“ได้ยินว่าแม่ทัพซ่งได้รับบรรดาศักดิ์แล้ว ยินดีด้วยอย่างยิ่ง” เหอเหลียนเหิงซินพูดถ้อยคำนี้อย่างจริงใจ “แต่กลับได้รู้ความลับบางอย่างด้วย”“ได้ยินมาว่าก่อนนี้ท่านโหวและฮ่องเต้ต้าฉู่บาดหมางกัน”“ยิ่งไปกว่านั้นเพราะท่านโหวผู้เฒ่าผลักดันให้ท่านเขารับตำแหน่งค่ายทหารทิศบูรพา บัดนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่เองก็กำลังสงสัยในตัวท่าน”พูดถึงตรงนี้เหอเหลียนเหิงซินก็มองซ่งชิงฉี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อบัดนี้ฝ่าบาทสงสัยครอบครัวของท่าน เชื่อว่าท่านโหวเองก็รู้ชัด หากไม่วางแผนล่วงหน้า น่ากลัวว่าจวนติ้งกั๋วโหวของท่านจะต้องหายไปจากแผ่นดินแคว้นต้าฉู่แล้ว”จากนั้นเสนอเงื่อนไขเย้ายวนใจ “หากท่านโหวพิจารณามาที่แคว้นเยว่เฟิงของเรา เรายินดีมอบบรรดาศักดิ์กงให้ท่านโหว”ได้ยินถ้อยคำนี้ของเหอเหลียนเหิงซิน ซ่งชิงฉี่กลับชะงักการกระทำเพียงชั่วขณะนี้ของซ่งชิงฉี่ กลับทำให้เหอเหลียนเหิงซินคิดว่าเขาหวั่นไหวแล้วตอนนี้คนยืนอยู่ข้างหลังซ่งชิงฉี่อย่างซ่งจั๋วกำหมัดแน่นอย่างโกรธขึ้งฮ่องเต้ของแคว้นเยว่เฟิง เป็นคนถ่อยเพียงนี้ ถึงขั้นยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและท่านพ่อ ช่างทำให้คนหมิ่นแคลนโดยแท้“เชิญกลับไปเถอะ!” ซ่งชิงฉี่กล
นี่ถึงมอบบัลลังก์ให้องค์ชายรองโดยตรง ส่วนเขาก็ไปพักผ่อนยามแก่เฒ่าแล้วในอดีตอ๋องอี้ซวนชอบองค์ชายใหญ่ที่สุด ส่วนเผยฉู่เยี่ยน ถึงขั้นหน้าตาคล้ายองค์ชายใหญ่เจ็ดถึงแปดส่วนยามอี้ซวนอ๋องได้พบเผยฉู่เยี่ยนเป็นครั้งแรก ก็ตกตะลึงจนเหม่อลอยไปแล้วดังนั้นจึงใส่ใจเขามากหน่อยทว่าเขาลองสืบมาหลายวันแล้ว กลับสืบไม่พบข่าวของมือสังหาร ทำได้เพียงส่งจดหมายตอบซ่งชิงเหยียนหนึ่งฉบับพูดเพียงว่าสืบหาไม่พบ ภายภาคหน้าจะระวังให้มาก สืบหาพบแล้วค่อยแจ้งนางชายแดนก็มีเรื่องยุ่งของชายแดน บัดนี้ภายในเมืองหลวงครึกครื้นมากงานแต่งของทายาทสายตรงจวนแม่ทัพทหารม้าและบุตรีคนโตของรองเสนาบดีกรมขุนนางใต้เท้าเสิ่น กำหนดขึ้นปลายเดือนนี้แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวจากวังหลวง หวงกุ้ยเฟยให้ความสำคัญต่อการแต่งงานนี้มาก ถึงขั้นมาส่งมอบของขวัญให้จวนหานด้วยตนเองดังนั้นเหล่าเหล่าฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวง จึงเตรียมการอย่างครึกครื้นได้ยินมาว่าตอนนี้รัชทายาทอันกั๋วกงอยู่ดูแลข้างกายพระสนม ยิ่งไปกว่านั้นหานซีเยว่เป็นฝ่าบาทพระราชแต่งตั้งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทและพวกองค์ชายรองย่อมมาด้วยตนเองถึงตอนนั้น
ซ่งชิงเหยียนก็นั่งบนตำแหน่งประธานเช่นนี้ สายตากวาดมองสตรีแต่งกายงดงามภายในลานบ้านคนแรกที่เข้าตานาง ย่อมเป็นหรงเหวินเมี่ยวที่กำลังยืนอยู่กับหานซีเยว่ซ่งชิงเหยียนพูดกับจิ่นซินที่อยู่ด้านข้าง “ไม่เห็นหรงเหวินเมี่ยวเข้าวังมานานมากแล้ว ไม่รู้นางสูงขึ้นหรือผอมลง ดูแล้วคล้ายสูงโปร่งมากขึ้นไม่น้อย”ขณะซ่งชิงเหยียนกำลังทอดสายตามองหรงเหวินเมี่ยวอยู่นั้น เหออวี่เหยาก็เดินเข้ามาทางฝั่งหนึ่ง ทำความเคารพซ่งชิงเหยียน “ถวายพระพรหวงกุ้ยเฟย”เห็นเหออวี่เหยา ซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกเสียดายขึ้นภายในใจอย่างอย่างอดไม่ได้นางคิดถึงมารดาจากไปก่อนวัยอันควรของเหออวี่เหยา เผยเสียนคนใจคอโหดร้ายอย่างเหอหย่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องตกนรกเป็นแน่“รีบลุกขึ้นเถิด!” ซ่งชิงเหยียนโบกมือให้นาง เป็นสัญญาณให้นางเข้าใกล้ตนอีกนิด “บัดนี้เรื่องภายในบ้านเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่?”เหออวี่เหยารู้ว่าญาติผู้น้องเล่าเรื่องเหล่านี้ให้หวงกุ้ยเฟยทั้งหมดแล้ว ดังนั้นยามเผชิญหน้าจึงไม่มีอะไรให้ปิดบังอีกเพียงหัวเราะเบาๆ “ทูลพระสนม ทั้งหมดล้วนเรียบร้อยดี น้องหญิงของหม่อมฉันก็ตามกลับมาแล้วเพคะ”“เพียงแต่บัดนี้อุปนิสัยของน้องหญิงเปลี่ยนไปม
เกิดความคิดนี้ขึ้น ซ่งชิงเหยียนตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทีหนึ่งตนเองอายุยังไม่ถึงสามสิบเลยนะ เหตุใดเกิดความคิดวางมาดถือดีของผู้อาวุโสเช่นนี้ได้เล่าองค์รัชทายาทย่อมมาคารวะซ่งชิงเหยียน “เดิมทีลูกเสร็จงานแล้วอยากไปที่ตำหนักชิงอวิ๋น เดินทางมาจวนตระกูลหานพร้อมพระสนม กลับได้ยินนางกำนัลตำหนักชิงอวิ๋นพูดว่าพระสนมเสด็จออกมาตั้งนานแล้ว กลับเป็นลูกมาช้าไปเสียแล้ว”ลู่ซิงหว่านหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้‘เสด็จพี่องค์รัชทายาทอย่าเปิดโปงท่านแม่อีกเลย ท่านแม่อับอายแทบแย่แล้ว’‘วันนี้ท่านแม่ออกมาเร็วก็เพราะอยากมาเที่ยวเล่นในเมืองนะ!’‘น่าเสียดายเวลาสั้นเกินไป อีกทั้งยังเป็นช่วงเช้า ไม่มีอะไรให้เลือกซื้อ’‘กระนั้นข้ากลับชอบกลิ่นอายของตลาดเช่นนี้มากนะ!’ซ่งชิงเหยียนเองก็หัวเราะอย่างเอือมระอา “วันนี้ตื่นเช้ามาก ไปกินมื้อเช้าที่หอชมจันทร์มาแล้ว”หานซีเยว่ได้ยินก็พูดยิ้มๆ “พระสนมเคยลิ้มรสเปี๊ยะเนื้อขาวของหอชมจันทร์แล้วหรือไม่? ได้ยินมาว่าพ่อครัวคนใหม่เป็นคนปรุง! รสชาติดีมากเพคะ”ภายในเสียงมีความออดอ้อนที่หาได้ยากแม้แต่หรงเหวินเมี่ยวเองก็ช้อนตามองหานซีเยว่อย่างสุดระงับแต่ไหนแต่ไรมาพี่หญิงตระกูลหานเป็
นึกถึงตรงนี้ ฮูหยินคนนี้ก็อยากตบปากตนเองเสียให้ได้บัดนี้สามีภรรยาอันกั๋วกงตายไปแล้ว ไฉนเลยจะมีน้องสาวคนหนึ่งได้แต่เผยฉู่เยี่ยนกลับไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ เพียงประกบมือเบาๆ “หวังฮูหยิน ท่านนี้คือองค์หญิงหย่งอัน”หวังฮูหยินท่านนี้ ก็คือฮูหยินของราชเลขากรมทหาร ในอดีตมาร่วมงานเลี้ยงใหญ่เหล่านี้ไม่บ่อย ดังนั้นจึงได้พบองค์หยิงหย่งอันเป็นครั้งแรกนางมองเผยฉู่เยี่ยน จากนั้นก้มหน้ามององค์หญิงหย่งอันต่อมาคุกเข่าลง “ถวายพระพรองค์หญิงหย่งอัน หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่”ในเมืองหลวงแห่งนี้ใครบ้างไม่รู้องค์หญิงหย่งอันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฝ่าบาท เมื่อครู่นางล่วงเกินองค์หญิงหย่งอันไปแล้วใช่หรือไม่ลู่ซิงหว่านยืนที่ฝั่งหนึ่ง คล้ายตกใจเพราะฮูหยินท่านนี้คุกเข่าลงอย่างกะทันหัน รีบขยับถอยหลังหลายก้าว ครู่ต่อมาล้มลงกับพื้นดังตุบหวังฮูหยินรีบถลันขึ้นไปประคองนาง ทันใดนั้น มือไม้ก็พันกันวุ่นวายไปหมด“ท่านอย่าทำให้หวานหว่านของพวกเราได้รับบาดเจ็บ นี่คือศิษย์ที่เจ้าสำนักเสวียนเทียนรักที่สุดเชียวนะ”“ใช่แล้วๆ คิดไม่ถึงว่าศิษย์ของเจ้าสำนักเสวียนเทียนผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้ตกต่ำถึงขั้นนี้ กลายเป็นทารกน้อยเดินได้ไม
ซิงเหนียวเหนี่ยวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกลับมองเห็นเงาของเผยฉู่เยี่ยนแล้ววันนี้เผยฉู่เยี่ยนไม่ได้สวมใส่อาภรณ์สีขาวดำอย่างหาได้ยาก แต่สวมใส่ชุดสีคราม คาดเอวด้วยเข็มขัดลายเมฆสีขาวจันทรา บนศีรษะครอบกวานหยกขาวเรียบง่าย มองเห็นความสง่างามห่างเหินได้อย่างชัดเจนซิงเหนียวเหนี่ยวทิ้งพี่หญิงน้องหญิงทางด้านข้างในทันใด ตามไปอยู่ข้างกายเผยฉู่เยี่ยน“รัฐทายาทเผย” ซิงเหนียวเหนี่ยวเดินเนิบนาบเข้ามาหาเผยฉู่เยี่ยน ทำความเคารพหน้าเผยฉู่เยี่ยน จนเกือบจะชนเข้ากับลู่ซิงหว่านที่กำลังเดินอยู่บนพื้นเผยฉู่เยี่ยนใส่ใจเพียงลู่ซิงหว่าน ทันใดนั้นยื่นแขนออกไปคว้าตัวลู่ซิงหว่านขึ้นมาเขาถอยหลังสองก้าว หันมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง “เดินเยี่ยงไรกัน!”ซิงเหนียวหนี่ยวถูกการกระทำนี้ของเผยฉู่เยี่ยนทำให้ตกใจ มิหนำซ้ำยังมีคนมากมายอยู่ในงาน ทันใดนั้นก็ระงับสีหน้าไม่อยู่อ้าปากได้ก็ร้องไห้ออกมาการกระทำเล็กๆ ของนางนี้ กลับทำให้ลู่ซิงหว่านหัวเราะออกมา‘คุณหนูตระกูลซิงท่านนี้อีกแล้ว ดูท่าแล้วมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเผยฉู่เยี่ยนมากนัก!’เพราะเสียงเผยฉู่เยี่ยนดังมาก สายตาหลายคู่ล้วนหันมองมาทางนี้แม้แต่ซ่งชิงเหยียนท
แต่เขาในเวลานี้ กลับรอบคอบมาก รู้จักหลักการก้าวเดินอย่างระมัดระวังนี้แล้วดังนั้นเมื่อได้รู้ว่าองค์รัชทายาทและองค์ชายรองล้วนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของหานซีสือนี้ เขาถึงขั้นไปขออนุญาตที่ห้องทรงพระอักษร เพื่อมาเข้าร่วมงานด้วยซ่งชิงเหยียนฝืนยิ้ม “จิ่นเฉินเองก็มาแล้ว”องค์ชายสามถ่อมตนอย่างมาก “ได้พบเสด็จพี่รอง มาสร้างความครึกครื้นมีความสุขร่วมกัน ก็ไม่รู้จะรบกวนตระกูลหานหรือไม่”“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น” ในเมื่อองค์ชายสามเสด็จมาเยือนตระกูลหาน คนเปิดปากเอ่ยย่อมเป็นหานซีเยว่ “ไม่ทราบว่าองค์ชายสามจะเสด็จมา หากต้อนรับไม่ดี องค์ชายสามโปรดอภัยด้วยเพคะ”มีองค์ชายสามอยู่ในงานเลี้ยง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปแล้วทุกคนเองก็ไม่สนุกครึกครื้นเหมือนเมื่อครู่ลู่ซิงหว่านอดพูดแขวะไม่ได้‘ไอหยา เหตุใดองค์ชายสามก็มาพร้อมกับเสด็จพี่รองได้เล่า ยังอยากเห็นพี่รองกับพี่หญิงตระกูลหรงสานสัมพันธ์กันอยู่เลย!’‘เหตุใดถึง...’‘ไม่ได้การ ข้าต้องเคลื่อนไหวแล้ว’นึกถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านก็เริ่มดิ้นออกจากตัวจิ่นซิน จากนั้นเดินโยกเยกไปทางองค์ชายสาม ถึงขั้นกุมมือของเขาซุนชิงเหยียนและองค์รัชทายาทหันมองหน้าสบตากัน จากนั
หากพูดว่าเขาไม่มีความรู้สึกอันใดต่อคุณหนูตระกูลหรงเลย นั่นเป็นเรื่องเท็จแท้จริงเขาเองก็ชมชอบอุปนิสัยแจ่มใสร่าเริงของคุณหนูหรงมาก ทว่าบัดนี้เขาอายุยังน้อยเกินไป ยังไม่คิดไปถึงด้านนั้นหันหน้ามองหรงเหวินเมี่ยว กลับพบว่านางคล้ายผอมลงไม่น้อยจึงเอ่ยถามว่า “กลับไม่ทันสังเกต เหตุใดแม่นางหรงซูบผอมกว่าเมื่อก่อนถึงเพียงนี้? ร่างกายไม่สบายที่ใดหรือ?”ซ่งชิงเหยียนเห็นองค์ชายรองใส่ใจเพียงนี้ มุมปากยกขึ้นอย่างสุดระงับหากไม่ใช่หวานหว่านเป็นคนพูดว่า องค์ชายรองคือพระเอกในนิยายแล้วล่ะก็ เทียบกับหลานชายทึมทื่อของตนคนนั้น นับว่าดีกว่ามากซ่งชิงเหยียนนึกถึงตรงนี้ หันมององค์รัชทายาททางด้านข้างอย่างอดไม่ได้เห็นเขากำลังพูดคุยพลางหัวเราะกับหานซีเยว่ทันใดนั้นปฏิเสธความคิดเมื่อครู่ของตน ตนผิดไปแล้ว หลานชายของตนนี้ก็ดีมากเช่นกันเป็นพระเอกที่ดีมากคนหนึ่งหรงเหวินเมี่ยวมีเบาะรองเมื่อครู่ บัดนี้นับว่าสบายไม่น้อย มองทางองค์ชายรองยิ้มๆ “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเพคะ เพียงแต่ระยะนี้งานภายในบ้านมีมากอยู่บ้าง”องค์ชายรองได้ฟังนาง ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองเงยหน้ามองเสด็จพี่ กลับเห็นเขากำลังสนทนากับคุณห