ผู้บังคับบัญชาด้านล่างไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องรักษางานของตัวเองไว้“คุณหลี เราสามารถเพิ่มรายชื่อเข้าไปได้ทันทีเลยครับ เราจะเพิ่มบุคคลากรของทางบริษัทตี้เซิ่งเข้าไปในผู้มีส่วนร่วมของโครงการ!”“ฉันจะส่งเอกสารรายงานโครงการไปให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้เลย!”หลีเกอพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมีพลัง “รีบจัดการให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อย ฉันจะยืนยันคำเดิม”ผู้บังคับบัญชาตอบรับทีละคนโดยไม่สนใจการประชุมอีก เรียกผู้ช่วยให้เข้ามาเป็นธุระจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดมองดูเยวี่ยฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม ตอนนี้คำสั่งของเยวี่ยฉิงไม่มีผลสำหรับพวกเขาอีกต่อไป“ผู้อำนวยการเยวี่ย ดูเหมือนจะชอบฟังเรื่องราวจากปากคนอื่นมากเลยนะคะ” หลีเกอหรี่ตาลงและเยาะเย้ย “คุณคิดว่าฉันเป็นแค่แจกันประดับที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก เลยคิดจะสร้างความลำบากใจกับฉันได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ?”“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ? มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด คุณหลีอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย” เยวี่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนนและประจบประแจง ไม่มีอำนาจที่จะต่อต้านหลีเกอลุ
“ถอนโพสต์ข่าวนั่นซะ”ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ตอนหลัง หลังจากนายไม่อยู่ตรงนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”โม่อี้เฟยเลิกคิ้ว “ทำไมจะไม่ใช่ ก็เป็นหล่อนผู้หญิงแบบนั้น”“ถ้านายไม่ไล่ฉันออกไป ฉันคงรีบวิ่งไปตบบ้องหูสองคู่ชู้ชื่นนั้นแล้ว พวกเขาจะได้สำเหนียกว่าอะไรคือความเหมาะสม ศีลธรรมอันพึงควร และความอับอาย!”โม่อี้เฟยคิดถึงสายตาโดดเดี่ยวละห้อยของฮั่วจิ้นเฉิงในวันนั้น ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับเพื่อนของเขา และยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น“หล่อนทำให้ฉันเสียหน้ามากตอนอยู่ที่สนามแข่งม้า แถมยังข่มขู่ฉัน ฉันต้องให้ชาวเน็ตรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหล่อน”“จริงเหรอ? ฉันกำลังรอมีดโกนใบใหญ่ของคุณอยู่พอดี”เสียงเย็นชาของหลีเกอดังก้องเข้าไปในหูของโม่อี้เฟย เขากระโดดโหยงขึ้นจากที่นั่งด้วยความตกใจอีกครั้ง“ทำไมเธอถึงโผล่มาได้ทุกที่!” ขนบนร่างโม่อี้เฟยลุกพรึ่บใครจะไปคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาแย่ ๆ ตัวจริงกลับมาอยู่ข้างหลังเสมอหลีเกอยืนอยู่ข้างหลังเขา กอดอก สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา พูดกับจู้หว่านอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เจอแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาคนมาตรวจสอบที่มาอีก
“โม่อี้เฟยไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่เข้าใจคุณผิด อย่าเอาเรื่องเขาเลย”ฮั่วจิ้นเฉิงเดินตามหลีเกอด้วยความหงุดหงิด คว้าแขนของเธอไว้หลีเกอพยายามดิ้นรนเพื่อให้สลัดหลุด “ถ้าคุณฮั่วเป็นคนดีจริง ๆ ทำไมถึงมาขอร้องให้ฉันไม่เอาเรื่องเขาล่ะ?"ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปที่จู้หว่านอี้และเจี่ยงอีอีที่อยู่เคียงข้างหลีเกอ และตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา “อย่างน้อยช่วยมีน้ำใจมากกว่านี้ ยอมหันหน้าคุยกันดี ๆ เหมือนเพื่อนทั่วไปได้ไหม?”หลีเกอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเฉยเมย“ฉันมีแค่แฟนเก่าที่ตายไปแล้ว ไม่เป็นเพื่อนกับสามีที่หย่าร้าง”แม้ว่าเขาจะได้ยินการปฏิเสธดังกล่าวแล้ว แต่ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยังไม่สามารถปล่อยเธอไปได้อย่างใจเย็น เขาพูดอย่างเย็นชา “คำแถลงการณ์ขอโทษจะถูกประกาศออกมาในเช้าวันพรุ่งนี้ ผมจะขอให้สำนักข่าวถอนอันดับการค้นหามาแรงในภายหลัง”“คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวหน้าซื่อใจคดที่นี่ ที่พวกเขากล้าปฏิบัติต่อฉันแบบนี้ ก็เพราะพวกเขาทุกคนเห็นคุณเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ?”“ผม?”ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยใบหน้าของหลีเกอเต็มไปด้วยความผิดหวัง ดวงตาวาววับของเธอจับจ้องไปที่ฮั่วจิ้นเฉิง “ทั้งหมดมัน
เมื่อฉีอวิ๋นเทียนทำสิ่งนี้ คู่รักทุกคู่ที่อยู่ในร้านต่างก็หันมอง และพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นว่าการขอแต่งงานประสบความสำเร็จหรือไม่ตรงข้ามพวกเขาไม่ไกล โม่อี้เฟยและภรรยาของเขานั่งอยู่ตรงนั้นโม่อี้เฟยเพิ่งง้อภรรยาของเขาให้กลับมาคืนดีได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และวันนี้เขาพาเธอออกมาทานอาหารเย็นพอดีเมื่อเห็นว่าเป้าสายตาของร้านกลายเป็นหลีเกออีกแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายรูปแผ่นหลังของฉีอวิ๋นเทียน แล้วส่งไปหาฮั่วจิ้นเฉิงโดยไม่ลืมที่จะใส่สีตีไข่เข้าไปว่า… [เพื่อน ดูสิ เมียเก่านายเจอเป้าหมายการล่าสัตว์ใหม่แล้ว แล้วผู้ชายคนนี้ก็ดูหล่อมากด้วย…]ฮั่วกรุ๊ปฮั่วจิ้นเฉิงซึ่งอยู่ในระหว่างการประชุมได้รับข้อความ ใบหน้าของเขามืดมนลงทันที ขมวดคิ้วพร้อมกับกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมตกใจเขาหยิบเสื้อคลุมด้านหลังเก้าอี้ขึ้นมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ประชุมกันไปก่อน ผมมีธุระต้องทำ”จากนั้นเขาก็เปิดประตูแล้วออกไป รีบเดินทางไปที่ร้านอาหารฉีอวิ๋นเทียนนั่งตัวตรง พูดอย่างจริงจังว่า “เทพธิดา คำสารภาพครั้งก่อนของผมในที่สาธารณะอาจดูเหมือนไม่ผ่านการกลั
ริมฝีปากบางของฮั่วจิ้นเฉิงเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนพูดว่า “คุณคิดว่ายังไง?”“เธอ?” ฉีอวิ๋นเทียนพูดพลางชี้ไปที่หลีเกอ ก่อนหันมองฮั่วจิ้นเฉิง “คุณ?”หลังจากนั้นเขาก็ชี้มาที่ตนเอง “ผม...”“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”ฉับพลันเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ ข้อมูลที่เขาได้รับมีมากเกินไปจึงต้องใช้เวลาในการระมวลผลโม่อี้เฟยยกมือขึ้นแตะจมูก พลางโน้มตัวไปหาฉีอวิ๋นเทียนที่กำลังสับสนไม่น้อย “เพื่อนรัก ไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกหลอก ครั้งนี้นายถลำลึกไปแล้ว”จู่ ๆ ฉีอวิ๋นเทียนก็ระเบิดอารมณ์ “มีคนบอกว่าพวกนายหย่ากันแล้ว นายไม่รู้จักเสรีภาพในความรักเหรอ?”เขาผลักฮั่วจิ้นเฉิงพลางกล่าวเสียงแข็ง “ตอนที่ฉันเจอเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นภรรยาเก่าของนายด้วยซ้ำ”หลีเกอเดินผ่านฮั่วจิ้นเฉิงด้วยท่าทีนิ่งเฉย ทันใดนั้นเสียงทุ้มลึกและเย็นชาก็ดังขึ้นข้างหลังเธอ“ทำไมไม่อธิบายล่ะ?”หลีเกอแค่นเสียง “จะให้ฉันอธิบายในฐานะอะไร?”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เดินผ่านไป“อย่าเพิ่งไป! นายจะทิ้งพวกเราสามคนไว้ที่นี่เหรอ?” ฉีอวิ๋นเทียนตะโกนตามหลังหลีเกอจากนั้นฮั่วจิ้นเฉิงก็เดินออกไปด้วยสีหน้ามืดมน ขณะที่โม่อี้เฟยเดินตามไประหว่างทางกลับ สติของฉ
“ไอ้ลูกไม่รักดี! เธอคือหลีเกอ! และเธอก็คือคุณหนูสี่ของตระกูลหลีที่เป็นคู่หมั้นแกยังไงล่ะ!” เสียงของคุณฉีดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นคำรามเขาตั้งใจสั่งให้ลูกชายย้ายไปที่เมืองปินเฉิงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับหลีเกอมากกว่าเดิม แต่หลีหานไม่เห็นด้วย เขาจึงอนุญาตให้ฉีอวิ๋นเทียนทำงานที่ตี้เซิ่ง.และต้องปกปิดตัวตนกับหลีเกอแต่ตอนนี้ไอ้ลูกทรพีโง่เง่ากล้าฉีกสัญญาต่อหน้าผู้อาวุโส แถมยังเรียกหลีเกอว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดอีก!ประธานฉีรู้สึกว่าความดันโลหิตของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องรีบออกจากที่นี่แล้วสอนบทเรียนให้กับฉีอวิ๋นเทียนฉีอวิ๋นเทียนผุดลุกยืนขึ้น ดวงตากลมโตจ้องเขม็งมาที่หลีเกอพลางส่ายหน้า การเชื่อมโยงระหว่างเทพธิดาและสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์เป็นเรื่องยากสำหรับเขาอย่างมาก“เทพธิดาที่ฉันไล่ตาม... ความจริงแล้วคือคู่หมั้นที่ฉันไม่อยากแต่งงานด้วยงั้นเหรอ!”เขาอยากจะระเหยไปกับอากาศให้รู้แล้วรู้รอด “ไม่... เป็นไปไม่ได้!”เขาเงยหหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจยาว.ก่อนเดินออกไปโดยไม่หันมอง ปล่อยให้หลีเกอมองเขาและระเบิดหัวเราะออกมาหลีเกอกดวางสายวิดีโอคอลและหัวเราะตามลำพัง ในออฟฟิศอยู่ครู่ใหญ
ฮั่วซินยิ้มเจื่อน “มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เธออย่าเชื่อเสียงนกเสียงกาเลย”ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอไม่ฟังคำคัดค้านของฮั่วจินเฉิงและแอบไปพบกับคุณปู่ ตอนนี้เธอคงได้ไปออกกำลังกายตอนเช้าในคุกนานแล้วหลีเกอปรายตามองฮั่วซินอย่างเย็นชา “ในเมื่อตอนนี้เป็นอิสระแล้ว ก็กลับตัวเป็นคนดีซะ เธออยากจะทำอะไรก็ทำไป ตราบใดที่เธอไม่ทำเรื่องเลว ๆ ฉันก็จะไม่ยุ่ง”“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ถูกจับ ไม่ได้ยินหรือไง!”ฮั่วซินอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ แต่ถูกเจี่ยงอีอีขวางเอาไว้ “ตอนนี้เรามีสองต่อหนึ่ง เธออยากมีเรื่องไหมล่ะ?”ผู้หญิงสองคนตรงหน้าเธอไม่ใช่คนที่เธอจะต่อกรได้ง่าย ๆ หลังจากใช้ความคิดแล้ว ฮั่วซินก็สูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกเธอ”ก่อนหน้านี้เธอได้รับคำเตือนจากฮั่วจิ้นเฉิงว่าอย่าทะเลาะกับหลีเกอเด็ดขาด“เธอกลัวนี่นา! คุณหนูของพวกเราไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอที่จะมายุ่มย่ามได้!” เจี่ยงอีอีเอียงศีรษะซบไหล่หลีเกอด้วยความภาคภูมิใจฮั่วซินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่สามารถระบายออกมา จึงทำได้แต่หันไปมองหาคนอื่นอย่างเงียบ ๆแต่พนักงานบอกกับฮั่วซิน
หลีเกอยิ้มเยาะก่อนเดินเข้าไปหาฮั่วซิน “ทำไมเธอถึงตกใจขนาดนี้ล่ะ โทรหาตำรวจสิ! ฉันจะรอ”ฮั่วซินกังวลมากจนเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก เธอกำโทรศัพท์แน่นและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป“เธอสงสัยไหมว่าทำไมสร้อยข้อมือที่ควรอยู่ในกระเป๋าฉันถึงไปอยู่ในกระเป๋าเธอได้?”ฮั่วซินตกตะลึง “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร”“เธอคิดว่าฉันไม่เห็นว่าเธอจงใจเอาของสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋าฉันเหรอ?” หลีเกอถามอย่างเคร่งขรึมขณะฮั่วซินกำลังลงมือ หลีเกอบังเอิญเดินผ่านกระจกด้านข้างร้าน เมื่อฮั่วซินหันกลับไป เธอจึงหย่อนมันกลับลงไปในกระเป๋าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วไม่นานเจี่ยงอีอีก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ฮั่วซินเอ๋ย ฮั่วซิน เธอจงใจทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้จริง ๆ สินะ ไม่คิดเลยว่าอายุยังน้อย แต่เจ้าเล่ห์ไม่เบา!”“ครั้งที่แล้วฉันไม่ได้จะให้เธอติดคุกจริง ๆ เธอถึงไม่ได้รับบทเรียนสักที ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะลงโทษเธอแทนตระกูลฮั่วเอง!” หลีเกอหันไปหาพนักงานแล้วพูดว่า “โทรแจ้งตำรวจ!”“อย่าแจ้งตำรวจ! อย่าแจ้งตำรวจนะ!”ฮั่วจิ้นเฉิงรั้งพนักงานเอาไว้ไม่ให้โทรแจ้งตำรวจตอนนั้นเอง.ฮั่วจิ้นเฉิงก็โทรมาหาฮั่วซิน เธอจึงรับสายทั้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ