ทางฝั่งซ่งชิงเหยียนมาถึงที่หมายแล้ว ไม่ขออยู่นอบน้อมคล้อยตามกับเสิ่นหนิงอีกลุกขึ้นบอกลาซ่งชิงเหยียนระแวดระวังอย่างหาได้ยากยิ่ง จนกระทั่งกลับตำหนักชิงอวิ๋นแล้ว ถึงหันหน้าไปมองทางฉยงหัวรอคำตอบจากฉยงหัว“พระสนม ฮองเฮาใช้น้ำแกงลืมบุตรจริงเพคะ” ฉยงหัวพูดด้วยสีหน้ามั่นใจแท้จริงแล้วซ่งชิงเหยียนยอมรับคำตอบนี้ได้ตั้งนานแล้ว หลังได้ยินคำยืนยันจากฉยงหัว ทันใดนั้นสับสนขึ้นมาอันที่จริงนางไม่เข้าใจ ผลลัพธ์เช่นนี้ ตกลงดีหรือไม่อิงตามหลักการแล้ว ฮองเฮาไม่ยอมทิ้งบุตรสายตรงไว้ นั่นเป็นผลดีที่สุดต่อองค์รัชทายาทไม่มีแรงกดดันและความรับผิดชอบอะไรทว่าคนผู้นี้คือเสิ่นหนิง ยอมทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮานางไฉนเลยจะไม่ชอบอำนาจเล่า?ซ่งชิงเหยียนคิดว่าสมองกำลังจะระเบิด‘เสิ่นหนิงคงไม่ใช่ว่านึกถึงอาการบาดเจ็บคราวก่อน จึงคิดบำรุงร่างกายแล้วค่อยคลอดบุตรหรอกกระมัง’ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านเกิดความคิดแปลกประหลาดนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันช่างเถอะ คิดไปคิดมาก็ไม่ได้อะไร‘ท่านแม่ ข้าอยากออกไปเที่ยวเหลือเกิน อยู่ในวังไม่มีอะไรน่าสนใจเลย’‘ข้ามาถึงแคว้นต้าฉู่ได้อย่างยากลำบาก ก็ติดอยู่ในวังหลวง
แต่กลับเก้อกระดากอยู่บ้าง จึงหาข้ออ้างไม่หยุดเอ่ยถึงซ่งชิงฉี่ ซ่งชิงเหยียนถึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย “หม่อมฉันคิดว่าอายุของพี่ชายนี้ รับตำแหน่งแม่ทัพอยู่ที่ค่ายทหารทิศบูรพาก็ออกจะ...อ่อนเยาว์อยู่บ้าง”ได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งชิงเหยียน ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะออกมา “หากพี่ชายเจ้ารู้ว่าเจ้าพูดเช่นนี้ น่ากลัวว่าต้องรีบกลับมาตีเจ้าเป็นแน่”นึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็นึกถึงข่าวลือที่ได้ยินมาในระยะนี้ขึ้นได้ ถามหยั่งเชิง “หลานชายซ่งจั๋วคนนั้นของเจ้า เพราะเหตุใดต้องอยากไปชายแดนอย่างกะทันหันด้วยเล่า?”พูดถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ถึงขั้นถอดรองเท้าออกอย่างเรียบร้อย อุ้มลู่ซิงหว่านเอนกายบนเบาะที่ตั่งนุ่ม ท่าทางคล้ายต้องการเล่านิทานลู่ซิงหว่านกลับได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นครั้งแรก‘ตกลงเป็นข้าเลือกเสด็จพ่อเอง แม้แต่ท่าทางเกียจคร้านยังหล่อเหลาเพียงนี้’‘สมเป็นฮ่องเต้หล่อเหลายิ่งใหญ่ที่สุดในนิยาย คาดว่าพี่ชายองค์รัชทายาทหล่อเหลาเพียงนี้ จะต้องเป็นเพราะเสด็จพ่อหล่อมากกระมัง!’‘แต่ท่านป้าเองก็ต้องงดงามมากอย่างแน่นอน งามคล้ายท่านแม่’‘ไม่ถูก ในหนังสือเล่าว่า ท่านป้างามกว่าท่านแม่
“เหตุใดฝ่าบาททรงดีพระทัยเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ?”เหอเหลียนเหิงซินกลับไม่พูด เพียงยื่นจดหมายตรงหน้าใส่มือเฮ่อปาขุยอ่านจดหมายจบ เฮ่อปาขุยเงยหน้าช้อนตามองเหอเหลียนเหิงซินตรงหน้า “ฝ่าบาทหมายความว่า?”“ส่งจดหมายให้ติ้งกั๋วโหวคนใหม่หนึ่งฉบับ” เหอเหลียนเหิงซินมองเฮ่อปาขุยอย่างไว้ใจเต็มเปี่ยม “เราจะไปพบเขา”เหอเหลียนเหิงซินไว้ใจเจิงอี๋เหนียงคนนี้มากนางเป็นคนสอดแนมที่ตนส่งเข้าไปอยู่ในแคว้นต้าฉู่ราวเจ็ดถึงแปดปีเห็นจะได้ ระยะนี้เพิ่งกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง ในเมื่อนางส่งจดหมายมาพูดแล้ว เรื่องเหล่านั้นต้องเป็นจริงอย่างแน่นอนแม้เฮ่อปาขุยยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เห็นฝ่าบาทไว้ใจเพียงนี้ กลับไม่เปิดปากพูดอะไรอย่างไรเสียตอนนี้เพราะเรื่องเหรินอ๋องและเหอเหลียนจูลี่ ตำแหน่งของตนยามอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทก็ไม่เหมือนก่อนแล้ว พูดน้อยลงสักหน่อยย่อมเป็นการดีซ่งชิงฉี่ได้รับจดหมายจากเหอเหลียนเหิงซินอย่างว่องไว ทำให้ซ่งชิงฉี่ประหลาดใจก็คือ เหอเหลียนเหิงซินถึงขั้นเขียนจดหมายนี้ด้วยตนเองหลังอ่านจดหมายจบ ซ่งชิงฉี่ส่งจดหมายฉบับนั้นให้รองแม่ทัพข้างกายตน “เห็นที เพราะเรื่องเหอเหลียนเหรินซินถืออำนาจทางทหารไว้ในมือ เหอเหลี
“ได้ยินว่าแม่ทัพซ่งได้รับบรรดาศักดิ์แล้ว ยินดีด้วยอย่างยิ่ง” เหอเหลียนเหิงซินพูดถ้อยคำนี้อย่างจริงใจ “แต่กลับได้รู้ความลับบางอย่างด้วย”“ได้ยินมาว่าก่อนนี้ท่านโหวและฮ่องเต้ต้าฉู่บาดหมางกัน”“ยิ่งไปกว่านั้นเพราะท่านโหวผู้เฒ่าผลักดันให้ท่านเขารับตำแหน่งค่ายทหารทิศบูรพา บัดนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่เองก็กำลังสงสัยในตัวท่าน”พูดถึงตรงนี้เหอเหลียนเหิงซินก็มองซ่งชิงฉี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อบัดนี้ฝ่าบาทสงสัยครอบครัวของท่าน เชื่อว่าท่านโหวเองก็รู้ชัด หากไม่วางแผนล่วงหน้า น่ากลัวว่าจวนติ้งกั๋วโหวของท่านจะต้องหายไปจากแผ่นดินแคว้นต้าฉู่แล้ว”จากนั้นเสนอเงื่อนไขเย้ายวนใจ “หากท่านโหวพิจารณามาที่แคว้นเยว่เฟิงของเรา เรายินดีมอบบรรดาศักดิ์กงให้ท่านโหว”ได้ยินถ้อยคำนี้ของเหอเหลียนเหิงซิน ซ่งชิงฉี่กลับชะงักการกระทำเพียงชั่วขณะนี้ของซ่งชิงฉี่ กลับทำให้เหอเหลียนเหิงซินคิดว่าเขาหวั่นไหวแล้วตอนนี้คนยืนอยู่ข้างหลังซ่งชิงฉี่อย่างซ่งจั๋วกำหมัดแน่นอย่างโกรธขึ้งฮ่องเต้ของแคว้นเยว่เฟิง เป็นคนถ่อยเพียงนี้ ถึงขั้นยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและท่านพ่อ ช่างทำให้คนหมิ่นแคลนโดยแท้“เชิญกลับไปเถอะ!” ซ่งชิงฉี่กล
นี่ถึงมอบบัลลังก์ให้องค์ชายรองโดยตรง ส่วนเขาก็ไปพักผ่อนยามแก่เฒ่าแล้วในอดีตอ๋องอี้ซวนชอบองค์ชายใหญ่ที่สุด ส่วนเผยฉู่เยี่ยน ถึงขั้นหน้าตาคล้ายองค์ชายใหญ่เจ็ดถึงแปดส่วนยามอี้ซวนอ๋องได้พบเผยฉู่เยี่ยนเป็นครั้งแรก ก็ตกตะลึงจนเหม่อลอยไปแล้วดังนั้นจึงใส่ใจเขามากหน่อยทว่าเขาลองสืบมาหลายวันแล้ว กลับสืบไม่พบข่าวของมือสังหาร ทำได้เพียงส่งจดหมายตอบซ่งชิงเหยียนหนึ่งฉบับพูดเพียงว่าสืบหาไม่พบ ภายภาคหน้าจะระวังให้มาก สืบหาพบแล้วค่อยแจ้งนางชายแดนก็มีเรื่องยุ่งของชายแดน บัดนี้ภายในเมืองหลวงครึกครื้นมากงานแต่งของทายาทสายตรงจวนแม่ทัพทหารม้าและบุตรีคนโตของรองเสนาบดีกรมขุนนางใต้เท้าเสิ่น กำหนดขึ้นปลายเดือนนี้แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวจากวังหลวง หวงกุ้ยเฟยให้ความสำคัญต่อการแต่งงานนี้มาก ถึงขั้นมาส่งมอบของขวัญให้จวนหานด้วยตนเองดังนั้นเหล่าเหล่าฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวง จึงเตรียมการอย่างครึกครื้นได้ยินมาว่าตอนนี้รัชทายาทอันกั๋วกงอยู่ดูแลข้างกายพระสนม ยิ่งไปกว่านั้นหานซีเยว่เป็นฝ่าบาทพระราชแต่งตั้งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทและพวกองค์ชายรองย่อมมาด้วยตนเองถึงตอนนั้น
ซ่งชิงเหยียนก็นั่งบนตำแหน่งประธานเช่นนี้ สายตากวาดมองสตรีแต่งกายงดงามภายในลานบ้านคนแรกที่เข้าตานาง ย่อมเป็นหรงเหวินเมี่ยวที่กำลังยืนอยู่กับหานซีเยว่ซ่งชิงเหยียนพูดกับจิ่นซินที่อยู่ด้านข้าง “ไม่เห็นหรงเหวินเมี่ยวเข้าวังมานานมากแล้ว ไม่รู้นางสูงขึ้นหรือผอมลง ดูแล้วคล้ายสูงโปร่งมากขึ้นไม่น้อย”ขณะซ่งชิงเหยียนกำลังทอดสายตามองหรงเหวินเมี่ยวอยู่นั้น เหออวี่เหยาก็เดินเข้ามาทางฝั่งหนึ่ง ทำความเคารพซ่งชิงเหยียน “ถวายพระพรหวงกุ้ยเฟย”เห็นเหออวี่เหยา ซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกเสียดายขึ้นภายในใจอย่างอย่างอดไม่ได้นางคิดถึงมารดาจากไปก่อนวัยอันควรของเหออวี่เหยา เผยเสียนคนใจคอโหดร้ายอย่างเหอหย่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องตกนรกเป็นแน่“รีบลุกขึ้นเถิด!” ซ่งชิงเหยียนโบกมือให้นาง เป็นสัญญาณให้นางเข้าใกล้ตนอีกนิด “บัดนี้เรื่องภายในบ้านเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่?”เหออวี่เหยารู้ว่าญาติผู้น้องเล่าเรื่องเหล่านี้ให้หวงกุ้ยเฟยทั้งหมดแล้ว ดังนั้นยามเผชิญหน้าจึงไม่มีอะไรให้ปิดบังอีกเพียงหัวเราะเบาๆ “ทูลพระสนม ทั้งหมดล้วนเรียบร้อยดี น้องหญิงของหม่อมฉันก็ตามกลับมาแล้วเพคะ”“เพียงแต่บัดนี้อุปนิสัยของน้องหญิงเปลี่ยนไปม
เกิดความคิดนี้ขึ้น ซ่งชิงเหยียนตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทีหนึ่งตนเองอายุยังไม่ถึงสามสิบเลยนะ เหตุใดเกิดความคิดวางมาดถือดีของผู้อาวุโสเช่นนี้ได้เล่าองค์รัชทายาทย่อมมาคารวะซ่งชิงเหยียน “เดิมทีลูกเสร็จงานแล้วอยากไปที่ตำหนักชิงอวิ๋น เดินทางมาจวนตระกูลหานพร้อมพระสนม กลับได้ยินนางกำนัลตำหนักชิงอวิ๋นพูดว่าพระสนมเสด็จออกมาตั้งนานแล้ว กลับเป็นลูกมาช้าไปเสียแล้ว”ลู่ซิงหว่านหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้‘เสด็จพี่องค์รัชทายาทอย่าเปิดโปงท่านแม่อีกเลย ท่านแม่อับอายแทบแย่แล้ว’‘วันนี้ท่านแม่ออกมาเร็วก็เพราะอยากมาเที่ยวเล่นในเมืองนะ!’‘น่าเสียดายเวลาสั้นเกินไป อีกทั้งยังเป็นช่วงเช้า ไม่มีอะไรให้เลือกซื้อ’‘กระนั้นข้ากลับชอบกลิ่นอายของตลาดเช่นนี้มากนะ!’ซ่งชิงเหยียนเองก็หัวเราะอย่างเอือมระอา “วันนี้ตื่นเช้ามาก ไปกินมื้อเช้าที่หอชมจันทร์มาแล้ว”หานซีเยว่ได้ยินก็พูดยิ้มๆ “พระสนมเคยลิ้มรสเปี๊ยะเนื้อขาวของหอชมจันทร์แล้วหรือไม่? ได้ยินมาว่าพ่อครัวคนใหม่เป็นคนปรุง! รสชาติดีมากเพคะ”ภายในเสียงมีความออดอ้อนที่หาได้ยากแม้แต่หรงเหวินเมี่ยวเองก็ช้อนตามองหานซีเยว่อย่างสุดระงับแต่ไหนแต่ไรมาพี่หญิงตระกูลหานเป็
นึกถึงตรงนี้ ฮูหยินคนนี้ก็อยากตบปากตนเองเสียให้ได้บัดนี้สามีภรรยาอันกั๋วกงตายไปแล้ว ไฉนเลยจะมีน้องสาวคนหนึ่งได้แต่เผยฉู่เยี่ยนกลับไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ เพียงประกบมือเบาๆ “หวังฮูหยิน ท่านนี้คือองค์หญิงหย่งอัน”หวังฮูหยินท่านนี้ ก็คือฮูหยินของราชเลขากรมทหาร ในอดีตมาร่วมงานเลี้ยงใหญ่เหล่านี้ไม่บ่อย ดังนั้นจึงได้พบองค์หยิงหย่งอันเป็นครั้งแรกนางมองเผยฉู่เยี่ยน จากนั้นก้มหน้ามององค์หญิงหย่งอันต่อมาคุกเข่าลง “ถวายพระพรองค์หญิงหย่งอัน หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่”ในเมืองหลวงแห่งนี้ใครบ้างไม่รู้องค์หญิงหย่งอันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฝ่าบาท เมื่อครู่นางล่วงเกินองค์หญิงหย่งอันไปแล้วใช่หรือไม่ลู่ซิงหว่านยืนที่ฝั่งหนึ่ง คล้ายตกใจเพราะฮูหยินท่านนี้คุกเข่าลงอย่างกะทันหัน รีบขยับถอยหลังหลายก้าว ครู่ต่อมาล้มลงกับพื้นดังตุบหวังฮูหยินรีบถลันขึ้นไปประคองนาง ทันใดนั้น มือไม้ก็พันกันวุ่นวายไปหมด“ท่านอย่าทำให้หวานหว่านของพวกเราได้รับบาดเจ็บ นี่คือศิษย์ที่เจ้าสำนักเสวียนเทียนรักที่สุดเชียวนะ”“ใช่แล้วๆ คิดไม่ถึงว่าศิษย์ของเจ้าสำนักเสวียนเทียนผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้ตกต่ำถึงขั้นนี้ กลายเป็นทารกน้อยเดินได้ไม