ฮั่วจิ้นเฉิงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ร่างกายเย็นเฉียบอย่างนี้นี่เองแม้แต่โอกาสเดียวก็ไม่ให้เขาเลยเหรอฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันไขว่คว้าเธอได้อีกต่อไปความรู้สึกนี้ทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกขณะนั้นเองเหยียนเจี่ยนขับรถผ่านหน้าเขาไปฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมามอง คิ้วขมวดเล็กน้อย มองรถของเหยียนเจี่ยนที่ขับตามหลังรถของหลีเกอไปติด ๆ ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเลฮั่วจิ้นเฉิงขับรถตามไปหลีเกอขับรถไปพลางโทรหาเจี่ยงอีอีไปพลาง “ที่รัก แบบร่างของฉันผ่านฉลุยเลย ได้รับการโหวตให้เป็นนักออกแบบหลักของงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้นที่เมืองปินเฉิงในปีนี้”เจี่ยงอีอีดีใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น“ยินดีด้วยนะ! ที่รัก! งั้นเย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม?”หลีเกอรีบพูด “ตอนเย็นฉันมีนัดกับพี่ซิวเป่ยแล้ว…”“ว้าว! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เล่าให้เพื่อนสาวฟังหน่อยสิจ๊ะ”หลีเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันกับพี่ซิวเป่ยคบหากันเป็นพี่น้อง หยุดคิดไปไกลเลยนะ!”แต่เจี่ยงอี
“ฮั่วจิ้นเฉิง...”หลีเกอตะโกนเสียงแหบแห้งแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองเลยเหยียนเจี่ยนที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ยอมขับรถตัวเองพุ่งออกมาโดนชนแทนหลีเกอแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วเธอไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที แม้ว่ารถของตัวเองจะเยินจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เหยียนเจี่ยนก็ยังคงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วขับรถออกจากที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง“สวัสดีค่ะ 120 ใช่ไหมคะ มีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุที่แยกถนนปินเจียงหมายเลขสาม...” หลีเกอพยายามตั้งสติ โทรแจ้งรถพยาบาลเมื่อมองไปทางฮั่วจิ้นเฉิงที่หมดสติอยู่ เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองของตัวเองสั่นไปหมดรถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็วฮั่วจิ้นเฉิงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนขณะอยู่บนฟุตบาธ หลีเกอค่อย ๆ ตั้งสติ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจิ้งหลิ่ว “คุณเจิ้งคะ ฉันรถชนค่ะ”เจิ้งหลิ่วแทบจะนั่งไม่ติด“คุณเป็นยังไงบ้างครับ? แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้?”“ไม่ต้องค่ะ…” หลีเกอเงยหน้าขึ้น มองไปยังประตูห้อ
"ผู้ป่วยมีบาดแผลที่หน้าผากจากการถูกกระจกบาด เราได้ทำการปฐมพยาบาลแล้ว นอกจากจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติครับ"เมื่อได้ยินแบบนี้หลีเกอก็โล่งใจโชคดีที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เป็นอะไร"ขอบคุณคุณหมอนะคะ ลูกชายฉันไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"หลี่ซูฉินขอบคุณไม่หยุดหย่อน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายผ่อนเบาลง"ผู้ป่วยฟื้นแล้ว กำลังจะเข็นไปที่แผนกผู้ป่วยในนะครับ"“ได้ค่ะ ได้ค่ะ"หลังจากหมอจากไปพยาบาลก็เข็นเตียงฮั่วจิ้นเฉิงออกมาศีรษะของเขาพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ายังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ สูญเสียความเย็นชาเคร่งขรึมเช่นในอดีตหลี่ซูฉินเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปร้องห่มร้องไห้ "ลูกชาย ไม่เป็นไรแล้วนะลูก"ฮั่วซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดด้วยความเป็นห่วง "พี่ชาย พี่ทำพวกเราตกใจกันหมดเลย ดีนะที่ไม่เป็นอะไร"ฮั่วจิ้นเฉิงมองพวกเธอปลอบโยนสองสามประโยค "พี่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"แต่หลี่ซูฉินก็ยังไม่วางใจ"จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก แม่จะอยู่ยังไง!"ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว แต่สายตากลับมอง
เขาคิดว่าหลังจากเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะกลับมาดีขึ้นแท้ ๆใครจะรู้ว่าหลีเกอกลับหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าฮั่วจิ้นเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด"คุณหมายความว่ายังไง"หลีเกอเหลือบมอง"รถเบนท์ลีย์รุ่นใหม่ล่าสุดราคาไม่เกินห้าล้าน ส่วนที่เหลือ ถือเป็นค่าตอบแทนที่คุณฮั่วกรุณาช่วยชีวิตฉัน"ฮั่วจิ้นเฉิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมายี่สิบล้าน?เธอคิดจะเอาเงินฟาดหัวเขาเหรอ?เขาทำไปก็เพราะสัญชาตญาณที่อยากจะปกป้องเธอล้วน ๆแค่นั้นเลยทำไมในสายตาเธอถึงมองเป็นอื่นไปได้เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขา เธอก็ไม่ได้พูดอะไรหลีเกอพูดต่อ "ยี่สิบล้านน่าจะเพียงพอ ถ้าคุณฮั่วคิดว่ายังไม่พอ ก็เสนอราคามาได้เลย""หลีเกอ! คุณเห็นผมเป็นอะไร" สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงย่ำแย่มากตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่นะเธอไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลยเหรอ?หลี่ซูฉินและฮั่วซินที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็มองด้วยความโง่เขลา ยี่สิบล้านสำหรับหลีเกอไม่มีความสำคัญอะไรเลยงั้นเหรอ?จู่ ๆ ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาฐานะทางบ้านของหลีเกอนั้นร่ำรวยเป็นบ้าตั้งแต่สถานะการเงินของเธอถูกฮั่วจิ้นเฉิงควบคุม ตอนนี้แม้แต่จะเบิกเงินสองล้านออกมายังรู้สึก
ถึงแม้ว่าวันนี้ฮั่วจิ้นเฉิงจะทำเรื่องกล้าหาญดังกล่าว แต่ก็ยากที่จะลบล้างความเจ็บปวดที่เขาเคยกระทำต่อเธอ"คุณโม่คะ วันวันถ้าไม่รู้จะทำอะไร ก็แบ่งเวลาไปหาความรู้ซะบ้าง นินทาให้น้อยลง อย่าก้าวก่ายไม่เป็นเรื่อง!"คำพูดของหลีเกอเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนเจตนาของเธอชัดเจนโม่อี้เฟยยิ้มแห้ง "ได้ ได้ ผมขอตัวไปดูหน่อยว่าเขาเป็นยังไงแล้ว ขอตัวนะครับ"พูดจบก็รีบเผ่นออกไปหลังออกมาจากโรงพยาบาล หลีเกอก็ได้รับโทรศัพท์จากเจิ้งหลิ่ว "ตรวจสอบแล้วครับ เจ้าของรถโฟล์คคันนั้นคือเหยียนเจี่ยน วันนี้เธอเป็นคนขับรถคันนั้นด้วยตัวเอง"ได้ยินชื่อนี้หลีเกอก็มีสีหน้าเย็นชา"เป้าหมายของเธอคือฉันใช่ไหม?""ใช่ครับ คุณหนูใหญ่! แต่ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ"หลีเกอเม้มริมฝีปาก "เธอมีใครในครอบครัวอีกหรือเปล่า?""ตรวจสอบแล้วเช่นกันครับ เหยียนเจี่ยนเป็นเด็กกำพร้า! เติบโตขึ้นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยปินเฉิงได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ในระหว่างที่เรียนก็ได้รับการบริจาคทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญในสังคม"แบบนี้จะหาจุดอ่อนของเธอจากไหนล่ะ?
หลีเกอตอบรับแค่ อืม"บ้าจริง เขาสำนึกผิดแล้วรึไง? แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอคงจะไม่ให้อภัยเขาง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?"หลีเกอส่ายหน้าเบา ๆ"หนี้ชีวิตเขา ฉันชดใช้ไปแล้ว"เจี่ยงอีอีสงสัยมาก"เธอใช้หนี้ยังไง ไม่ใช่ว่าจะเอาตัวไปแลกใช่ไหม? ฉันบอกไว้เลยนะ ถ้าเธอกล้าให้อภัยไอ้บ้านั่น หรือกลับไปคืนดีกับเขา ฉัน… ฉันจะหาเต้าหู้มาทุบหัวตัวเองให้ตาย"หลีเกอรีบจับแขนเธอไว้"พอแล้วน่า"จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง"ฉันเคยบอกแล้วไง บอกว่าปล่อยวางแล้วก็คือปล่อยวาง จะไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก..."เจี่ยงอีอีเชื่อสนิทใจ"รอดตายมาได้ก็ดี ฉันจะพาเธอไปล้างซวย"แต่หลีเกอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอนัดกับฟู่ซิวเป่ยไว้ "ไม่ได้สิ ฉันนัดกับพี่ซิวเป่ยไว้i""โอ๊ย เธอนี่เอะอะอะไรก็พี่ซิวเป่ย งั้นเรียกเขามาด้วยกันเลยไหมล่ะ?"หลีเกอลังเล "ฉันลองถามเขาก่อนดีไหม""เฮ้อ เพื่อนคนนี้! ยังต้องถามอะไรอีกเล่า ส่งโลเคชั่นไปให้เขาเลย ถ้าเขาอยากมาเดี๋ยวเขาก็ตามมาเองแหละ!"หลีเกอ "..."ตกกลางคืนเจี่ยงอีอีจองโต๊ะในบาร์แห่งหนึ่งเอาไว้ จากนั้นก็เรียกเพื่อนสาวมารวมตัวกันเพื่อเต้นรำ"ฉันขอเตือนเธออีกที ตอนนี้ลืมเรื่องทุกข์ใจทั้งหมดไปก่อน
"หล่อนเก่งจะตายไป คนธรรมดาทำอะไรหล่อนไม่ได้หรอก" ตอนนี้ฮั่วซินไม่คิดจะไปหาเรื่องหลีเกอ เธอกลัวว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะรู้ แล้วเธอจะอยู่ที่เมืองปินเฉิงไม่ได้อีกต่อไปแต่กู้หว่านชิงกลับรู้สึกเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเธอพูดตามตรง "ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ฉันก็คงไม่ตกงาน ตอนนี้ไม่มีงานทำเลย ต้องมานั่งแช่อยู่ในบาร์ทุกวัน เธอลองคิดดูสิว่าหล่อนมันน่ารังเกียจมากแค่ไหน"ฮั่วซินพยักหน้าแต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ความแค้นระหว่างกู้หว่านชิงกับหลีเกอ เธอไม่ออยากวิจารณ์ใด ๆ"พี่หว่านชิง ในเมื่อเกลียดหล่อนเข้าไส้ขนาดนั้น ทำไมไม่สั่งสอนหล่อนซะล่ะ?"กู้หว่านชิงยิ้มเธอเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา ไม่ได้ตอบคำถามของฮั่วซิน แต่กลับพูดว่า "เธอเองก็เกลียดหล่อนเข้าไส้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?"ฮั่วซินส่ายหัว"ถึงจะเกลียด ฉันก็ทำอะไรหล่อนไม่ได้ ได้แต่เกลียดอยู่ในใจเท่านั้นแหละ"กู้หว่านชิงหัวเราะเสียงเย็น"ขี้ขลาดขนาดนี้เชียว หรือกลัวจะสู้หล่อนไม่ได้?"ฮั่วซินรู้สึกโกรธขึ้นมาเธอเคยสู้กับหลีเกอมาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยชนะได้เลยสักครั้ง รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆทำไมหลีเกอถึงมีชีวิตที่ราบรื่นอยู่เสมอ คนทั้งโลกพร้อมจะเ
หลังจากส่งต่อคำสั่งเรียบร้อยดวงตาของกู้หว่านชิงก็ฉายประกายความโหดเหี้ยมขึ้นมาแวบหนึ่งเวลานี้เธอเหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงมืดรอหาจังหวะที่เหมาะสม แล้วก็พุ่งออกมาฉกคนคนนั้นอย่างแรงกู้หว่านชิงตบไหล่ฮั่วซิน แล้วกระซิบข้างหู "อย่าลืมถ่ายคลิปไว้ด้วยล่ะ ฉันจะทำให้หล่อนเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วก็โดนสังคมขับไล่ออกจากปินเฉิงไปตลอดกาล"ฮั่วซินตัวสั่นเทากู้หว่านชิงมีท่าทีแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง"ฉัน... ฉันไม่ถ่าย"กู้หว่านชิงไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ "หึ ไม่ถ่ายแล้วยังไง เราเป็นตั๊กแตนที่ไต่อยู่บนเส้นเชือกเดียวกันแล้วนะ เธอคิดว่าไงล่ะ?"คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการคุกคามฮั่วซินมองไปทางหลีเกอดวงตาจมมืดลงในใจพลันตัดสินใจอย่างลับ ๆในเวลาเดียวกัน บนชั้นสองของบาร์"ผมก็นึกว่าใคร คุณชายฟู่นี่เอง ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ครับ" คนที่พูดเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ แต่คำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยการหยอกล้อฟู่ซิวเป่ยเห็นคนที่เดินเข้ามาทักทายเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ท่าทางสง่างามเช่นกัน ยื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่าย"ไม่ได้เจอกันนานเลย""โอ้โฮ นานแล้วจริง ๆ ครับ คุณย้ายมาที่