“เหอหย่งกับหลินเหอเฉิง เดิมทีก็ลงเรือลำเดียวกันอยู่แล้ว เหอหย่งถูกองค์ชายสามบีบคั้นเพราะบุตรสาวของเขาวางแผนฆ่าหลินอิน จึงจําเป็นต้องเชื่อฟัง”“ส่วนหลินเหอเฉิง กลับเพื่ออํานาจ”“ตอนนี้อาศัยอํานาจขององค์ชายสาม เลื่อนตําแหน่งจากรองราชเลขากรมขุนนางเป็นราชเลขากรมขุนนางแล้ว”“ต่อหน้าองค์ชายสาม หลินเหอเฉิงคนนี้มีอํานาจมากกว่าเหอหย่งอีก”ซ่งชิงเหยียนจึงหัวเราะหยัน เอ่ยปากว่า “ก็เป็นเรื่องปกติ เหอหย่งทําอย่างจนใจ แต่หลินเหอเฉิงทําเพื่ออํานาจ สําหรับจิ่นเฉินแล้ว หลินเหอเฉิงจึงน่าเชื่อถือกว่า”“ยังมีอีกคนหนึ่ง” จู๋อิ่งพูดอีกครั้ง “พระสนมยังจําจ้าวไซ่ยวนได้หรือไม่เพคะ?”[จําได้ จําได้]ซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ถูกลู่ซิงหว่านชิงตัดหน้าไปก่อนสาวน้อยคนนี้ ตอนนี้นับวันจะยิ่งซนมากขึ้นทุกทีซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและส่งสัญญาณให้จู๋อิ่งพูดต่อ“ตั้งแต่เขากลับมาเมืองหลวง ท่านโหวคนก่อนได้แนะนําให้เขาเป็นรองเสนาบดีกรมทหาร ตอนนี้ก็ได้สวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสามแล้ว”นี่เป็นสิ่งที่ซ่งชิงเหยียนคาดไม่ถึงจริงๆเป็นธรรมดาที่ลู่ซิงหว่านคาดไม่ถึง[คนคนนี้สมองไม่ค่อยดีใช่ไหม? ในนิทานเขียนไว้ว่าคนคนนี
ในเมื่อจ้าวไซ่ยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว วันหลังเมื่อตนเองเผชิญหน้ากับเขาอีก ก็ไม่จําเป็นต้องใจอ่อนแล้ว“พระสนม ยังมีอีกเรื่องหนึ่งเพคะ” ครั้งนี้คนที่เอ่ยปากคือเหมยอิ่งลู่ซิงหว่านยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่อยู่กับท่านแม่มานานขนาดนี้ ลู่ซิงหว่านก็ได้รู้ว่าปกติเหมยอิ่งจะควบคุมสถานการณ์โดยรวมเท่านั้นและตราบใดที่เหมยอิ่งมาถึงตรงหน้าท่านแม่ของนาง มันจะต้องมีข่าวสําคัญอย่างแน่นอนซ่งชิงเหยียนก็มองใบหน้าของเหมยอิ่งอย่างใจจดใจจ่อ“หลายวันมานี้ตอนที่ตรวจสอบตำหนักฮองเฮา ไม่พบว่าพวกนางไปมาหาสู่กับคนนอกแต่อย่างใด”“แต่ข้าน้อยกลับพบเรื่องหนึ่ง ฮองเฮา เกรงว่ากําลังใช้แกงเลี่ยงบุตรอยู่”แกงเลี่ยงบุตรเหรอ ซ่งชิงเหยียนตกตะลึงจริงๆเดิมนึกว่าเสิ่นหนิงวางแผนทีละขั้นทีละตอนเช่นนี้ เพื่อยึดอํานาจแต่ขั้นตอนแรกในการยึดอํานาจ ก็ควรมีทายาทของตัวเองไม่ใช่หรือ? มีทายาทแล้วถึงจะสู้กับองค์รัชทายาทได้แต่ทําไมนางถึงดื่มแกงเลี่ยงบุตร?นางไม่ต้องการลูกของตัวเอง แล้วนางวางแผนอะไรไว้สมองของซ่งชิงเหยียนสับสนวุ่นวายไปหมดจากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเหมยอิ่ง พยายามหาคําตอบจากนาง แต่เหมยอิ่งกลับยักไหล่ “คุณหนู หลายวันมา
พูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็มองไปที่ฉยงหัวอย่างกระอักกระอ่วนจะว่าไปแล้ว ถึงยังไงแม่นางฉยงหัวก็เป็นสตรีแต่นางกลับลืมไปว่าหมอไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ฉยงหัวจึงพูดตัดบทนางว่า “พระสนมอยากให้ข้าไปลองใจหรือ?”“อืม” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า “ข้าคิดถึงวิชาแพทย์ของแม่นางฉยงหัว ถ้านางกินยาเลี่ยงบุตรเมื่อเช้านี้ ตอนนี้ยังสามารถสืบได้หรือไม่?”ได้ยินถึงตรงนี้ฉยงหัวก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “หากเพิ่งกินเมื่อเช้านี้ เช่นนั้นพระสนมแค่พาข้าไปที่ข้างกายฮองเฮาก็ได้แล้ว ข้าสามารถดมกลิ่นออก”“ได้” พูดถึงตรงนี้ซ่งชิงเหยียนก็ลุกขึ้น พอดีเมื่อวานฮ่องเต้ต้าฉู่เพิ่งพักอยู่ในตำหนักฮองเฮา“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะปล่อยฮองเฮาไปสักครั้ง”แม้ว่าฉยงหัวจะสงสัยในความหมายที่ซ่งชิงเหยียนพูด แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่ยืนขึ้นและเดินตามซ่งชิงเหยียนออกไปรู้ว่าเสิ่นหนิงเป็นคนขี้สงสัย ซ่งชิงเหยียนก็ไม่ได้ไปที่ตําหนักจิ่นซิ่วโดยตรงแต่พาฉยงหัวไปยังตําหนักของไทเฮาก่อนด้วยความเคารพต่อฉยงหัว ซ่งชิงเหยียนไม่ได้นั่งเกี้ยว เพียงแต่เดินไปยังตําหนักหรงเล่อพร้อมกับฉยงหัวระหว่างทางทั้งสองก็พูดคุยและหัวเราะกัน ฉากนั้นกลมกลืนกันมากเ
บางครั้งนางกลับรู้สึกว่า เด็กสาวเหล่านี้ก่อเรื่องวุ่นวายในวัง ก็ครึกครื้นมากเช่นกันขอเพียงไม่แตะเส้นตายของตัวเอง จะกําเริบเสิบสานหรือใช้อํานาจบาตรใหญ่สักหน่อย นางก็ไม่ค่อยสนใจสนมเหยาผินเพิ่งเห็นว่าคนที่อยู่ตรงข้ามคือซ่งชิงเหยียน นึกถึงฝ่ามือที่ถูกตบที่ตําหนักจิ่นซิ่วก่อนหน้านี้ ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อรีบสั่งขันทีน้อยที่ยกเกี้ยวว่า “เร็ว เร็ว รีบวางข้าลงเดี๋ยวนี้”พูดจบก็เดินไปทําความเคารพต่อหน้าซ่งชิงเหยียนอย่างรีบร้อน “หม่อมฉันสายตาไม่ดี มองไม่ออกว่าเป็นพระสนมหวงกุ้ยเฟย ขอพระสนมโปรดอภัยด้วยเพคะ”ซ่งชิงเหยียนเห็นนางรู้ความขนาดนี้ ก็ไม่ลําบากใจ แค่ยิ้ม “ลุกขึ้นเถอะ”จากนั้นเอนกายไปด้านข้าง “ในเมื่อสนมเหยาผินนั่งเกี้ยวอยู่ ก็ไปก่อนเถอะ ข้าจะหลีกทางให้เจ้าก็แล้วกัน”พูดถึงตรงนี้ก็จูงมือของฉยงหัวเดินไปทางด้านข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงเกี้ยวของสนมเหยาผินแต่การกระทําของซ่งชิงเหยียนนี้ กลับทําให้ความกล้าหาญของสนมเหยาผินหายไปครึ่งหนึ่ง รีบคุกเข่าลง “พระสนมโปรดอภัย หม่อมฉันไม่กล้า”ซ่งชิงเหยียนเพิ่งตระหนักว่าสนมเหยาผินเข้าใจผิดแล้วมองจิ่นอวี้ที่อุ้มหวานหว่านอยู่ด้านข้าง มองสนมเหยาผินนายบ่
ตอนนี้ภายใต้การสั่งสอนของเยว่หราน อวิ๋นหลานรู้ความมากแล้ว จึงยิ้มพลางค้อมกายให้ซ่งชิงเหยียนและเสิ่นหนิง “บ่าวบอกว่าจะไปแจ้ง แต่พระสนมหวงกุ้ยเฟยบอกว่าฮองเฮาไม่ว่าง ขอไม่รบกวนเพคะ”เสิ่นหนิงกับซ่งชิงเหยียนไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แค่เดินผ่านอวิ๋นหลานเข้าไปข้างในในชั่วพริบตาที่เสิ่นหนิงนั่งลง ก็เห็นฉยงหัวที่อยู่ข้างกายซ่งชิงเหยียนเสียงเตือนดังขึ้นในใจทันทีคิดดูแล้วยาของตัวเองและครั้งที่แล้วที่ถูกซ่งชิงเหยียนวางยาพิษ ล้วนเกี่ยวข้องกับหมอหญิงคนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทันใดนั้นก็เค้นรอยยิ้มออกมา มองไปทางฉยงหัว “นี่คือหมอหญิงในตำหนักของพระสนมหวงกุ้ยเฟยสินะ หน้าตางดงามจริงๆ”ฉยงหัวเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลง แต่ไม่ได้พูดอะไรซ่งชิงเหยียนย่อมแสดงละครได้เต็มที่ นางหันกลับไปมองฉยงหัวแวบหนึ่ง ท่าทางพอใจมาก “ทางพระพันปีได้รับยาของฉยงหัวแล้ว ดูเหมือนจะมีประโยชน์มาก ดังนั้นวันนี้พอมีเวลาว่าง จึงพาฉยงหัวไปที่ตําหนักหรงเล่อรอบหนึ่ง”“ตอนกลับตําหนักไปทางนี้ พอมาถึงตําหนักจิ่นซิ่ว ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงคิดจะมาบอกฮองเฮาสักหน่อย”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพียงแค่พูดก็พอ ไม่ต้องเกรงใจ”ซ
ทางฝั่งซ่งชิงเหยียนมาถึงที่หมายแล้ว ไม่ขออยู่นอบน้อมคล้อยตามกับเสิ่นหนิงอีกลุกขึ้นบอกลาซ่งชิงเหยียนระแวดระวังอย่างหาได้ยากยิ่ง จนกระทั่งกลับตำหนักชิงอวิ๋นแล้ว ถึงหันหน้าไปมองทางฉยงหัวรอคำตอบจากฉยงหัว“พระสนม ฮองเฮาใช้น้ำแกงลืมบุตรจริงเพคะ” ฉยงหัวพูดด้วยสีหน้ามั่นใจแท้จริงแล้วซ่งชิงเหยียนยอมรับคำตอบนี้ได้ตั้งนานแล้ว หลังได้ยินคำยืนยันจากฉยงหัว ทันใดนั้นสับสนขึ้นมาอันที่จริงนางไม่เข้าใจ ผลลัพธ์เช่นนี้ ตกลงดีหรือไม่อิงตามหลักการแล้ว ฮองเฮาไม่ยอมทิ้งบุตรสายตรงไว้ นั่นเป็นผลดีที่สุดต่อองค์รัชทายาทไม่มีแรงกดดันและความรับผิดชอบอะไรทว่าคนผู้นี้คือเสิ่นหนิง ยอมทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮานางไฉนเลยจะไม่ชอบอำนาจเล่า?ซ่งชิงเหยียนคิดว่าสมองกำลังจะระเบิด‘เสิ่นหนิงคงไม่ใช่ว่านึกถึงอาการบาดเจ็บคราวก่อน จึงคิดบำรุงร่างกายแล้วค่อยคลอดบุตรหรอกกระมัง’ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านเกิดความคิดแปลกประหลาดนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันช่างเถอะ คิดไปคิดมาก็ไม่ได้อะไร‘ท่านแม่ ข้าอยากออกไปเที่ยวเหลือเกิน อยู่ในวังไม่มีอะไรน่าสนใจเลย’‘ข้ามาถึงแคว้นต้าฉู่ได้อย่างยากลำบาก ก็ติดอยู่ในวังหลวง
แต่กลับเก้อกระดากอยู่บ้าง จึงหาข้ออ้างไม่หยุดเอ่ยถึงซ่งชิงฉี่ ซ่งชิงเหยียนถึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย “หม่อมฉันคิดว่าอายุของพี่ชายนี้ รับตำแหน่งแม่ทัพอยู่ที่ค่ายทหารทิศบูรพาก็ออกจะ...อ่อนเยาว์อยู่บ้าง”ได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งชิงเหยียน ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะออกมา “หากพี่ชายเจ้ารู้ว่าเจ้าพูดเช่นนี้ น่ากลัวว่าต้องรีบกลับมาตีเจ้าเป็นแน่”นึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็นึกถึงข่าวลือที่ได้ยินมาในระยะนี้ขึ้นได้ ถามหยั่งเชิง “หลานชายซ่งจั๋วคนนั้นของเจ้า เพราะเหตุใดต้องอยากไปชายแดนอย่างกะทันหันด้วยเล่า?”พูดถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ถึงขั้นถอดรองเท้าออกอย่างเรียบร้อย อุ้มลู่ซิงหว่านเอนกายบนเบาะที่ตั่งนุ่ม ท่าทางคล้ายต้องการเล่านิทานลู่ซิงหว่านกลับได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นครั้งแรก‘ตกลงเป็นข้าเลือกเสด็จพ่อเอง แม้แต่ท่าทางเกียจคร้านยังหล่อเหลาเพียงนี้’‘สมเป็นฮ่องเต้หล่อเหลายิ่งใหญ่ที่สุดในนิยาย คาดว่าพี่ชายองค์รัชทายาทหล่อเหลาเพียงนี้ จะต้องเป็นเพราะเสด็จพ่อหล่อมากกระมัง!’‘แต่ท่านป้าเองก็ต้องงดงามมากอย่างแน่นอน งามคล้ายท่านแม่’‘ไม่ถูก ในหนังสือเล่าว่า ท่านป้างามกว่าท่านแม่
“เหตุใดฝ่าบาททรงดีพระทัยเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ?”เหอเหลียนเหิงซินกลับไม่พูด เพียงยื่นจดหมายตรงหน้าใส่มือเฮ่อปาขุยอ่านจดหมายจบ เฮ่อปาขุยเงยหน้าช้อนตามองเหอเหลียนเหิงซินตรงหน้า “ฝ่าบาทหมายความว่า?”“ส่งจดหมายให้ติ้งกั๋วโหวคนใหม่หนึ่งฉบับ” เหอเหลียนเหิงซินมองเฮ่อปาขุยอย่างไว้ใจเต็มเปี่ยม “เราจะไปพบเขา”เหอเหลียนเหิงซินไว้ใจเจิงอี๋เหนียงคนนี้มากนางเป็นคนสอดแนมที่ตนส่งเข้าไปอยู่ในแคว้นต้าฉู่ราวเจ็ดถึงแปดปีเห็นจะได้ ระยะนี้เพิ่งกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง ในเมื่อนางส่งจดหมายมาพูดแล้ว เรื่องเหล่านั้นต้องเป็นจริงอย่างแน่นอนแม้เฮ่อปาขุยยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เห็นฝ่าบาทไว้ใจเพียงนี้ กลับไม่เปิดปากพูดอะไรอย่างไรเสียตอนนี้เพราะเรื่องเหรินอ๋องและเหอเหลียนจูลี่ ตำแหน่งของตนยามอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทก็ไม่เหมือนก่อนแล้ว พูดน้อยลงสักหน่อยย่อมเป็นการดีซ่งชิงฉี่ได้รับจดหมายจากเหอเหลียนเหิงซินอย่างว่องไว ทำให้ซ่งชิงฉี่ประหลาดใจก็คือ เหอเหลียนเหิงซินถึงขั้นเขียนจดหมายนี้ด้วยตนเองหลังอ่านจดหมายจบ ซ่งชิงฉี่ส่งจดหมายฉบับนั้นให้รองแม่ทัพข้างกายตน “เห็นที เพราะเรื่องเหอเหลียนเหรินซินถืออำนาจทางทหารไว้ในมือ เหอเหลี