"ไป เอาโทรศัพท์ของคนที่ชื่อหลีเกอมาให้ฉัน..."เมื่อคำพูดนี้จบลง เด็กแว๊นหลายคนก็กรูกันเข้ามา ใช้ค้อนทุบกระจกรถ สิ้นเสียง "ปัง" แค่ครั้งเดียว กระจกหน้ารถก็แตกละเอียด เศษกระจกกระเด็นไปโดนหลีเกอ เสียงสัญญาณในรถดังเตือนหนวกหู"เธอ หลีเกอใช่ไหม เอาโทรศัพท์มานี่"พอพูดจบเขาก็ตั้งท่าจะเอื้อมมือเข้ามาแย่งโทรศัพท์ในมือหลีเกอหลีเกอหลบไปทางด้านข้าง ยกขาขึ้นเตะไปที่หัวของชายคนนั้นด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เลือดกำเดาไหลออกมาทางจมูกของเขาในทันที"กล้านักนะ ต่อหน้าคนตั้งมากมาย พวกแกคิดจะทำอะไร?"ชายคนนั้นเจ็บปวดมาก ยกมือกุมหน้าตัวเอง “นังบ้าเอ๊ย ฉันจะจัดการกับแกยังไงดี?!"พูดจบก็ตั้งท่าจะปีนเข้ามาในรถแต่ทันใดนั้น รถเก๋งสีดำหรูหราหลายคันก็ขับเข้ามา เสียงเบรกดังขึ้นต่อเนื่อง บอดี้การ์ดที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกรูล้อมรอบกลุ่มคนเหล่านี้ไว้ราวกับหน่วยรบสวรรค์ที่ถูกส่งลงมาอย่างทันท่วงที พวกเขามีส่วนสูงเฉลี่ย 185 เซนติเมตร ร่างกายกำยำแข็งแรง ทำให้พวกเด็กแว๊นผอมแห้งแรงน้อยที่อยู่โดยรอบตกใจกลัว"มัวยืนอยู่ทำไมวะ วิ่งสิโว้ย!"แต่ตอนนี้ พวกเขาถูกล้อมรอบเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางหนีรอดไปได้ส่วนชายท
คฤหาสน์ของครอบครัวลุงใหญ่ตระกูลฮั่วขณะนี้ ฮั่วอวิ๋นเจินเดินไปเดินมาพร้อมกับถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พอมองไปที่นาฬิกาบนฝาผนัง เข็มชี้ไปที่เลข 11 แต่เด็กแว๊นพวกนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับฮั่วอวิ๋นเจินหมดความอดทนแล้ว เปลี่ยนรองเท้าแล้วกำลังจะเดินออกไป แต่จังหวะนั้นเอง เสียงรถมอเตอร์ไซค์ท่อดังกลับดังขึ้นจากหน้าประตูฮั่วอวิ๋นเจินแสดงสีหน้าดีใจ รีบเปิดประตูให้"หู่จื่อ เรื่องที่ฉันฝากเป็นยังไงบ้าง?"หัวหน้าแก๊งที่ชื่อหู่จื่อถอดหมวกกันน็อกออก มองฮั่วอวิ๋นเจินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ปากเอ่ยว่า "พี่อวิ๋นเจิน ขอโทษด้วย"ฮั่วอวิ๋นเจินยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถามซ้ำอีกครั้ง"ขอโทษเรื่องอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ฉันให้ไปจัดการไม่สำเร็จ เป็นไปได้ยังไง? พวกนายตั้งหลายคน จัดการผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวไม่ได้เลยเหรอ?"หู่จื่อหน้าแดงก่ำ"พี่อวิ๋นเจิน ข่าวที่คุณได้มาน่าจะเข้าขั้นเพี้ยนเลยแหละ""หมายความว่าไง?""ขอโทษด้วยนะ พี่อวิ๋นเจิน เงินหนึ่งล้านที่พี่ให้มา ผมจะคืนให้ครบทุกบาท แต่ตอนนี้รบกวนพี่ช่วยไปกับพวกเราห
"อวิ๋นเจินโตจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมทำอะไรไม่หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง คราวนี้ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน""แม่ครับ ผมมีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าเธอต้องติดคุก คนเป็นพ่ออย่างผมจะอยู่ยังไง?"แต่คุณย่าฮั่วกลับไม่สะทกสะท้าน "เธอโตแล้ว ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ"ฮั่วเจี้ยนกั๋วไม่คิดว่าคุณย่าฮั่วจะเด็ดขาดขนาดนี้ จึงพูดขู่ "แม่ครับ ถ้าอวิ๋นเจินเป็นอะไรไป ผมก็จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเหมือนกัน ถ้าแม่ไม่อยากสูญเสียลูกชายในวัยชรา งั้นก็ตามใจ"พูดจบฮั่วเจี้ยนกั๋วก็เดินออกไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เหลือไว้เพียงคุณย่าฮั่วที่ถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังสุดท้าย คุณย่าฮั่วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปหาฮั่วจิ้นเฉิง "จิ้นเฉิง เรื่องนี้หลานน่าจะต้องไปหาเสี่ยวเกอจริง ๆ เธอเป็นคนใจอ่อน ลองเจรจากันดูซิว่าพอจะมีวิธีไกล่เกลี่ยกันได้ไหม?"ฮั่วจิ้นเฉิงเปลี่ยนไปสวมชุดสูทเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเย็นชา ไม่มองหน้าใคร "คุณย่า เรื่องนี้ยกให้ฝ่ายกฎหมายของตระกูลฮั่วจัดการเถอะครับ"เขาไม่มีหน้าไปขอร้องหลีเกอ เพราะการขโมยความลับของบริษัทไม่ใช่เรื่องเล็ก ชุดข้อมูลสำคัญเมื่อหลุดออกไปอาจทำให้บริษัททั้งบริษัทล้มละลายได้ดังนั้น เขาจึงต
เพียงแต่เฉียวซีอวิ๋นไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น!"...สามเดือน ผมต้องการประกันตัวเธอแค่สามเดือน ถามให้หน่อยซิว่าเงินประกันพอจะลดครึ่งหนึ่งได้ไหม ถ้าได้ก็โอนเงินเลย!""ได้ค่ะ ประธานฮั่ว"...ที่บริษัทตี้เซิ่ง หลีเกอกำลังประชุมร่วมกับบริษัทต่างชาติ เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง เจิ้งหลิ่วก็เคาะประตูห้องทำงานของเธอ "คุณหลีครับ คนจากฝ่ายกฎหมายของบริษัทฮั่วกรุ๊ปมาแล้ว พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องที่ฮั่วอวิ๋นเจินขโมยข้อมูลลับของบริษัท"หลีเกอสั่งการทันที "เรื่องนี้มอบให้ทนายความของบริษัทเราจัดการก็ได้ สุดท้ายค่อยมารายงานผลให้ฉันก็พอ""ได้ครับ คุณหลี"เจิ้งหลิ่วออกไปก็บังเอิญเจอกับผู้อำนวยการหูที่หน้าห้องทำงาน เจิ้งหลิ่วแสดงสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม ทักทายอย่างสุภาพ "ผู้อำนวยการหู"ผู้อำนวยการหูพูดด้วยรอยยิ้ม "เลขาเจิ้ง คุณเป็นคนเก่าแก่ของหลีหาน ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นหรอก"แต่เจิ้งหลิ่วกลับพยักหน้าเล็กน้อย "ผู้อำนวยการหูมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?"สายตาของผู้อำนวยการหูมองไปยังประตูห้องทำงานที่ปิดสนิท "ผมมาหาคุณหลี..."พูดจบก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหลีเกอ"คุณหลี ยุ่งอยู่หรือเปล่า
ผู้อำนวยการหูเห็นว่าท่าทีของหลีเกอผิดปกติไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเรื่องนี้ทำให้หลีเกอตั้งตัวไม่ทัน เธอเลยยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใด ๆดังนั้นเขาจึงพูดว่า "ผิดหรือไม่ผิด ฝ่ายตรวจสอบบัญชีจะตรวจสอบให้ชัดเจน ขณะนี้คณะตรวจสอบอยู่ที่บริษัท คุณหลีจะออกไปดูหน่อยไหม?"หลีเกอมองเขาอย่างมีนัยยะ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ห้องทำงานของฉีอวิ๋นเทียนขณะนี้มีกลุ่มคนสวมเครื่องแบบกำลังหาหลักฐานต่าง ๆ แต่ ฉีอวิ๋นเทียนกลับนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ท่าทางไม่สนใจอะไรเลย"ตรวจสอบเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็อย่ามายุ่งกับงานของผมอีก..." ฉีอวิ๋นเทียนพูดอย่างไม่แยแสแต่กลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบเหล่านั้นไม่ได้สนใจเขา ยังคงค้นหาต่อไปฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะเสียงเย็น สายตาค่อย ๆ เย็นชาลง หลีเกอเดินเข้ามา เห็นภาพแล้วสีหน้าไม่ดีเลย"พวกคุณกำลังทำอะไร"หัวหน้ากลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบหยุดลง โค้งให้หลีเกอแล้วพูดว่า "ประธานหลี สวัสดีครับ พวกเรากำลังปฏิบัติหน้าที่! มีคนแจ้งเบาะแสด้วยชื่อจริงว่า คุณฉีอวิ๋นเทียนใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในระหว่างปฏิบัติงาน ยักยอกเงินจำนวนมาก"หลีเกอยิ้ม มุม
ผู้อำนวยการหูเห็นทั้งสองคนร้องเพลงกันอย่างเข้าขาและสอดประสานกันอย่างดี ความไม่พอใจในใจของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และส่งสายตาให้กับนักบัญชีที่อยู่ไม่ไกล นักบัญชีเข้าใจความหมาย จึงก้าวเท้าไปอยู่ตรงหน้าฉีอวิ๋นเทียน "ประธานฉีคะ เราต้องตรวจสอบบัญชีธนาคารในนามของคุณ โปรดให้ความร่วมมือด้วย..."ฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะเสียงเย็น แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากนั้นก็หยิบบัตรเครดิตออกมาทีละใบ การกระทำของเขาแสดงถึงความดูถูก แต่บัตรที่หยิบออกมากลับทำให้ทุกคนตกใจไปตาม ๆ กันมีบัตรเครดิตสีดำรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันของธนาคารชั้นนำทั้งห้าของประเทศ และยังมีบัตรทองคำของธนาคารแห่งชาติสวิสอีกด้วย...เขาวางไว้บนโต๊ะทีละใบทำให้ฝ่ายบัญชีมองตาค้าง"นี่… นี่บัตรเครดิตของคุณทั้งหมดเลยเหรอ?"ฉีอวิ๋นเทียนหัวเราะในลำคอ "อยากตรวจสอบมากไม่ใช่เหรอ? ตรวจสอบเลยสิ แต่ผมคิดว่ายอดเงินในบัตรแต่ละใบคงไม่ใช่แค่ไม่กี่ล้านบาทหรอกนะ"ฝ่ายบัญชีรีบเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ก็ยังฝืนพูดว่า "บัตรของคุณเป็นของจริงทั้งหมดหรือเปล่า? ไม่ใช่ของปลอมนะ! ต้องเป็นชื่อคุณเท่านั้น..."ฉีอวิ๋นเทียนกอดอก"งั้นก็เช็กดูสิว่าใช่ชื
"หรือว่านี่เป็นแผนของคุณตั้งแต่แรก?""จุดประสงค์ของคุณคืออะไร? ต้องการไล่ผมออกจากตี้เซิ่งเหรอ?""..."ฉีอวิ๋นเทียนพูดเน้นทีละคำ แต่ละคำล้วนคมคายบาดลึก ทำให้ผู้อำนวยการหูพูดไม่ออก อึกอักอยู่นานก็ยังพูดประโยคที่สมบูรณ์ไม่ได้แต่ฉีอวิ๋นเทียนไม่ได้สนใจเขา กลับมองไปทางหลีเกอที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็พูดว่า "ประธานหลี คุณคิดว่าไงครับ?"หลีเกอเหลือบมองผู้อำนวยการหูอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น "ประธานฉีเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฉีในประเทศ F และยังเคยเป็นอดีตคู่หมั้นที่ทางครอบครัวของเราสองคนจัดการให้ เขาเข้ามาทำงานที่ตี้เซิ่งด้วยความกระตือรือร้นและมีศักยภาพอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ทุกคนคงเห็นความสามารถของท่านประธานฉีแล้ว โครงการตานตงเป็นสิ่งที่เขาทำการเจรจาและได้มาด้วยตัวเอง เรื่องในวันนี้ ทุกคนจำเป็นต้องอธิบายให้ประธานฉีฟังโดยละเอียด"สายตาของหลีเกอกวาดไปรอบ ๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นักบัญชี ความเย้ยหยันในดวงตาปรากฏชัดเจน"ในเมื่อคุณแจ้งเบาะแสด้วยชื่อจริง แสดงว่าคุณมีหลักฐานอยู่ในมือน่ะสิ?""งั้นตอนนี้ก็แสดงหลักฐานออกมา! ถ้าหามาไม่ได้ คุณก็จะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จ ติดคุกสถานเดียว"
หลีเกอและฉีอวิ๋นเทียนสบตากัน ทั้งสองคนเข้าใจตรงกันผู้อำนวยการหูเห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล คว้าตัวเสี่ยวเจิ้งมาแล้วผลักให้ล้มลงไปอยู่ตรงหน้าหลีเกอ"ไอ้สารเลว พูดมาเดี๋ยวนี้ว่าแกทำจริงรึเปล่า! กล้าใส่ร้ายประธานฉีว่ารับสินบน ฉันว่าแกคงกินหมีกินเสือเข้าไปสินะ!"เสี่ยวเจิ้งตกใจกลัวจนตัวสั่นคลานขึ้นมาจากพื้นตรงหน้าหลีเกอแล้ววิงวอนขอร้องไม่หยุด "ประธานหลี ให้อภัยผมเถอะครับ! ผมแค่คิดร้ายชั่ววูบ เผลอทำผิดอย่างร้ายแรงลงไป ผมไม่ได้ตั้งใจ..."หลีเกอจ้องมองเขาจากมุมมองที่สูงกว่าโดยไม่สะทกสะท้านเสี่ยวเจิ้งหันไปขอร้องฉีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้าง ๆ "ประธานฉี ได้โปรดเถอะครับ ปล่อยผมไปเถอะ... ผมไม่กล้าทำอย่างนี้อีกแล้ว"ฉีอวิ๋นเทียนค่อย ๆ ย่อตัวลง มุมปากยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ"...ให้อภัยคุณ ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้หรอกนะ แต่คุณต้องบอกผมมาตามตรงว่าใครสั่งให้คุณทำแบบนี้..."เสี่ยวเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการหูที่อยู่ข้าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วก็รีบหลุบตามองพื้นยอมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว"ไม่มีใครสั่งผมครับ ผมแค่อิจฉาประธานฉีที่ได้งานชิ้นใหญ่มา เลยอยากหาทางทำให้ประธานฉีห
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ