ผู้บังคับบัญชาด้านล่างไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องรักษางานของตัวเองไว้“คุณหลี เราสามารถเพิ่มรายชื่อเข้าไปได้ทันทีเลยครับ เราจะเพิ่มบุคคลากรของทางบริษัทตี้เซิ่งเข้าไปในผู้มีส่วนร่วมของโครงการ!”“ฉันจะส่งเอกสารรายงานโครงการไปให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้เลย!”หลีเกอพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมีพลัง “รีบจัดการให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อย ฉันจะยืนยันคำเดิม”ผู้บังคับบัญชาตอบรับทีละคนโดยไม่สนใจการประชุมอีก เรียกผู้ช่วยให้เข้ามาเป็นธุระจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดมองดูเยวี่ยฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม ตอนนี้คำสั่งของเยวี่ยฉิงไม่มีผลสำหรับพวกเขาอีกต่อไป“ผู้อำนวยการเยวี่ย ดูเหมือนจะชอบฟังเรื่องราวจากปากคนอื่นมากเลยนะคะ” หลีเกอหรี่ตาลงและเยาะเย้ย “คุณคิดว่าฉันเป็นแค่แจกันประดับที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก เลยคิดจะสร้างความลำบากใจกับฉันได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ?”“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ? มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด คุณหลีอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย” เยวี่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนนและประจบประแจง ไม่มีอำนาจที่จะต่อต้านหลีเกอลุ
“ถอนโพสต์ข่าวนั่นซะ”ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ตอนหลัง หลังจากนายไม่อยู่ตรงนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”โม่อี้เฟยเลิกคิ้ว “ทำไมจะไม่ใช่ ก็เป็นหล่อนผู้หญิงแบบนั้น”“ถ้านายไม่ไล่ฉันออกไป ฉันคงรีบวิ่งไปตบบ้องหูสองคู่ชู้ชื่นนั้นแล้ว พวกเขาจะได้สำเหนียกว่าอะไรคือความเหมาะสม ศีลธรรมอันพึงควร และความอับอาย!”โม่อี้เฟยคิดถึงสายตาโดดเดี่ยวละห้อยของฮั่วจิ้นเฉิงในวันนั้น ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับเพื่อนของเขา และยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น“หล่อนทำให้ฉันเสียหน้ามากตอนอยู่ที่สนามแข่งม้า แถมยังข่มขู่ฉัน ฉันต้องให้ชาวเน็ตรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหล่อน”“จริงเหรอ? ฉันกำลังรอมีดโกนใบใหญ่ของคุณอยู่พอดี”เสียงเย็นชาของหลีเกอดังก้องเข้าไปในหูของโม่อี้เฟย เขากระโดดโหยงขึ้นจากที่นั่งด้วยความตกใจอีกครั้ง“ทำไมเธอถึงโผล่มาได้ทุกที่!” ขนบนร่างโม่อี้เฟยลุกพรึ่บใครจะไปคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาแย่ ๆ ตัวจริงกลับมาอยู่ข้างหลังเสมอหลีเกอยืนอยู่ข้างหลังเขา กอดอก สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา พูดกับจู้หว่านอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เจอแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาคนมาตรวจสอบที่มาอีก
“โม่อี้เฟยไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่เข้าใจคุณผิด อย่าเอาเรื่องเขาเลย”ฮั่วจิ้นเฉิงเดินตามหลีเกอด้วยความหงุดหงิด คว้าแขนของเธอไว้หลีเกอพยายามดิ้นรนเพื่อให้สลัดหลุด “ถ้าคุณฮั่วเป็นคนดีจริง ๆ ทำไมถึงมาขอร้องให้ฉันไม่เอาเรื่องเขาล่ะ?"ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปที่จู้หว่านอี้และเจี่ยงอีอีที่อยู่เคียงข้างหลีเกอ และตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา “อย่างน้อยช่วยมีน้ำใจมากกว่านี้ ยอมหันหน้าคุยกันดี ๆ เหมือนเพื่อนทั่วไปได้ไหม?”หลีเกอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเฉยเมย“ฉันมีแค่แฟนเก่าที่ตายไปแล้ว ไม่เป็นเพื่อนกับสามีที่หย่าร้าง”แม้ว่าเขาจะได้ยินการปฏิเสธดังกล่าวแล้ว แต่ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยังไม่สามารถปล่อยเธอไปได้อย่างใจเย็น เขาพูดอย่างเย็นชา “คำแถลงการณ์ขอโทษจะถูกประกาศออกมาในเช้าวันพรุ่งนี้ ผมจะขอให้สำนักข่าวถอนอันดับการค้นหามาแรงในภายหลัง”“คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวหน้าซื่อใจคดที่นี่ ที่พวกเขากล้าปฏิบัติต่อฉันแบบนี้ ก็เพราะพวกเขาทุกคนเห็นคุณเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ?”“ผม?”ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยใบหน้าของหลีเกอเต็มไปด้วยความผิดหวัง ดวงตาวาววับของเธอจับจ้องไปที่ฮั่วจิ้นเฉิง “ทั้งหมดมัน
เมื่อฉีอวิ๋นเทียนทำสิ่งนี้ คู่รักทุกคู่ที่อยู่ในร้านต่างก็หันมอง และพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นว่าการขอแต่งงานประสบความสำเร็จหรือไม่ตรงข้ามพวกเขาไม่ไกล โม่อี้เฟยและภรรยาของเขานั่งอยู่ตรงนั้นโม่อี้เฟยเพิ่งง้อภรรยาของเขาให้กลับมาคืนดีได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และวันนี้เขาพาเธอออกมาทานอาหารเย็นพอดีเมื่อเห็นว่าเป้าสายตาของร้านกลายเป็นหลีเกออีกแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายรูปแผ่นหลังของฉีอวิ๋นเทียน แล้วส่งไปหาฮั่วจิ้นเฉิงโดยไม่ลืมที่จะใส่สีตีไข่เข้าไปว่า… [เพื่อน ดูสิ เมียเก่านายเจอเป้าหมายการล่าสัตว์ใหม่แล้ว แล้วผู้ชายคนนี้ก็ดูหล่อมากด้วย…]ฮั่วกรุ๊ปฮั่วจิ้นเฉิงซึ่งอยู่ในระหว่างการประชุมได้รับข้อความ ใบหน้าของเขามืดมนลงทันที ขมวดคิ้วพร้อมกับกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมตกใจเขาหยิบเสื้อคลุมด้านหลังเก้าอี้ขึ้นมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ประชุมกันไปก่อน ผมมีธุระต้องทำ”จากนั้นเขาก็เปิดประตูแล้วออกไป รีบเดินทางไปที่ร้านอาหารฉีอวิ๋นเทียนนั่งตัวตรง พูดอย่างจริงจังว่า “เทพธิดา คำสารภาพครั้งก่อนของผมในที่สาธารณะอาจดูเหมือนไม่ผ่านการกลั
ริมฝีปากบางของฮั่วจิ้นเฉิงเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนพูดว่า “คุณคิดว่ายังไง?”“เธอ?” ฉีอวิ๋นเทียนพูดพลางชี้ไปที่หลีเกอ ก่อนหันมองฮั่วจิ้นเฉิง “คุณ?”หลังจากนั้นเขาก็ชี้มาที่ตนเอง “ผม...”“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”ฉับพลันเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ ข้อมูลที่เขาได้รับมีมากเกินไปจึงต้องใช้เวลาในการระมวลผลโม่อี้เฟยยกมือขึ้นแตะจมูก พลางโน้มตัวไปหาฉีอวิ๋นเทียนที่กำลังสับสนไม่น้อย “เพื่อนรัก ไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกหลอก ครั้งนี้นายถลำลึกไปแล้ว”จู่ ๆ ฉีอวิ๋นเทียนก็ระเบิดอารมณ์ “มีคนบอกว่าพวกนายหย่ากันแล้ว นายไม่รู้จักเสรีภาพในความรักเหรอ?”เขาผลักฮั่วจิ้นเฉิงพลางกล่าวเสียงแข็ง “ตอนที่ฉันเจอเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นภรรยาเก่าของนายด้วยซ้ำ”หลีเกอเดินผ่านฮั่วจิ้นเฉิงด้วยท่าทีนิ่งเฉย ทันใดนั้นเสียงทุ้มลึกและเย็นชาก็ดังขึ้นข้างหลังเธอ“ทำไมไม่อธิบายล่ะ?”หลีเกอแค่นเสียง “จะให้ฉันอธิบายในฐานะอะไร?”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เดินผ่านไป“อย่าเพิ่งไป! นายจะทิ้งพวกเราสามคนไว้ที่นี่เหรอ?” ฉีอวิ๋นเทียนตะโกนตามหลังหลีเกอจากนั้นฮั่วจิ้นเฉิงก็เดินออกไปด้วยสีหน้ามืดมน ขณะที่โม่อี้เฟยเดินตามไประหว่างทางกลับ สติของฉ
“ไอ้ลูกไม่รักดี! เธอคือหลีเกอ! และเธอก็คือคุณหนูสี่ของตระกูลหลีที่เป็นคู่หมั้นแกยังไงล่ะ!” เสียงของคุณฉีดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นคำรามเขาตั้งใจสั่งให้ลูกชายย้ายไปที่เมืองปินเฉิงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับหลีเกอมากกว่าเดิม แต่หลีหานไม่เห็นด้วย เขาจึงอนุญาตให้ฉีอวิ๋นเทียนทำงานที่ตี้เซิ่ง.และต้องปกปิดตัวตนกับหลีเกอแต่ตอนนี้ไอ้ลูกทรพีโง่เง่ากล้าฉีกสัญญาต่อหน้าผู้อาวุโส แถมยังเรียกหลีเกอว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดอีก!ประธานฉีรู้สึกว่าความดันโลหิตของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องรีบออกจากที่นี่แล้วสอนบทเรียนให้กับฉีอวิ๋นเทียนฉีอวิ๋นเทียนผุดลุกยืนขึ้น ดวงตากลมโตจ้องเขม็งมาที่หลีเกอพลางส่ายหน้า การเชื่อมโยงระหว่างเทพธิดาและสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์เป็นเรื่องยากสำหรับเขาอย่างมาก“เทพธิดาที่ฉันไล่ตาม... ความจริงแล้วคือคู่หมั้นที่ฉันไม่อยากแต่งงานด้วยงั้นเหรอ!”เขาอยากจะระเหยไปกับอากาศให้รู้แล้วรู้รอด “ไม่... เป็นไปไม่ได้!”เขาเงยหหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจยาว.ก่อนเดินออกไปโดยไม่หันมอง ปล่อยให้หลีเกอมองเขาและระเบิดหัวเราะออกมาหลีเกอกดวางสายวิดีโอคอลและหัวเราะตามลำพัง ในออฟฟิศอยู่ครู่ใหญ
ฮั่วซินยิ้มเจื่อน “มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เธออย่าเชื่อเสียงนกเสียงกาเลย”ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอไม่ฟังคำคัดค้านของฮั่วจินเฉิงและแอบไปพบกับคุณปู่ ตอนนี้เธอคงได้ไปออกกำลังกายตอนเช้าในคุกนานแล้วหลีเกอปรายตามองฮั่วซินอย่างเย็นชา “ในเมื่อตอนนี้เป็นอิสระแล้ว ก็กลับตัวเป็นคนดีซะ เธออยากจะทำอะไรก็ทำไป ตราบใดที่เธอไม่ทำเรื่องเลว ๆ ฉันก็จะไม่ยุ่ง”“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ถูกจับ ไม่ได้ยินหรือไง!”ฮั่วซินอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ แต่ถูกเจี่ยงอีอีขวางเอาไว้ “ตอนนี้เรามีสองต่อหนึ่ง เธออยากมีเรื่องไหมล่ะ?”ผู้หญิงสองคนตรงหน้าเธอไม่ใช่คนที่เธอจะต่อกรได้ง่าย ๆ หลังจากใช้ความคิดแล้ว ฮั่วซินก็สูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกเธอ”ก่อนหน้านี้เธอได้รับคำเตือนจากฮั่วจิ้นเฉิงว่าอย่าทะเลาะกับหลีเกอเด็ดขาด“เธอกลัวนี่นา! คุณหนูของพวกเราไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอที่จะมายุ่มย่ามได้!” เจี่ยงอีอีเอียงศีรษะซบไหล่หลีเกอด้วยความภาคภูมิใจฮั่วซินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่สามารถระบายออกมา จึงทำได้แต่หันไปมองหาคนอื่นอย่างเงียบ ๆแต่พนักงานบอกกับฮั่วซิน
หลีเกอยิ้มเยาะก่อนเดินเข้าไปหาฮั่วซิน “ทำไมเธอถึงตกใจขนาดนี้ล่ะ โทรหาตำรวจสิ! ฉันจะรอ”ฮั่วซินกังวลมากจนเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก เธอกำโทรศัพท์แน่นและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป“เธอสงสัยไหมว่าทำไมสร้อยข้อมือที่ควรอยู่ในกระเป๋าฉันถึงไปอยู่ในกระเป๋าเธอได้?”ฮั่วซินตกตะลึง “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร”“เธอคิดว่าฉันไม่เห็นว่าเธอจงใจเอาของสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋าฉันเหรอ?” หลีเกอถามอย่างเคร่งขรึมขณะฮั่วซินกำลังลงมือ หลีเกอบังเอิญเดินผ่านกระจกด้านข้างร้าน เมื่อฮั่วซินหันกลับไป เธอจึงหย่อนมันกลับลงไปในกระเป๋าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วไม่นานเจี่ยงอีอีก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ฮั่วซินเอ๋ย ฮั่วซิน เธอจงใจทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้จริง ๆ สินะ ไม่คิดเลยว่าอายุยังน้อย แต่เจ้าเล่ห์ไม่เบา!”“ครั้งที่แล้วฉันไม่ได้จะให้เธอติดคุกจริง ๆ เธอถึงไม่ได้รับบทเรียนสักที ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะลงโทษเธอแทนตระกูลฮั่วเอง!” หลีเกอหันไปหาพนักงานแล้วพูดว่า “โทรแจ้งตำรวจ!”“อย่าแจ้งตำรวจ! อย่าแจ้งตำรวจนะ!”ฮั่วจิ้นเฉิงรั้งพนักงานเอาไว้ไม่ให้โทรแจ้งตำรวจตอนนั้นเอง.ฮั่วจิ้นเฉิงก็โทรมาหาฮั่วซิน เธอจึงรับสายทั้