หลีเกอถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลีหานที่เพิ่งเดินทางกลับดูไบเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเรื่องนี้น่าแปลกเกินไป ฉีอวิ๋นเทียนทิ้งการสืบทอดกิจการของท่านประธานฉีในดูไบ เพื่อมาทำงานเป็นเสมียนในบริษัทสาขาปินเฉิงของเธอ ยิ่งคิดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ ดังนั้นควรถามพี่ใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์ของกิจการตระกูลฉีก่อนไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์“น้องสี่ มีอะไรกับฉันหรือเปล่า” น้ำเสียงของหลีหานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ฟังดูอ่อนโยนและทรงเสน่ห์เช่นเคยหลีเกอเหลือบมองผู้จัดการโครงการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่องช้า ปิดปากแล้วกระซิบว่า “พี่ใหญ่ ผู้ชายที่ชื่อฉีอวิ๋นเทียนกลับมาที่ปินเฉิงไม่พอ ยังส่งเรซูเม่ของเขามาสมัครงานกับฝ่ายโครงการลงทุนของเราอีก ธุรกิจของตระกูลฉีล้มละลายหรือเปล่า?”หลีหานคลี่ยิ้มบาง ๆ รู้ดีว่าน้องสาวมองว่าฉีอวิ๋นเทียนเป็นสัตว์ดุร้าย แถมยังเกลียดอีกฝ่ายมากถึงกับไม่เคยพูดถึงอีกฝ่ายในทางที่ดีเลย“เปล่า คราวนี้ฉีอวิ๋นเทียนถูกส่งตัวกลับไปที่ปินเฉิงโดยประธานฉี แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปสมัครงานที่บริษัทตี้เซิ่ง”“เข้าใจแล้ว ฉันจะโยนใบสมัครเขาทิ้ง
ตอนเย็น หลีเกอขอให้เจี่ยงอีอีพาไปที่ช็อปแบรนด์เนมเพื่อเลือกซื้อของทันทีที่พวกเธอเข้าไปในร้าน หลังจากพนักงานรู้ว่าลูกค้าท่านนี้คือหลีเกอ พวกเขาก็ส่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีไปต้อนรับทันทีผู้จัดการฝ่ายบัญชียิ้มทั่วใบหน้าขณะพูดว่า “คุณหลี กรุณารอสักครู่นะคะ เครื่องประดับที่คุณสั่งยังถูกเก็บไว้ในตู้เซฟค่ะ เนื่องจากมันมีมูลค่าสูงเกินไป ต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อนำออกมา ระหว่างนี้ฉันขอพาคุณไปเยี่ยมชมสินค้ารายการอื่นก่อนนะคะ”หลีเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพวกเราเดินดูกันเองได้”เจี่ยงอีอีและหลีเกอเดินไปรอบ ๆ พูดด้วยความเบื่อหน่าย “ที่รัก เสื้อผ้าที่ชั้นหนึ่งไม่ค่อยถูกจริตเลย พวกมันเป็นสินค้าค้างสต็อกอีกทีหนึ่ง เราขึ้นไปดูของที่ชั้นสองดีกว่า”พูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็ดึงหลีเกอขึ้นไปที่ชั้นสองผู้จัดการฝ่ายบัญชีรีบพูดด้วยความเขินอายว่า “ทางเราต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิงหลายท่านได้เหมาโซนสินค้าชั้นสองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่สะดวกให้พวกคุณเข้าไปเลือกซื้อตอนนี้ค่ะ”หลีเกอส่งยิ้มเล็กน้อยให้ผู้จัดการฝ่ายบัญชี “งั้นไม่เป็นไรค่ะ ได้เครื่องประดับเมื่อไหร่เราก็จะออกไปแล้วค่ะ”ผู้จัดการฝ่
“สร้อยคอแค่เส้นเดียวจะโก่งราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง? ร้านนี้ต้องค้ากำไรเกินควรแน่!”โดยปกติแล้วหลี่ซูฉินจะแสดงออกทางอารมณ์ได้ดี แต่เมื่อพบเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจ นิสัยขี้เหนียวของเธอก็เปิดเผยอย่างไม่ปิดบัง เสียงแหลมสูงทำให้พนักงานพากันย่นคิ้วผู้จัดการฝ่ายบัญชีก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า “คุณนายฮั่วคะ นี่เป็นจิวเวลรี่สั่งทำพิเศษของแบรนด์วีเร่ ถ้าพูดถึงความนิยมของแบรนด์เรา เพชรสีเหลืองบนตัวเรือนนั้น ครั้งหนึ่งเคยถูกสวมใส่โดยสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ราคาขั้นต่ำในตอนนี้…”“ฉันไม่เชื่อคำโกหกของพนักงานขายอย่างเธอ แม้แต่คนตายจะพูดให้ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังได้ คิดว่าคนรวย ๆ อย่างฉันโง่จนหลอกเอาเงินได้ง่าย ๆ งั้นเรอะ!” หลี่ซูฉินชี้หน้าผู้จัดการฝ่ายขายพร้อมกับสาปแช่งแม้ว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีจะพบเห็นคนรวยเรื่องมากมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ได้เห็นคนหยาบคายและตรงไปตรงมาอย่างหลี่ซูฉิน ใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำสลับขาวซีด“จะทำให้พวกเธออับอายขายหน้าไปทำไมกัน” หลีเกอขมวดคิ้วเยาะเย้ย น้ำเสียงเย็นเฉียบลงหลายระดับ “คุณเพิ่งบอกว่าฉันสามารถเลือกซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แล้
“คุณหลี ไม่ยักรู้ว่าคุณขี่ม้าเก่งขนาดนี้”ซางรุ่ยชื่นชมหลีเกอ สายตาที่ซื่อสัตย์ของเขาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่การชมอย่างขอไปทีหลีเกอเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นหันไปหาซางรุ่ยและพูดว่า “คุณซางคะ ขอเวลาเราสองคนไปคุยกันตามลำพังที่อื่นได้ไหม?”ฉี่หังกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นหลักในช่วงห้าปีนับตั้งแต่เปิดตัว หุ่นยนต์ไบโอนิคอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับการพัฒนา และได้รับการยกย่องจากสาขาอาชีพต่าง ๆเทคโนโลยีนาโนโรโบติกส์ในครั้งนี้เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะมีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ยากลำบากทุกประการในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์เป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หลีเกอถึงต้องการเจรจาความร่วมมือนี้หลังจากเข้ารับตำแหน่งดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นเยียบลง เสียงของเขาแสดงความไม่พอใจ “ฉี่หังกรุ๊ปได้เซ็นสัญญากับฮั่วกรุ๊ปแล้ว ยังมีอะไรที่ต้องเจรจากันลับหลังอีก?”สายตาของเขาไม่เคยละสายตาจากหลีเกอ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอขี่ม้าเข้ามาในสนามประลอง ราวกับเขารัดรึงเธอไว้แน่นไม่เคยปล่อยมือหลีเกอไม่เคยขี่ม้าเมื่ออยู่กับเขา ส่วนเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันด้วย
ร่างของฮั่วจิ้นเฉิงแข็งค้างไปชั่วขณะ หันกลับไปมองหลีเกอด้วยสายตาลึกลับ แต่ยังคงมีทีท่าเย็นชาและเงียบขรึมสาวสวยคนนี้และเปลี่ยนแปลงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของเธอได้เลย คำถามของเธอเป็นเหมือนกับดัก ถ้าเขาถลำลึกเข้าไปกว่านี้ คงไม่พ้นตกลงไปในเหวเขาไม่รู้ตัวเองยังหลงเหลือความรักอยู่หรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาเสียใจกับการแต่งงานที่ล้มเหลวก่อนเวลาอันควรหลีเกอหรี่ตาลงและยิ้มพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “หึ! ฉันก็แค่ลองเชิงไปเรื่อยอย่างนั้นเอง คนใจแข็งอย่างคุณฮั่วหรือจะเอาอดีตที่ไม่สลักสำคัญแบบนั้นมามีผลกับเรื่องอื่นได้ยังไง”เธอพูดต่อ “ในฐานะนักธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลกำไร ฉันไม่จำเป็นต้องเตือนให้คุณตระหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณฮั่วน่าจะเข้าใจดีกว่าฉัน”“ที่พูดพล่ามมาทั้งหมดต้องการอะไรกันแน่?”ใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดมนยิ่งกว่าเก่า เสียงที่เย็นชาและคุกคามของเขา ฟังแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างยิ่งหากแต่หลีเกอไม่รู้สึกรู้สา “ในเมื่อคุณฮั่วไม่ได้ปฏิเสธความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทตี้เซิ่งของเพราะใช้ความรู้สึกในอดีตมาเกียวข้อง ถ้าอย่างนั้นฉันเหลือแค่เหตุผลเ
หลีเกอไม่สนใจผลการแข่งขันแพ้ชนะในรอบที่สอง แต่มุ่งเน้นไปยังรอบที่สามที่มาถึง ในช่วงเวลาโค้งสุดท้าย เธอสามารถแซงหน้าฮั่วจิ้นเฉิงได้อีกหนึ่งก้าวอย่างเฉียดฉิว ในที่สุดก็ถึงเส้นชัยเป็นคนแรกการแข่งขันเงียบ ๆ นี้จบลงด้วยชัยชนะของหลีเกอผู้คนบนอัฒจันทร์ต่างปาดเหงื่อเป็นพัลวัน จากนั้นก็ส่งเสียงเชียร์ให้กับชัยชนะของหลีเกอนั่นคือเรื่องปกติของการแข่งม้า ผู้ชมจะไม่รู้ผลจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายหลังจากคูลดาวน์ด้วยการวิ่งวนรอบหนึ่ง หลีเกอก็ควบม้ามาตรงหน้าฮั่วจิ้นเฉิง และกระโดดลงจากหลังม้าใบหน้าที่สดใสของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอถอดหมวกออก ผมสีดำยาวสยายร่วงหล่นลงมาบนไหล่ สวยมากจนผู้คนไม่สามารถละสายตาจากการแข่งขันได้ “คุณฮั่ว คุณแพ้แล้ว”หลีเกอเคยคว้าแชมป์ในรายการ ‘ควีนส์คัพ’ และได้รับการยกย่องจากราชินีเธอหลงใหลการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก ด้วยเหตุนี้หลีหานจึงซื้อม้าพันธุ์ดีไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ ทั้งยังเชิญแชมป์นักกีฬาขี่ม้าหลายคนมาฝึกสอนเธอเมื่ออายุได้สิบห้าปี สัตว์เลี้ยงตัวแรกของเธอคือม้าเหงื่อโลหิตตัวละมูลค่าหลายสิบล้านเธอจะพ่ายแพ้ให้กับมือสมัครเล่นอย่างฮั่วจิ้นเฉิงที่ไม่สนใจกิจกรรมนอกเวลาเช
โม่อี้เฟยตะลึง คิดว่าเพื่อนของเขาอารมณ์ไม่ดีหลังจากพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมาก “ฉันขี้เกียจไปถามผู้หญิงเจ้าชู้คนนั้น ต่อให้มาโชว์พาวเอาตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว”“งั้นเหรอ?”เสียงเย็นชาของหลีเกอดังมาจากหลังหูโม่อี้เฟย ทำให้เขาสะดุ้งโหยงเขาหันกลับไปมองข้างหลัง พลันกระโดดเหย็งพลางพูดว่า “ทำไมเดินย่องมาข้างหลังเงียบ ๆ แบบนี้ล่ะ”“ฉันอยู่นี่แล้ว คุณมีอะไรอยากจะถามฉันไหม?”หลีเกอยืนนิ่งพร้อมกอดอก ออร่าคุกคามในดวงตาไม่เปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินโม่อี้เฟยต่อว่าลับหลังทุกคำฮั่วจิ้นเฉิงยืนนิ่งเฉย แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองตรงไปที่หลีเกอ แต่เขากลับมองเธอหลายครั้งโดยไม่ตั้งใจด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้เขาตกอยู่ในอารมณ์สับสนมาก“เหอะ ฉันไม่สนใจผู้หญิงแบบเธอหรอก อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ กลับไปหาสปอนเซอร์หลักของเธอซะ” โม่อี้เฟยโบกมืออย่างรังเกียจระคนดูถูกหลีเกอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยบนรองเท้าส้นสูง ทำให้โม่อี้เฟยจำต้องถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างอดไม่ได้ “มีใครเคยบอกคุณบ้างไหม ว่าท่าทางที่คุณแสดงออกเวลานินทาคน... แทบไม่ต่างอะไรจากพวกมนุษย์ลุงในตลาดสดเลย”จู่ ๆ โม่อี้เฟยก็โกรธจัด “เธอ! หล
เข้าใจผิด!ความเข้าใจผิดงั้นเหรอ!หลีเกอหรี่ตาลงอย่างอันตราย ยังคงจำสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอต้องอับอายได้ เรียกว่าความเข้าใจผิดเล็กน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ “ไม่เลย ฉันเป็นของฉันแบบนี้”เธอเก่งทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว เธอชอบเก็บงำความขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงคำอธิบายของพี่ใหญ่ หลีเกอเริ่มรู้สึกสนุกที่ได้ล้อเล่นกับฉีอวิ๋นเทียน เธอจะไม่บอกฉีอวิ๋นเทียนถึงตัวตนที่แท้จริง เฝ้าดูเขาทำตัวงุ่มง่ามวนเวียนอยู่รอบตัวต่อไป“คุณควรอยู่ให้ห่างจากฉันนะรู้ไหม”ฉีอวิ๋นเทียนไม่ฟังเลย เปิดกล่องข้างในซึ่งเป็นสร้อยข้อมือหยกสะท้อนแสงนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่ามันมีมูลค่าสูงกว่าสร้อยข้อมือตอนที่เธอใส่ เมื่อถูกเฉียวซีอวิ๋นแอบถ่ายหลายร้อยเท่า“ผมบอกว่าผมจะให้ของขวัญเพื่อขอบคุณคุณตั้งแต่ครั้งก่อน ชอบหรือเปล่าครับ?”ฉีอวิ๋นเทียนใช้เวลานานในการเลือกสร้อยข้อมือหยกเส้นนี้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อมันหลังจากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านหยกหลายคน กล่าวได้ว่าเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ“เอาของของคุณคืนไปเถอะ ฉันไม่อยากได้”“เทพธิดา ผมชอบคุณ” ฉีอวิ๋นเทียนสารภาพอีกครั้งเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองที่หาได้ยาก หน้าตานอกจากจะหล่อเหลาแล้วยั