"หลีเกอ ก่อนหน้านี้ผมผิดเอง ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกว่าคนที่หมั้นหมายกับผมก็คือคุณ ผมคงไม่ปฏิเสธ แต่ตอนนี้ยังไม่สาย คุณโสด ผมก็โสด ถ้าคุณเต็มใจ ผมก็พร้อมเป็นตัวเลือกของคุณได้ทุกเมื่อ"พูดจบ ฉีอวิ๋นเทียนก็เตรียมจะจากไปแต่หลีเกอกลับเรียกเขาไว้ "ฉีอวิ๋นเทียน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ คุณคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับฉัน"ฉีอวิ๋นเทียนกลับพูดว่า "ในหัวใจของผม คุณคือคนที่ดีที่สุด เทพธิดา อย่าด้อยค่าตัวเองเกินไปเลย การที่ผมชอบคุณเป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง ส่วนคุณจะเลือกผมไหม นั่นเป็นอิสระของคุณ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ผมก็ยอมรับได้"หลังจากโยนคำพูดทิ้งไว้ ฉีอวิ๋นเทียนก็ออกจากห้องทำงานไปแต่หลีเกอกลับใจลอยไปทั้งวันเพราะคำพูดของเขาสำหรับเธอ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฉีอวิ๋นเทียน เธอคิดกับเขาแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแต่ฉีอวิ๋นเทียนกลับดื้อรั้นเหมือนวัว ไม่หลังชนฝาไม่หันหลังกลับหลีเกอถอนหายใจ บังคับตัวเองไม่ให้คิดเรื่องนี้ จากนั้นก็เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เมื่อใกล้เลิกงาน สายของจ้าวเหิงก็โทรเข้ามา"แม่บุญธรรมคะ!"ผ่านหน้าจอ จ้าวเหิงรู้สึกได้ชัดเจนว่า
หลีเกอขมวดคิ้ว จับมือเธอตอบกลับอย่างสุภาพ "สวัสดีค่ะ ฉันหลีเกอ""ได้ยินท่านประธานฟู่พูดถึงคุณบ่อย ๆ บอกว่าคุณไม่เพียงแต่หน้าตาสวย ยังนิสัยดีด้วย วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้ว คุณหนูหลีไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ"หลินซืออี้พูดอย่างสวยหรูหลีเกอได้ยินก็แปลกใจ จากนั้นก็มองไปที่ฟู่ซิวเป่ย "ไม่คิดเลยนะคะว่าในสายตาคุณ ฉันจะมีข้อดีเยอะขนาดนี้ ซิวเป่ย…"ฟู่ซิวเป่ยกลับพูดด้วยความเอ็นดู "คุณดีเสมอสำหรับผม"ริมฝีปากหลีเกอยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่สวยงาม "เอาล่ะ ไปกันเถอะค่ะ! ฉันหิวแล้ว!""อืม" ฟู่ซิวเป่ยมองเธอ อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งสามคนลงไปที่ชั้นล่างด้วยกัน หลินซืออี้เดินไปถึงที่นั่งคนขับก่อน แล้วจึงก้าวขึ้นรถไป"คุณหลิน ช่วยไปส่งพวกเราที่ถนนลู่หูหมายเลข 1 ก็ได้นะ"หลินซืออี้ตอบรับด้วยรอยยิ้ม "ค่ะ ท่านประธานฟู่"รถค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ หลีเกอมองอาคารบ้านเรือนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงอดพูดไม่ได้ "สัญญาของเถิงอี้คราวก่อนน่าจะได้ผลตอบรับดีไม่น้อยเลยนะคะ อีกสองสามวันบริษัทของเราสองแห่งก็จะได้เซ็นสัญญาร่วมกันแล้ว"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าเบา ๆ "โปรเจ็กต์นี้เข้าท่าเลยล่ะ! แค่ช่วงแรกอาจจะเหนื่อ
"คนที่คู่ควรกับเขา ก็ต้องเป็นคนที่เก่งไม่แพ้กัน"หลีเกอเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ!แต่ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของคนที่ดำรงตำแหน่งเลขาฯ "คุณหลินทำงานได้ดีมากเลย ถึงขนาดเอาใจใส่ชีวิตส่วนตัวของเจ้านายแบบนี้ แต่คุณหลินคะ ฉันต้องเตือนคุณสักหน่อย ว่าคุณดูจะยุ่งเกินไปหน่อยแล้ว ว่าไหม?"หลินซืออี้ไม่คิดว่าหลีเกอจะพูดไม่เกรงใจขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว "คุณหนูหลี ฉันก็แค่เป็นห่วงท่านประธานฟู่เท่านั้นเอง เพราะว่าถ้าคุณหนูหลีกับท่านประธานฟู่ได้คบกันจริง ๆ ขึ้นมาล่ะก็ คงจะมีเสียงนินทาไม่ดีหนาหูแน่ คุณหนูหลีอาจจะไม่สนใจ แต่ประธานฟู่ล่ะคะ? คุณคิดว่าเขาไม่สนใจเหมือนกันเหรอ?"เสียงเพิ่งจะจบลง ฟู่ซิวเป่ยก็ซื้อขนมกลับมาแล้วเขาเปิดประตูรถ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศภายในรถตึงเครียด จึงหันไปถามหลีเกอด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไป?"ต้องบอกว่าคำพูดของหลินซืออี้ทำให้หัวใจหลีเกอหล่นวูบไปเหมือนกันถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะสนับสนุนให้เธอคบกับฟู่ซิวเป่ย แต่ต้องยอมรับว่าเธอละเลยความคิดของฟู่ซิวเป่ยไปจริง ๆ เปลวไฟที่เพิ่งจะลุกโชนในใจของเธอมอดดับลงทันทีเธอส่ายหน้าใ
ในพริบตาเดียว จ้าวเหิงก็คิดแผนในใจแต่หลินซืออี้ไม่รู้เรื่อง จึงรีบพูดว่า “คุณฟู่สั่งให้ฉันพาทุกคนมาที่นี่ค่ะ”จ้าวเหิงอุทาน “อ้อ” แล้วมองฟู่ซิวเป่ยด้วยสายตาอาฆาต ฟู่ซิวเป่ยลูบจมูกอย่างไม่เข้าใจ แต่จ้าวเหิงกลับสั่งให้เธอออกไปตรง ๆ“ถ้าอย่างนั้นงานของเลขาหลินก็เสร็จแล้วล่ะ วันนี้ลูกสาวฉันมาเยี่ยม ฉันคงไม่ให้เธอมาทานข้าวด้วย ไว้ค่อยเชิญมาที่บ้านคราวหน้านะ”หลินซืออี้ฟังแล้วพยักหน้าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว “ได้ค่ะ คุณหญิงฟู่! งั้นฉันกลับก่อนนะคะ”หลินซืออี้พูดจบก็หันไปมองฟู่ซิวเป่ย “คุณฟู่ ฉันกลับก่อนนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยร้องอืม แล้วพยักหน้าหลินซืออี้กัดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้ยังหาเหตุผลที่จะอยู่ต่อไม่ได้หลังจากที่เธอจากไป จ้าวเหิงจึงดึงหลีเกอมา “เสี่ยวเกอ อย่ากังวลไปนะ! ผู้ชายคนนี้จะไม่จ้างเลขาหญิงอีกแล้ว ทำตัวใสซื่ออะไรกัน จอมปลอมสิ้นดี”พูดจบ ยังไม่ลืมจ้องเขม็งไปทางฟู่ซิวเป่ย “รีบย้ายเธอออกไปจากตำแหน่งปัจจุบันซะ ไม่งั้นแม่จะทำให้เธออยู่ไม่ได้เอง!”ฟู่ซิวเป่ยไม่มีข้อโต้แย้ง คำสั่งของแม่ถือเป็นที่สุด!หลีเกอไม่คิดว่าจ้าวเหิงจะพูดตรงไปต
ฟู่ซิวเป่ยเข้าใจความหมายของจ้าวเหิงในทันที แต่เขารู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นว่าหลีเกอรักษาระยะห่างจากเขาเท่าที่สังเกตมา เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล!“ว่าแต่ลูกสาว ฉันรู้ว่าเธอสนใจด้านการออกแบบมาก โม่สิงจือ อาจารย์ภาควิชาออกแบบแฟชั่นของมหาวิทยาลัยปินเฉิงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของฉันเอง อีกสองวันเขาจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบในเมืองปินเฉิง ฉันมีบัตรเชิญอยู่ เธอกับซิ่วเป่ยช่วยไปแทนฉันหน่อยได้ไหม”ริมฝีปากของหลีเกอเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่มุมปาก เธอสนใจมาก“ได้สิคะ! มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”จ้าวเหิงยินดีในใจ สายตาหันไปทางฟู่ซิวเป่ย ผู้ซึ่งเข้าใจและรู้ว่าจ้าวเหิงกำลังสร้างโอกาสให้เขาและหลีเกอ“อืม เราจะไปด้วยกันครับ”จ้าวเหิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ดีมาก พวกลูกสองคนไปเป็นเพื่อนกัน แม่ก็สบายใจแล้ว แต่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ แม่ต้องเตือนให้ชัดเจน ว่าอย่าลืมดูแลลูกสาวของแม่ให้ดีล่ะ”“แม่บุญธรรมคะ วางใจได้เลย พี่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายอบอุ่นขนาดนี้ จะต้องดูแลฉันอย่างดีแน่นอนค่ะ”หลีเกอช่วยพูดแก้ต่างกับจ้าวเหิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูเข้าขากันดี รอยยิ้มบนใบหน้าก็แทบหุบไม่อยู่…โม
แต่หลี่ซูฉินไม่ได้คิดอะไรกับหลีเกอ “เอาน่า อย่าคิดมาก อย่าลืมคำที่แม่พูด วางตัวให้ดีตอนอยู่ต่อหน้าศาสตราจารย์โม่”หลีเกอมาพร้อมกับฟู่ซิวเป่ยเมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้น หนุ่มสาวรูปงามก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนแปลกหน้าอย่างฟู่ซิวเป่ย แต่สำหรับหลีเกอที่เป็นข่าวลือหนาหู พวกเขาได้ติดตามเรื่องราวมาไม่น้อยเลยทีเดียว“คุณหนูหลีตอนนี้หย่าร้างแล้ว แต่กลับใช้ชีวิตอย่างสง่างาม แฟนหนุ่มคนใหม่ดูไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับฮั่วจิ้นเฉิงแล้วก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน”“พวกคุณพูดถูก! ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่อยู่ในแวดวงของเราเลย เป็นลูกชายตระกูลไหนกันนะ?”“...คุณรู้จักเอฟแอลกรุ๊ปไหม บริษัทนายทุนข้ามชาติรายใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นไงล่ะ” ยังมีคนจำฟู่ซิวเป่ยได้ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ “ผู้ชายคนนั้นคือประธานของเอฟแอลกรุ๊ป!”ผู้คนต่างอุทานด้วยความตกใจ!“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาคบกับคุณหนูตระกูลหลี ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ”“อิจฉา อิจฉาจัง คุณหนูตระกูลหลีช่างโชคดีจริง ๆ นอกจากจะเกิดมาชาติตระกูลดีแล้ว หน้าตายังสะสวย แถมยังเก่งอีกต่างหาก! ตอนนี้ธุรกิจของบริษัทตี้เซิ่งอยู่ภายใต้
“แม่เดินวนจนทั่วแล้ว แต่ก็หาผลงานของลูกไม่เจอ แน่ใจเหรอว่าส่งผลงานให้ศาสตราจารย์โม่แล้ว?”ฮั่วซินรีบตั้งสติ “อ้อ หนูส่งแล้วจริง ๆ ค่ะ อาจจะอยู่อีกฝั่ง เดี๋ยวหนูพาไป”แม่ลูกคู่นั้นเดินไปยังอีกฝั่งของนิทรรศการจัดแสดงผลงานด้านนี้ หลีเกอถูกผู้คนล้อมรอบ แต่เธอกลับดูสงบมากหลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวคำทักทายกับทุกคน จากนั้นก็หาโซฟาตัวหนึ่งเพื่อนั่งพักฟู่ซิวเป่ยถือแก้วแชมเปญมาให้เธอ “เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?”หลีเกอพยักหน้า “โอเคอยู่ค่ะ”ฟู่ซิวเป่ยพูดต่อ “ผมเพิ่งเดินดูมาเมื่อกี้ ผลงานของศาสตราจารย์โม่เองมีน้อยมากในนิทรรศการวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลงานของนักศึกษาที่เขาสอน ได้ยินมาว่าศาสตราจารย์โม่จะเกษียณแล้ว ตั้งใจจะรับศิษย์สายตรงสักคน คิดว่าอาจารย์อาจจะใช้โอกาสนี้ในการดูความสามารถของนักศึกษา”“…อย่างนั้นเหรอคะ งั้นเราไปดูกันดีกว่า”ทั้งคู่เดินชมผลงานที่จัดแสดงตามทางเดิน หลีเกออดชื่นชมไม่ได้“ผลงานหลายชิ้นดีจริง ๆ ทั้งการออกแบบและแนวคิดล้วนแปลกใหม่ ฉันคิดว่าพวกเขาคงใช้ความพยายามอย่างมาก”หลีเกอพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ฟู่ซิวเป่ยมองตามสายตาของเธอ แล้วพยักหน้าเ
“คุณหนูฮั่ว ผลงานชิ้นนี้โดดเด่นมาก คงจะมีแรงบันดาลใจในการออกแบบที่แปลกใหม่ คุณพอจะแบ่งปันให้เราฟังได้ไหมคะ?”มีคนอดไม่ได้ที่จะถามฮั่วซินยิ้มแย้ม ท่าทางสง่างาม พูดจาคล่องแคล่ว“ที่จริงแล้วผลงานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากโชว์ที่ฉันไปชมในฝรั่งเศสค่ะ มันบ่งบอกถึงความเป็นอิสระ และความสวยงามฉลาดล้ำของผู้หญิง ดังนั้นฉันจึงเลือกใช้เฉดสีที่ฉูดฉาด เพื่อแสดงให้เห็นถึงสีสันของความเป็นผู้หญิง ในส่วนของการตัดเย็บก็มีการใส่ใจในรายละเอียด คุณสามารถดูการออกแบบที่ปลายแขนและปกเสื้อได้นะคะ…”หลังจากฮั่วซินพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็มองมาด้วยสายตาชื่นชม“ว้าว คุณหนูฮั่วมีความเข้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ด้านการออกแบบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอออกแบบผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณหนูฮั่วมีแผนจะเซ็นสัญญากับสตูดิโอหรือเปล่า แต่สตูดิโอของเรากำลังต้องการนักออกแบบที่มีฝีมือเก่งกาจอย่างคุณหนูฮั่วอยู่พอดี”“บริษัทของเราก็ทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าเหมือนกัน นักออกแบบที่เก่งกาจอย่างคุณหนูฮั่ว ถ้าเรียนจบแล้วต้องเก็บบริษัทของเราไว้พิจารณานะครับ”พูดจบก็ไม่ลืมที่จะยื่นนามบัตรให้ฮั่วซินฮั่วซินรับมาด้วยรอยยิ้ม กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ