ความโกรธทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงลุกพรวดขึ้นทันที มองตามพวกเขาที่เดินออกจากโรงแรมไปโม่อี้เฟยยืนอยู่ข้างหลัง “ฉันพูดถูกไหมล่ะ? ชายหญิงสองคนนัดกันมาดินเนอร์ในโรงแรมสุดหรูแบบนี้ หลังกินเสร็จไปไหนได้อีก ถ้าไม่ได้ไปทำกิจกรรมต่อในโรงแรม”เขาตบไหล่ฮั่วจิ้นเฉิงแล้วพูดว่า “เพื่อน ผู้หญิงคนนี้สำส่อนจริง ๆ ปล่อยเธอไปตามทางของเธอเถอะ"ฮั่วจิ้นเฉิงปัดมือโม่อี้เฟยออก เดินจ้ำอ้าวไปที่โรงแรมอีกฝั่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เธอเพิ่งหย่าร้างมาได้ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง นอกจากจะติดต่อกับคุณหลีเป็นการส่วนตัวแล้ว แม้กระทั่งลูกน้องของเขายังไม่เว้นหลีเกอ คุณเปลี่ยนไป หรือคุณเป็นผู้หญิงแบบนี้มาตลอดกัน?ประตูลิฟต์เปิดออก หลิวฉวนก้าวเข้าไปก่อน แต่ในขณะที่หลีเกอกำลังจะก้าวตามเข้าไป ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไว้ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง เสียงเย็นชาดังขึ้น “มาคุยกันหน่อย”พอหลีเกอเงยหน้าขึ้น และเห็นหน้าชายคนนั้นอย่างชัดเจน เธอก็กระซิบตอบอย่างเย็นชา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่างเหินและไม่แยแส “ปล่อยฉันนะคุณฮั่ว ฉันมีธุระที่ต้องทำ ไม่มีเวลามาเสวนากับคุณ”ขณะที่เธอและหลิวฉวนกำลังจะขึ้นไปยังห้องชั้นบน ฮั่วจิ้นเฉิงกลับปรากฏ
หลังจากปิดประตูแล้ว หลิวฉวนก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว “คุณหลี ไม่ต้องกังวลเลย หลังจากผ่านคืนนี้ไป ผมจะเล่าเรื่องภายในทั้งหมดเกี่ยวกับฉี่หังกรุ๊ปให้คุณฟัง รับประกันได้เลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานระหว่างอยู่ในบริษัทตี้เซิ่งอย่างแน่นอน”น้ำลายของเขาแทบจะไหลลงพื้น เหลือบมองกล้องที่ซ่อนอยู่ข้างเตียงอย่างอดไม่ได้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องบันทึกคลิปวิดีโอไว้ตลอดเวลา เขา หลิวฉวน สามารถเล่นสนุกกับสาว ๆ ไฮโซได้อย่างไร้กังวลก็เพราะสิ่งนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายทำตัวไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาก็สามารถใช้คลิปแอบถ่ายแบล็กเมล์เธอได้ทุกเมื่อหัวใจของเขาคันยุบยิบ อยากจะตะครุบร่างงามเพรียวกระทัดรัดมาจับเปลื้องผ้าจนเปลือยเสียวินาทีต่อมา หลีเกอคว้าขวดไวน์แดงขึ้นจากโต๊ะ แล้วทุบมันลงบนหัวของเขาอย่างแรง เขาตะลึงลาน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผล ก็พบว่ามันเต็มไปด้วยเลือด“อ๊าก…”“นังชั่วเอ๊ย กล้าดียังไงเอาขวดมาทุบหัวฉัน!”หลิวฉวนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หมายจะต่อยหลีเกอ แต่เธอสามารถรับหมัดได้ด้วยมือเดียว หักแขนเขาจนงอไปอีกทาง ทำให้หลิวฉวนแขนพลิกจากนั้นหลีเกอถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะพุ่งตัวไป
ฮั่วจิ้นเฉิงยังทำใจเมินเฉยและจากไปทีเดียวไม่ได้ เขาต้องการพาตัวหลีเกอออกมา ไม่ว่าเธอต้องการหรือไม่ก็ตามโดยไม่คาดคิด ทันทีที่เขามาถึงชั้นบน ก็ได้ยินข่าวว่าหลิวฉวนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าผ่อนคลายของหลีเกอ ถึงได้ตระหนักว่าเขากำลังเข้าใจเธอในทางที่ผิดหน้าอกของฮั่วจิ้นเฉิงเหมือนถูกกดทับโดยบางสิ่งบางอย่าง คลื่นแห่งความเจ็บปวดมากมายถาโถมสายตาเยาะเย้ยของหลีเกอที่ฝั่งตรงข้าม เป็นเหมือนกับแส้ที่มองไม่เห็น ตบหน้าเขาจนชา ทำให้เป็นไปได้ยากสำหรับเขาที่จะรวบรวมความกล้าแล้วเดินผ่าน หรือแม้แต่แสร้งทำเป็นตั้งคำถามกับเธอความเชื่อใจ?ดูเหมือนว่าเขาล้มเหลวที่จะมอบสิ่งนั้นให้กับหลีเกอในระหว่างการแต่งงานหลีเกอเดินออกจากโรงแรม พร้อมกันกับแพทย์สนามที่ลงจากรถพยาบาลและวิ่งเข้าไปโดยถือเปลหามเธอกะจะเรียกแม่บ้านให้ช่วยเรียกรถไป แต่เห็นฮั่วจิ้นเฉิงที่ใส่สูทเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ามีความหมาย“เดี๋ยวผมไปส่งเอง” น้ำเสียงของฮั่วจิ้นเฉิงสงบ ประโยคสนทนาเป็นไปในเชิงชี้นำสายตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันเกรงว่าจะทำให้รถของคุณฮั่วแปดเปื้อนซะเปล่า
หลีเกอนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มพลางพูด “เมื่อวานเพิ่งจะโดนหามขึ้นรถพยาบาล วันนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลซะแล้ว ผู้จัดการหลิวนี่มีอัตราการฟื้นตัวที่ดีจริง ๆ”“คุณหลีอย่าล้อผมเลย ผมแค่กลัวว่าจะทำให้ธุรกิจขององค์กรพลอยล่าช้าไปด้วย”หลิวฉวนยังอยู่ในสภาพถูกพันผ้ากอซ สวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลคลุมทับด้วยเสื้อสูท พูดด้วยใบหน้ากระดากอาย “จำได้ว่าเมื่อวานนี้ผมไม่ทันได้บอกข้อมูลภายในเกี่ยวกับบริษัทนั้น ผมเลยต้องเอาข้อมูลมาชี้แจงที่บริษัทนี่ไง”หลีเกอพยักเพยิดคางเรียวของเธอไปทางโซฟา เชื้อเชิญหลิวฉวนให้นั่งลงผู้ชายคนนี้ต้องโดนทุบตีซะก่อน ถ้าถามเขาด้วยวิธีปกติธรรมดา เขาไม่มีทางบอกง่าย ๆ แน่ แต่หลังจากถูกซ้อมไปยกหนึ่ง เขาก็ยินดีมาหาพร้อมกับข่าวสาร“โครงการของฉี่หังกรุ๊ปเกี่ยวกับนาโนโรบอทถึงรอบครบกำหนดและเปิดตัวในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการพัฒนาทางการแพทย์ของบริษัทตี้เซิ่งของเรา”ดวงตาของหลีเกอแสดงความไม่อดทน ลูบขมับและพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “พูดเข้าสาระสักที ถ้ายังมัวชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่ก็ออกไปซะ”เมื่อหลิวฉวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เริ่มตัวสั่นไปทั้งตัว เพราะรู้แล้วว่าหลีเกอ
หลีเกอถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลีหานที่เพิ่งเดินทางกลับดูไบเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเรื่องนี้น่าแปลกเกินไป ฉีอวิ๋นเทียนทิ้งการสืบทอดกิจการของท่านประธานฉีในดูไบ เพื่อมาทำงานเป็นเสมียนในบริษัทสาขาปินเฉิงของเธอ ยิ่งคิดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ ดังนั้นควรถามพี่ใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ของกิจการตระกูลฉีก่อนไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์“น้องสี่ มีอะไรกับฉันหรือเปล่า” น้ำเสียงของหลีหานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ฟังดูอ่อนโยนและทรงเสน่ห์เช่นเคยหลีเกอเหลือบมองผู้จัดการโครงการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่องช้า ปิดปากแล้วกระซิบว่า “พี่ใหญ่ ผู้ชายที่ชื่อฉีอวิ๋นเทียนกลับมาที่ปินเฉิงไม่พอ ยังส่งเรซูเม่ของเขามาสมัครงานกับฝ่ายโครงการลงทุนของเราอีก ธุรกิจของตระกูลฉีล้มละลายหรือเปล่า?”หลีหานคลี่ยิ้มบาง ๆ รู้ดีว่าน้องสาวมองว่าฉีอวิ๋นเทียนเป็นสัตว์ดุร้าย แถมยังเกลียดอีกฝ่ายมากถึงกับไม่เคยพูดถึงอีกฝ่ายในทางที่ดีเลย“เปล่า คราวนี้ฉีอวิ๋นเทียนถูกส่งตัวกลับไปที่ปินเฉิงโดยประธานฉี แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปสมัครงานที่บริษัทตี้เซิ่ง”“เข้าใจแล้ว ฉันจะโยนใบสมัครเขาทิ้ง
ตอนเย็น หลีเกอขอให้เจี่ยงอีอีพาไปที่ช็อปแบรนด์เนมเพื่อเลือกซื้อของทันทีที่พวกเธอเข้าไปในร้าน หลังจากพนักงานรู้ว่าลูกค้าท่านนี้คือหลีเกอ พวกเขาก็ส่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีไปต้อนรับทันทีผู้จัดการฝ่ายบัญชียิ้มทั่วใบหน้าขณะพูดว่า “คุณหลี กรุณารอสักครู่นะคะ เครื่องประดับที่คุณสั่งยังถูกเก็บไว้ในตู้เซฟค่ะ เนื่องจากมันมีมูลค่าสูงเกินไป ต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อนำออกมา ระหว่างนี้ฉันขอพาคุณไปเยี่ยมชมสินค้ารายการอื่นก่อนนะคะ”หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพวกเราเดินดูกันเองได้”เจี่ยงอีอีและหลีเกอเดินไปรอบ ๆ พูดด้วยความเบื่อหน่าย “ที่รัก เสื้อผ้าที่ชั้นหนึ่งไม่ค่อยถูกจริตเลย พวกมันเป็นสินค้าค้างสต็อกอีกทีหนึ่ง เราขึ้นไปดูของที่ชั้นสองดีกว่า”พูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็ดึงหลีเกอขึ้นไปที่ชั้นสองผู้จัดการฝ่ายบัญชีรีบพูดด้วยความเขินอายว่า “ทางเราต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิงหลายท่านได้เหมาโซนสินค้าชั้นสองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่สะดวกให้พวกคุณเข้าไปเลือกซื้อตอนนี้ค่ะ”หลีเกอส่งยิ้มเล็กน้อยให้ผู้จัดการฝ่ายบัญชี “งั้นไม่เป็นไรค่ะ ได้เครื่องประดับเมื่อไหร่เราก็จะออกไปแล้วค่ะ”ผู้จัดการฝ่
“สร้อยคอแค่เส้นเดียวจะโก่งราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง? ร้านนี้ต้องค้ากำไรเกินควรแน่!”โดยปกติแล้วหลี่ซูฉินจะแสดงออกทางอารมณ์ได้ดี แต่เมื่อพบเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจ นิสัยขี้เหนียวของเธอก็เปิดเผยอย่างไม่ปิดบัง เสียงแหลมสูงทำให้พนักงานพากันย่นคิ้วผู้จัดการฝ่ายบัญชีก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า “คุณนายฮั่วคะ นี่เป็นจิวเวลรี่สั่งทำพิเศษของแบรนด์วีเร่ ถ้าพูดถึงความนิยมของแบรนด์เรา เพชรสีเหลืองบนตัวเรือนนั้น ครั้งหนึ่งเคยถูกสวมใส่โดยสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ราคาขั้นต่ำในตอนนี้…”“ฉันไม่เชื่อคำโกหกของพนักงานขายอย่างเธอ แม้แต่คนตายจะพูดให้ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังได้ คิดว่าคนรวย ๆ อย่างฉันโง่จนหลอกเอาเงินได้ง่าย ๆ งั้นเรอะ!” หลี่ซูฉินชี้หน้าผู้จัดการฝ่ายขายพร้อมกับสาปแช่งแม้ว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีจะพบเห็นคนรวยเรื่องมากมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ได้เห็นคนหยาบคายและตรงไปตรงมาอย่างหลี่ซูฉิน ใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำสลับขาวซีด“จะทำให้พวกเธออับอายขายหน้าไปทำไมกัน” หลีเกอขมวดคิ้วเยาะเย้ย น้ำเสียงเย็นเฉียบลงหลายระดับ “คุณเพิ่งบอกว่าฉันสามารถเลือกซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แล้
“คุณหลี ไม่ยักรู้ว่าคุณขี่ม้าเก่งขนาดนี้”ซางรุ่ยชื่นชมหลีเกอ สายตาที่ซื่อสัตย์ของเขาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่การชมอย่างขอไปทีหลีเกอเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นหันไปหาซางรุ่ยและพูดว่า “คุณซางคะ ขอเวลาเราสองคนไปคุยกันตามลำพังที่อื่นได้ไหม?”ฉี่หังกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นหลักในช่วงห้าปีนับตั้งแต่เปิดตัว หุ่นยนต์ไบโอนิคอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับการพัฒนา และได้รับการยกย่องจากสาขาอาชีพต่าง ๆเทคโนโลยีนาโนโรโบติกส์ในครั้งนี้เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะมีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ยากลำบากทุกประการในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์เป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หลีเกอถึงต้องการเจรจาความร่วมมือนี้หลังจากเข้ารับตำแหน่งดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นเยียบลง เสียงของเขาแสดงความไม่พอใจ “ฉี่หังกรุ๊ปได้เซ็นสัญญากับฮั่วกรุ๊ปแล้ว ยังมีอะไรที่ต้องเจรจากันลับหลังอีก?”สายตาของเขาไม่เคยละสายตาจากหลีเกอ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอขี่ม้าเข้ามาในสนามประลอง ราวกับเขารัดรึงเธอไว้แน่นไม่เคยปล่อยมือหลีเกอไม่เคยขี่ม้าเมื่ออยู่กับเขา ส่วนเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันด้วย