหย่งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “จริงสินะ คนที่มาที่นี่ ใครบ้างไม่ใช่คนใหญ่คนโต”นอกจากนี้ เหอหย่งเองก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตัวตนของเขาจึงหยุดพูด น้ำเสียงลดต่ำลง “ขอให้เจ้าช่วยบอกท่านแม่เจ้าด้วย ข้าถูกใจแม่นางผู้นั้นจริงๆ อยากจะไถ่ตัวให้นาง”ลูกสมุนผู้นั้นยังคงไม่ยอมปล่อย “นายท่านไม่ต้องคิดแล้ว ที่นี่เราไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน”เหอหย่งพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสมุนผู้นั้นอยู่ครึ่งวัน พูดดีๆ ก็แล้ว แต่กลับไม่เห็นแม่เล้าผู้นั้นสักทีได้แต่กลับไปอย่างคับแค้นใจแต่ไม่นานหลังจากนั้น แม่เล้าก็ได้รับจดหมายจากเจ้านายของเขา บอกให้เขาขายหญิงสาวผู้นั้นให้กับเหอหย่ง
แต่บ่าวไพร่ทุกคนรู้ว่านายท่านอุ้มสตรีนางหนึ่งลงมาจากรถ และยังอุ้มไปที่เรือนของนางหลินโดยตรงเมื่อนางหลินเห็นเหออวิ๋นเหยา นางก็เป็นบ้าทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสายตาที่สิ้นหวังและรอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเหออวิ๋นเหยา นางหลินถึงกับคิดออกว่านางถูกทรมานอย่างไรแต่นางไม่กล้าแม้แต่จะถามว่าเหออวิ๋นเหยาว่ายังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่านางไม่กล้า นางกลัวที่จะทําร้ายความภาคภูมิใจในตนเองของอวิ๋นเหยา กลัวจะทําร้ายหัวใจตัวเองนางหลินกอดเหออวิ๋นเหยาไว้ในอ้อมแขน น้ำตาไหลไม่หยุดในปากเต็มไปด้วยคําด่าทอต่อนางโจว “นางโจว ข้าจะทําให้นางต้องตายให้ได้!”พูดจบก็ไม่สนใจว่าเหออวิ๋นเหยาที่ยังอยู่ข้างๆ นางเดินไปด้านข้างและคุกเข่าต่อหน้าเสนาบดีเหอ “นายท่าน ท่านต้องแก้แค้นแทนอวิ๋นเหยาของเรานะเจ้าคะ”เหอหย่งกลับมองเหออวิ๋นเหยาแวบหนึ่ง ยกนิ้วขึ้นหน้าริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางเงียบเสียงแค้นนี้เขาต้องแก้แค้นให้ลูกสาวแน่นอนนางโจวที่กําลังอยู่ในจวนอันกั๋วกงย่อมรู้ข่าวนี้เช่นกันทันใดนั้น นางไม่สนใจสายตาแปลกๆ ของคนอื่นและหัวเราะเสียงดังทันที "นางหลิน เหออวิ๋นเหยา ตอนนี้พวกเจ้าก็ได้รับผลกรรมแล้ว"นางโจวรู
พูดจบ เหอหย่งก็เดินตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจหลินเหอเฉิงอีกหลินเหอเฉิงมองเหอหย่งที่บ้าคลั่งตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะข่าวการกลับมาของเหออวิ๋นเหยาแพร่กระจายไปยังหูของซ่งชิงเหยียนโดยเผยฉู่เยี่ยนเมื่อเผยฉู่เยี่ยนมาถึง ซ่งชิงเหยียนและคนอื่นๆ ก็กลับมาจากตำหนักฮองเฮาด้วยความโกรธแน่นอนว่าคนที่โกรธมีเพียงจิ่นซินคนเดียวเท่านั้นซ่งชิงเหยียนปลอบโยนนางต่อหน้าเขา “เด็กคนนี้นับวันจะยิ่งไม่มีกฏระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สิ่งที่ฮองเฮาพูดก็ไม่ผิด นางเป็นฮองเฮาอยู่แล้ว ฟังนางก็ไม่ผิด”จิ่นซินกลับยังคงทําท่าทางโกรธ “พระสนมเพคะ นี่เป็นการแต่งงานขององค์รัชทายาท มีสิทธิ์อะไรให้นางตัดสินใจเพคะ?”“พระสนมต่างหากที่เป็นน้าแท้ๆ ขององค์รัชทายาท เรื่องนี้ต้องถามพระสนมก่อนสิเพคะ”จิ่นอวี้จึงเข้าใจ ที่แท้ก็เพื่อการแต่งงานขององค์รัชทายาทนี่เองแต่เมื่อเห็นท่าทางของจิ่นซินแล้ว กลับก้าวเข้าไปตําหนินางว่า “ตอนนี้เจ้ายิ่งไม่มีระเบียบมากขึ้นแล้ว อยู่ข้างนอกทําเช่นนี้ก็ช่างเถอะ ยังจะให้พระสนมปลอบเจ้าอีกหรือไง?”“หรือว่าเจ้ากลายเป็นเจ้านายของวังแห่งนี้แล้ว? ตําหนักชิงอวิ๋นของเราไม่สามารถร
ถ้าให้ข้าเดา สุดท้ายต้องกําหนดเป็นเดือนเก้าแน่นอน[พระมเหสีกลับ... โง่นิดหน่อย ตอนแรกก็อยากจะแสดงอํานาจให้ท่านแม่เห็นผ่านเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ แต่ข้าว่า จะทําให้เสด็จพ่อโกรธมากกว่า]เมื่อได้ยินเสียงของลู่ซิงหว่าน รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งชิงเหยียนก็ยิ่งกว้างขึ้นฮองเฮาเลือกเดือนแปดก็ช่างเถอะ แต่ดันเลือกวันที่ยี่สิบหกเดือนแปด วันที่ยี่สิบหกเดือนแปดเป็นวันเกิดของพี่หญิงนะฮ่องเต้ต้าฉู่จะเห็นด้วยเหรอ?เมื่อเห็นพระสนมของตัวเองกําลังยิ้มอยู่ จิ่นซินก็ทําปากจู๋อีก “พระสนม ทําไมท่านยังยิ้มได้ล่ะเพคะ?”“เจ้าวางใจได้” ซ่งชิงเหยียนตบไหล่จิ่นซิน “สุดท้ายจะต้องเลือกเดือนเก้าแน่นอน”เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของพระสนม จิ่นซินก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาซ่งชิงเหยียนพูดจบก็หันไปกอดลู่ซิงหว่านลู่ซิงหว่านในตอนนี้กลับอยู่ในอ้อมกอดของเผยฉู่เยี่ยนหลังจากกอดกันหลายครั้ง พวกเขาสองคนก็ปรับตัวเข้ากับเรื่องนี้ได้แล้วลู่ซิงหว่านก็ไม่โวยวายหาท่านแม่อีกต่อไปเผยฉู่เยี่ยนก็ไม่กลัวจนไม่กล้าขยับตัวอีกต่อไปแล้วเมื่อเห็นทั้งสองคนดูกลมกลืนกันขนาดนี้ นางก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉู่เยี่ยนตามข้าเข้าไปเถอะ”นางรู้ว่าเผยฉู่เยี่ย
หลังจากฟังลู่ซิงหว่านพูดเองเออเอง ซ่งชิงเหยียนก็มองไปที่เผยฉู่เยี่ยนด้วยรอยยิ้ม “ดูเจ้าตอนนี้สิ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นนะ”เผยฉู่เยี่ยนได้ยินคําพูดของพระสนม สายตาของเขาพลันชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ทําให้พระสนมเป็นกังวลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเหออีกเล็กน้อย เผยฉู่เยี่ยนก็อําลาและมุ่งหน้าไปยังตําหนักซิงหยางขององค์รัชทายาทเรื่องนี้สําคัญมาก ต้องแจ้งให้องค์รัชทายาททราบก่อนจะดีกว่ายังไงก็ตามเผยฉู่เยี่ยนเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาเข้าใจรายละเอียดเรื่องนี้ดีส่วนอันไหนควรพูด อันไหนไม่ควรพูด เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วซ่งชิงเหยียนมองแผ่นหลังของเผยฉู่เยี่ยนที่เดินจากไป แต่ยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้นางรู้ว่าเผยฉู่เยี่ยนปิดบังเรื่องเกี่ยวกับเหออวิ๋นเหยาไว้มากมาย และนางก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ส่งเหออวิ๋นเหยามาที่ซ่องลับแห่งนี้ต้องเป็นเผยฉู่เยี่ยนแน่นอนแต่นางไม่ได้ถามอะไรมากตอนนี้เด็กๆ โตขึ้นและมีความคิดของตัวเองแล้ว นางไม่ควรเข้าไปยุ่งมากเกินไปในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังเหม่อลอย จิ่นอวี้ก็เคาะประตูเข้ามา พูดเสียงเบาว่า “พระสนม จู๋อิ่งมาแล้วเพคะ”ซ
“เหอหย่งกับหลินเหอเฉิง เดิมทีก็ลงเรือลำเดียวกันอยู่แล้ว เหอหย่งถูกองค์ชายสามบีบคั้นเพราะบุตรสาวของเขาวางแผนฆ่าหลินอิน จึงจําเป็นต้องเชื่อฟัง”“ส่วนหลินเหอเฉิง กลับเพื่ออํานาจ”“ตอนนี้อาศัยอํานาจขององค์ชายสาม เลื่อนตําแหน่งจากรองราชเลขากรมขุนนางเป็นราชเลขากรมขุนนางแล้ว”“ต่อหน้าองค์ชายสาม หลินเหอเฉิงคนนี้มีอํานาจมากกว่าเหอหย่งอีก”ซ่งชิงเหยียนจึงหัวเราะหยัน เอ่ยปากว่า “ก็เป็นเรื่องปกติ เหอหย่งทําอย่างจนใจ แต่หลินเหอเฉิงทําเพื่ออํานาจ สําหรับจิ่นเฉินแล้ว หลินเหอเฉิงจึงน่าเชื่อถือกว่า”“ยังมีอีกคนหนึ่ง” จู๋อิ่งพูดอีกครั้ง “พระสนมยังจําจ้าวไซ่ยวนได้หรือไม่เพคะ?”[จําได้ จําได้]ซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ถูกลู่ซิงหว่านชิงตัดหน้าไปก่อนสาวน้อยคนนี้ ตอนนี้นับวันจะยิ่งซนมากขึ้นทุกทีซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและส่งสัญญาณให้จู๋อิ่งพูดต่อ“ตั้งแต่เขากลับมาเมืองหลวง ท่านโหวคนก่อนได้แนะนําให้เขาเป็นรองเสนาบดีกรมทหาร ตอนนี้ก็ได้สวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสามแล้ว”นี่เป็นสิ่งที่ซ่งชิงเหยียนคาดไม่ถึงจริงๆเป็นธรรมดาที่ลู่ซิงหว่านคาดไม่ถึง[คนคนนี้สมองไม่ค่อยดีใช่ไหม? ในนิทานเขียนไว้ว่าคนคนนี
ในเมื่อจ้าวไซ่ยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว วันหลังเมื่อตนเองเผชิญหน้ากับเขาอีก ก็ไม่จําเป็นต้องใจอ่อนแล้ว“พระสนม ยังมีอีกเรื่องหนึ่งเพคะ” ครั้งนี้คนที่เอ่ยปากคือเหมยอิ่งลู่ซิงหว่านยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่อยู่กับท่านแม่มานานขนาดนี้ ลู่ซิงหว่านก็ได้รู้ว่าปกติเหมยอิ่งจะควบคุมสถานการณ์โดยรวมเท่านั้นและตราบใดที่เหมยอิ่งมาถึงตรงหน้าท่านแม่ของนาง มันจะต้องมีข่าวสําคัญอย่างแน่นอนซ่งชิงเหยียนก็มองใบหน้าของเหมยอิ่งอย่างใจจดใจจ่อ“หลายวันมานี้ตอนที่ตรวจสอบตำหนักฮองเฮา ไม่พบว่าพวกนางไปมาหาสู่กับคนนอกแต่อย่างใด”“แต่ข้าน้อยกลับพบเรื่องหนึ่ง ฮองเฮา เกรงว่ากําลังใช้แกงเลี่ยงบุตรอยู่”แกงเลี่ยงบุตรเหรอ ซ่งชิงเหยียนตกตะลึงจริงๆเดิมนึกว่าเสิ่นหนิงวางแผนทีละขั้นทีละตอนเช่นนี้ เพื่อยึดอํานาจแต่ขั้นตอนแรกในการยึดอํานาจ ก็ควรมีทายาทของตัวเองไม่ใช่หรือ? มีทายาทแล้วถึงจะสู้กับองค์รัชทายาทได้แต่ทําไมนางถึงดื่มแกงเลี่ยงบุตร?นางไม่ต้องการลูกของตัวเอง แล้วนางวางแผนอะไรไว้สมองของซ่งชิงเหยียนสับสนวุ่นวายไปหมดจากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเหมยอิ่ง พยายามหาคําตอบจากนาง แต่เหมยอิ่งกลับยักไหล่ “คุณหนู หลายวันมา
พูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็มองไปที่ฉยงหัวอย่างกระอักกระอ่วนจะว่าไปแล้ว ถึงยังไงแม่นางฉยงหัวก็เป็นสตรีแต่นางกลับลืมไปว่าหมอไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ฉยงหัวจึงพูดตัดบทนางว่า “พระสนมอยากให้ข้าไปลองใจหรือ?”“อืม” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า “ข้าคิดถึงวิชาแพทย์ของแม่นางฉยงหัว ถ้านางกินยาเลี่ยงบุตรเมื่อเช้านี้ ตอนนี้ยังสามารถสืบได้หรือไม่?”ได้ยินถึงตรงนี้ฉยงหัวก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “หากเพิ่งกินเมื่อเช้านี้ เช่นนั้นพระสนมแค่พาข้าไปที่ข้างกายฮองเฮาก็ได้แล้ว ข้าสามารถดมกลิ่นออก”“ได้” พูดถึงตรงนี้ซ่งชิงเหยียนก็ลุกขึ้น พอดีเมื่อวานฮ่องเต้ต้าฉู่เพิ่งพักอยู่ในตำหนักฮองเฮา“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะปล่อยฮองเฮาไปสักครั้ง”แม้ว่าฉยงหัวจะสงสัยในความหมายที่ซ่งชิงเหยียนพูด แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่ยืนขึ้นและเดินตามซ่งชิงเหยียนออกไปรู้ว่าเสิ่นหนิงเป็นคนขี้สงสัย ซ่งชิงเหยียนก็ไม่ได้ไปที่ตําหนักจิ่นซิ่วโดยตรงแต่พาฉยงหัวไปยังตําหนักของไทเฮาก่อนด้วยความเคารพต่อฉยงหัว ซ่งชิงเหยียนไม่ได้นั่งเกี้ยว เพียงแต่เดินไปยังตําหนักหรงเล่อพร้อมกับฉยงหัวระหว่างทางทั้งสองก็พูดคุยและหัวเราะกัน ฉากนั้นกลมกลืนกันมากเ