“ไอ้ลูกไม่รักดี! เธอคือหลีเกอ! และเธอก็คือคุณหนูสี่ของตระกูลหลีที่เป็นคู่หมั้นแกยังไงล่ะ!” เสียงของคุณฉีดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นคำรามเขาตั้งใจสั่งให้ลูกชายย้ายไปที่เมืองปินเฉิงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับหลีเกอมากกว่าเดิม แต่หลีหานไม่เห็นด้วย เขาจึงอนุญาตให้ฉีอวิ๋นเทียนทำงานที่ตี้เซิ่ง.และต้องปกปิดตัวตนกับหลีเกอแต่ตอนนี้ไอ้ลูกทรพีโง่เง่ากล้าฉีกสัญญาต่อหน้าผู้อาวุโส แถมยังเรียกหลีเกอว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดอีก!ประธานฉีรู้สึกว่าความดันโลหิตของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องรีบออกจากที่นี่แล้วสอนบทเรียนให้กับฉีอวิ๋นเทียนฉีอวิ๋นเทียนผุดลุกยืนขึ้น ดวงตากลมโตจ้องเขม็งมาที่หลีเกอพลางส่ายหน้า การเชื่อมโยงระหว่างเทพธิดาและสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์เป็นเรื่องยากสำหรับเขาอย่างมาก“เทพธิดาที่ฉันไล่ตาม... ความจริงแล้วคือคู่หมั้นที่ฉันไม่อยากแต่งงานด้วยงั้นเหรอ!”เขาอยากจะระเหยไปกับอากาศให้รู้แล้วรู้รอด “ไม่... เป็นไปไม่ได้!”เขาเงยหหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจยาว.ก่อนเดินออกไปโดยไม่หันมอง ปล่อยให้หลีเกอมองเขาและระเบิดหัวเราะออกมาหลีเกอกดวางสายวิดีโอคอลและหัวเราะตามลำพัง ในออฟฟิศอยู่ครู่ใหญ
ฮั่วซินยิ้มเจื่อน “มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เธออย่าเชื่อเสียงนกเสียงกาเลย”ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอไม่ฟังคำคัดค้านของฮั่วจินเฉิงและแอบไปพบกับคุณปู่ ตอนนี้เธอคงได้ไปออกกำลังกายตอนเช้าในคุกนานแล้วหลีเกอปรายตามองฮั่วซินอย่างเย็นชา “ในเมื่อตอนนี้เป็นอิสระแล้ว ก็กลับตัวเป็นคนดีซะ เธออยากจะทำอะไรก็ทำไป ตราบใดที่เธอไม่ทำเรื่องเลว ๆ ฉันก็จะไม่ยุ่ง”“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ถูกจับ ไม่ได้ยินหรือไง!”ฮั่วซินอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ แต่ถูกเจี่ยงอีอีขวางเอาไว้ “ตอนนี้เรามีสองต่อหนึ่ง เธออยากมีเรื่องไหมล่ะ?”ผู้หญิงสองคนตรงหน้าเธอไม่ใช่คนที่เธอจะต่อกรได้ง่าย ๆ หลังจากใช้ความคิดแล้ว ฮั่วซินก็สูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกเธอ”ก่อนหน้านี้เธอได้รับคำเตือนจากฮั่วจิ้นเฉิงว่าอย่าทะเลาะกับหลีเกอเด็ดขาด“เธอกลัวนี่นา! คุณหนูของพวกเราไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอที่จะมายุ่มย่ามได้!” เจี่ยงอีอีเอียงศีรษะซบไหล่หลีเกอด้วยความภาคภูมิใจฮั่วซินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่สามารถระบายออกมา จึงทำได้แต่หันไปมองหาคนอื่นอย่างเงียบ ๆแต่พนักงานบอกกับฮั่วซิน
หลีเกอยิ้มเยาะก่อนเดินเข้าไปหาฮั่วซิน “ทำไมเธอถึงตกใจขนาดนี้ล่ะ โทรหาตำรวจสิ! ฉันจะรอ”ฮั่วซินกังวลมากจนเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก เธอกำโทรศัพท์แน่นและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป“เธอสงสัยไหมว่าทำไมสร้อยข้อมือที่ควรอยู่ในกระเป๋าฉันถึงไปอยู่ในกระเป๋าเธอได้?”ฮั่วซินตกตะลึง “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร”“เธอคิดว่าฉันไม่เห็นว่าเธอจงใจเอาของสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋าฉันเหรอ?” หลีเกอถามอย่างเคร่งขรึมขณะฮั่วซินกำลังลงมือ หลีเกอบังเอิญเดินผ่านกระจกด้านข้างร้าน เมื่อฮั่วซินหันกลับไป เธอจึงหย่อนมันกลับลงไปในกระเป๋าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วไม่นานเจี่ยงอีอีก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ฮั่วซินเอ๋ย ฮั่วซิน เธอจงใจทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้จริง ๆ สินะ ไม่คิดเลยว่าอายุยังน้อย แต่เจ้าเล่ห์ไม่เบา!”“ครั้งที่แล้วฉันไม่ได้จะให้เธอติดคุกจริง ๆ เธอถึงไม่ได้รับบทเรียนสักที ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะลงโทษเธอแทนตระกูลฮั่วเอง!” หลีเกอหันไปหาพนักงานแล้วพูดว่า “โทรแจ้งตำรวจ!”“อย่าแจ้งตำรวจ! อย่าแจ้งตำรวจนะ!”ฮั่วจิ้นเฉิงรั้งพนักงานเอาไว้ไม่ให้โทรแจ้งตำรวจตอนนั้นเอง.ฮั่วจิ้นเฉิงก็โทรมาหาฮั่วซิน เธอจึงรับสายทั้
ฮั่วซินเดินเข้าไปหาหลีเกออย่างไม่เต็มใจ จากนั้นพูดเสียงเบาราวกับเสียงแมลงวัน “ฉัน... ขอโทษก็แล้วกัน”เจี่ยงอีอีโมโหมาก “ไม่ได้ยิน ดังกว่านี้อีก!”ฮั่วซินกำหมัด ก่อนหลับตาแล้วเปล่งเสียงออกมาสองสามครั้ง “ฉันบอกว่าขอโทษไงล่ะ! ขอโทษ!”“แค่นี้ใช่ไหม?” เธอหันไปมองฮั่วจิ้นเฉิง “พี่คะ...”สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวกว่าตอนร้องไห้เสียอีกฮั่วจิ้นเฉิงตอบอย่างเฉยเมย “ถามหลีเกอ ไม่ต้องถามพี่”ฮั่วซินมองหลีเกออย่างกระตือรือร้นอีกครั้ง“ถ้าคำขอโทษมีประโยชน์ขนาดนั้น แล้วจะมีตำรวจไว้ทำไม? อีกอย่างฉันบอกเหรอ ว่าถ้าเธอขอโทษแล้วจะไม่ไปโรงพัก? คุณฮั่วยุติธรรมเกินไปแล้ว” ริมฝีปากสีแดงของหลีเกอยิ้มเยาะ ทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงสับสนอย่างมาก“เธอใส่ร้ายฉันอย่างไม่มีเหตุผล แล้วคิดจะใช้ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วเพื่อลบล้างความผิดเหรอ?”เป็นเพราะความผิดซ้ำซากของตระกูลฮั่วทำให้ฮั่วซินกล้าหาญมากขึ้นเรื่อง ๆ ดังนั้นหลีเกอจึงไม่สามารถทิ้งโอกาสลงโทษฮั่วซินได้เจินซินโทรหาตำรวจทันทีที่ได้ยินหลีเกอพูด เมื่อตำรวจมาถึง เขาก็พาตัวฮั่วซินที่ร้องไห้ฟูมฟายออกไปทันทีใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดมนลง ขณะมองฮั่วซินถูกพาตัวไปขึ้นรถตำรวจ“
เมื่อเจินซินเห็นปฏิกิริยาของผู้ชม เธอก็รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกต้อง การให้หลีเกอเดินปิดงานนับว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากฉีอวิ๋นเทียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ตกตะลึงไม่แพ้คนอื่น ๆเขาไม่คิดว่าจะเจอหลีเกอที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเศร้าโศกและคับแค้นใจอย่างมาก ฉีอวิ๋นเทียนรู้สึกว่าโชคชะตาเล่นตลก และเสียใจที่ผลักไสเทพธิดาด้วยมือของตนเองเขาจึงตัดสินใจที่จะยอมรับการกระทำของตนเอง และไม่ยุ่งเกี่ยวกับหลีเกออีกต่อไปแต่หลังจากเห็นเธอปรากฏตัวบนเวที หัวใจของเขาพลันเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่พบเธอบนดาดฟ้าในคืนนั้น…“แม่ ดูสิคะ เราเจอยายตัวซวยอีกแล้ว!” ฮั่วซินที่อยู่มุมเวทีดึงแขนหลี่ซูฉินและพูดอย่างระมัดระวังหลี่ซูฉินพูดด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด “แม่เห็นแล้ว ไม่ต้องเรียกหรอก”“ค่ะ” ฮั่วซินปิดปากเงียบเมื่อถูกตำหนิหลังจากถูกจับเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวหลี่ซูฉินจ้องมอง ‘น้ำตาแห่งมหาสมุทร’ และครุ่นคิดในใจ ‘ทำไมเธอไม่กัดฟันซื้อสร้อยเส้นนี้เพื่อขโมยความสนใจล่ะ’ในช่วงเวลานี้ ชื่อเสียงของตระกูลฮั่วได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพราะหลีเกอทำให้เธออับอาย
“มันเป็นความผิดของคุณยาย!”หลี่ซูฉินกัดฟันพูดคำเหล่านี้ แล้วดึงฮั่วซินให้วิ่งหนีไปยังสถานที่ที่มีคนน้อยนักข่าวกลุ่มหนึ่งพยายามไล่ตามไป ช่วงเวลานั้นมีชีวิตชีวายิ่งกว่าช่วงแสดงโชว์เสียอีกนิทรรศการสิ้นสุดลงหลีเกอกลับมาที่หลังเวที วางสร้อย ‘น้ำตาแห่งมหาสมุทร’ ไว้ด้านข้างอย่างไม่ได้พิถีพิถันอะไรเจี่ยงอีอีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่งเธอกำลังนั่งดูรูปถ่ายสด ๆ ร้อน ๆ ที่เจี่ยงอีอีแชร์เข้าในแชทกลุ่มอีซินอีอี้ [เพื่อนสาว ดูสิ! พวกเราทุกคนสวยกันจังเลย]ซุ่ยเยว่ชอบร้องเพลง [มินิฮาร์ท]พี่สาวจู้แฮปปี้ [ถ้าฉันไม่ต้องไปทำงานต่างประเทศ ฉันแทบไม่อยากพลาดเลย ไหนมากอดหน่อยซิ]เจินรักคุณซิน [ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักในวันนี้! ตอนเย็นเราไปฉลองกันเถอะ]อีซินอีอี้ [วันนี้ฉันหัวเราะแทบตายจริง ๆ นะ ความมั่นหน้าของหลี่ซูฉินทำฉันหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยล่ะ]ซุ่ยเยว่ชอบร้องเพลง [หล่อนยังเป็นปีศาจหน้าเลือดไม่เปลี่ยน]ขณะที่พวกเธอพูดคุยเกี่ยวกับสองแม่ลูกคู่นั้น ประตูด้านหลังก็ถูกผลักเปิดออก หลี่ซูฉินและฮั่วซินเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาด้วยความโกรธริมฝีปากของหลี่เกอโค้งเป็นรอยยิ้ม
“พี่ชาย เชื่อฉันนะ แม่กับฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะนังตัวซวย” ฮั่วซินกลัวว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะไม่เชื่อ ดังนั้นใบหน้าของเธอจึงแดงก่ำด้วยความวิตกกังวลหลี่ซูฉินกำลังจะลุกขึ้นและพูดต่อ แต่ดวงตากลับดับมืดลงไป เนื่องจากความตื่นเต้นเกินลิมิตที่ร่างกายรับไหว เป็นลมไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วหลีเกอคุ้นเคยกับกลอุบายนี้เมื่อนานมาแล้ว เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มประชดประชัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ใช่ ฉันทำแบบนั้นจริง ๆ”เธอไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับคนเหล่านี้มากเกินไป จึงหันหลังกลับเพื่อกลับไปที่เลานจ์ แต่ฮั่วจิ้นเฉิงปิดกั้นประตูไว้หลีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตีตัวออกห่าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลีกไป”ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปที่หลี่ซูฉินและฮั่วซินที่เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ความสมดุลในใจของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง“จะยังโกรธกันอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน”ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย เสียงของเขาเรียบเรื่อยหลีเกอคิดว่านี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดที่เธอได้ยินในวันนี้ “ฉันโกรธอะไร?”“คุณไม่ได้โกรธแค้นพวกเขา เพราะอดีตอันเจ็บปวดที่ตัวเองเคยถูกรังแกสมัยอยู่ในตระกูลฮั่ว ถึงโจมตีพวกเขาหรอกเหรอ?”“
ฉีอวิ๋นเทียนแตกต่างจากพ่อหนุ่มจอมตื๊อก่อนหน้านี้ เพียงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ดูเหมือนว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าสินะ”หลีเกอพูดด้วยใบหน้าตรง “แน่นอน ฉันไม่ได้ร้องไห้”“ผมคิดว่าคุณจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วซะอีก ผมเลยเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้สองผืนเป็นพิเศษ” ฉีอวิ๋นเทียนหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนหนึ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มในดวงตา “เป็นไง ผมใส่ใจใช่ไหมล่ะ”หลีเกอจำค่ำคืนบนดาดฟ้ากลางดูไบ ตอนที่เธอร้องไห้ต่อหน้า ‘ศัตรู’ ของตัวเองด้วยอารมณ์อ่อนไหวอย่างถึงที่สุด ซึ่งหาได้ยากตามวิสัยปกติ “ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหน คุณคงจำคนผิดแล้ว"ฉีอวิ๋นเทียนไม่ได้โต้เถียงกับเธอ แต่พยักหน้า “ผมอาจจำผิดก็ได้”เขามองดูใบหน้าที่ไม่มีความสุขของหลีเกอ คิดว่าครั้งก่อนที่เธอร้องไห้อาจเป็นเพราะฮั่วจิ้นเฉิง...“อยากให้ผมไปทุบเขาสักป้าบไหม?” ฉีอวิ๋นเทียนมองเธอด้วยความจริงจังขณะถามคำถามนี้ ทำท่าทางเตรียมพร้อม “ผมพร้อมจะทำตามคำสั่งของคุณ”“นั่นเพื่อนคุณ คงแปลกดีที่คุณไม่เข้าข้างเขา” หลีเกอยักไหล่ราวกับไม่เชื่อฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอกของเขาอย่างแรง จนสำลักไอสองครั้ง “ที่ไหนกันล่ะ ผมน่ะเป็นผู้ส่งสารแห่งความยุติธรรม จะเข้าข้างเขาแค่เ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ