“คุณหลี ไม่ยักรู้ว่าคุณขี่ม้าเก่งขนาดนี้”ซางรุ่ยชื่นชมหลีเกอ สายตาที่ซื่อสัตย์ของเขาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่การชมอย่างขอไปทีหลีเกอเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นหันไปหาซางรุ่ยและพูดว่า “คุณซางคะ ขอเวลาเราสองคนไปคุยกันตามลำพังที่อื่นได้ไหม?”ฉี่หังกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นหลักในช่วงห้าปีนับตั้งแต่เปิดตัว หุ่นยนต์ไบโอนิคอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับการพัฒนา และได้รับการยกย่องจากสาขาอาชีพต่าง ๆเทคโนโลยีนาโนโรโบติกส์ในครั้งนี้เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะมีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ยากลำบากทุกประการในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์เป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หลีเกอถึงต้องการเจรจาความร่วมมือนี้หลังจากเข้ารับตำแหน่งดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นเยียบลง เสียงของเขาแสดงความไม่พอใจ “ฉี่หังกรุ๊ปได้เซ็นสัญญากับฮั่วกรุ๊ปแล้ว ยังมีอะไรที่ต้องเจรจากันลับหลังอีก?”สายตาของเขาไม่เคยละสายตาจากหลีเกอ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอขี่ม้าเข้ามาในสนามประลอง ราวกับเขารัดรึงเธอไว้แน่นไม่เคยปล่อยมือหลีเกอไม่เคยขี่ม้าเมื่ออยู่กับเขา ส่วนเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันด้วย
ร่างของฮั่วจิ้นเฉิงแข็งค้างไปชั่วขณะ หันกลับไปมองหลีเกอด้วยสายตาลึกลับ แต่ยังคงมีทีท่าเย็นชาและเงียบขรึมสาวสวยคนนี้และเปลี่ยนแปลงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของเธอได้เลย คำถามของเธอเป็นเหมือนกับดัก ถ้าเขาถลำลึกเข้าไปกว่านี้ คงไม่พ้นตกลงไปในเหวเขาไม่รู้ตัวเองยังหลงเหลือความรักอยู่หรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาเสียใจกับการแต่งงานที่ล้มเหลวก่อนเวลาอันควรหลีเกอหรี่ตาลงและยิ้มพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “หึ! ฉันก็แค่ลองเชิงไปเรื่อยอย่างนั้นเอง คนใจแข็งอย่างคุณฮั่วหรือจะเอาอดีตที่ไม่สลักสำคัญแบบนั้นมามีผลกับเรื่องอื่นได้ยังไง”เธอพูดต่อ “ในฐานะนักธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลกำไร ฉันไม่จำเป็นต้องเตือนให้คุณตระหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณฮั่วน่าจะเข้าใจดีกว่าฉัน”“ที่พูดพล่ามมาทั้งหมดต้องการอะไรกันแน่?”ใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดมนยิ่งกว่าเก่า เสียงที่เย็นชาและคุกคามของเขา ฟังแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างยิ่งหากแต่หลีเกอไม่รู้สึกรู้สา “ในเมื่อคุณฮั่วไม่ได้ปฏิเสธความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทตี้เซิ่งของเพราะใช้ความรู้สึกในอดีตมาเกียวข้อง ถ้าอย่างนั้นฉันเหลือแค่เหตุผลเ
หลีเกอไม่สนใจผลการแข่งขันแพ้ชนะในรอบที่สอง แต่มุ่งเน้นไปยังรอบที่สามที่มาถึง ในช่วงเวลาโค้งสุดท้าย เธอสามารถแซงหน้าฮั่วจิ้นเฉิงได้อีกหนึ่งก้าวอย่างเฉียดฉิว ในที่สุดก็ถึงเส้นชัยเป็นคนแรกการแข่งขันเงียบ ๆ นี้จบลงด้วยชัยชนะของหลีเกอผู้คนบนอัฒจันทร์ต่างปาดเหงื่อเป็นพัลวัน จากนั้นก็ส่งเสียงเชียร์ให้กับชัยชนะของหลีเกอนั่นคือเรื่องปกติของการแข่งม้า ผู้ชมจะไม่รู้ผลจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายหลังจากคูลดาวน์ด้วยการวิ่งวนรอบหนึ่ง หลีเกอก็ควบม้ามาตรงหน้าฮั่วจิ้นเฉิง และกระโดดลงจากหลังม้าใบหน้าที่สดใสของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอถอดหมวกออก ผมสีดำยาวสยายร่วงหล่นลงมาบนไหล่ สวยมากจนผู้คนไม่สามารถละสายตาจากการแข่งขันได้ “คุณฮั่ว คุณแพ้แล้ว”หลีเกอเคยคว้าแชมป์ในรายการ ‘ควีนส์คัพ’ และได้รับการยกย่องจากราชินีเธอหลงใหลการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก ด้วยเหตุนี้หลีหานจึงซื้อม้าพันธุ์ดีไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ ทั้งยังเชิญแชมป์นักกีฬาขี่ม้าหลายคนมาฝึกสอนเธอเมื่ออายุได้สิบห้าปี สัตว์เลี้ยงตัวแรกของเธอคือม้าเหงื่อโลหิตตัวละมูลค่าหลายสิบล้านเธอจะพ่ายแพ้ให้กับมือสมัครเล่นอย่างฮั่วจิ้นเฉิงที่ไม่สนใจกิจกรรมนอกเวลาเช
โม่อี้เฟยตะลึง คิดว่าเพื่อนของเขาอารมณ์ไม่ดีหลังจากพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมาก “ฉันขี้เกียจไปถามผู้หญิงเจ้าชู้คนนั้น ต่อให้มาโชว์พาวเอาตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว”“งั้นเหรอ?”เสียงเย็นชาของหลีเกอดังมาจากหลังหูโม่อี้เฟย ทำให้เขาสะดุ้งโหยงเขาหันกลับไปมองข้างหลัง พลันกระโดดเหย็งพลางพูดว่า “ทำไมเดินย่องมาข้างหลังเงียบ ๆ แบบนี้ล่ะ”“ฉันอยู่นี่แล้ว คุณมีอะไรอยากจะถามฉันไหม?”หลีเกอยืนนิ่งพร้อมกอดอก ออร่าคุกคามในดวงตาไม่เปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินโม่อี้เฟยต่อว่าลับหลังทุกคำฮั่วจิ้นเฉิงยืนนิ่งเฉย แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองตรงไปที่หลีเกอ แต่เขากลับมองเธอหลายครั้งโดยไม่ตั้งใจด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้เขาตกอยู่ในอารมณ์สับสนมาก“เหอะ ฉันไม่สนใจผู้หญิงแบบเธอหรอก อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ กลับไปหาสปอนเซอร์หลักของเธอซะ” โม่อี้เฟยโบกมืออย่างรังเกียจระคนดูถูกหลีเกอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยบนรองเท้าส้นสูง ทำให้โม่อี้เฟยจำต้องถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างอดไม่ได้ “มีใครเคยบอกคุณบ้างไหม ว่าท่าทางที่คุณแสดงออกเวลานินทาคน... แทบไม่ต่างอะไรจากพวกมนุษย์ลุงในตลาดสดเลย”จู่ ๆ โม่อี้เฟยก็โกรธจัด “เธอ! หล
เข้าใจผิด!ความเข้าใจผิดงั้นเหรอ!หลีเกอหรี่ตาลงอย่างอันตราย ยังคงจำสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอต้องอับอายได้ เรียกว่าความเข้าใจผิดเล็กน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ “ไม่เลย ฉันเป็นของฉันแบบนี้”เธอเก่งทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว เธอชอบเก็บงำความขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงคำอธิบายของพี่ใหญ่ หลีเกอเริ่มรู้สึกสนุกที่ได้ล้อเล่นกับฉีอวิ๋นเทียน เธอจะไม่บอกฉีอวิ๋นเทียนถึงตัวตนที่แท้จริง เฝ้าดูเขาทำตัวงุ่มง่ามวนเวียนอยู่รอบตัวต่อไป“คุณควรอยู่ให้ห่างจากฉันนะรู้ไหม”ฉีอวิ๋นเทียนไม่ฟังเลย เปิดกล่องข้างในซึ่งเป็นสร้อยข้อมือหยกสะท้อนแสงนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่ามันมีมูลค่าสูงกว่าสร้อยข้อมือตอนที่เธอใส่ เมื่อถูกเฉียวซีอวิ๋นแอบถ่ายหลายร้อยเท่า“ผมบอกว่าผมจะให้ของขวัญเพื่อขอบคุณคุณตั้งแต่ครั้งก่อน ชอบหรือเปล่าครับ?”ฉีอวิ๋นเทียนใช้เวลานานในการเลือกสร้อยข้อมือหยกเส้นนี้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อมันหลังจากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านหยกหลายคน กล่าวได้ว่าเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ“เอาของของคุณคืนไปเถอะ ฉันไม่อยากได้”“เทพธิดา ผมชอบคุณ” ฉีอวิ๋นเทียนสารภาพอีกครั้งเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองที่หาได้ยาก หน้าตานอกจากจะหล่อเหลาแล้วยั
“คุณหลี ฉันหยุดเขาไม่ได้จริง ๆ ค่ะ…” เลขาเดินตามเข้ามาอย่างเชื่องช้าหลีเกอพูดอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร ปิดประตูก็พอ”อาการบาดเจ็บตรงซี่โครงของหลิวฉวนหายดีแล้ว ผ้ากอซบนใบหน้าของเขาก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน “คุณหลี ผมเห็นแผนโครงการร่วมกับฉี่หังกรุ๊ปแล้ว ทำไมถึงไม่มีชื่อของผมอยู่ในนั้น? บอกมานะว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด?”หลีเกอหมุนปากกาแล้วพูดอย่างใจเย็น “ใช่แล้ว ฉันบอกพวกเขาไม่ให้เพิ่มชื่อคุณลงไปเอง”“คุณหลี แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวฉวนหายไป เปิดเผยท่าทีชั่วร้ายออกมาเต็มที่ “ข้ามแม่น้ำแล้วก็คิดจะรื้อสะพานทิ้ง แบบนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยไหม”หลีเกอจ้องมองหลิวฉวนด้วยสายตาเฉียบคม “พึงระลึกไว้เสมอว่าฉันเป็นเจ้านาย การตัดสินใจของฉันมีเหตุผลในตัวมันเอง”หลิวฉวนยังคงไม่พอใจ กัดฟันพูดว่า “คุณหลี กลั่นแกล้งคนอื่นให้มันน้อย ๆ หน่อย”“ทำไม? ถ้าฉันคิดจะกลั่นแกล้งคุณ คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ยอมรับสภาพ?”หลีเกอเหยียดยิ้ม หยิบรูปถ่ายปึกหนาออกมาแล้วโยนมันลงบนโต๊ะ เชิดคางขึ้น “ถ้ามีคนอย่างผู้จัดการหลิวเป็นผู้มีส่วนร่วมในโครงการของฉี่หังกรุ๊ป ฉันเ
ความร่วมมือระหว่างสามฝ่ายกับฉี่หังกรุ๊ปและฮั่วกรุ๊ป ได้รับข้อสรุปโดยพื้นฐานแล้ว หลังจากร่างเอกสารสัญญาเรียบร้อย ที่เหลือก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆการละเลยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยระหว่างทาง อาจนำไปสู่การสูญเสียผลกำไรนับล้านได้อย่างง่ายดายหลีเกอเปิดแผนรายงานโครงการ จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมคนในรายชื่อที่ตี้เซิ่งส่งมอบให้ถึงไม่ถูกรวมอยู่ในการปันส่วนผลกำไรทั้งหมดล่ะคะ?”รายงานเบื้องต้นระบุว่าทั้งสามบริษัทปันผลกลยุทธ์ร่วมกัน เอกสารระบุอย่างชัดเจนว่าฉี่หังกรุ๊ปและฮั่วกรุ๊ปจะได้รับการปันส่วน แต่ตี้เซิ่งถูกละเว้น“ก่อนหน้านี้โครงการได้รับการลงนามโดยฮั่วกรุ๊ปและฉี่หังกรุ๊ป การเพิ่มรายชื่อบุคลากรของบริษัทตี้เซิ่งเข้ามาทำให้ความคืบหน้าช้าลง ทางเราเลยต้องรอให้ผลการตรวจสอบออกมาก่อน แล้วค่อยแจ้งให้คุณทราบภายหลัง”ผู้อธิบายคือเยวี่ยฉิง ผู้อำนวยการสาวที่ฉี่หังส่งมาเจรจา ดูจากหน้าตาแล้วเธอน่าจะอายุประมาณสี่สิบ ถึงอย่างนั้นกลับดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเธอพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ เดาว่าอาจเป็นเพราะยังตึงกับโบท็อกซ์“โอ้ อย่างนั้นเองเหรอคะ?” หลีเกอพยักหน้า ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของเย
ผู้บังคับบัญชาด้านล่างไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องรักษางานของตัวเองไว้“คุณหลี เราสามารถเพิ่มรายชื่อเข้าไปได้ทันทีเลยครับ เราจะเพิ่มบุคคลากรของทางบริษัทตี้เซิ่งเข้าไปในผู้มีส่วนร่วมของโครงการ!”“ฉันจะส่งเอกสารรายงานโครงการไปให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้เลย!”หลีเกอพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมีพลัง “รีบจัดการให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อย ฉันจะยืนยันคำเดิม”ผู้บังคับบัญชาตอบรับทีละคนโดยไม่สนใจการประชุมอีก เรียกผู้ช่วยให้เข้ามาเป็นธุระจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดมองดูเยวี่ยฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม ตอนนี้คำสั่งของเยวี่ยฉิงไม่มีผลสำหรับพวกเขาอีกต่อไป“ผู้อำนวยการเยวี่ย ดูเหมือนจะชอบฟังเรื่องราวจากปากคนอื่นมากเลยนะคะ” หลีเกอหรี่ตาลงและเยาะเย้ย “คุณคิดว่าฉันเป็นแค่แจกันประดับที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก เลยคิดจะสร้างความลำบากใจกับฉันได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ?”“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ? มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด คุณหลีอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย” เยวี่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนนและประจบประแจง ไม่มีอำนาจที่จะต่อต้านหลีเกอลุ