นางจึงเร่งฝีเท้าไปที่ตำแหน่งชิงอวิ๋น ท่านน้าอาศัยอยู่ในวังมานานนางต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน"ท่านน้ารู้ไหมเพคะว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับลู่ซิงเสวี่ย?" องค์หญิงองค์ใหญ่ทำความเคารพเสร็จก็จับมือกุ้ยเฟยเฉินเดินไปที่ห้องด้านในเฉินกุ้ยเฟยกลับถูกนางทำให้สับสน "เกิดอะไรขึ้น"พูดจบเหมือนนึกอะไรออกจึงถามว่า "เจ้าเจอนางระหว่างทางแล้ว ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ"องค์หญิงใหญ่กลับลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างแรง ทําให้กุ้ยเฟยตกใจรีบเข้าไปประคอง "เจ้าระวังหน่อย กำลังท้องกำลังไส้"ลู่ซิงหว่านมองอยู่ข้างๆ อดพูดไม่ได้ว่า[ดูเหมือนว่านิสัยของพี่สาวคนโตของข้าไม่เหมือนท่านป้าเลย ฮองเฮาคนก่อนในหนังสือนิทานบอกว่าเป็นคนที่อ่อนโยนเป็นที่สุด พี่สาวคนโตท่าทางป้ำๆ เป๋อๆ เหมือนท่านแม่ข้ามากกว่า]ฝ่ายเฉินกุ้ยเฟยก็คิดในใจว่า “ลูกรักของแม่ นี่เจ้าชมหรือว่าข้ากันแน่”องค์หญิงใหญ่รีบจับมือของเฉินกุ้ยเฟย "ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่นาง... นาง... ทักทายข้าน่ะสิ !"[ฮ่าๆ ๆ พี่ใหญ่น่ารักมาก ข้าชอบเล่นกับพี่ใหญ่ เดี่ยวถ้าหลานคลอดแล้วข้าต้องไปเยี่ยมเจ้าตัวเล็กสักหน่อย][ช่างเถอะ เด็กเล็กวุ่นวายเกินไป ไม่ไปดีกว่า]เฉินกุ้ยเฟยเองก็สงสัย
ทันใดนั้นองค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรออกขึ้นมา นางมองไปที่เฉินกุ้ยเฟย "ตอนนี้ท่านน้าดูแลตำหนักทั้งหกอยู่นี่เพคะ ไม่สู้น้าช่วยจัดแจงให้นางหน่อยดีไหม"เฉินกุ้ยเฟยกลับมององค์หญิงใหญ่ด้วยสีหน้างงงวย "อะไรกัน นี่ข้ากลายเป็นแม่สื่อไปแล้วหรือ""ดูนางน่าสงสารนี่เพคะ ข้าก็ช่วยท่านน้าเป็นธุระด้วยอีกแรงดีไหมเพคะ" องค์หญิงใหญ่เขย่าแขนของนางเฉินกุ้ยเฟยกลับดีดหน้าผากของนาง "เจ้านี่ก็ช่างใจดี ที่นางทำเจ้าไว้แต่ก่อนไม่ถือสาแล้วหรือ"องค์หญิงใหญ่กลับถอนหายใจ "ถึงยังไงก็เป็นน้องสาวของตัวเอง จะให้ข้าดูนางกระโดดเข้ากองไฟอยู่เฉยๆ หรือ"[พี่สาวคนโตของข้าไม่เพียงแต่สดใสมีชีวิตชีวาและฉลาดหนักแหลมเท่านั้น แต่ยังงดงามและน่าประทับใจ แถมมีน้ำใจด้วย ได้มีภรรยาเป็นเช่นนี้ สามีจะขออะไรอีก]เฉินกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว หวานหว่านคิดอะไรอยู่นี่พอคิดมาถึงตรงนี่ก็อุ้มหวานหว่านขึ้นมา แล้วมองไปที่องค์หญิงใหญ่ "เจ้าจะไปหาจิ่นหยูใช่ไหม""ย่อมต้องไปอยู่แล้วสิเพคะ แต่ดันมาถูกซิงเสวี่ยขัดจังหวะเสียก่อน ไม่เช่นนั้นข้าคงไปนานแล้ว" องค์หญิงใหญ่รีบลุกขึ้นตามเฉินกุ้ยเฟยไปเฉินกุ้ยเฟยจึงยัดลู่ซิงหว่านเข้าไปในอ้อมแขนของจิ่นซินและ
เฉินกุ้ยเฟยก็ยิ้ม "ไม่เป็นไร ตอนนี้หย่งอันก็ไม่ได้เป็นไรแล้ว"พวกเขาคุยกันอีกสองสามคําแล้วเฉินกุ้ยเฟยก็ปล่อยมือและพูดว่า "พี่สาวของเจ้าจะไปเยี่ยมพี่สอง งั้นข้าก็ไม่อยู่คุยเล่นกับพวกเจ้าแล้ว"องค์ชายสามจึงคำนับนางและมองดูเฉินกุ้ยเฟยและคณะจากไป เสร็จแล้วจึงหันหลังมาดึงองค์หญิงหกก็เดินไปที่ตำหนักฉางชิวองค์หญิงห้าก็ถูกนางกำนัลของนางพากลับไปที่ตำหนักเหวินอิงเมื่อเข้าไปในตำหนักฉางชิวแล้ว องค์ชายสามก็มององค์หญิงหกด้วยความโมโห แต่ก็พยายามใจเย็นก่อนพูดว่า "ตอนนี้ท่านแม่สนมถูกลดตำแหน่ง เจ้าอยู่ในวังจะพูดจะทำอะไรต้องระวังให้มาก ต่อไปก็อย่าไปมาหาสู่กับซิงยุ่นนัก"องค์หญิงหกพยักหน้ารับ แต่หลังจากที่องค์ชายสามจากไปนางก็กวาดสิ่งของบนโต๊ะลงกับพื้น "ลู่ซิงหว่าน ทั้งหมดเป็นเจ้า ทั้งหมดเป็นเจ้าคนเดียว"ส่วนทางฝั่งองค์หญิงใหญ่ก็อึ้งอีกครั้งนางถามว่า “ท่านน้า องค์ชายสาม... ก็โดนผีเข้าด้วยหรือ”เฉินกุ้ยเฟยรีบเอามือปิดปากนาง "เรื่องแบบนี้พูดที่ตำหนักชิงหยุนได้เท่านั้น ก่อนหน้านี้อวิ๋นกุ้ยเหรินเพิ่งจะก่อเรื่องนั้นไว้ เจ้าอยู่ในวังพูดอะไรก็ระวังหน่อย"องค์หญิงใหญ่รับพยักหน้า พอเฉินกุ้ยเฟยปล่อยมือแล้ว
องค์หญิงใหญ่เห็นองค์หญิงสองเป็นแบบนี้ เลยพูดติดตลกว่า "ข้าว่าน้องสองคงไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้ว ควรออกไปเดินเล่นหน่อยจะได้เจอชายหนุ่มดีๆ บ้าง"องค์หญิงสองกลับยิ้มขมขื่น "เสด็จพี่อย่ามาล้อเล่นข้าเลย อีกอย่าง ข้ามีอิสระแบบเสด็จพี่ที่ไหน"องค์หญิงใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็เหมือนนึกอะไรได้ รีบมองไปที่สองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและหลานเฟย "พระสนมเฉิน พระสนมหลาน ตอนนี้อากาศก็อบอุ่นขึ้นแล้ว ตระกูลฉินมีสวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวงสวยงามมาก เก็บกวาดเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว เราไปจัดงานแต่งบทกวีกันดีหรือไม่"ดวงตาทั้งสองข้างมองเฉินกุ้ยเฟยด้วยแววตาเป็นประกาย แต่เฉินกุ้ยเฟยกลับลังเลตัวเองออกจากวังสองครั้งก่อน ก็เจอการลอบสังหารทั้งสองครั้ง เพื่อความปลอดภัยของหวานหว่านน่าจะอยู่ในวังดีกว่าไหมลู่ซิงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ กลับตบโต๊ะด้วยความดีใจ[ดีจัง หวานหว่านชอบเดินเที่ยวสวนที่สุด ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่สาวคนโตจะเชิญคนมาเยอะๆ หวานหว่านชอบความคึกคักที่สุดเลย][ท่านแม่ของข้าก็ชอบความคึกคัก! ข้าชอบพี่สาวคนโตที่สุดเลย!][ถึงตอนนั้นท่านแม่ต้องตามเกาะแกะคุณหนูตระกูลขุนนางพวกนั้นให้เล่าเรื่องซุบซิบของคนอื่นให้ฟังแน
เดิมทีคิดว่าหลังจากองค์หญิงใหญ่ออกจากวังไปแล้วจะรอดพ้นจากเรื่องแบบนี้แล้วเสียอีก ไม่คิดว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่แค่เสด็จกลับวังวันเดียว ก็ยังทะเลาะกันมาถึงเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ได้"มหาขันทีเมิ่ง เสด็จพ่อจะอยู่หรือไม่" องค์หญิงใหญ่ถามด้วยเสียงหวานแต่เมิ่งฉวนเต๋อลำบากอยู่พักหนึ่ง ถ้าปล่อยองค์หญิงสองพระองค์เข้าไป วันนี้ฮ่องเต้จะต้องปวดหัวอีกแน่"ซิงนั่วมาหรือ เข้ามาสิ!" ไม่รอให้เมิ่งฉวนเต๋อคิดเสร็จ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เอ่ยปากเสียก่อนเมิ่งฉวนเต๋อทําอะไรไม่ถูก ได้แต่ทำใจกล้าพาองค์หญิงสององค์เข้าไปฮ่องเต้ต้าฉู่เพิ่งได้ข่าวว่าถ้าซิงนั่วตั้งครรภ์เมื่อวันก่อนนี้เองและพระองค์กำลังมีความสุข ครั้งที่แล้วเมื่อนางเข้าวังค่อนข้างอย่างรีบร้อนจึงไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก พระองค์จึงรีบเงยหน้าขึ้นมาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง แต่กลับเห็นลูกสาวคนโตเข้ามาพร้อมกับลูกสาวคนที่สองตอนนี้พระองค์ก็ปวดหัวเหมือนกัน แต่ก็ทำท่าดีใจ "พวกเจ้าสองคนมาด้วยกันหรือ""ฝ่าบาท ข้าเป็นคนลากน้องสองมาเองเพคะ" องค์หญิงใหญ่ตอบอย่างตรงไปตรงมาในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่อดไม่ได้ตรึงเครียด เมื่อก่อนเวลาทั้งสองก็ทะเลาะกันเปิดหัวมาด้วยประโย
องค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสองได้คุยกับฮ่องเต้ต้าฉู่อีกสักครู่หนึ่ง ก่อนที่เมิ่งฉวนเต๋อจะพาออกมาส่ง ตอนอออกมาก้เจอพระสนมหนิงเฟยยืนอยู่ที่ประตูพอดีเมิ่งฉวนเต๋อรีบทำความเคารพ "พระสนมหนิงเฟยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อกี้ฝ่าบาททรงตรัสกับองค์หญิงทั้งสองอยู่ จึงให้ท่านต้องรอนาน""ไม่เป็นไร" พระสนมหนิงเฟยพยักหน้าอย่างอ่อนโยนนางพยักหน้าให้องค์หญิงสองพระองค์ก่อนเข้าไปข้างใน"นี่คือพระสนมหนิงเฟยที่เก่งทางการแพทย์คนนั้นเหรอ" องค์หญิงใหญ่ไม่เคยเห็นพระสนมหนิงเฟยจึงรีบถามองค์หญิงสอง"อืม" องค์หญิงสองพยักหน้าแล้วตอบเบา ๆ "หลายวันก่อนเสด็จพ่อปวดหัวมาก แม้แต่หมอหลวงก็ยังรักษาไม่ได้ ถึงกระนั้นพระสนมหนิงเฟยให้ยาไปสองสามขนาน อาการปวดหัวของเสด็จพ่อก็หายเลย"จากนั้นก็กระเถิบเข้าใกล้องค์หญิงใหญ่แล้วพูดว่า "ตอนนี้เสด็จพ่อติดนางมาก ต้องให้ไปปรนนิบัติที่ห้องทรงอักษรทุกวัน""ไปทุกวันเลยหรือ" องค์หญิงใหญ่พึมพำ แต่คําพูดที่เหลือกลับไม่พูดออกมา ตอนนี้พระสนมหนิงเฟยคนนี้ได้รับความโปรดปรานขนาดนี้ ก็เท่ากับแบ่งความรักจากท่านน้าไปน่ะสิ"อืม" องค์หญิงสองพยักหน้า "ตอนที่น้องสาวเก้าไม่สบายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการรักษาจากนางเช่นกัน
“ในเมื่อพระสนมยอมให้อภัยเจ้าแล้ว” สนมหลินผินหันไปมององค์หญิงห้า “ก็จงไปคุกเข่าที่ตำหนักเหยียนหัวสามวัน ถือเป็นการขอขมา”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรีบห้ามปราม “คงไม่ต้องถึงเช่นนี้...”สนมหลินผินกลับย่อกายลง “ขอพระสนมโปรดให้โอกาสซิงยุ่นได้กลับตัวสักครั้งเถอะเพคะ”กล่าวจบก็สั่งนางกำนัลข้างกายให้พาองค์หญิงห้าไปยังตำหนักเหยียนหัวแล้วค่อยนั่งลงใหม่ ตอนนี้พระสนมเฉินกุ้ยแฟยกับคนอื่น ๆ กลับเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของนางแล้ว“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันสนิทกับพระสนมเต๋อเฟยมาก พระสนมคงจะรู้อยู่แล้ว ตอนนั้นพระสนมเต๋อเฟยได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยให้ฟังไม่น้อย จนทำให้หม่อมฉันพลอยรู้สึกไม่ดีต่อพระสนมไปบ้าง เหตุเพราะสนิทกับพระสนมเต๋อเฟย หม่อมฉันจึงอนุญาตให้ซิงยุ่นไปเล่นกับซิงหุยบ่อยๆ ลูกคนนี้เดิมก็เป็นคนเถรตรงอยู่แล้ว ไม่นึกว่าจะถูกองค์หญิงหกหลอกใช้เอาได้ จนเสียมารยาทต่อพระสนมเช่นนี้”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้ดีว่าคำพูดของสนมหลินผินมีทั้งจริงและเท็จปะปนกัน เพียงเพื่อจะอ่อนข้อให้แก่นาง แต่อย่างไรก็ตาม ปกตินางก็ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีในวังอยู่แล้ว สนมหลินผินทำเช่นนี้เท่ากับช่วยนางตัดปัญหาไปได้มาก“เรื
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นว่าสถานการณ์เริ่มอึดอัด จึงได้พูดเรื่องจริงจัง “ที่หม่อมฉันมาวันนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่งจะหารือกับฝ่าบาทเพคะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่มองหน้านางแทน“บัดนี้ซิงเสวี่ยก็ถึงวัยอันควรแล้ว น่าจะมีคู่ครองได้แล้วเพคะ ฝ่าบาทได้ทรงหมายตาตระกูลไหนไว้บ้างหรือยังเพคะ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถามหยั่งเชิง“ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท หลายวันก่อนเกือบส่งนางไปแต่งงานที่ต่างเผ่าซะแล้ว” ฮ่องเต้ต้าฉู่เอ่ยถึงเรื่องในงานเลี้ยงขึ้นมา คล้ายกับไม่สู้พอใจนัก “แต่ยังไม่เห็นใครที่คู่ควร ชิงเหยียนเจ้าพอมีผู้ใดหมายตาหรือไม่?”“หม่อมฉันก็ยังไม่มีเหมือนกัน จึงมาคิดอีกที บัดนี้ดอกไม้ในอุทยานหลวงกำลังเบ่งบาน ถ้าไงลองจัดงานสังสรรค์ แล้วเชิญบรรดาคุณหนูคุณชายจากตระกูลต่าง ๆ มาเข้าวัง จะได้ดูตัวกันดีไหมเพคะ”“ก็ดี” ฮ่องเต้ต้าฉู่พยักหน้า “มีเจ้าคอยจัดการเรื่องของซิงเสวี่ย ข้าจะได้เบาใจขึ้น”“เพียงแต่อีกไม่กี่วันก็จะมีงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติของไทเฮา ก็ต้องลำบากเจ้าอีก”“ยังมีพี่หญิงหลานเฟยคอยช่วย รวมถึงนางกำนัลหลายคนคอยรับใช้ หม่อมฉันย่อมทำงานง่ายขึ้นเพคะ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นฮ่องเต้ทรงรับปากแล้
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น