“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นและค่อยๆ เงียบหายพร้อมกับไฟบนเวทีดับลง มนต์มีนาถอนหายใจและเดินลงมาด้านหลังเวทีไหล่ผึ่งผายด้วยความสง่างามยามเมื่ออยู่กลางแสงไฟลู่ลงใบหน้าสวยไร้รอยยิ้ม
“ไหวมั้ยมีน” ชาลิดาเดินมาประคองเพื่อนให้นั่งลงบนเก้าอี้
“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละออย” มนต์มีนายิ้มอ่อน
“ออยว่าช่วงนี้มีนรับงานหนักมากเกินไปแล้วนะ วันนี้ก็ตั้งสามงาน” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วงเพราะแต่ละงานก็ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะและต้องยื่นนานๆ ขนาดตัวเองรับแค่งานเดียวยังเหนื่อยแทบแย่
“ขนาดมีนรับงานเยอะอย่างนี้ เงินยังไม่พอใช้หนี้เลยนะออย ตอนนี้บ้านก็กำลังจะถูกยึดแล้ว ส่วนเงินที่ไปกู้มาตอนรักษาแม่ดอกเบี้ยก็โหดเหลือเกินที่ทำทุกวันนี้แทบจะไม่ได้ส่งเงินต้นด้วยซ้ำ”
“เงินตั้งมากมายขนาดนั้นออยก็ไม่รู้จะช่วยมีนยังไงนะเหมือนกันนะเฮ้อ...” เพราะทางบ้านของชาลิดาเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรมากนัก ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและวันนี้มนต์มีนาก็มาทำงานพิธีกรให้กับผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า โดยชาลิดาตามมาคอยดูแลเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ทั้งสองคนก็ไปเป็นพริตตี้ให้กับผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่งมาแล้วถึงสองงาน แม้วันหนึ่งรายได้จะได้เยอะมากเมื่อเทียบกับงานพาร์ตไทม์ทั่วไปแต่มันก็ยังไม่พอกับภาระหนี้สินที่มนต์มีนาต้องจ่าย
“พรุ่งนี้มีนว่าจะเข้าไปที่โมเดลลิงสักหน่อย เผื่อว่าพี่ปานจะมีงานอะไรเพิ่ม ออยไปด้วยกันไหม”
“ได้สิ แต่วันนี้รีบกลับไปพักผ่อนกันนะดีกว่าพรุ่งนี้เจอกันสักสิบโมงเช้าดีไหม”
“ได้ๆ งั้นแยกกันตรงนี้นะเดี๋ยวรถเมล์จะหมดเสียก่อน”
“โอเคพรุ่งนี้เจอกันนะมีน กลับไปก็รีบนอนพักล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
มนต์มีนารีบเดินออกมาหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อขึ้นรถเมล์กลับไปยังบ้านของเธอ
บ้านของหญิงสาวอยู่ในซอยลึกเมื่อลงรถเมล์หน้าปากซอยก็ยังต้องนั่งจักรยานยนต์เข้าไปแต่ส่วนใหญ่เธอเลือกจะเดินเข้าไปเองมากกว่าเพราะอยากประหยัดให้มากที่สุด
เมื่อลงจากรถเมล์วินจักรยานยนต์รับจ้างที่รู้จักกันก็ทักทายหญิงสาวขึ้น
“กลับดึกอีกแล้วนะมีน”
“ค่ะลุงศักดิ์ แล้วลุงศักดิ์ล่ะคะ ดึกแล้วทำไมยังอยู่ที่วินอีกล่ะ”
“เมื่อกี้ลุงเพิ่งไปส่งลูกค้ามาก็เลยแวะมาเอากระติกน้ำแล้วก็จะกลับบ้านเหมือนกัน มีนขึ้นมาเลยเดี๋ยวลุงไปส่ง” ลุงสมศักดิ์ขึ้นไปนั่งบนรถเตรียมจะออก
“ไม่เป็นใครหรอกค่ะ ลุงหนูเกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมในเมื่อลุงก็ต้องกลับบ้าน แล้วมันก็ผ่านบ้านหนู ตอนแม่หนูยังอยู่ก็เอื้อเฟื้อทำอาหารให้ลุงกับที่บ้านลุงกินประจำ มีนขึ้นมาเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ”
“หนูขอจ่ายค่าโดยสารได้ไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ลุงไม่มีเงินทองมากมายช่วยหนูใช้หนี้ก็มีแต่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก็นี่แหละหนูอย่าคิดมากเลยจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะลุงศักดิ์”
มนต์มีนาขึ้นไปนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์จากนั้นลุงสมศักดิ์ก็พาเธอมาส่งหน้าบ้าน
“ถ้ามีอะไรให้ลุงกับป้าช่วยก็บอกนะ”
“ค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะ มีนฝากขนมให้เจ้าตัวเล็กสองคนด้วยนะคะ” หญิงสาวหยิบขนมที่ได้มาจากการทำงานวันนี้ให้กับลุงสมศักดิ์
“แล้วหนูไม่เก็บไว้กินเองหรือมีน” ลุงสมศักดิ์มองขนมในมือที่มีอยู่หลายชิ้น รู้สึกว่าราคาของมันคงจะแพง
“ลูกค้าให้มาเยอะเลยค่ะลุงศักดิ์แบ่งไปให้น้องๆ แล้วหนูก็ยังเหลืออีกหลายชิ้นค่ะ”
“ขอบใจนะมีน”
“หนูเข้าบ้านแล้วนะคะ”
“จ้ะ ลุงไปก่อนนะ”
เมื่อลุงสมศักดิ์ไปแล้วมนต์มีนาก็เปิดประตูรั้วเข้ามายังบ้านหลังเล็กที่แต่ก่อนมันเคยเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่พอมารดาไม่อยู่เธอก็รู้สึกว่าบ้านหลังเล็กมันกว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนกลิ่นอายของมารดาก็ยังมีอยู่เต็มไปหมด
ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่กับมารดาที่บ้านหลังนี้มาตลอดมารดาของเธอเป็นแม่ค้าขายขนมหวานในตลาด รายได้ก็พอเลี้ยงเธอได้เพราะนอกจากจะขายขนมหวานในตลาดแล้วยังทำส่งที่ร้านอาหารเยอะใหญ่ๆ อีกด้วย
มนต์มีนามีนามีความสุขในบ้านหลังนี้มากๆ จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วมารดาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สามและการทำคีโมหลายๆ ครั้งก็ไม่เป็นผล
มารดาของเธอสุขภาพแย่ลงจนทำขนมไม่ไหว ทำให้ต้องเอาบ้านไปจำนองแต่มันก็ยังไม่พอ หญิงสาวเลยไปกู้เงินจากเจ๊เจ้าของตลาดมาอีกสามแสนบาทเพื่อรักษามารดา เธอยอมจ่ายค่ายาแพงๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มารดาของเธอต่อสู้กับโรคมะเร็งปีครึ่งท่านก็จากไปโดยที่ยังไม่ทันเห็นความสำเร็จของเธอเลย
หญิงสาวเพิ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่สามเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งปีก็จะจบมาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษตามที่ตั้งใจไว้ แต่มาถึงตอนนี้มนต์มีนาไม่รู้ว่าจะสานฝันนั้นเพื่อใครในเมื่อเธอเหลือแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเทอมนี้จะทำยังไงต่อกับชีวิต จะกัดฟันหาเงินเรียนต่อให้จบหรือจะหาเงินมาใช้หนี้ ยังมีเวลาปิดเทอมอีกเกือบสี่เดือนแต่หนี้มากมายขนาดนั้นมันก็ยากเหลือเกินผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะหาเงินมาชำระให้หมดภายในระยะเวลาสั้นๆ
เสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่จากนั้นมนต์มีนาก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนพรุ่งนี้เธอจะเข้าไปโมเดลลิงที่ตนเองสังกัดอยู่เพื่อถามทางเจ้าของว่าพอจะมีงานอะไรให้เธอทำมากกว่านี้อีกไหมเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมเธออยากทำงานให้มันเต็มที่ เพื่อหวังจะลดหนี้ลงได้บ้าง ถ้าหากมันเป็นตามที่หวังเปิดเทอมก็จะเรียนต่อให้จบ
มนต์มีนาและชาลิดามาถึงโมเดลลิงเกือบจะสิบนาฬิกา ตอนนี้พี่ปานทิพย์เจ้าของโมเดลลิงยังไม่ได้เข้ามา ด้านในจึงมีแค่ลูกน้องของเธอเด็กในสังกัดคนอื่นๆ ที่มานั่งรออยู่มนต์มีนายิ้มทักทายให้กับทุกคนก่อนจะเข้าไปนั่งรอทางด้านใน ซึ่งตอนนี้มีเด็กในสังกัดของพี่ปานทิพย์มารออยู่เกือบสามสิบคน“ทำไมวันนี้คนมาเยอะจังมีอะไรกันเหรอ” ชาลิดาสะกิดถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ“ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเหรอออยหรือวันนี้พี่ปานทิพย์เขาเรียกให้ทุกคนมาประชุมกันที่นี่เห็นว่ามีงานใหญ่จะให้ทำ”“อ้าวเหรอเราไม่รู้เลยมัวแต่ทำงานหนัก”“เราก็นึกว่ารู้แล้วก็เลยไม่ได้ไลน์ส่วนตัวไปบอก”“มีนรู้ไหม” ชาลิดากันไปถามมนต์มีนา“มีนก็ไม่รู้เหมือนกันมัวแต่ยุ่งๆ ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลย แต่ก็ดีนะที่วันนี้เรานัดกันจะมาหาพี่ปานอยู่พอดี”“นั่นสิไม่รู้พี่เขามีงานอะไรจะคุยนะ ถึงเรียกมากันเยอะขนาดนี้ขอให้เป็นงานใหญ่ทีเถอะ พวกเราจะได้งานกันทุกคน”“นั่นสิช่วงนี้ปิดเทอมด้วยใครๆ ก็ว่างกันทั้งนั้นถ้างานเล็กๆ ก็คงต้องแย่งกันอีกตามเคย” มนต์มีนาหวังว่างานวันนี้คงจะใหญ่มากพอที่พวกเธอจะได้ไม่ต้องแย่งกัน“เห็นว่าช่วงนี้งานจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ นี่เราว่าจะลงเรี
เมื่อทุกคนทยอยกันออกไปจัดห้องจนหมด ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่มนต์มีนากับชาลิดาเท่านั้น“มีนกับออยมีอะไรจะคุยกับพี่ใช่ไหม”“ค่ะพี่ปาน”“มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ ใช่เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคือมีนกับออยอยากจะมาถามพี่ปานว่าช่วงนี้มีงานอะไรให้เราสองคนทำเพิ่มไหม เรากำลังร้อนเงินค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะดูให้นะ ช่วงนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมคนก็ว่างกันเยอะลูกค้าก็เลยมีโอกาสที่จะเลือก จริงๆพี่อยากจะช่วยให้เราทุกคนได้งาน ได้เงินแต่บางครั้งโมเดลลิงอื่นเขาก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ช่วงนี้มันก็เลยมีการตัดราคากันบ้าง” ปานทิพย์ก็หนักใจเรื่องนี้อยู่มาก“ออยเข้าใจค่ะพี่ปาน”“แล้วเราสองคนไม่สนใจจะส่งใบสมัครให้พี่บ้างเหรอ หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดีแบบนี้เผื่อจะได้รับเลือกขึ้นมาเงินตั้งหนึ่งล้าน มันเยอะมากพี่ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่จะทำเรื่องแบบนี้แต่เงินมันก็ล่อตาล่อใจจริง”“หนูขอถามอีกนิดได้ไหมค่ะพี่ปาน”“ถามได้เลยจ้ะออย”“ผู้ชายที่เขามาจ้างเราเขาไม่ได้เป็นพวกซาดิสต์อะไรแบบในหนังใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกจ้ะ เพราะครั้งที่แล้วเขามาเมืองไทยก็มีเด็กจากโมเดลลิงอื่นไปรับงาน ก็ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไร เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะมาห
แฟ้มประวัติของหญิงสาวเกือบห้าสิบคนถูกวางลงบนโต๊ะของยานอฟนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยยูเครน ขณะที่เจ้าตัวนั้นเพิ่งคุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญเสร็จพอดี“ผมคัดมาให้บอสมีห้าสิบคนครับ ที่เหลือดูแล้วไม่น่าจะถูกใจก็เลยไม่ได้เอาเข้ามาให้” กาซิมลูกน้องคนสนิทคัดเลือกแฟ้มผู้หญิงทั้งหมดที่ทางโมเดลลิงส่งมารวมร้อยกว่าคนเขาคัดออกจนเหลือแค่ห้าสิบคนที่คิดว่าตรงสเปกเจ้านายของตนเองมากที่สุด“ครั้งนี้ส่งมาทั้งหมดเท่าไหร่เหรอกาซิม”“เกือบร้อยห้าสิบครับ ถ้าบอสไม่สนใจห้าสิบคนตรงนี้ ผมค่อยเอาที่เหลือมาให้”“ไม่เป็นไรฉันเชื่อใจนาย” ยานอฟทำงานร่วมกับกาซิมมาตั้งแต่เขาอายุสิบแปดปี จนถึงตอนนี้ก็สิบสองปีแล้ว กาซิมเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่และเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจเขามากที่สุด ชายหนุ่มช่วยงานเขาได้ในทุกๆ เรื่องรวมถึงการจัดหาผู้หญิงมาให้เขาด้วย ยานอฟมีคู่หมั้นอยู่แล้วเขากับเธอหมั้นกันมาได้เกือบห้าปีแต่ก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกัน ทั้งสองต่างรู้ว่าการหมั้นหมายที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความรัก ไลลาเองมีคนรักอยู่แล้วแต่ก็ขัดคำสั่งของบิดาไม่ได้ ยานอฟก็อยากจะถอนหมั้นแต่ตอนนี้บิดาของเธอกำลังป่วยหนัก เธอจึงขอร้องให้เขาอย่าพึ่งพูดเรื
ยานอฟกับไลลามาถึงโรงพยาบาลก็รีบวิ่งขึ้นไปบนแผนกของผู้ป่วยซึ่งตอนนี้บิดาของหญิงสาวนอนรักษาอยู่ตอนนี้ข้างเตียงบิดามีมารดาและพี่ชายของเธออีกสองคนยืนอยู่ข้างๆ“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อบ่นว่าเหนื่อย”“พ่อขาหนูมาแล้วค่ะ หนูพายานอฟมาด้วยนะคะ”ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงพยายามจะอ้าปากพูด ไลลาขยับเข้าไปใกล้ท่านมากขึ้น หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ กุมมือของท่านไว้แน่น เขาจับมือของไลลาแน่นและหันไปมองหน้ายานอฟที่ยืนอยู่ปลายเตียง พอชายหนุ่มเห็นสายตานั้นก็รีบเข้ามาใกล้และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับไลลา“ฝากไลลาด้วยนะยานอฟ” เสียงอันแผ่วเบาออกมาจากปากของชายสูงวัยเขาเหนื่อยล้ามากกว่าทุกครั้งที่ยานอฟเคยมาเยี่ยม“ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลไลลาอย่างดี” ยานอฟรีบรับปากเพราะเห็นนะว่าตอนนี้คนป่วยอาการเริ่มจะแย่ลงแล้วหลังจากฝากลูกสาวกับคู่หมั้นแล้วชายชราก็หายใจแรงขึ้นและถี่ขึ้นจนหมอและพยาบาลต้องพากันวิ่งเข้ามาดูชายชรามองหน้าทุกคนแล้วยิ้มก่อนที่ลมหายใจของเขาจากแผ่วลง จนในที่สุดท่านก็ไม่หายใจ ตัวเลขอัตราการเต้นหัวใจบนมอนิเตอร์ที่ติดไว้ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ไลลาและพี่ชายทั้งสองคนจับมือชายชราแน่นขณะที่มารดาก็กำลังจะล้มลงยานอฟที
มนต์มีนาได้รับโทรศัพท์จากพี่ปานทิพย์แจ้งเรื่องงานที่เธอส่งใบสมัครไว้ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ พี่ปานทิพย์นัดให้หญิงสาวไปเจอเช้าวันจันทร์เพื่อจะคุยรายละเอียดเรื่องสัญญาต่างๆ และมนต์มีนาจะตัดสินใจอีกครั้งได้อีกครั้งหลังจากอ่านสัญญาทั้งหมดอย่างเข้าใจแล้วพี่ปานทิพย์บอกอีกว่าให้เธอมาคนเดียวและสถานที่นัดครั้งนี้ไม่ใช่ที่โมเดลลิงแต่เป็นอาคารสำนักงานหญิงสาวอยากบอกเรื่องนี้กับชาลิดาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่สามารถบอกกับใครได้ เธอตื่นตั้งแต่เช้าแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกับเสื้อยืดสีขาวจากนั้นก็ใส่เสื้อแขนยาวทับ ก่อนจะเดินออกไปยังปากซอยและนั่งรถเมล์ไปยังสำนักงานที่พี่ปานทิพย์ส่งโลเคชันมาให้หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเข้านั่งรอด้านล่างของอาคารแห่งหนึ่งไม่นานนักพี่ปานทิพย์ก็เดินตามเข้ามา“มีนมาถึงนานหรือยัง”“เกือบสิบนาทีแล้วค่ะ ทำไมเราต้องมาที่นี่ด้วยคะพี่ปาน”“เขาให้เรามาเจอตัวแทนของเขาก่อน จะได้อ่านสัญญากัน ไปกันเถอะเขาน่าจะรออยู่แล้ว”ปานทิพย์กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 23 ซึ่งเธอนัดกับตัวแทนของผู้ว่าจ้างไว้ที่นี่“เชิญด้านไหนเลยครับ” พนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าลิฟต์บอกให้หญิงสาวสองคนเดินเข
มนต์มีนานั่งรถปานทิพย์มาที่โมเดลลิงของเธอก่อนเพราะที่นี่อยู่ใกล้บ้านของหญิงสาวมากกว่าอาคารที่เพิ่งไปเซ็นสัญญามา เธอเดินตามเจ้าของโมเดลลิงเข้าไปนั่งข้างในห้องทำงานซึ่งตอนนี้ผู้ช่วยของพี่ปานทิพย์ไม่ได้อยู่ในห้อง“พี่เห็นสัญญาแล้วพี่ว่ามันก็ค่อนข้างโอเคนะ เรื่องนี้จะมีคนรู้แค่พี่มีนแล้วก็ออยเท่านั้น ถ้ามีคนถามถึงมีนพี่จะบอกว่ามีนไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดดีไหม คนอื่นจะได้ไม่สงสัย”“ได้ค่ะ หนูก็จะบอกออยให้บอกคนอื่นไปแบบนั้นเหมือนกัน”“ถ้าไปอยู่ที่นู่นอาจจะติดต่อกันลำบากแต่ถ้ามีนมีเรื่องด่วนก็อย่าลืมขอใช้โทรศัพท์ของเจ้านายโทรมาหาพี่ได้ทุกเมื่อ” เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ส่งเด็กไปทานแบบนี้ปานทิพย์เลยค่อนข้างจะห่วง“ค่ะพี่ปาน”ขณะที่มนต์มีนากำลังนั่งคุยอยู่กับปานทิพย์เสียงแจ้งจากแอพพลิเคชันธนาคารก็ดังขึ้นยอดเงินที่โอนเข้ามาให้หญิงสาวคือห้าแสน บาทถ้วน มนต์มีนาไม่เคยมีเงินแบบนี้มากมายในบัญชีแบบนี้มาก่อน หญิงสาวมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“พี่ปานคะเขาโอนมาให้หนูจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น“เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าเขาจะโอนเงินงวดแรกให้ก่อนครึ่งหนึ่งของพี่เองก็ได้มาแล้วแสนห้าจบงานก็คงได้แส
เมื่อทานอาหารไปได้สักพักมนต์มีนาก็เริ่มเกริ่นเรื่องที่ตัวเองได้รับเลือกให้กับชาลิดาฟัง“ออยมีนมีเรื่องจะบอกออย”“เรื่องอะไรล่ะ พูดมาเลย” ชาลิดาหยิบไก่ย่างเข้าปากแล้วเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ก็เรื่องที่พี่ปานพูดวันก่อน”“วันนี้วันจันทร์แล้วนี่ พี่ปานยังไม่ได้แจ้งข่าวมาเลยไม่รู้ว่าใครได้รับเลือก มีนรู้แล้วใช่ไหมว่าใครได้รับเลือก”“จริงๆ เขาแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน”“อะไรนะทำไมออยไม่เห็นรู้เลยล่ะ”“พี่ปานเขาโทรมาแจ้งที่มีนน่ะ”“มีนได้งานนี้ใช่ไหม เขาถึงแจ้งที่มีนคนเดียว”“อือ มีนได้งานนี้แล้ว วันนี้ก็เพิ่งไปเซ็นสัญญามา”“อะไรนะมีนทำไมมันเร็วจังล่ะ ออยขอดูสัญญาด้วยได้ไหม เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ยกเลิกทัน”“ได้สิ” มนต์มีนาหยิบสัญญาในกระเป๋าผ้าส่งให้เพื่อน ชาลิดาตั้งใจอ่านบรรทัดด้วยความตั้งใจ ก่อนจะวางกระดาษลงเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย“ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ ออยว่าดีด้วยซ้ำ คนอื่นก็จะได้ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วมีนมาบอกแบบนี้จะไม่เป็นการผิดสัญญาเหรอ”“ไม่หรอกมีนขอเขาแล้วว่าขอบอกเพื่อนสนิทคนหนึ่งถ้ามีนหายไปเฉยๆ ออยก็ต้องสงสัยแน่ๆ และถ้าไปถามเอาจากคนอื่นเรื่องมันก็จะบานปลาย”“แล้วมีนต้องไปอยู
เช้าวันใหม่มนต์มีนาเดินไปซื้อข้าวเหนียวหน้าปากซอยพอกลับมาถึงบ้านชาลิดาก็อุ่นไส้อั่วกับไก่ย่างที่เหลือเมื่อวานไว้รออยู่แล้วทั้งสองทานอาหารเช้าด้วยกันจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนจะนั่งดูทีวีเพื่อรอเวลาให้คนของเจ้านายมารับรถตู้คันหรูจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับชายฉกรรจ์สวมสูทเดินลงมาจากรถ เขากดออดและยืนรอไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิด“คุณสุทัศน์คะมีนมีอะไรจะขออย่างหนึ่งได้ไหม”“เรื่องอะไรครับ” เขาถามหญิงเจ้านายอย่างสุภาพ“เรื่องที่มีนบอกว่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแล้วขาบอกความจริงกับเขา”“ถ้าเป็นเรื่องนั้นเจ้านายผมบอกว่าไม่มีปัญหา”“คือวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยมีนอยากให้เขาไปด้วยตอนเราไปตรวจร่างกายได้ไหมคะ”“รอสักครู่นะครับ” คุณสุทัศน์เดินหลบไปบริเวณหลังรถตู้ไม่นานก็กลับออกมาพยักหน้าให้กับหญิงสาว“เจ้านายบอกว่าไม่มีปัญหา”“งั้นคุณรอตรงนี้นะคะมีนขอไปตามเพื่อนก่อน” มนต์มีนารีบวิ่งเข้ามาในบ้านและชวนชาลิดาที่ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว“ว่าไงมีนเขาให้ออยไปด้วยได้ใช่ไหม”“เขาบอกว่าได้ เราไปกันเถอะเพื่อทำธุระเสร็จเร็วมีนจะได้เบิกเงินไปจ่ายหนี้เจ๊ที่ตลาดด้วย มีนจะรีบทำธุระทุกอย่างให้
มนต์มีนากำลังจัดเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางสองใบที่คุณสุทัศน์ซื้อมาให้ เมื่อตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วก็รูดซิปปิดก่อนจะลากมารอที่ห้องรับแขก“ไม่ลืมอะไรแน่นะมีน” ชาลิดาที่ช่วยเพื่อนจัดกระเป๋าตั้งแต่บ่ายเมื่อวานมองกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบและใบขนาดกลางอีกหนึ่งใบด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล“ไม่หรอกน่าจะลืมอะไรแล้ว”“ใจหายเหมือนกันนะจะไม่ได้ติดต่อกันตั้งหนึ่งเดือน”“ถ้าไปถึงที่นู่นแล้วมีนจะพยายามหาทางติดต่อมานะ บางที่เกาะที่เราไปมันอาจจะพอมีสัญญาณมือถืออยู่บ้างแต่อาจไม่แรงเท่าในเมือง”“ออยก็ขอให้เป็นแบบนั้น ดูแลตัวเองด้วยนะมีน”“ออยก็เหมือนกันนะ อย่าหักโหมงานมาก”“ขอให้มีนเจอนายจ้างที่ใจดี หล่อๆ หุ่นเหมือนนายแบบนะ”“ขอบใจนะออย”พอถึงเวลานัดคุณสุทัศน์ก็มารักเธอเพื่อไปยังสนามบินและบินบินจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินภูเก็ต จากนั้นก็ขึ้นรถไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งและก็นั่งเรืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงเกาะแห่งหนึ่งเรือจอดเทียบท่าบริเวณด้านหน้าของเกาะมนต์มีนาเห็นว่ามีร้านอาหารและโรงแรมตั้งอยู่แต่คุณสุทัศน์บอกว่าบ้านพักของเจ้านายจะต้องอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเกาะซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวหญิ
เช้าวันใหม่มนต์มีนาเดินไปซื้อข้าวเหนียวหน้าปากซอยพอกลับมาถึงบ้านชาลิดาก็อุ่นไส้อั่วกับไก่ย่างที่เหลือเมื่อวานไว้รออยู่แล้วทั้งสองทานอาหารเช้าด้วยกันจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนจะนั่งดูทีวีเพื่อรอเวลาให้คนของเจ้านายมารับรถตู้คันหรูจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับชายฉกรรจ์สวมสูทเดินลงมาจากรถ เขากดออดและยืนรอไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิด“คุณสุทัศน์คะมีนมีอะไรจะขออย่างหนึ่งได้ไหม”“เรื่องอะไรครับ” เขาถามหญิงเจ้านายอย่างสุภาพ“เรื่องที่มีนบอกว่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งแล้วขาบอกความจริงกับเขา”“ถ้าเป็นเรื่องนั้นเจ้านายผมบอกว่าไม่มีปัญหา”“คือวันนี้เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยมีนอยากให้เขาไปด้วยตอนเราไปตรวจร่างกายได้ไหมคะ”“รอสักครู่นะครับ” คุณสุทัศน์เดินหลบไปบริเวณหลังรถตู้ไม่นานก็กลับออกมาพยักหน้าให้กับหญิงสาว“เจ้านายบอกว่าไม่มีปัญหา”“งั้นคุณรอตรงนี้นะคะมีนขอไปตามเพื่อนก่อน” มนต์มีนารีบวิ่งเข้ามาในบ้านและชวนชาลิดาที่ตอนนี้เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว“ว่าไงมีนเขาให้ออยไปด้วยได้ใช่ไหม”“เขาบอกว่าได้ เราไปกันเถอะเพื่อทำธุระเสร็จเร็วมีนจะได้เบิกเงินไปจ่ายหนี้เจ๊ที่ตลาดด้วย มีนจะรีบทำธุระทุกอย่างให้
เมื่อทานอาหารไปได้สักพักมนต์มีนาก็เริ่มเกริ่นเรื่องที่ตัวเองได้รับเลือกให้กับชาลิดาฟัง“ออยมีนมีเรื่องจะบอกออย”“เรื่องอะไรล่ะ พูดมาเลย” ชาลิดาหยิบไก่ย่างเข้าปากแล้วเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ก็เรื่องที่พี่ปานพูดวันก่อน”“วันนี้วันจันทร์แล้วนี่ พี่ปานยังไม่ได้แจ้งข่าวมาเลยไม่รู้ว่าใครได้รับเลือก มีนรู้แล้วใช่ไหมว่าใครได้รับเลือก”“จริงๆ เขาแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน”“อะไรนะทำไมออยไม่เห็นรู้เลยล่ะ”“พี่ปานเขาโทรมาแจ้งที่มีนน่ะ”“มีนได้งานนี้ใช่ไหม เขาถึงแจ้งที่มีนคนเดียว”“อือ มีนได้งานนี้แล้ว วันนี้ก็เพิ่งไปเซ็นสัญญามา”“อะไรนะมีนทำไมมันเร็วจังล่ะ ออยขอดูสัญญาด้วยได้ไหม เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ยกเลิกทัน”“ได้สิ” มนต์มีนาหยิบสัญญาในกระเป๋าผ้าส่งให้เพื่อน ชาลิดาตั้งใจอ่านบรรทัดด้วยความตั้งใจ ก่อนจะวางกระดาษลงเมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย“ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ ออยว่าดีด้วยซ้ำ คนอื่นก็จะได้ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วมีนมาบอกแบบนี้จะไม่เป็นการผิดสัญญาเหรอ”“ไม่หรอกมีนขอเขาแล้วว่าขอบอกเพื่อนสนิทคนหนึ่งถ้ามีนหายไปเฉยๆ ออยก็ต้องสงสัยแน่ๆ และถ้าไปถามเอาจากคนอื่นเรื่องมันก็จะบานปลาย”“แล้วมีนต้องไปอยู
มนต์มีนานั่งรถปานทิพย์มาที่โมเดลลิงของเธอก่อนเพราะที่นี่อยู่ใกล้บ้านของหญิงสาวมากกว่าอาคารที่เพิ่งไปเซ็นสัญญามา เธอเดินตามเจ้าของโมเดลลิงเข้าไปนั่งข้างในห้องทำงานซึ่งตอนนี้ผู้ช่วยของพี่ปานทิพย์ไม่ได้อยู่ในห้อง“พี่เห็นสัญญาแล้วพี่ว่ามันก็ค่อนข้างโอเคนะ เรื่องนี้จะมีคนรู้แค่พี่มีนแล้วก็ออยเท่านั้น ถ้ามีคนถามถึงมีนพี่จะบอกว่ามีนไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดดีไหม คนอื่นจะได้ไม่สงสัย”“ได้ค่ะ หนูก็จะบอกออยให้บอกคนอื่นไปแบบนั้นเหมือนกัน”“ถ้าไปอยู่ที่นู่นอาจจะติดต่อกันลำบากแต่ถ้ามีนมีเรื่องด่วนก็อย่าลืมขอใช้โทรศัพท์ของเจ้านายโทรมาหาพี่ได้ทุกเมื่อ” เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ส่งเด็กไปทานแบบนี้ปานทิพย์เลยค่อนข้างจะห่วง“ค่ะพี่ปาน”ขณะที่มนต์มีนากำลังนั่งคุยอยู่กับปานทิพย์เสียงแจ้งจากแอพพลิเคชันธนาคารก็ดังขึ้นยอดเงินที่โอนเข้ามาให้หญิงสาวคือห้าแสน บาทถ้วน มนต์มีนาไม่เคยมีเงินแบบนี้มากมายในบัญชีแบบนี้มาก่อน หญิงสาวมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“พี่ปานคะเขาโอนมาให้หนูจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น“เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าเขาจะโอนเงินงวดแรกให้ก่อนครึ่งหนึ่งของพี่เองก็ได้มาแล้วแสนห้าจบงานก็คงได้แส
มนต์มีนาได้รับโทรศัพท์จากพี่ปานทิพย์แจ้งเรื่องงานที่เธอส่งใบสมัครไว้ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ พี่ปานทิพย์นัดให้หญิงสาวไปเจอเช้าวันจันทร์เพื่อจะคุยรายละเอียดเรื่องสัญญาต่างๆ และมนต์มีนาจะตัดสินใจอีกครั้งได้อีกครั้งหลังจากอ่านสัญญาทั้งหมดอย่างเข้าใจแล้วพี่ปานทิพย์บอกอีกว่าให้เธอมาคนเดียวและสถานที่นัดครั้งนี้ไม่ใช่ที่โมเดลลิงแต่เป็นอาคารสำนักงานหญิงสาวอยากบอกเรื่องนี้กับชาลิดาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่สามารถบอกกับใครได้ เธอตื่นตั้งแต่เช้าแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกับเสื้อยืดสีขาวจากนั้นก็ใส่เสื้อแขนยาวทับ ก่อนจะเดินออกไปยังปากซอยและนั่งรถเมล์ไปยังสำนักงานที่พี่ปานทิพย์ส่งโลเคชันมาให้หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเข้านั่งรอด้านล่างของอาคารแห่งหนึ่งไม่นานนักพี่ปานทิพย์ก็เดินตามเข้ามา“มีนมาถึงนานหรือยัง”“เกือบสิบนาทีแล้วค่ะ ทำไมเราต้องมาที่นี่ด้วยคะพี่ปาน”“เขาให้เรามาเจอตัวแทนของเขาก่อน จะได้อ่านสัญญากัน ไปกันเถอะเขาน่าจะรออยู่แล้ว”ปานทิพย์กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 23 ซึ่งเธอนัดกับตัวแทนของผู้ว่าจ้างไว้ที่นี่“เชิญด้านไหนเลยครับ” พนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าลิฟต์บอกให้หญิงสาวสองคนเดินเข
ยานอฟกับไลลามาถึงโรงพยาบาลก็รีบวิ่งขึ้นไปบนแผนกของผู้ป่วยซึ่งตอนนี้บิดาของหญิงสาวนอนรักษาอยู่ตอนนี้ข้างเตียงบิดามีมารดาและพี่ชายของเธออีกสองคนยืนอยู่ข้างๆ“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อบ่นว่าเหนื่อย”“พ่อขาหนูมาแล้วค่ะ หนูพายานอฟมาด้วยนะคะ”ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงพยายามจะอ้าปากพูด ไลลาขยับเข้าไปใกล้ท่านมากขึ้น หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ กุมมือของท่านไว้แน่น เขาจับมือของไลลาแน่นและหันไปมองหน้ายานอฟที่ยืนอยู่ปลายเตียง พอชายหนุ่มเห็นสายตานั้นก็รีบเข้ามาใกล้และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับไลลา“ฝากไลลาด้วยนะยานอฟ” เสียงอันแผ่วเบาออกมาจากปากของชายสูงวัยเขาเหนื่อยล้ามากกว่าทุกครั้งที่ยานอฟเคยมาเยี่ยม“ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลไลลาอย่างดี” ยานอฟรีบรับปากเพราะเห็นนะว่าตอนนี้คนป่วยอาการเริ่มจะแย่ลงแล้วหลังจากฝากลูกสาวกับคู่หมั้นแล้วชายชราก็หายใจแรงขึ้นและถี่ขึ้นจนหมอและพยาบาลต้องพากันวิ่งเข้ามาดูชายชรามองหน้าทุกคนแล้วยิ้มก่อนที่ลมหายใจของเขาจากแผ่วลง จนในที่สุดท่านก็ไม่หายใจ ตัวเลขอัตราการเต้นหัวใจบนมอนิเตอร์ที่ติดไว้ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ไลลาและพี่ชายทั้งสองคนจับมือชายชราแน่นขณะที่มารดาก็กำลังจะล้มลงยานอฟที
แฟ้มประวัติของหญิงสาวเกือบห้าสิบคนถูกวางลงบนโต๊ะของยานอฟนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยยูเครน ขณะที่เจ้าตัวนั้นเพิ่งคุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญเสร็จพอดี“ผมคัดมาให้บอสมีห้าสิบคนครับ ที่เหลือดูแล้วไม่น่าจะถูกใจก็เลยไม่ได้เอาเข้ามาให้” กาซิมลูกน้องคนสนิทคัดเลือกแฟ้มผู้หญิงทั้งหมดที่ทางโมเดลลิงส่งมารวมร้อยกว่าคนเขาคัดออกจนเหลือแค่ห้าสิบคนที่คิดว่าตรงสเปกเจ้านายของตนเองมากที่สุด“ครั้งนี้ส่งมาทั้งหมดเท่าไหร่เหรอกาซิม”“เกือบร้อยห้าสิบครับ ถ้าบอสไม่สนใจห้าสิบคนตรงนี้ ผมค่อยเอาที่เหลือมาให้”“ไม่เป็นไรฉันเชื่อใจนาย” ยานอฟทำงานร่วมกับกาซิมมาตั้งแต่เขาอายุสิบแปดปี จนถึงตอนนี้ก็สิบสองปีแล้ว กาซิมเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่และเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจเขามากที่สุด ชายหนุ่มช่วยงานเขาได้ในทุกๆ เรื่องรวมถึงการจัดหาผู้หญิงมาให้เขาด้วย ยานอฟมีคู่หมั้นอยู่แล้วเขากับเธอหมั้นกันมาได้เกือบห้าปีแต่ก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกัน ทั้งสองต่างรู้ว่าการหมั้นหมายที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความรัก ไลลาเองมีคนรักอยู่แล้วแต่ก็ขัดคำสั่งของบิดาไม่ได้ ยานอฟก็อยากจะถอนหมั้นแต่ตอนนี้บิดาของเธอกำลังป่วยหนัก เธอจึงขอร้องให้เขาอย่าพึ่งพูดเรื
เมื่อทุกคนทยอยกันออกไปจัดห้องจนหมด ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่มนต์มีนากับชาลิดาเท่านั้น“มีนกับออยมีอะไรจะคุยกับพี่ใช่ไหม”“ค่ะพี่ปาน”“มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ ใช่เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคือมีนกับออยอยากจะมาถามพี่ปานว่าช่วงนี้มีงานอะไรให้เราสองคนทำเพิ่มไหม เรากำลังร้อนเงินค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะดูให้นะ ช่วงนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมคนก็ว่างกันเยอะลูกค้าก็เลยมีโอกาสที่จะเลือก จริงๆพี่อยากจะช่วยให้เราทุกคนได้งาน ได้เงินแต่บางครั้งโมเดลลิงอื่นเขาก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ช่วงนี้มันก็เลยมีการตัดราคากันบ้าง” ปานทิพย์ก็หนักใจเรื่องนี้อยู่มาก“ออยเข้าใจค่ะพี่ปาน”“แล้วเราสองคนไม่สนใจจะส่งใบสมัครให้พี่บ้างเหรอ หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดีแบบนี้เผื่อจะได้รับเลือกขึ้นมาเงินตั้งหนึ่งล้าน มันเยอะมากพี่ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่จะทำเรื่องแบบนี้แต่เงินมันก็ล่อตาล่อใจจริง”“หนูขอถามอีกนิดได้ไหมค่ะพี่ปาน”“ถามได้เลยจ้ะออย”“ผู้ชายที่เขามาจ้างเราเขาไม่ได้เป็นพวกซาดิสต์อะไรแบบในหนังใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกจ้ะ เพราะครั้งที่แล้วเขามาเมืองไทยก็มีเด็กจากโมเดลลิงอื่นไปรับงาน ก็ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไร เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะมาห
มนต์มีนาและชาลิดามาถึงโมเดลลิงเกือบจะสิบนาฬิกา ตอนนี้พี่ปานทิพย์เจ้าของโมเดลลิงยังไม่ได้เข้ามา ด้านในจึงมีแค่ลูกน้องของเธอเด็กในสังกัดคนอื่นๆ ที่มานั่งรออยู่มนต์มีนายิ้มทักทายให้กับทุกคนก่อนจะเข้าไปนั่งรอทางด้านใน ซึ่งตอนนี้มีเด็กในสังกัดของพี่ปานทิพย์มารออยู่เกือบสามสิบคน“ทำไมวันนี้คนมาเยอะจังมีอะไรกันเหรอ” ชาลิดาสะกิดถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ“ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเหรอออยหรือวันนี้พี่ปานทิพย์เขาเรียกให้ทุกคนมาประชุมกันที่นี่เห็นว่ามีงานใหญ่จะให้ทำ”“อ้าวเหรอเราไม่รู้เลยมัวแต่ทำงานหนัก”“เราก็นึกว่ารู้แล้วก็เลยไม่ได้ไลน์ส่วนตัวไปบอก”“มีนรู้ไหม” ชาลิดากันไปถามมนต์มีนา“มีนก็ไม่รู้เหมือนกันมัวแต่ยุ่งๆ ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลย แต่ก็ดีนะที่วันนี้เรานัดกันจะมาหาพี่ปานอยู่พอดี”“นั่นสิไม่รู้พี่เขามีงานอะไรจะคุยนะ ถึงเรียกมากันเยอะขนาดนี้ขอให้เป็นงานใหญ่ทีเถอะ พวกเราจะได้งานกันทุกคน”“นั่นสิช่วงนี้ปิดเทอมด้วยใครๆ ก็ว่างกันทั้งนั้นถ้างานเล็กๆ ก็คงต้องแย่งกันอีกตามเคย” มนต์มีนาหวังว่างานวันนี้คงจะใหญ่มากพอที่พวกเธอจะได้ไม่ต้องแย่งกัน“เห็นว่าช่วงนี้งานจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ นี่เราว่าจะลงเรี