แต่เขาในเวลานี้ กลับรอบคอบมาก รู้จักหลักการก้าวเดินอย่างระมัดระวังนี้แล้วดังนั้นเมื่อได้รู้ว่าองค์รัชทายาทและองค์ชายรองล้วนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของหานซีสือนี้ เขาถึงขั้นไปขออนุญาตที่ห้องทรงพระอักษร เพื่อมาเข้าร่วมงานด้วยซ่งชิงเหยียนฝืนยิ้ม “จิ่นเฉินเองก็มาแล้ว”องค์ชายสามถ่อมตนอย่างมาก “ได้พบเสด็จพี่รอง มาสร้างความครึกครื้นมีความสุขร่วมกัน ก็ไม่รู้จะรบกวนตระกูลหานหรือไม่”“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น” ในเมื่อองค์ชายสามเสด็จมาเยือนตระกูลหาน คนเปิดปากเอ่ยย่อมเป็นหานซีเยว่ “ไม่ทราบว่าองค์ชายสามจะเสด็จมา หากต้อนรับไม่ดี องค์ชายสามโปรดอภัยด้วยเพคะ”มีองค์ชายสามอยู่ในงานเลี้ยง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปแล้วทุกคนเองก็ไม่สนุกครึกครื้นเหมือนเมื่อครู่ลู่ซิงหว่านอดพูดแขวะไม่ได้‘ไอหยา เหตุใดองค์ชายสามก็มาพร้อมกับเสด็จพี่รองได้เล่า ยังอยากเห็นพี่รองกับพี่หญิงตระกูลหรงสานสัมพันธ์กันอยู่เลย!’‘เหตุใดถึง...’‘ไม่ได้การ ข้าต้องเคลื่อนไหวแล้ว’นึกถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านก็เริ่มดิ้นออกจากตัวจิ่นซิน จากนั้นเดินโยกเยกไปทางองค์ชายสาม ถึงขั้นกุมมือของเขาซุนชิงเหยียนและองค์รัชทายาทหันมองหน้าสบตากัน จากนั
หากพูดว่าเขาไม่มีความรู้สึกอันใดต่อคุณหนูตระกูลหรงเลย นั่นเป็นเรื่องเท็จแท้จริงเขาเองก็ชมชอบอุปนิสัยแจ่มใสร่าเริงของคุณหนูหรงมาก ทว่าบัดนี้เขาอายุยังน้อยเกินไป ยังไม่คิดไปถึงด้านนั้นหันหน้ามองหรงเหวินเมี่ยว กลับพบว่านางคล้ายผอมลงไม่น้อยจึงเอ่ยถามว่า “กลับไม่ทันสังเกต เหตุใดแม่นางหรงซูบผอมกว่าเมื่อก่อนถึงเพียงนี้? ร่างกายไม่สบายที่ใดหรือ?”ซ่งชิงเหยียนเห็นองค์ชายรองใส่ใจเพียงนี้ มุมปากยกขึ้นอย่างสุดระงับหากไม่ใช่หวานหว่านเป็นคนพูดว่า องค์ชายรองคือพระเอกในนิยายแล้วล่ะก็ เทียบกับหลานชายทึมทื่อของตนคนนั้น นับว่าดีกว่ามากซ่งชิงเหยียนนึกถึงตรงนี้ หันมององค์รัชทายาททางด้านข้างอย่างอดไม่ได้เห็นเขากำลังพูดคุยพลางหัวเราะกับหานซีเยว่ทันใดนั้นปฏิเสธความคิดเมื่อครู่ของตน ตนผิดไปแล้ว หลานชายของตนนี้ก็ดีมากเช่นกันเป็นพระเอกที่ดีมากคนหนึ่งหรงเหวินเมี่ยวมีเบาะรองเมื่อครู่ บัดนี้นับว่าสบายไม่น้อย มองทางองค์ชายรองยิ้มๆ “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเพคะ เพียงแต่ระยะนี้งานภายในบ้านมีมากอยู่บ้าง”องค์ชายรองได้ฟังนาง ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองเงยหน้ามองเสด็จพี่ กลับเห็นเขากำลังสนทนากับคุณห
ลู่ซิงหว่านถึงขั้นว่าได้ยินเสียงพูดคุยกันของสองคนนั้นอย่างชัดเจน“หลินเหอเฉิง ท่านอย่าคิดว่าบัดนี้อาศัยองค์ชายสามแล้ว ก็สามารถไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาได้”“น้องเขยระงับโทสะด้วย ข้าสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ ทั้งหมดล้วนอาศัยกำลังสนับสนุนจากน้องเขย ไฉนเลยจะไม่เห็นน้องเขยอยู่ในสายตาได้เล่า” สุ้มเสียงกลับแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจลู่ซิงหว่านฟังออก นี่คือเหอหย่งและหลินเหอเฉิงสองคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่และ ‘คุยกันอย่างลับๆ’ ไม่สิ ‘ทะเลาะกันอย่างลับๆ’ มากกว่าลู่ซิงหว่านเงยหน้าช้อนตามององค์ชายสามแวบหนึ่ง กลับเห็นเขามองทางนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า นึกลำพองใจภายในใจดังคาด ระยะห่างนี้มีเพียงตนเองสามารถได้ยินลู่ซิงหว่านเกิดความคิดอยากฟังละครฉากสนุก จูงมือขององค์ชายสามไปนั่งบนหินริมทางองค์ชายสามพูดไม่ออกอยู่บ้างเอ่อ...พระสนมเฉินคือคนไม่มีกฎระเบียบคนหนึ่ง ทว่าลู่ซิงหว่านคนนี้กลับไม่มีกฎระเบียบยิ่งกว่านั่งริมทางเช่นนี้ ช่างขาดรัศมีของเชื้อพระวงศ์โดยแท้ทว่าเขากลับคร้านจะสนใจนาง เพียงตามไปยืนที่ฝั่งหนึ่ง สายตาหันมองบริเวณที่ลู่ซิงหว่านจับจ้องอยู่ตลอดแห่งนั้นลู่ซิงหว่านเองก็
ช่างเถอะ หากไม่มีเงิน ก็ใช้สินสอดทองหมั้นนั้นไปแลกเงินอย่างไรเล่าตนเองก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้วเห็นลู่ซิงหว่านคล้ายต้องการกลับแล้ว สมองขององค์ชายสามปรากฏภาพแขกหญิงภายในงานชื่นชมตนขึ้นได้เขาก้าวเท้าไล่ตาม ย่อตัวหน้าลู่ซิงหว่าน “ซิงหว่าน เสด็จพี่สามอุ้มเจ้าดีหรือไม่?”ลู่ซิงหว่านตกใจต่อการกระทำอย่างกะทันหันขององค์ชายสาม ชะงักไปเล็กน้อยขณะองค์ชายสามคิดว่าเด็กคนนี้ต้องการปฏิเสธตนเอง ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านกางแขนออก ให้เขาอุ้มตนคราวนี จิ่นซินที่อยู่ด้านหลังว้าวุ่นแล้วองค์หญิงและองค์ชายสามความสัมพันธ์ดีเพียงนี้เชียวหรือ?ยามสองสามคนกลับเข้างานเลี้ยง บังเอิญองค์รัชทายาทและองค์ชายรองกำลังจะไปเรือนส่วนหน้าพอดีเห็นองค์ชายสามอุ้มลู่ซิงหว่านมา องค์ชายรองนึกแปลกใจในทันใด คิดไม่ถึงหวานหว่านถึงขั้นเข้ากับองค์ชายสามได้ดีเพียงนี้เห็นพวกเขาคล้ายกำลังจะไป องค์ชายสามนึกร้อนใจขึ้นภายในใจตนเองมาวันนี้มิใช่เพื่อดูแลเด็กเสียหน่อย เป้าหมายของตนคือไล่ตามองค์รัชทายาทอย่างกระชั้นชิด ดูว่าปกติแล้วเขาติดต่อกับใคร“เสด็จพี่จะไปแล้วหรือ?” เห็นองค์รัชทายาทและองค์ชายรองไม่พูดจา องค์ชายสามเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อ
‘ทว่าตอนนี้ข้าเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ รังแกข้าหรือ? เสด็จพ่อตัดหัวเจ้าแน่!’นึกถึงตรงนี้ลู่ซิงหว่านก็ขยับถอยหลังหลายก้าว เงยหน้ามองใบหน้าคนผู้นั้น‘อ้อ เป็นซิงเหนียวเหนี่ยวหรือนี่’‘ดูท่าแล้วต้องการระบายโทสะที่ถูกเผยฉู่เยี่ยนโมโหใส่ข้าเสียแล้ว’เห็นองค์หญิงของตนขยับถอยหลังหลายก้าว จิ่นซินคิดว่าซิงเหนียวเหนี่ยวชนนาง รีบถลันขึ้นไปค้อมเอวประคองลู่ซิงหว่าน อุ้มนางเข้าอ้อมอกของตนก่อนเอ่ยปากอย่างทรงพลัง “คุณหนูตระกูลใดไม่มีตา ชนองค์หญิงของพวกเราแล้ว?”“คุณหนูท่านนี้ หากสายตาไม่ดี ไปหาหมอจะดีกว่าเจ้าค่ะ”ลู่ซิงหว่านถูกจิ่นซินอุ้มไว้ในอ้อมกอด เอียงหน้ามองจิ่นซิน‘ว้าว พี่หญิงจิ่นซินของข้ายอดเยี่ยมเพียงนี้เชียว!’‘ลุยเลยพี่หญิงจิ่นซิน ท่านทำได้ ทำให้พวกนางรู้ถึงความยอดเยี่ยมของท่าน ไม่สิ เป็นความยอดเยี่ยมของข้า’จินซินเปล่งวาจานี้ออกไป พวกพี่หญิงน้องหญิงที่อยู่ไม่ห่างจากซิงเหนียวเหนี่ยวเหล่านั้น ก็แยกย้ายออกไปในทันใดเมื่อครู่หลังซิงเหนียวเหนี่ยวถูกเผยฉู่เยี่ยนตะคอกใส่ พวกนางย่อมเข้ามาห้อมล้อมปลอบใจหลังซิงเหนียวเหนี่ยวสะอึกสะอื้นอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นคล้ายตัดสินใจแล้วก็มิปาน “ข้าจะ
ทุกคนในลานบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบ เสียงดังไปถึงทางฝั่งซ่งชิงเหยียนอย่างรวดเร็วมากเมื่อครู่พวกหานซีเยว่ไปต้อนรับแขกที่แห่งอื่น บัดนี้กลับมีเพียงซ่งชิงเหยียนและจิ่นอวี้อยู่ด้วยกันยังมีหญิงออกเรือนแล้วสองสามคนเข้ามาสนทนาด้วยเดิมทีซ่งชิงเหยียนก็คิดอยากรับชมความครึกครื้น เอียงหน้าหันไปทางนั้น “จิ่นอวี้ ทางฝั่งนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เผยฉู่เยี่ยนกลับยืนข้างกายซ่งชิงเหยียนอยู่ตลอดไม่รอให้จิ่นอวี้ขยับ เขาเดินออกไปทางฝั่งนั้นหลายก้าวหลังผ่านไปครู่หนึ่ง รีบก้าวเท้าฉับไวกลับมา “พระสนม ดูเหมือนจะเป็นองค์หญิงหย่งอันเพคะ”ซ่งชิงเหยียนได้ยินก็ขมวดคิ้ว หญิงออกเรือนแล้วหลายคนหันมองทางซ่งชิงเหยียนอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวนางจะเกิดโทสะขึ้นมานางกลับไม่ใส่ใจ อย่างไรเสียจิ่นซินและหวานหว่านล้วนมิใช่คนยอมเสียเปรียบแต่เพราะแปลกใจมาก จึงลุกขึ้นยิ้มพลางมองหญิงออกเรือนแล้วหลายท่านนั้น “ทุกท่านนั่งไปก่อน ข้าจะไปดูหย่งอันสักหน่อย”พูดจบก็ไม่ต้องให้จิ่นอวี้ประคอง ก้าวเท้าออกไปทางฝั่งลู่ซิงหว่านด้วยตนเองเห็นซ่งชิงเหยียนจากไป เหล่าฮูหยินทางด้านหลังกระซิบขึ้นมา“คิดไม่ถึงว่าหวงกุ้ยเฟยถึงขั้นเข้าถึ
‘ท่านแม่ ท่านจัดการเรื่องของท่านดีๆ เถอะ อุ้มเด็กคนหนึ่งไม่มีความน่าครั่นคร้ามเอาเสียเลย’ซ่งชิงเหยียนหัวเราะ นี่ถึงหมุนตัวมองทางซิงเหนียวเหนี่ยวและซิงฮูหยินตรงหน้า“คุณหนูซิงมิได้ตั้งใจกระนั้นหรือ?” ซ่งชิงเหยียนเอ่ยปากอีกครั้ง ไม่มีสีหน้ามีความสุขเหมือนเมื่อครู่แล้ว สุ้มเสียงเย็นชาปานน้ำค้างแข็งทำให้ซิงเหนียวเหนี่ยวกลัวจนพูดไม่ออก“ทูล...ทูลพระสนม ใช่เพคะ”“แต่ข้าได้ยินอย่างชัดเจน ว่าเจ้าขวางหน้าองค์หญิงหย่งอันอยู่หลายหน”จิ่นซินหันมองซ่งชิงเหยียนอย่างแปลกใจ ที่แท้พระสนมก็รู้แล้วนับตั้งแต่พระสนมปรากฏตัวออกมา นางก็ยืนอยู่ที่ฝั่งหนึ่งไม่ได้พูดอะไร นางยังจำสิ่งที่จิ่นอวี้สอนเมื่อหลายวันก่อนได้ อยู่ในวังไม่ว่าอะไรก็ล้วนดี แต่ออกมาแล้ว นางเป็นหน้าตาของตำหนักชิงอวิ๋นดังนั้นจะทำให้คนคิดว่าตำหนักชิงอวิ๋นไม่มีกฎระเบียบไม่ได้ไม่รอให้ซิงฮูหยินและซิงเหนียวเหนี่ยวอธิบาย ซ่งชิงเหยียนเอ่ยปาก “ในเมื่อวันนี้เป็นวันดีของคุณชายตระกูลหานและคุณหนูตระกูลเสิ่น ก็อย่าได้เห็นเลือดเลย”ซิงฮูหยินได้ยินก็เงยหน้าขึ้นช้อนตามองซ่งชิงเหยียน ภายนอกล้วนพูดว่าหวงกุ้ยเฟยอุปนิสัยอ่อนโยนที่สุด เหตุใดตอนนี้ถึงข
หลังซิงเหนียวเหนี่ยวและซิงฮูหยินออกจากจวนหานแล้ว ลู่ซิงหว่านถึงโผเข้าหาอ้อมกอดของซ่งชิงเหยียนอย่างชมชอบพึงพอใจ‘ท่านแม่ข้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก ทั้งออกหน้าแทนหวานหว่าน ทั้งทำเรื่องมีเมตตาอีก!’‘ท่านแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดเลย’‘คราวนี้ซิงเหนียวเหนี่ยวคนนั้นก็จะได้จดจำเอาไว้ นางอยากล่วงเกินใครก็ย่อมได้ ก็แค่ต้องอยู่ห่างข้ามากหน่อยจึงจะดี’ซ่งชิงเหยียนอุ้มนางมาและหอม นี่ถึงกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนลู่ซิงหว่านเองก็ไม่ใส่ใจไปเล่นกับดอกไม้อะไรอีก เดินเล่นตลอดช่วงเช้านางเองก็เหนื่อยแล้วอย่างไรเสียวันเวลายังอีกยาวไกล วิชาสื่อสารกับวิญญาณของนางนี้รอมาได้นับหลายร้อยปี ย่อมไม่ขาดช่วงเวลานี้ไปซ่งชิงเหยียนนั่งได้ไม่นานนัก หานฮูหยินกลับก้าวเท้าฉับไวเข้ามา “หวงกุ้ยเฟยโปรดลงโทษด้วย เป็นหม่อมฉันดูแลไม่ดีเองเพคะ”พูดไปก็คุกเข่าลงซ่งชิงเหยียนรีบส่งสัญญาณให้จิ่นซินไปประคองคน “หานฮูหยินพูดอะไรกัน ก็แค่เด็กไม่รู้ความคนหนึ่ง วันนี้เป็นวันดีของคุณชายบ้านเจ้า ฮูหยินยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงก็พอ”หานฮูหยินกล่าวขอบคุณอย่างอารมณ์ดีเมื่อครู่นางยังยุ่งกับการรับแขก ได้ยินเรื่องนี้ที่เรือนส่วนใน ก็ร้อนใจจนฝ่าเท้า