"จำคำที่พูดวันนี้ไว้ ถ้าเธอยังไปหาเรื่องรนหาที่ตายเอง ก็อย่าโทษใคร"ฮั่วซินรับปากซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะออกจากห้องทำงานไปหลังจากที่ฮั่วซินออกไปแล้ว ฮั่วจิ้นเฉิงก็มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชา ในระหว่างที่เหม่อลอย หลานหนีก็เดินเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว"ประธานฮั่วคะ"ฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมา "มีอะไร"หลานหนีรายงาน "เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันตรวจสอบพบว่ามีคนซื้อหุ้นของบริษัทเราไปจำนวนมาก ดูจากท่าทางแล้ว ไม่น่าจะมาดีค่ะ""แล้วเจอข้อมูลอะไรบ้าง""อีกฝ่ายกระทำการอย่างระมัดระวังมาก ไม่มีข่าวอะไรหลุดมาเลย แต่คนของเราเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ตราบใดที่อีกฝ่ายลงมืออีกครั้ง เราคงจะหาเบาะแสได้บ้างค่ะ""อืม อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้""ค่ะ ประธานฮั่ว"ทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันเสร็จ ฮั่วจิ้นเฉิงก็เปลี่ยนเรื่อง "เมื่อก่อนหลีเกอทำงานในบริษัทของเรา มีเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเป็นพิเศษไหม"หลานหนีมองฮั่วจิ้นเฉิงแล้วตอบว่า “คุณเลขาหลีทำงานอย่างจริงจัง รอบคอบ และมั่นคง เธอปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนอย่างยุติธรรมเท่ากัน ถ้าจะให้ระบุว่าเธอสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนไหนเป็นพิเศษ คงไม่มีค่ะ"ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกผิดห
"หลีเกอ ก่อนหน้านี้ผมผิดเอง ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกว่าคนที่หมั้นหมายกับผมก็คือคุณ ผมคงไม่ปฏิเสธ แต่ตอนนี้ยังไม่สาย คุณโสด ผมก็โสด ถ้าคุณเต็มใจ ผมก็พร้อมเป็นตัวเลือกของคุณได้ทุกเมื่อ"พูดจบ ฉีอวิ๋นเทียนก็เตรียมจะจากไปแต่หลีเกอกลับเรียกเขาไว้ "ฉีอวิ๋นเทียน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ คุณคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับฉัน"ฉีอวิ๋นเทียนกลับพูดว่า "ในหัวใจของผม คุณคือคนที่ดีที่สุด เทพธิดา อย่าด้อยค่าตัวเองเกินไปเลย การที่ผมชอบคุณเป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง ส่วนคุณจะเลือกผมไหม นั่นเป็นอิสระของคุณ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ผมก็ยอมรับได้"หลังจากโยนคำพูดทิ้งไว้ ฉีอวิ๋นเทียนก็ออกจากห้องทำงานไปแต่หลีเกอกลับใจลอยไปทั้งวันเพราะคำพูดของเขาสำหรับเธอ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฉีอวิ๋นเทียน เธอคิดกับเขาแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแต่ฉีอวิ๋นเทียนกลับดื้อรั้นเหมือนวัว ไม่หลังชนฝาไม่หันหลังกลับหลีเกอถอนหายใจ บังคับตัวเองไม่ให้คิดเรื่องนี้ จากนั้นก็เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เมื่อใกล้เลิกงาน สายของจ้าวเหิงก็โทรเข้ามา"แม่บุญธรรมคะ!"ผ่านหน้าจอ จ้าวเหิงรู้สึกได้ชัดเจนว่า
หลีเกอขมวดคิ้ว จับมือเธอตอบกลับอย่างสุภาพ "สวัสดีค่ะ ฉันหลีเกอ""ได้ยินท่านประธานฟู่พูดถึงคุณบ่อย ๆ บอกว่าคุณไม่เพียงแต่หน้าตาสวย ยังนิสัยดีด้วย วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้ว คุณหนูหลีไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ"หลินซืออี้พูดอย่างสวยหรูหลีเกอได้ยินก็แปลกใจ จากนั้นก็มองไปที่ฟู่ซิวเป่ย "ไม่คิดเลยนะคะว่าในสายตาคุณ ฉันจะมีข้อดีเยอะขนาดนี้ ซิวเป่ย…"ฟู่ซิวเป่ยกลับพูดด้วยความเอ็นดู "คุณดีเสมอสำหรับผม"ริมฝีปากหลีเกอยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่สวยงาม "เอาล่ะ ไปกันเถอะค่ะ! ฉันหิวแล้ว!""อืม" ฟู่ซิวเป่ยมองเธอ อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งสามคนลงไปที่ชั้นล่างด้วยกัน หลินซืออี้เดินไปถึงที่นั่งคนขับก่อน แล้วจึงก้าวขึ้นรถไป"คุณหลิน ช่วยไปส่งพวกเราที่ถนนลู่หูหมายเลข 1 ก็ได้นะ"หลินซืออี้ตอบรับด้วยรอยยิ้ม "ค่ะ ท่านประธานฟู่"รถค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ หลีเกอมองอาคารบ้านเรือนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงอดพูดไม่ได้ "สัญญาของเถิงอี้คราวก่อนน่าจะได้ผลตอบรับดีไม่น้อยเลยนะคะ อีกสองสามวันบริษัทของเราสองแห่งก็จะได้เซ็นสัญญาร่วมกันแล้ว"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าเบา ๆ "โปรเจ็กต์นี้เข้าท่าเลยล่ะ! แค่ช่วงแรกอาจจะเหนื่อ
"คนที่คู่ควรกับเขา ก็ต้องเป็นคนที่เก่งไม่แพ้กัน"หลีเกอเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ!แต่ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของคนที่ดำรงตำแหน่งเลขาฯ "คุณหลินทำงานได้ดีมากเลย ถึงขนาดเอาใจใส่ชีวิตส่วนตัวของเจ้านายแบบนี้ แต่คุณหลินคะ ฉันต้องเตือนคุณสักหน่อย ว่าคุณดูจะยุ่งเกินไปหน่อยแล้ว ว่าไหม?"หลินซืออี้ไม่คิดว่าหลีเกอจะพูดไม่เกรงใจขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว "คุณหนูหลี ฉันก็แค่เป็นห่วงท่านประธานฟู่เท่านั้นเอง เพราะว่าถ้าคุณหนูหลีกับท่านประธานฟู่ได้คบกันจริง ๆ ขึ้นมาล่ะก็ คงจะมีเสียงนินทาไม่ดีหนาหูแน่ คุณหนูหลีอาจจะไม่สนใจ แต่ประธานฟู่ล่ะคะ? คุณคิดว่าเขาไม่สนใจเหมือนกันเหรอ?"เสียงเพิ่งจะจบลง ฟู่ซิวเป่ยก็ซื้อขนมกลับมาแล้วเขาเปิดประตูรถ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศภายในรถตึงเครียด จึงหันไปถามหลีเกอด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไป?"ต้องบอกว่าคำพูดของหลินซืออี้ทำให้หัวใจหลีเกอหล่นวูบไปเหมือนกันถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะสนับสนุนให้เธอคบกับฟู่ซิวเป่ย แต่ต้องยอมรับว่าเธอละเลยความคิดของฟู่ซิวเป่ยไปจริง ๆ เปลวไฟที่เพิ่งจะลุกโชนในใจของเธอมอดดับลงทันทีเธอส่ายหน้าใ
ในพริบตาเดียว จ้าวเหิงก็คิดแผนในใจแต่หลินซืออี้ไม่รู้เรื่อง จึงรีบพูดว่า “คุณฟู่สั่งให้ฉันพาทุกคนมาที่นี่ค่ะ”จ้าวเหิงอุทาน “อ้อ” แล้วมองฟู่ซิวเป่ยด้วยสายตาอาฆาต ฟู่ซิวเป่ยลูบจมูกอย่างไม่เข้าใจ แต่จ้าวเหิงกลับสั่งให้เธอออกไปตรง ๆ“ถ้าอย่างนั้นงานของเลขาหลินก็เสร็จแล้วล่ะ วันนี้ลูกสาวฉันมาเยี่ยม ฉันคงไม่ให้เธอมาทานข้าวด้วย ไว้ค่อยเชิญมาที่บ้านคราวหน้านะ”หลินซืออี้ฟังแล้วพยักหน้าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว “ได้ค่ะ คุณหญิงฟู่! งั้นฉันกลับก่อนนะคะ”หลินซืออี้พูดจบก็หันไปมองฟู่ซิวเป่ย “คุณฟู่ ฉันกลับก่อนนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยร้องอืม แล้วพยักหน้าหลินซืออี้กัดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้ยังหาเหตุผลที่จะอยู่ต่อไม่ได้หลังจากที่เธอจากไป จ้าวเหิงจึงดึงหลีเกอมา “เสี่ยวเกอ อย่ากังวลไปนะ! ผู้ชายคนนี้จะไม่จ้างเลขาหญิงอีกแล้ว ทำตัวใสซื่ออะไรกัน จอมปลอมสิ้นดี”พูดจบ ยังไม่ลืมจ้องเขม็งไปทางฟู่ซิวเป่ย “รีบย้ายเธอออกไปจากตำแหน่งปัจจุบันซะ ไม่งั้นแม่จะทำให้เธออยู่ไม่ได้เอง!”ฟู่ซิวเป่ยไม่มีข้อโต้แย้ง คำสั่งของแม่ถือเป็นที่สุด!หลีเกอไม่คิดว่าจ้าวเหิงจะพูดตรงไปต
ฟู่ซิวเป่ยเข้าใจความหมายของจ้าวเหิงในทันที แต่เขารู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นว่าหลีเกอรักษาระยะห่างจากเขาเท่าที่สังเกตมา เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล!“ว่าแต่ลูกสาว ฉันรู้ว่าเธอสนใจด้านการออกแบบมาก โม่สิงจือ อาจารย์ภาควิชาออกแบบแฟชั่นของมหาวิทยาลัยปินเฉิงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของฉันเอง อีกสองวันเขาจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบในเมืองปินเฉิง ฉันมีบัตรเชิญอยู่ เธอกับซิ่วเป่ยช่วยไปแทนฉันหน่อยได้ไหม”ริมฝีปากของหลีเกอเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่มุมปาก เธอสนใจมาก“ได้สิคะ! มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”จ้าวเหิงยินดีในใจ สายตาหันไปทางฟู่ซิวเป่ย ผู้ซึ่งเข้าใจและรู้ว่าจ้าวเหิงกำลังสร้างโอกาสให้เขาและหลีเกอ“อืม เราจะไปด้วยกันครับ”จ้าวเหิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ดีมาก พวกลูกสองคนไปเป็นเพื่อนกัน แม่ก็สบายใจแล้ว แต่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ แม่ต้องเตือนให้ชัดเจน ว่าอย่าลืมดูแลลูกสาวของแม่ให้ดีล่ะ”“แม่บุญธรรมคะ วางใจได้เลย พี่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายอบอุ่นขนาดนี้ จะต้องดูแลฉันอย่างดีแน่นอนค่ะ”หลีเกอช่วยพูดแก้ต่างกับจ้าวเหิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูเข้าขากันดี รอยยิ้มบนใบหน้าก็แทบหุบไม่อยู่…โม
แต่หลี่ซูฉินไม่ได้คิดอะไรกับหลีเกอ “เอาน่า อย่าคิดมาก อย่าลืมคำที่แม่พูด วางตัวให้ดีตอนอยู่ต่อหน้าศาสตราจารย์โม่”หลีเกอมาพร้อมกับฟู่ซิวเป่ยเมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้น หนุ่มสาวรูปงามก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนแปลกหน้าอย่างฟู่ซิวเป่ย แต่สำหรับหลีเกอที่เป็นข่าวลือหนาหู พวกเขาได้ติดตามเรื่องราวมาไม่น้อยเลยทีเดียว“คุณหนูหลีตอนนี้หย่าร้างแล้ว แต่กลับใช้ชีวิตอย่างสง่างาม แฟนหนุ่มคนใหม่ดูไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับฮั่วจิ้นเฉิงแล้วก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน”“พวกคุณพูดถูก! ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่อยู่ในแวดวงของเราเลย เป็นลูกชายตระกูลไหนกันนะ?”“...คุณรู้จักเอฟแอลกรุ๊ปไหม บริษัทนายทุนข้ามชาติรายใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นไงล่ะ” ยังมีคนจำฟู่ซิวเป่ยได้ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ “ผู้ชายคนนั้นคือประธานของเอฟแอลกรุ๊ป!”ผู้คนต่างอุทานด้วยความตกใจ!“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาคบกับคุณหนูตระกูลหลี ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ”“อิจฉา อิจฉาจัง คุณหนูตระกูลหลีช่างโชคดีจริง ๆ นอกจากจะเกิดมาชาติตระกูลดีแล้ว หน้าตายังสะสวย แถมยังเก่งอีกต่างหาก! ตอนนี้ธุรกิจของบริษัทตี้เซิ่งอยู่ภายใต้
“แม่เดินวนจนทั่วแล้ว แต่ก็หาผลงานของลูกไม่เจอ แน่ใจเหรอว่าส่งผลงานให้ศาสตราจารย์โม่แล้ว?”ฮั่วซินรีบตั้งสติ “อ้อ หนูส่งแล้วจริง ๆ ค่ะ อาจจะอยู่อีกฝั่ง เดี๋ยวหนูพาไป”แม่ลูกคู่นั้นเดินไปยังอีกฝั่งของนิทรรศการจัดแสดงผลงานด้านนี้ หลีเกอถูกผู้คนล้อมรอบ แต่เธอกลับดูสงบมากหลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวคำทักทายกับทุกคน จากนั้นก็หาโซฟาตัวหนึ่งเพื่อนั่งพักฟู่ซิวเป่ยถือแก้วแชมเปญมาให้เธอ “เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?”หลีเกอพยักหน้า “โอเคอยู่ค่ะ”ฟู่ซิวเป่ยพูดต่อ “ผมเพิ่งเดินดูมาเมื่อกี้ ผลงานของศาสตราจารย์โม่เองมีน้อยมากในนิทรรศการวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลงานของนักศึกษาที่เขาสอน ได้ยินมาว่าศาสตราจารย์โม่จะเกษียณแล้ว ตั้งใจจะรับศิษย์สายตรงสักคน คิดว่าอาจารย์อาจจะใช้โอกาสนี้ในการดูความสามารถของนักศึกษา”“…อย่างนั้นเหรอคะ งั้นเราไปดูกันดีกว่า”ทั้งคู่เดินชมผลงานที่จัดแสดงตามทางเดิน หลีเกออดชื่นชมไม่ได้“ผลงานหลายชิ้นดีจริง ๆ ทั้งการออกแบบและแนวคิดล้วนแปลกใหม่ ฉันคิดว่าพวกเขาคงใช้ความพยายามอย่างมาก”หลีเกอพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ฟู่ซิวเป่ยมองตามสายตาของเธอ แล้วพยักหน้าเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ