หลังซิงเหนียวเหนี่ยวและซิงฮูหยินออกจากจวนหานแล้ว ลู่ซิงหว่านถึงโผเข้าหาอ้อมกอดของซ่งชิงเหยียนอย่างชมชอบพึงพอใจ‘ท่านแม่ข้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก ทั้งออกหน้าแทนหวานหว่าน ทั้งทำเรื่องมีเมตตาอีก!’‘ท่านแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดเลย’‘คราวนี้ซิงเหนียวเหนี่ยวคนนั้นก็จะได้จดจำเอาไว้ นางอยากล่วงเกินใครก็ย่อมได้ ก็แค่ต้องอยู่ห่างข้ามากหน่อยจึงจะดี’ซ่งชิงเหยียนอุ้มนางมาและหอม นี่ถึงกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนลู่ซิงหว่านเองก็ไม่ใส่ใจไปเล่นกับดอกไม้อะไรอีก เดินเล่นตลอดช่วงเช้านางเองก็เหนื่อยแล้วอย่างไรเสียวันเวลายังอีกยาวไกล วิชาสื่อสารกับวิญญาณของนางนี้รอมาได้นับหลายร้อยปี ย่อมไม่ขาดช่วงเวลานี้ไปซ่งชิงเหยียนนั่งได้ไม่นานนัก หานฮูหยินกลับก้าวเท้าฉับไวเข้ามา “หวงกุ้ยเฟยโปรดลงโทษด้วย เป็นหม่อมฉันดูแลไม่ดีเองเพคะ”พูดไปก็คุกเข่าลงซ่งชิงเหยียนรีบส่งสัญญาณให้จิ่นซินไปประคองคน “หานฮูหยินพูดอะไรกัน ก็แค่เด็กไม่รู้ความคนหนึ่ง วันนี้เป็นวันดีของคุณชายบ้านเจ้า ฮูหยินยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงก็พอ”หานฮูหยินกล่าวขอบคุณอย่างอารมณ์ดีเมื่อครู่นางยังยุ่งกับการรับแขก ได้ยินเรื่องนี้ที่เรือนส่วนใน ก็ร้อนใจจนฝ่าเท้า
วันนี้องค์ชายสามอารมณ์ดีมาก ย่อมต้องดีใจแน่นอนวันนี้เขาอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท กลับไม่เห็นใครมาชนแก้วคารวะกับเขา อีกทั้งยังไม่มีการกระทำผิดแปลกอะไรตรงข้ามกัน กลับมีคนมาชนแก้วกับเขาไม่น้อย สุ้มเสียงเปี่ยมความเคารพตนรู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้างอย่างอดไม่ได้ เพื่อคุ้มกันอันตรายขององค์ชายสาม วันนี้ข้างกายเขาได้ก่วงเฉียนมาปรนนิบัติ แต่ไหนแต่ไรมาก่วงเฉียนล้วนเป็นคนประหยัดถ้อยคำคนหนึ่งทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมเขาเสียงค่อย “องค์ชายดื่มสุราน้อยลงหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจะเสียเรื่องเอาได้”องค์ชายสามกลับโบกมือไม่ใส่ใจ เดินท่ามกลางกลุ่มคนต่อก่วงเฉียนทำได้เพียงระวังตัวอยู่ตลอดส่วนองค์รัชทายาทถือจอกสุราเดินไปกลับ มองดูแล้วดื่มไปไม่น้อย แท้จริงแล้วกลับไม่ได้ดื่มแม้หยดเดียวในที่สุดก็มาถึงสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง องค์ชายรองถึงมีเวลาสนทนากับองค์รัชทายาท แต่ยังจำเรื่องหรงเหวินเมี่ยวอยู่ภายในใจองค์รัชทายาทเองก็เห็นท่าทางลังเลของเขา ยิ้มพลางสบมององค์ชายรอง “จิ่นอวี้ เจ้ามีเรื่องพูดก็พูดออกมาเถอะ มีเรื่องอะไร พวกเราพี่น้องสามารถปรึกษากันได้”องค์ชายรองเองก็เก็บท่าทางเก้อกระดากของตน ก้มหน้
ยามที่พวกซ่งชิงเหยียนออกจากจวนแม่ทัพหาน ก็เป็นยามเว่ยสามเค่อแล้วเพราะกังวลจะรบกวนเวลาพักผ่อนขององค์หญิงใหญ่ ซ่งชิงเหยียนให้ขันทีขับรถม้าอ้อมเมือง หวานหว่านเองก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของตลาดนอกวังอีกด้วยทว่าไม่รู้บังเอิญหรือไม่ หลังผ่านช่วงกลางวันก็คือช่วงเวลาพักผ่อนยามบ่าย บนถนนยังมีคนไม่มากดังเดิมยิ่งไปกว่านั้น ผ่านไปได้ครึ่งทาง ลู่ซิงหว่านถึงขั้นหลับไปแล้วก่อนนอน ลู่ซิงหว่านยังบ่นงึมงำไม่หยุด‘ท่านแม่ ภายนอกวังดีเหลือเกิน อยากไปที่ใดก็ไปที่นั่นได้’‘บรรยากาศนอกวังคล้ายสดใหม่เป็นพิเศษนะ! ท่านแม่...ง่วงเหลือเกิน...’ซ่งชิงเหยียนหันมองข้างหน้า หันกลับมาอีกครั้ง ลู่ซิงหว่านที่ถูกจิ่นอวี้อุ้มอยู่ในอ้อมกอดก็ก้มหน้า ถึงขั้นหลับไปแล้วเห็นนางเป็นเช่นนี้ หางตาซ่งชิงเหยียนยกขึ้นน้อยๆ มุมปากกระตุกเบาๆนางหมุนตัวเปิดผ้าม่านเผยฉู่เยี่ยนขี่ม้าขนาบอยู่ทางด้านข้างมองเห็นการกระทำเล็กๆ ของซ่งชิงเหยียนในทันที เอ่ยปากถามว่า “พระสนม มีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ซ่งชิงเหยียนส่งเสียง ‘ชู่ว์’ เบาๆ “ให้รถม้าวิ่งช้าลงหน่อย หวานหว่านหลับแล้ว”เผยฉู่เยี่ยนได้ยินก็หัวเราะ หันไปออกคำสั่งคนขับรถม้ากลับบ่
เดินไปอีกหลายก้าว ทันใดนั้นองค์หญิงใหญ่นึกบางอย่างขึ้นได้อย่างกะทันหัน หันหน้าไปมองข้างหลัง เอ่ยปากถามอย่างสงสัย “เหตุใดวันนี้ท่านน้าไม่พาหวานหว่านมาด้วยเล่า? แต่กลับพาจิ่นซินออกมาเพียงคนเดียว”“หวานหว่านกำลังนอนหลับ จิ่นอวี้อุ้มเดินอยู่บนระเบียงทางเดิน ดังนั้นจึงช้าไปบ้าง” พูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็หันหน้ากลับไปมอง กลับช้ามากจริงๆนางคล้ายสังเกตไม่เห็นเลยว่า เมื่อครู่ฝีเท้านางเร็วมากเพียงใดบ่าวตัวน้อยคนนั้นเกือบต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะถามนางทันคนมามาก ย่อมไม่สามารถพูดกันบนระเบียงทางเดินได้ สองสามคนจึงเข้าไปภายในห้องวันนี้ร้อนมาก ข้างนอกยังมีลมอยู่บ้าง ภายในห้องกลับร้อนอบอ้าว ก็เพราะองค์หญิงใหญ่กำลังตั้งครรภ์จึงกลัวร้อน ดังนั้นจึงให้ยกน้ำแข็งเข้ามาตั้งแต่แรกเห็นซ่งชิงเหยียนนั่งลงแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงเอ่ยปากถาม “เหตุใดวันนี้ท่านน้ามีเวลาว่างออกจากวังได้หรือเจ้าคะ?”ฉินหางเองก็ช่วยงานอยู่ทางด้านข้าง ยกน้ำชาให้ซ่งชิงเหยียนหนึ่งถ้วยซ่งชิงเหยียนมองไอร้อนของชานั้น ยากจะดื่มลงไปได้ ทำเพียงมองดูทีหนึ่ง กลับไม่ยกขึ้นมาหันมององค์หญิงใหญ่ พูดว่า “บัดนี้เจ้าอยู่ในจวนจนเลอะเลือนไปแล้ว วั
นางรู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนท่านน้าคลอดหวานหว่านถูกพระสนมเต๋อเฟยลอบทำร้าย ดังนั้นจึงระแวดระวังถึงเพียงนี้ส่วนซ่งชิงเหยียนพูดจบประโยค ก็อึ้งงันไปนางคล้ายพี่หญิงมากขึ้นไปทุกทีแล้วคล้ายนาง ชอบบ่นนั่นนี่แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนไม่ใส่ใจต่อสิ่งใด สรุปคือยามฝึกวิชายุทธ์ไม่ทันระวังจึงทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ พี่หญิงมักบ่นนางอยู่ข้างหลังให้นางระวังมิให้ได้รับบาดเจ็บ ให้นางระวังมิให้ทำให้คนอื่นบาดเจ็บทว่าทุกครั้งนางได้รับบาดเจ็บ พี่หญิงมักช่วยใส่ยาให้นางทุกครั้งนางทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ก็เป็นพี่หญิงลากนางไปขอโทษอีกฝ่าย ซ่งชิงเหยียนรู้เช่นนี้ไม่ดี แต่เพียงนึกถึงพี่หญิง นางก็ตกอยู่ในห้วงอารมณ์นี้ ทรมานยิ่งนัก“พระสนมหวงกุ้ยเฟย ซิงรั่ว” ยังดีฉินหางมาขัดอารมณ์นี้ของพวกนาง เห็นบ่าวตัวน้อยทางด้านหลังถือจานหลายใบเข้ามา วางลงบนโต๊ะหน้าซ่งชิงเหยียน “นี่คือปิงเล่าที่ระยะนี้หอชมจันทร์ขาย พระสนมหวงกุ้ยเฟยออกจากวังได้อย่างยากยิ่ง จะต้องลองชิมดูพ่ะย่ะค่ะ”“ผลไม้ในปิงเล่านี้ ได้ยินมาว่าผ่านการแช่แข็งมาก่อนจึงเย็นมากนัก ตรงข้ามกัน เหมาะกับวันฤดูร้อนเช่นนี้มาก”ฉินหางดันจานทั้งหมดไว้ต่อหน้าซ่งชิงเหยียน เ
‘โอ้โห นี่คือปิงเล่าในตำนานหรือ?’‘ดูแล้วน่าอร่อยมากทีเดียว ข้าอยู่ที่โลกแห่งการบําเพ็ญเพียรยังไม่เคยกินเลย! มิน่าตอนนั้นท่านอาจารย์พูดว่าอาหารของโลกมนุษย์นั้นอร่อย!’‘ท่านแม่ ท่านแม่ หวานหว่านอยากกิน’ลู่ซิงหว่านนึกถึงตรงนี้ พลันยื่นมือน้อยๆ ดีดดิ้นจะหยิบจานตรงหน้ากลับถูกซ่งชิงเหยียนคว้าขยับออกไป หลังจากนั้นใช้ช้อนเล็กป้อนเข้าปากของลู่ซิงหว่านพอป้อนเข้าปาก ดวงตาของลู่ซิงหว่านก็สว่างวาบทันใดองค์หญิงใหญ่สังเกตปฏิกิริยาของลู่ซิงหว่านอย่างละเอียดตลอดเวลา เมื่อเห็นท่าทางเล็ก ๆ ของนาง ย่อมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “หวานหว่านเป็นเด็กฉลาดจริงๆ”ลู่ซิ่งหวานกินคำแล้วคำเล่าอย่างหยุดไม่ได้ ท้ายที่สุดก็กินถ้วยนั้นจนหมดเกลี้ยงและยื่นมือไปคว้าถ้วยตรงหน้าขององค์หญิงใหญ่เพื่อจะกินอีก“หวานหว่านไม่ควรกินแล้ว” ซ่งชิงเหยียนโน้มน้าวพูดี “เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อย!”ลู่ซิงหว่านย่อมเข้าใจดีและไม่ดึงดันอีก นางพลิกตัวลงจากตัวของซ่งชิงเหยียน เตรียมเดินออกไปข้างนอกทันทีก่อนจากไปยังบ่นงึมงำ‘เสียดายจัง พี่ฉยงหัวไม่ได้กิน!’‘พี่ฉยงหัวต้องชอบปิงเล่าแบบนี้เหมือนกันแน่ ครั้งหน้าต้องพาพี่ฉยงหัวมาด้วยถึง
ลู่ซิงหว่านหยุดไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะเห็นบ่อน้ำที่อยู่ใต้เท้า มีปลาน้อยสองสามตัวว่ายผ่านทันใดนั้นนางเกิดความคิดไม่เดินหน้าอีก นางนั่งยองแล้วยื่นมือลงไปในน้ำทันทีปลาน้อยเหล่านั้นตกใจกับมือน้อยๆ ของลู่ซิงหว่านที่ปรากฏขึ้นกระทันหัน กระทั่งกระโดดขึ้นบนผิวน้ำในทางตรงกันข้ามลู่ซิงหว่านกลับหัวเราะคิกคักจิ่นซินที่คอยเดินเฝ้าตามหลังเห็นท่าทางมีความสุขขององค์หญิงของตน ไม่ว่าอย่างไรเวลานี้เล่นอยู่ใต้ต้นไม้ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกเฝ้าอยู่ข้างหลังองค์หญิงเงียบๆ คอยระวังไม่ให้นางตกลงไปก็เพียงพอส่วนลู่ซิงหว่าน กลับได้ยินเสียงของปลาน้อยเหล่านั้นอย่างชัดเจน“พี่ใหญ่ช่วยด้วย! คนไม่กลัวอะไรเลยมาอีกคนหนึ่งแล้ว!”“พี่ใหญ่ช่วยด้วย! ท้องฟ้าเช่นวันนี้ หากข้าถูกจับออกไป คงถูกเผาเป็นปลาแห้งอย่างรวดเร็วเป็นแน่”ส่วนเสียงของพี่ใหญ่ตัวนั้นกลับลอยมาจากข้างหน้า “เจ้าก็รีบว่ายเร็วเข้าสิ เจ้าหนุ่มนี่จับเจ้าไม่ได้หรอก”ลู่ซิงหว่านได้ยินประโยคนี้ย่อมไม่ยอม‘เจ้าปลาเฒ่าตัวนี้ ผู้หญิงตัวเล็กงดงามดั่งบุปผาอย่างข้า กล้าพูดว่าข้าคือเจ้าหนุ่มงั้นรึ’‘เจ้าปลาน้อยอย่างเจ้าก็เหมือนกัน ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้วยังเ
แต่ว่ารอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นสนมเหยาออกมา เมิ่งฉวนเต๋อจึงเอ่ยปาก “ข้าเข้าไปถามแทนแม่นางให้แล้วกัน”“ขอบคุณมหาขันที” จิ่นอวี้ย่อมเข้าใจดีว่า เมิ่งฉวนเต๋อทำเพราะเห็นแก่หน้าสนมของตนเวลาผ่านไปไม่นาน เมิ่งฉวนเต๋อออกมาจากข้างใน เขามองจิ่นอวี้พร้อมกับรอยยิ้มที่เอ่อล้น “แม่นางจิ่นอวี้เข้าไปได้แล้ว พอฝ่าบาทได้ยินว่าเป็นเรื่องของพระสนมหวงกุ้ยเฟย ก็ตรัสทันทีว่าให้แม่นางเข้าไปรายงานได้”จิ่นอวี้กล่าวขอบคุณซ้ำๆ โดยธรรมชาติ จากนั้นถึงก้าวเท้าเข้าไปด้านในของพระตำหนักหลงเซิงเมื่อจิ้นอวี้เข้ามา ก็พบว่าฮ่องเต้กำลังบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทมตัวนุ่ม ส่วนสนมเหยาที่อยู่ด้านข้าง กำลังมือถือหนังสือและอ่านให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังนางรีบคุกเข่าลง “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมพระสนมเหยาเพคะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังไม่ทันได้กล่าว สนมเหยาวางหนังสือในมือแล้วมองจิ่นอวี้ที่คุกเข่า “แม่นางจิ่นอวี้ทำไมถึงกลับมาแล้วเล่า? หวงกุ้ยเฟยมิได้ไปเยี่ยมชมพิธีการที่จวนหานหรอกหรือ?”สนมเหยากล่าวเช่นนี้ ก็เพราะเกิดความคิดยั่วยุชี้นำนางกลัวซ่งชิงเหยียนจริง แต่สาวรับใช้ตัวเล็กๆ อย่างจิ่วอวี้ นางไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด“กราบทูลพระสนมเหย