ฮั่วจิ้นเฉิงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ร่างกายเย็นเฉียบอย่างนี้นี่เองแม้แต่โอกาสเดียวก็ไม่ให้เขาเลยเหรอฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันไขว่คว้าเธอได้อีกต่อไปความรู้สึกนี้ทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกขณะนั้นเองเหยียนเจี่ยนขับรถผ่านหน้าเขาไปฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมามอง คิ้วขมวดเล็กน้อย มองรถของเหยียนเจี่ยนที่ขับตามหลังรถของหลีเกอไปติด ๆ ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเลฮั่วจิ้นเฉิงขับรถตามไปหลีเกอขับรถไปพลางโทรหาเจี่ยงอีอีไปพลาง “ที่รัก แบบร่างของฉันผ่านฉลุยเลย ได้รับการโหวตให้เป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิงในปีนี้”เจี่ยงอีอีดีใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น“ยินดีด้วยนะ! ที่รัก! งั้นเย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม?”หลีเกอรีบพูด “ตอนเย็นฉันมีนัดกับพี่ซิวเป่ยแล้ว…”“ว้าว! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เล่าให้เพื่อนสาวฟังหน่อยสิจ๊ะ”หลีเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันกับพี่ซิวเป่ยคบหากันเป็นพี่น้อง หยุดคิดไปไกลเลยนะ!”แต่เจี่ยงอี
“ฮั่วจิ้นเฉิง...”หลีเกอตะโกนเสียงแหบแห้งแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองเลยเหยียนเจี่ยนที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ยอมขับรถตัวเองพุ่งออกมาโดนชนแทนหลีเกอแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วเธอไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที แม้ว่ารถของตัวเองจะเยินจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เหยียนเจี่ยนก็ยังคงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วขับรถออกจากที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง“สวัสดีค่ะ 120 ใช่ไหมคะ มีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุที่แยกถนนปินเจียงหมายเลขสาม...” หลีเกอพยายามตั้งสติ โทรแจ้งรถพยาบาลเมื่อมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่หมดสติอยู่ เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองของตัวเองสั่นไปหมดรถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็วฮั่วจิ้นเฉิงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนขณะอยู่บนฟุตบาธ หลีเกอค่อย ๆ ตั้งสติ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจิ้งหลิ่ว “คุณเจิ้งคะ ฉันรถชนค่ะ”เจิ้งหลิ่วแทบจะนั่งไม่ติด“คุณเป็นยังไงบ้างครับ? แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้?”“ไม่ต้องค่ะ…” หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองไปยังประตูห้อ
"ผู้ป่วยมีบาดแผลที่หน้าผากจากการถูกกระจกบาด เราได้ทำการปฐมพยาบาลแล้ว นอกจากจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติครับ"เมื่อได้ยินแบบนี้หลีเกอก็โล่งใจโชคดีที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เป็นอะไร"ขอบคุณคุณหมอนะคะ ลูกชายฉันไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"หลี่ซูฉินขอบคุณไม่หยุดหย่อน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายผ่อนเบาลง"ผู้ป่วยฟื้นแล้ว กำลังจะเข็นไปที่แผนกผู้ป่วยในนะครับ"“ได้ค่ะ ได้ค่ะ"หลังจากหมอจากไปพยาบาลก็เข็นเตียงฮั่วจิ้นเฉิงออกมาศีรษะของเขาพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ายังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ สูญเสียความเย็นชาเคร่งขรึมเช่นในอดีตหลี่ซูฉินเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปร้องห่มร้องไห้ "ลูกชาย ไม่เป็นไรแล้วนะลูก"ฮั่วซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดด้วยความเป็นห่วง "พี่ชาย พี่ทำพวกเราตกใจกันหมดเลย ดีนะที่ไม่เป็นอะไร"ฮั่วจิ้นเฉิงมองพวกเธอปลอบโยนสองสามประโยค "พี่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"แต่หลี่ซูฉินก็ยังไม่วางใจ"จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก แม่จะอยู่ยังไง!"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว แต่สายตากลับมอง
เขาคิดว่าหลังจากเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะกลับมาดีขึ้นแท้ ๆใครจะรู้ว่าหลีเกอกลับหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าฮั่วจิ้นเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด"คุณหมายความว่ายังไง"หลีเกอเหลือบมอง"รถเบนท์ลีย์รุ่นใหม่ล่าสุดราคาไม่เกินห้าล้าน ส่วนที่เหลือ ถือเป็นค่าตอบแทนที่คุณฮั่วกรุณาช่วยชีวิตฉัน"ฮั่วจิ้นเฉิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมายี่สิบล้าน?เธอคิดจะเอาเงินฟาดหัวเขาเหรอ?เขาทำไปก็เพราะสัญชาตญาณที่อยากจะปกป้องเธอล้วน ๆแค่นั้นเลยทำไมในสายตาเธอถึงมองเป็นอื่นไปได้เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขา เธอก็ไม่ได้พูดอะไรหลีเกอพูดต่อ "ยี่สิบล้านน่าจะเพียงพอ ถ้าคุณฮั่วคิดว่ายังไม่พอ ก็เสนอราคามาได้เลย""หลีเกอ! คุณเห็นผมเป็นอะไร" สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงย่ำแย่มากตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่นะเธอไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลยเหรอ?หลี่ซูฉินและฮั่วซินที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็มองด้วยความโง่เขลา ยี่สิบล้านสำหรับหลีเกอไม่มีความสำคัญอะไรเลยงั้นเหรอ?จู่ ๆ ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาฐานะทางบ้านของหลีเกอนั้นร่ำรวยเป็นบ้าตั้งแต่สถานะการเงินของเธอถูกฮั่วจิ้นเฉิงควบคุม ตอนนี้แม้แต่จะเบิกเงินสองล้านออกมายังรู้สึก
ถึงแม้ว่าวันนี้ฮั่วจิ้นเฉิงจะทำเรื่องกล้าหาญดังกล่าว แต่ก็ยากที่จะลบล้างความเจ็บปวดที่เขาเคยกระทำต่อเธอ"คุณโม่คะ วันวันถ้าไม่รู้จะทำอะไร ก็แบ่งเวลาไปหาความรู้ซะบ้าง นินทาให้น้อยลง อย่าก้าวก่ายไม่เป็นเรื่อง!"คำพูดของหลีเกอเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนเจตนาของเธอชัดเจนโม่อี้เฟยยิ้มแห้ง "ได้ ได้ ผมขอตัวไปดูหน่อยว่าเขาเป็นยังไงแล้ว ขอตัวนะครับ"พูดจบก็รีบเผ่นออกไปหลังออกมาจากโรงพยาบาล หลีเกอก็ได้รับโทรศัพท์จากเจิ้งหลิ่ว "ตรวจสอบแล้วครับ เจ้าของรถโฟล์คคันนั้นคือเหยียนเจี่ยน วันนี้เธอเป็นคนขับรถคันนั้นด้วยตัวเอง"ได้ยินชื่อนี้หลีเกอก็มีสีหน้าเย็นชา"เป้าหมายของเธอคือฉันใช่ไหม?""ใช่ครับ คุณหนูใหญ่! แต่ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ"หลีเกอเม้มริมฝีปาก "เธอมีใครในครอบครัวอีกหรือเปล่า?""ตรวจสอบแล้วเช่นกันครับ เหยียนเจี่ยนเป็นเด็กกำพร้า! เติบโตขึ้นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยปินเฉิงได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ในระหว่างที่เรียนก็ได้รับการบริจาคทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญในสังคม"แบบนี้จะหาจุดอ่อนของเธอจากไหนล่ะ?
หลีเกอตอบรับแค่ อืม"บ้าจริง เขาสำนึกผิดแล้วรึไง? แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอคงจะไม่ให้อภัยเขาง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?"หลีเกอส่ายหน้าเบา ๆ"หนี้ชีวิตเขา ฉันชดใช้ไปแล้ว"เจี่ยงอีอีสงสัยมาก"เธอใช้หนี้ยังไง ไม่ใช่ว่าจะเอาตัวไปแลกใช่ไหม? ฉันบอกไว้เลยนะ ถ้าเธอกล้าให้อภัยไอ้บ้านั่น หรือกลับไปคืนดีกับเขา ฉัน… ฉันจะหาเต้าหู้มาทุบหัวตัวเองให้ตาย"หลีเกอรีบจับแขนเธอไว้"พอแล้วน่า"จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง"ฉันเคยบอกแล้วไง บอกว่าปล่อยวางแล้วก็คือปล่อยวาง จะไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก..."เจี่ยงอีอีเชื่อสนิทใจ"รอดตายมาได้ก็ดี ฉันจะพาเธอไปล้างซวย"แต่หลีเกอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอนัดกับฟู่ซิวเป่ยไว้ "ไม่ได้สิ ฉันนัดกับพี่ซิวเป่ยไว้i""โอ๊ย เธอนี่เอะอะอะไรก็พี่ซิวเป่ย งั้นเรียกเขามาด้วยกันเลยไหมล่ะ?"หลีเกอลังเล "ฉันลองถามเขาก่อนดีไหม""เฮ้อ เพื่อนคนนี้! ยังต้องถามอะไรอีกเล่า ส่งโลเคชั่นไปให้เขาเลย ถ้าเขาอยากมาเดี๋ยวเขาก็ตามมาเองแหละ!"หลีเกอ "..."ตกกลางคืนเจี่ยงอีอีจองโต๊ะในบาร์แห่งหนึ่งเอาไว้ จากนั้นก็เรียกเพื่อนสาวมารวมตัวกันเพื่อเต้นรำ"ฉันขอเตือนเธออีกที ตอนนี้ลืมเรื่องทุกข์ใจทั้งหมดไปก่อน
"หล่อนเก่งจะตายไป คนธรรมดาทำอะไรหล่อนไม่ได้หรอก" ตอนนี้ฮั่วซินไม่คิดจะไปหาเรื่องหลีเกอ เธอกลัวว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะรู้ แล้วเธอจะอยู่ที่เมืองปินเฉิงไม่ได้อีกต่อไปแต่กู้หว่านชิงกลับรู้สึกเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเธอพูดตามตรง "ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ฉันก็คงไม่ตกงาน ตอนนี้ไม่มีงานทำเลย ต้องมานั่งแช่อยู่ในบาร์ทุกวัน เธอลองคิดดูสิว่าหล่อนมันน่ารังเกียจมากแค่ไหน"ฮั่วซินพยักหน้าแต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ความแค้นระหว่างกู้หว่านชิงกับหลีเกอ เธอไม่ออยากวิจารณ์ใด ๆ"พี่หว่านชิง ในเมื่อเกลียดหล่อนเข้าไส้ขนาดนั้น ทำไมไม่สั่งสอนหล่อนซะล่ะ?"กู้หว่านชิงยิ้มเธอเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา ไม่ได้ตอบคำถามของฮั่วซิน แต่กลับพูดว่า "เธอเองก็เกลียดหล่อนเข้าไส้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?"ฮั่วซินส่ายหัว"ถึงจะเกลียด ฉันก็ทำอะไรหล่อนไม่ได้ ได้แต่เกลียดอยู่ในใจเท่านั้นแหละ"กู้หว่านชิงหัวเราะเสียงเย็น"ขี้ขลาดขนาดนี้เชียว หรือกลัวจะสู้หล่อนไม่ได้?"ฮั่วซินรู้สึกโกรธขึ้นมาเธอเคยสู้กับหลีเกอมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยชนะได้เลยสักครั้ง รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆทำไมหลีเกอถึงมีชีวิตที่ราบรื่นอยู่เสมอ คนทั้งโลกพร้อมจะเ
หลังจากส่งต่อคำสั่งเรียบร้อยดวงตาของกู้หว่านชิงก็ฉายประกายความโหดเหี้ยมขึ้นมาแวบหนึ่งเวลานี้เธอเหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงมืดรอหาจังหวะที่เหมาะสม แล้วก็พุ่งออกมาฉกคนคนนั้นอย่างแรงกู้หว่านชิงตบไหล่ฮั่วซิน แล้วกระซิบข้างหู "อย่าลืมถ่ายคลิปไว้ด้วยล่ะ ฉันจะทำให้หล่อนเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วก็โดนสังคมขับไล่ออกจากปินเฉิงไปตลอดกาล"ฮั่วซินตัวสั่นเทากู้หว่านชิงมีท่าทีแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง"ฉัน... ฉันไม่ถ่าย"กู้หว่านชิงไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ "หึ ไม่ถ่ายแล้วยังไง เราเป็นตั๊กแตนที่ไต่อยู่บนเส้นเชือกเดียวกันแล้วนะ เธอคิดว่าไงล่ะ?"คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการคุกคามฮั่วซินมองไปทางหลีเกอดวงตาจมมืดลงในใจพลันตัดสินใจอย่างลับ ๆในเวลาเดียวกัน บนชั้นสองของบาร์"ผมก็นึกว่าใคร คุณชายฟู่นี่เอง ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ครับ" คนที่พูดเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ แต่คำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยการหยอกล้อฟู่ซิวเป่ยเห็นคนที่เดินเข้ามาทักทายเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ท่าทางสง่างามเช่นกัน ยื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่าย"ไม่ได้เจอกันนานเลย""โอ้โฮ นานแล้วจริง ๆ ครับ คุณย้ายมาที่
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ