“คุณหนูฮั่ว ผลงานชิ้นนี้โดดเด่นมาก คงจะมีแรงบันดาลใจในการออกแบบที่แปลกใหม่ คุณพอจะแบ่งปันให้เราฟังได้ไหมคะ?”มีคนอดไม่ได้ที่จะถามฮั่วซินยิ้มแย้ม ท่าทางสง่างาม พูดจาคล่องแคล่ว“ที่จริงแล้วผลงานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากโชว์ที่ฉันไปชมในฝรั่งเศสค่ะ มันบ่งบอกถึงความเป็นอิสระ และความสวยงามฉลาดล้ำของผู้หญิง ดังนั้นฉันจึงเลือกใช้เฉดสีที่ฉูดฉาด เพื่อแสดงให้เห็นถึงสีสันของความเป็นผู้หญิง ในส่วนของการตัดเย็บก็มีการใส่ใจในรายละเอียด คุณสามารถดูการออกแบบที่ปลายแขนและปกเสื้อได้นะคะ…”หลังจากฮั่วซินพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็มองมาด้วยสายตาชื่นชม“ว้าว คุณหนูฮั่วมีความเข้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ด้านการออกแบบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอออกแบบผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณหนูฮั่วมีแผนจะเซ็นสัญญากับสตูดิโอหรือเปล่า แต่สตูดิโอของเรากำลังต้องการนักออกแบบที่มีฝีมือเก่งกาจอย่างคุณหนูฮั่วอยู่พอดี”“บริษัทของเราก็ทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าเหมือนกัน นักออกแบบที่เก่งกาจอย่างคุณหนูฮั่ว ถ้าเรียนจบแล้วต้องเก็บบริษัทของเราไว้พิจารณานะครับ”พูดจบก็ไม่ลืมที่จะยื่นนามบัตรให้ฮั่วซินฮั่วซินรับมาด้วยรอยยิ้ม กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
หลี่ซูฉินพูดพลางผลักฮั่วซินออกไปฮั่วซินจึงรีบคว้าโอกาสนี้พูดขึ้นมาว่า “ฉันตั้งใจจะสอบเรียนต่อเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทของคุณหลังจบปีสี่ หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมศึกษาภาคการออกแบบกับคุณนะคะ”ศาสตราจารย์โม่เข้าใจ จึงให้กำลังใจว่า “ตั้งใจเข้าไว้”พูดจบแล้วเขาก็เดินจากไปท่ามกลางผู้คนที่ยืนรายล้อมอยู่หลี่ซูฉินเห็นศาสตราจารย์โม่พูดแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นในใจ จึงดึงฮั่วซินมากระซิบกระซาบว่า“ซินซิน สบายใจได้เลย! วางใจหายห่วงแน่นอน! ลูกต้องตั้งใจเข้าไว้นะ อย่าทำให้แม่ผิดหวังล่ะ!”ฮั่วซินหน้าตาเปื้อนยิ้ม“วางใจได้เลยค่ะแม่! ลูกสาวแม่เก่งจะตาย”หนึ่งในนักศึกษาระดับปริญญาโทของศาสตราจารย์โม่ เธอต้องสอบติดแน่ทว่าในวินาทีถัดมา หลีเกอเดินหน้าบึ้งตึงตรงมาหาเธอไม่รู้ทำไม ฮั่วซินถึงเกิดความรู้สึกอยากหนีหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“มาคุยกันหน่อย!”คำสั้น ๆ สี่คำ แต่กลับแฝงไว้ด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นฮั่วซินไม่อยากสนใจหลีเกอหันหลังเตรียมจะเดินจากไป แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป หลีเกอก็คว้าข้อมือของเธอไว้ “ทำไม ร้อนตัวเหรอ?”หลี่ซูฉินที่อยู่ข้าง ๆ เห็นหลีเกอจับฮั่วซินก็รีบวิ่งเข้ามา“หลีเกอ
แต่เห็นได้ชัดว่าฮั่วซินดูจะไม่ค่อยพอใจ“ฮั่วซิน ฉันจะให้โอกาสเธอ ถอนผลงานชิ้นนี้ออกจากนิทรรศการด้วยตัวเองซะ ไม่งั้นฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจจนลืมไม่ลง”ฮั่วซินไม่สนใจหลีเกอไม่มีต้นฉบับ เธอแน่ใจว่าหลีเกอเองก็ไม่มีหลักฐานเช่นกัน ดังนั้นจึงพูดจาโอหังโดยไม่ละอาย“แล้วแต่”พูดจบก็ยืดอกเดินจากไปอย่างหยิ่งผยองเมื่อผลักประตูกระจกก็ชนเข้ากับโม่อี้เฟยพอดี “พี่อี้เฟย! มาทำอะไรที่นี่คะ?”โม่อี้เฟยไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับมองไปทางหลีเกอที่อยู่ไม่ไกลนัก ถามเหมือนไม่ตั้งใจว่า “ความสัมพันธ์ของเธอกับหลีเกอดีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”ฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “พี่อี้เฟย พูดอะไรน่ะ ใครมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ เธอกลายเป็นคุณหนูตระกูลหลีไปแล้ว ฉันเอื้อมไม่ถึงหรอก”คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความประชดประชัน“อ๋อ…”โม่อี้เฟยลากเสียงยาว ไม่ได้พูดอะไรมากฮั่วซินก็ไม่ได้สนใจโม่อี้เฟยอีก เหยียบรองเท้าส้นสูงก้าวเดินจากไปหลังจากที่เธอจากไปแล้วโม่อี้เฟยจึงก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ซึ่งแสดงโปรแกรมบันทึกเสียง เวลาหยุดอยู่ที่ห้านาทีดวงตาของเขามืดลง กดปุ่มหยุดและเซฟคลิปเสียงไว้“คุณหนูหลี นานเลยนะ
แต่หลีเกอกลับส่ายหัวเบา ๆ น้ำเสียงหนักแน่นมา “ไม่ค่ะ ฉันต้องเอาของของฉันคืนมาเอง”เธอหันไปมองฮั่วซินในฝูงชนตอนนี้ฮั่วซินกำลังโด่งดัง พูดคุยกับคนใหญ่คนโตในวงการอย่างออกรสเธอเห็นหลีเกอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีเยาะเย้ย ราวกับท้าว่าคนอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้“คุณหนูฮั่ว อาจารย์โม่ให้มาเชิญคุณค่ะ”เจ้าหน้าที่ในงานเดินไปหาฮั่วซิน พูดอย่างสุภาพฮั่วซินพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”แล้วก็หมุนตัวเดินตามเจ้าหน้าที่ไปขณะนี้ อาจารย์โม่กำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ ร่วมวงการเกี่ยวกับผลงานของฮั่วซิน เมื่อเห็นว่าฮั่วซินมาแล้ว อาจารย์โม่จึงแนะนำว่า “ท่านประธานจู เพื่อนของผมสนใจงานออกแบบของคุณมาก อยากฟังแนวคิดการออกแบบและแรงบันดาลใจในการออกแบบจากคุณโดยตรง”“ค่ะ อาจารย์โม่” ฮั่วซินหันไปมองท่านประธานจูที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบของผลงานชิ้นนี้ ฉันหยิบยกผู้หญิงในสังคมปัจจุบันที่มีอิสระและความเข้มแข็งมากมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบค่ะ ฉันอยากออกแบบเสื้อผ้าที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่มีอิสรเสรี นั่นคือที่มาของต้นแบบผลงานชิ้นนี้ ผ่านการแก้ไขหลาย
“คุณบอกว่าผลงานออกแบบชิ้นนี้ไม่ใช่ของฉัน งั้นคุณก็เอาหลักฐานมาให้ฉันดูสิ! ถ้าคุณแสดงหลักฐานไม่ได้ ฉันจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท”ฮั่วซินมั่นใจว่าหลีเกอไม่มีหลักฐานอีกฝ่ายพูดจาไม่เกรงใจ หลีเกอกลับพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่มีหลักฐานในมือจริง ๆ”“เกินไปนะ ไม่มีหลักฐานยังกล้ากล่าวหาว่าคนอื่นลอกเลียนแบบ”"ใช่ นี่มันใส่ร้ายป้ายสีกันชัด ๆ""ไม่คิดว่าหลีเกอที่เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลีจะเป็นคนแบบนี้""คุณคงไม่รู้ล่ะสิ ฮั่วซินเคยเป็นน้องสะใภ้ของเธอมาก่อน อาจเป็นไปได้ว่าเธอทำแบบนี้ก็เพื่อแก้แค้นฮั่วซิน""โอ้โห้ น่ากลัวเกินไปแล้ว"ฮั่วซินเห็นว่าความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ต่างก็เข้าข้างตัวเอง ทำให้ยิ่งได้ใจสายตาของผู้คนเฉียบแหลม เธอมั่นใจมากว่าวันนี้จะทำให้หลีเกอที่มาด้วยรอยยิ้มต้องร้องไห้กลับไป"เหอะ ไม่มีหลักฐานก็ขอโทษฉันซะ ฉันอาจจะเมตตาปล่อยผ่านก็ได้"หลีเกอยิ้มหยัน"ขอโทษ? เธอสมควรได้รับเหรอ!"สีหน้าฮั่วซินเปลี่ยนไป "หลีเกอ เธอเป็นคนมาหาเรื่องเอง อย่าโทษฉันที่ไม่เกรงใจ"แต่หลีเกอกลับพูดว่า "ฉันไม่มีหลักฐานในมือ รวมถึงต้นฉบับของผลงานออกแบบชิ้นนี้ ก็เพราะตัวต้นฉบับโดนเธอขโมยไปไงล่ะ"
สีหน้าของฮั่วซินในขณะนี้ดูแย่มาก แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้"หลีเกอ เธอก็ดีแต่พูดพล่ามไปเรื่อยต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้เท่านั้นแหละ หลักฐานล่ะ! เอาหลักฐานมาให้ฉันสิ! ถ้าไม่มีหลักฐาน คิดว่าตัวเองจะพลิกขาวเป็นดำได้ด้วยคำพูดแค่สองสามคำเหรอ?"แม้ว่าฮั่วซินจะรู้สึกผิด แต่เธอก็ยังคงดื้อด้าน พูดพลางมองหาที่พึ่งในฝูงชนในที่สุดเธอก็เห็นฮั่วจินเฉิงราวกับคว้าเจอฟางเส้นสุดท้าย เธอรีบวิ่งไปหาฮั่วจินเฉิง"พี่ชาย! เมียเก่าพี่พยายามจะใส่ร้ายฉัน เธอยังแค้นใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่หายแน่ ๆ ถึงหาโอกาสแก้แค้นฉัน ต้องการทำลายอนาคตของฉันต่อหน้าทุกคน"ฮั่วจินเฉิงถูกฮั่วซินลากมาอยู่ตรงหน้าหลีเกอ สีหน้าของหลีเกอยังคงเฉยเมยไม่รู้ทำไม แต่เมื่อเห็นหลีเกอเป็นแบบนี้ แม้จะยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าเธออยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยลี้สถานการณ์มาถึงขั้นนี้ถ้าฮั่วซินถูกแฉว่าขโมยผลงานออกแบบ เธอจะหมดอนาคตในสายงานออกแบบไปโดยสิ้นเชิง การพยายามเล่าเรียนอย่างทุ่มเทหลายปีก็จะสูญเปล่า อนาคตต้องพังไม่เหลือชิ้นดีในฐานะพี่ชายของฮั่วซิน!ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เขาไม่สามารถปล่อยให้หลีเกอทำลายอนาคตฮั่วซินไ
เมื่อเผชิญกับเสียงกล่าวหาที่ดุดันของทุกคน ฮั่วซินก็อดไม่ได้ที่จะกอดอก ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นก็หันไปมองหลีเกอ"ทุกคนพูดถูกค่ะ คุณหลี หลักฐานสำคัญแบบนี้ต้องเอาออกมาโชว์ได้แล้ว ไม่งั้น... ฉันจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ" ฮั่วซินโบกโทรศัพท์ในมือ ทำท่าจะกดโทรออกจริง ๆฮั่วจิ้นเฉิงต้องการขัดขวางเธอ แต่ฮั่วซินไม่สนใจเลยโม่อี้เฟยที่ยืนอยู่ไม่ไกลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หวังจะเปิดคลิปเสียงที่บันทึกไว้ออกมา สายตาของเขาเหลือบไปทางหลีเกอในขณะเดียวกันหลีเกอยังคงสงบราวกับว่าทุกอย่างยังคงอยู่ในกำมือ "คุณฮั่วซิน คุณมั่นใจนักเหรอว่าฉันไม่มีหลักฐาน? แต่ก็แปลกดี พอดีฉันค่อนข้างติดนิสัยชอบเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องผลงานของฉัน"สีหน้าของ ฮั่วซินแข็งทื่อ"เธอพูดอะไร?"แต่หลีเกอไม่สนใจ เธอกลับหันไปทางทุกคน "ฉันมีหลักฐานค่ะ มันอยู่ในผลงานออกแบบชิ้นนี้"ทุกคนงุนงง"หมายความว่าไง ผลงานชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่""ใช่ อย่าอ้อมค้อมนักเลย เอาหลักฐานออกมาสิ พวกเราถึงจะรู้ความจริง""คุณหลี หรือคุณทิ้งลายน้ำไว้ในผลงานออกแบบ?"หลีเกอคลี่ยิ้มเล็กน้อย "ถูกต้องค่ะ ถ้าคุณฮ
"อาจารย์โม่ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณฟังฉันอธิบายก่อน ฉันแค่ตัดสินใจพลาดชั่ววูบถึงได้เผลอทำเรื่องแบบนี้ลงไป โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว"ฮั่วซินอ้อนวอนด้วยเสียงสะอื้นแต่ศาสตราจารย์โม่กลับไม่สะทกสะท้าน "คุณฮั่ว คุณหมดสิทธิ์สมัครสอบเรียนคลาสปริญญาโทของผม ถ้าสอบจริง คะแนนวิชาชีพอาจผ่าน แต่ในเรื่องจริยธรรม คุณสอบตก"อนาคตฮั่วซินจบเห่แล้วถูกศาสตราจารย์โม่ปฏิเสธซึ่งหน้า คนในวงการก็มีกันแค่นี้ ถ้าเธออยากทำงานสายดีไซน์เนอร์ต่อคงเป็นไปไม่ได้แล้วหลี่ซูฉินก็ตกใจไม่แพ้กันเธอรีบวิ่งเข้าไปแล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกอย่างมาก "อาจารย์โม่คะ ซินซินเธอยังเด็กเลยไม่ทันคิด ถึงพลาดทำเรื่องแบบนี้ลงไป โปรดให้โอกาสเธออีกสักครั้งเถอะค่ะ หลังจากนี้ฉันเชื่อว่าเธอต้องพยายามอย่างหนักและสุดความสามารถแน่นอน"แต่ประธานจูที่อยู่ข้าง ๆ กลับพูดว่า "แม้แต่ความประพฤติทางวิชาการยังไม่มีความซื่อสัตย์เลย ต่อให้เรียนได้เกรดดีแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ตัดใจเปลี่ยนสายอาชีพซะเถอะ""ไม่นะคะ! อาจารย์โม่ คนเราทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ซินซินยังเด็ก ผู้ใหญ่อย่างเราไม่ควรทำลายอนาคตของเธอเพราะเรื่องแค่นี้น