จากนั้นก็พูดว่า "ฉันไม่ได้แสดงละครนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางได้เจอคุณ""เจอกันแล้วแล้วไง ยังจะเสแสร้งต่อหน้าผมอีกเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจเลย แววตาของเขายังมีความเกลียดชังแฝงอยู่ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวซีอวิ๋นเขากับหลีเกอก็คงไม่เดินมาถึงทางตันแบบนี้น้ำตาของเฉียวซีอวิ๋นไหลพราก เธอเอื้อมมือไปจับแขนฮั่วจิ้นเฉิง แต่กลับถูกเขาสะบัดทิ้งเฉียวซีอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง"ทำไมแม้แต่การสัมผัสก็ยังไม่ได้เหรอ หึ... คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าตระกูลฮั่วของคุณติดค้างหนี้ตระกูลเฉียวของเราตลอดชีวิต"มือของฮั่วจิ้นเฉิงกำแน่นเมื่อเป็นเรื่องนี้เขาไม่มีอะไรจะโต้แย้งเฉียวซีอวิ๋นใช้จุดนี้มาควบคุมเขาไว้อีกครั้ง"คำพูดบางคำ พูดออกมาบ่อย ๆ ก็ไร้ประโยชน์แล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา คำพูดของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนแต่เฉียวซีอวิ๋นกลับดูเหมือนจะไม่สนใจ "เพราะงั้น... ฉันคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูดคำเหล่านี้แล้ว จิ้นเฉิง เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ"เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉียวซีอวิ๋นลดเสียงลงใช้โทนเสียงที่เฉพาะพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากติดค้างตระกูลเฉีย
ยิ่งพูดไป อารมณ์ของเฉียวซีอวิ๋นก็ยิ่งบ้าคลั่ง! เธอขบฟันแน่นราวกับว่าในวินาทีถัดไปเธอจะฉีกหลีเกอออกเป็นชิ้น ๆเมื่อได้ยินแบบนี้ฮั่วจิ้นเฉิงก็ผลักเธอออกไปไม่น่าแปลกใจเลยที่คำพูดแสนโหดเหี้ยมจะหลุดออกมาจากปากของเฉียวซีอวิ๋นอย่างนั้นก็เถอะเขาจะไม่ให้โอกาสเธออีกแล้วไม่มีการลังเลฮั่วจิ้นเฉิงหันหลังกลับไม่สนใจว่าเฉียวซีอวิ๋นจะตะโกนตามหลังอย่างไรฮั่วจิ้นเฉิงเดินจากไปเมื่อเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยเขาก็เห็นเฉียวเจิ้นสยงยืนอยู่ที่ปลายสุดทางเดินเขาไม่หยุดก้าวเดิน เดินตรงเข้าไปหาในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เฉียวเจิ้นสยงก็ดูแก่โทรมลงไปมาก ผมข้างขมับสองข้างมีสีขาวขึ้นประปราย ใบหน้าหรือก็หมองคล้ำเฉียวเจิ้นสยงไม่รู้เรื่องความบ้าคลั่งของเฉียวซีอวิ๋นยังคิดว่าเฉียวซีอวิ๋นกับฮั่วจิ้นเฉิงตกลงพูดคุยกันด้วยดีดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้น มุมปากยกสูง แววตาของเขายังคงเป็นประกายราวกับที่เคยเป็นเมื่อก่อน"ซีอวิ๋นคงจะพูดเหมือนฉัน ชีวิตแลกด้วยชีวิต นี่เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว!"ฮั่วจิ้นเฉิงสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า กิริยาดูหยิ่งยโส"นั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา คุณเฉียว ค
เธอเหยียบคันเร่งจมมิดอย่างสิ้นคิดความรู้สึกอยากทำลายล้างหลีเกอท่วมท้น!ตราบใดที่หลีเกอไม่อยู่บนโลกนี้ เธอก็จะขยับขึ้นเป็นนักออกแบบหลักประจำงานแฟชั่นโชว์นี้โดยปริยายไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งนี้กับเธออีกเหยียนเจี่ยนกำพวงมาลัยแน่นขณะนั้นเอง รถเบนท์ลีย์คันหนึ่งก็ขับตรงมา จอดขวางหน้ารถของหลีเกอไว้ ทำให้เหยียนเจี่ยนที่กำลังคิดจะทำอะไรบ้า ๆ อยู่มีอันต้องหยุดชะงักไปฮั่วจิ้นเฉิงให้หลานหนีตรวจสอบตำแหน่งของหลีเกอ แล้วรีบขับรถมาที่นี่อย่างรวดเร็วหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเปิดประตูรถและลงมาหลีเกอขมวดคิ้วทำไมฮั่วจิ้นเฉิงถึงทำตัวเหมือนหนังเหนียวที่แกะไม่ออกอย่างนี้“หลีเกอ!”ทันทีที่ได้เห็นเธอ อารมณ์ที่ตึงเครียดทั้งหมดของฮั่วจิ้นเฉิงก็พังทลายลงในทันทีเขาอยากทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้เธอจริง ๆ ชดใช้ความผิดที่เขาเคยกระทำลงไป“ท่านประธานฮั่ว ช่วงนี้ดูเหมือนคุณจะว่างมากเลยนะคะ” หลีเกอพูดจาเยาะเย้ย ไม่ค่อยอยากจะสนใจเขาฮั่วจิ้นเฉิงเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “หลีเกอ ไม่ว่าอดีตเราจะเคยเป็นยังไง ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ผมว่า... เราจะยังพอ... เป็นเพื่อนกันได้ไหม?”หลีเกอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปแน
ฮั่วจิ้นเฉิงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ร่างกายเย็นเฉียบอย่างนี้นี่เองแม้แต่โอกาสเดียวก็ไม่ให้เขาเลยเหรอฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันไขว่คว้าเธอได้อีกต่อไปความรู้สึกนี้ทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกขณะนั้นเองเหยียนเจี่ยนขับรถผ่านหน้าเขาไปฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมามอง คิ้วขมวดเล็กน้อย มองรถของเหยียนเจี่ยนที่ขับตามหลังรถของหลีเกอไปติด ๆ ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเลฮั่วจิ้นเฉิงขับรถตามไปหลีเกอขับรถไปพลางโทรหาเจี่ยงอีอีไปพลาง “ที่รัก แบบร่างของฉันผ่านฉลุยเลย ได้รับการโหวตให้เป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิงในปีนี้”เจี่ยงอีอีดีใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น“ยินดีด้วยนะ! ที่รัก! งั้นเย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม?”หลีเกอรีบพูด “ตอนเย็นฉันมีนัดกับพี่ซิวเป่ยแล้ว…”“ว้าว! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เล่าให้เพื่อนสาวฟังหน่อยสิจ๊ะ”หลีเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันกับพี่ซิวเป่ยคบหากันเป็นพี่น้อง หยุดคิดไปไกลเลยนะ!”แต่เจี่ยงอี
“ฮั่วจิ้นเฉิง...”หลีเกอตะโกนเสียงแหบแห้งแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองเลยเหยียนเจี่ยนที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ยอมขับรถตัวเองพุ่งออกมาโดนชนแทนหลีเกอแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วเธอไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที แม้ว่ารถของตัวเองจะเยินจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เหยียนเจี่ยนก็ยังคงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วขับรถออกจากที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง“สวัสดีค่ะ 120 ใช่ไหมคะ มีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุที่แยกถนนปินเจียงหมายเลขสาม...” หลีเกอพยายามตั้งสติ โทรแจ้งรถพยาบาลเมื่อมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่หมดสติอยู่ เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองของตัวเองสั่นไปหมดรถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็วฮั่วจิ้นเฉิงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนขณะอยู่บนฟุตบาธ หลีเกอค่อย ๆ ตั้งสติ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจิ้งหลิ่ว “คุณเจิ้งคะ ฉันรถชนค่ะ”เจิ้งหลิ่วแทบจะนั่งไม่ติด“คุณเป็นยังไงบ้างครับ? แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้?”“ไม่ต้องค่ะ…” หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองไปยังประตูห้อ
"ผู้ป่วยมีบาดแผลที่หน้าผากจากการถูกกระจกบาด เราได้ทำการปฐมพยาบาลแล้ว นอกจากจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติครับ"เมื่อได้ยินแบบนี้หลีเกอก็โล่งใจโชคดีที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เป็นอะไร"ขอบคุณคุณหมอนะคะ ลูกชายฉันไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"หลี่ซูฉินขอบคุณไม่หยุดหย่อน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายผ่อนเบาลง"ผู้ป่วยฟื้นแล้ว กำลังจะเข็นไปที่แผนกผู้ป่วยในนะครับ"“ได้ค่ะ ได้ค่ะ"หลังจากหมอจากไปพยาบาลก็เข็นเตียงฮั่วจิ้นเฉิงออกมาศีรษะของเขาพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ายังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ สูญเสียความเย็นชาเคร่งขรึมเช่นในอดีตหลี่ซูฉินเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปร้องห่มร้องไห้ "ลูกชาย ไม่เป็นไรแล้วนะลูก"ฮั่วซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดด้วยความเป็นห่วง "พี่ชาย พี่ทำพวกเราตกใจกันหมดเลย ดีนะที่ไม่เป็นอะไร"ฮั่วจิ้นเฉิงมองพวกเธอปลอบโยนสองสามประโยค "พี่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"แต่หลี่ซูฉินก็ยังไม่วางใจ"จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก แม่จะอยู่ยังไง!"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว แต่สายตากลับมอง
เขาคิดว่าหลังจากเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะกลับมาดีขึ้นแท้ ๆใครจะรู้ว่าหลีเกอกลับหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าฮั่วจิ้นเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด"คุณหมายความว่ายังไง"หลีเกอเหลือบมอง"รถเบนท์ลีย์รุ่นใหม่ล่าสุดราคาไม่เกินห้าล้าน ส่วนที่เหลือ ถือเป็นค่าตอบแทนที่คุณฮั่วกรุณาช่วยชีวิตฉัน"ฮั่วจิ้นเฉิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมายี่สิบล้าน?เธอคิดจะเอาเงินฟาดหัวเขาเหรอ?เขาทำไปก็เพราะสัญชาตญาณที่อยากจะปกป้องเธอล้วน ๆแค่นั้นเลยทำไมในสายตาเธอถึงมองเป็นอื่นไปได้เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขา เธอก็ไม่ได้พูดอะไรหลีเกอพูดต่อ "ยี่สิบล้านน่าจะเพียงพอ ถ้าคุณฮั่วคิดว่ายังไม่พอ ก็เสนอราคามาได้เลย""หลีเกอ! คุณเห็นผมเป็นอะไร" สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงย่ำแย่มากตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่นะเธอไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลยเหรอ?หลี่ซูฉินและฮั่วซินที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็มองด้วยความโง่เขลา ยี่สิบล้านสำหรับหลีเกอไม่มีความสำคัญอะไรเลยงั้นเหรอ?จู่ ๆ ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาฐานะทางบ้านของหลีเกอนั้นร่ำรวยเป็นบ้าตั้งแต่สถานะการเงินของเธอถูกฮั่วจิ้นเฉิงควบคุม ตอนนี้แม้แต่จะเบิกเงินสองล้านออกมายังรู้สึก
ถึงแม้ว่าวันนี้ฮั่วจิ้นเฉิงจะทำเรื่องกล้าหาญดังกล่าว แต่ก็ยากที่จะลบล้างความเจ็บปวดที่เขาเคยกระทำต่อเธอ"คุณโม่คะ วันวันถ้าไม่รู้จะทำอะไร ก็แบ่งเวลาไปหาความรู้ซะบ้าง นินทาให้น้อยลง อย่าก้าวก่ายไม่เป็นเรื่อง!"คำพูดของหลีเกอเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนเจตนาของเธอชัดเจนโม่อี้เฟยยิ้มแห้ง "ได้ ได้ ผมขอตัวไปดูหน่อยว่าเขาเป็นยังไงแล้ว ขอตัวนะครับ"พูดจบก็รีบเผ่นออกไปหลังออกมาจากโรงพยาบาล หลีเกอก็ได้รับโทรศัพท์จากเจิ้งหลิ่ว "ตรวจสอบแล้วครับ เจ้าของรถโฟล์คคันนั้นคือเหยียนเจี่ยน วันนี้เธอเป็นคนขับรถคันนั้นด้วยตัวเอง"ได้ยินชื่อนี้หลีเกอก็มีสีหน้าเย็นชา"เป้าหมายของเธอคือฉันใช่ไหม?""ใช่ครับ คุณหนูใหญ่! แต่ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ"หลีเกอเม้มริมฝีปาก "เธอมีใครในครอบครัวอีกหรือเปล่า?""ตรวจสอบแล้วเช่นกันครับ เหยียนเจี่ยนเป็นเด็กกำพร้า! เติบโตขึ้นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยปินเฉิงได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ในระหว่างที่เรียนก็ได้รับการบริจาคทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญในสังคม"แบบนี้จะหาจุดอ่อนของเธอจากไหนล่ะ?