ฮั่วซินยื่นมือออกไปเพื่อจะตบกลับคืน แต่ฉีอวิ๋นเทียนกลับคว้าแขนเธอไว้ "ลองแตะต้องเธอสิ!"ฮั่วซินดิ้นรน แต่ก็ดิ้นไม่หลุด "หลีเกอ บอกให้เขาปล่อยฉันนะ"หลีเกอไม่สะทกสะท้าน มองดูเธอที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เหล่าคุณหนูเศรษฐีที่อยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ก็มองหน้ากันไปมา สายตาที่มองฮั่วซินนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ พวกเธอไม่ชอบฮั่วซินที่พยายามเสนอหน้าเข้ามาในกลุ่มของพวกเธออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่"คุณหนูฮั่ว เธอทำกับไอดอลของฉันแบบนี้ได้ยังไง ต่อจากนี้ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกนะ""นั่นไอดอลฉันนะ คิดอยากจะว่าร้ายยังไงก็ได้งั้นเหรอ ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลยว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน!”"ได้ยินมาว่าเธอมีชื่อเสียงไม่ดี คิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง""...."เหล่าคุณหนูเศรษฐีต่างก็พูดจาถากถางฮั่วซิน แสดงออกชัดเจนว่าพวกเธอจะไม่คบกับเธออีกแล้วฮั่วซินโกรธจนหน้าเขียว “พวกเธอ! พวกเธอทุกคน ตอนที่ฉันซื้อของขวัญให้ทำไมพวกเธอไม่ปากดีแบบนี้ ตอนนี้กลับจะหันหลังให้ฉันเพราะมันเนี่ยนะ!""ฮ่า ฮ่า กล้าพูดว่าซื้อให้พวกฉัน! ของไร้ค่าทั้งนั้น ฉันโยนให้แม่บ้านไปหมดแล้ว""นั่นส
เมื่อปลายสายได้ยินข่าวที่สามารถทำให้คนเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที "ไม่ทราบว่าเป็นดาราคนไหนคะ ฉันจะได้เตรียมตัว"ฮั่วซินพูดช้า ๆ ว่า "หลีเกอ! หลีเกอจากบริษัทตี้เซิ่ง ฉันมีหลักฐานว่าเธอเดทกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”เมื่อปลายสายได้ยินดังนั้น บรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันทีไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงหัวเราะเยาะเย้ยควรรู้ว่าในเมืองปินเฉิงแห่งนี้ มีคนสั่งไว้แล้วว่าห้ามสื่อสำนักไหนเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของหลีเกอโดยเด็ดขาด"โอ้ หลักฐานอะไรเหรอคะ"ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงไม่สนใจ แต่ฮั่วซินกลับไม่รู้สึกรู้สาเธอคิดว่าครั้งนี้ตัวเองต้องทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของหลีเกอให้ได้"ฉันจะส่งรูปไปให้ในอีเมลของคุณ ต้องเผยแพร่ข่าวนี้ให้ได้นะ""ค่ะ"ปลายสายตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ฮั่วซินจึงกดส่งรูปออกไปด้วยความตื่นเต้นคิดว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นเรื่องตลกของหลีเกอ แต่ไม่คาดคิดว่าเธอรอมาเป็นสัปดาห์แล้ว หน้าข่าวบันเทิงก็ไม่มีข่าวใดที่เกี่ยวข้องกับหลีเกอเลยแม้แต่บรรณาธิการของนิตยสารก็ยังไม่รับสาย"ฮึ่ม หลีเกอ เธอมีอิทธิพลมากขนาดนี้เลยเหรอ?" ฮั่วซินโกรธมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้เธอคิดในใจว่าเมื่อการแฉ
"จำคำที่พูดวันนี้ไว้ ถ้าเธอยังไปหาเรื่องรนหาที่ตายเอง ก็อย่าโทษใคร"ฮั่วซินรับปากซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะออกจากห้องทำงานไปหลังจากที่ฮั่วซินออกไปแล้ว ฮั่วจิ้นเฉิงก็มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชา ในระหว่างที่เหม่อลอย หลานหนีก็เดินเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว"ประธานฮั่วคะ"ฮั่วจิ้นเฉิงหันกลับมา "มีอะไร"หลานหนีรายงาน "เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันตรวจสอบพบว่ามีคนซื้อหุ้นของบริษัทเราไปจำนวนมาก ดูจากท่าทางแล้ว ไม่น่าจะมาดีค่ะ""แล้วเจอข้อมูลอะไรบ้าง""อีกฝ่ายกระทำการอย่างระมัดระวังมาก ไม่มีข่าวอะไรหลุดมาเลย แต่คนของเราเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ตราบใดที่อีกฝ่ายลงมืออีกครั้ง เราคงจะหาเบาะแสได้บ้างค่ะ""อืม อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้""ค่ะ ประธานฮั่ว"ทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันเสร็จ ฮั่วจิ้นเฉิงก็เปลี่ยนเรื่อง "เมื่อก่อนหลีเกอทำงานในบริษัทของเรา มีเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเป็นพิเศษไหม"หลานหนีมองฮั่วจิ้นเฉิงแล้วตอบว่า “คุณเลขาหลีทำงานอย่างจริงจัง รอบคอบ และมั่นคง เธอปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนอย่างยุติธรรมเท่ากัน ถ้าจะให้ระบุว่าเธอสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนไหนเป็นพิเศษ คงไม่มีค่ะ"ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกผิดห
"หลีเกอ ก่อนหน้านี้ผมผิดเอง ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกว่าคนที่หมั้นหมายกับผมก็คือคุณ ผมคงไม่ปฏิเสธ แต่ตอนนี้ยังไม่สาย คุณโสด ผมก็โสด ถ้าคุณเต็มใจ ผมก็พร้อมเป็นตัวเลือกของคุณได้ทุกเมื่อ"พูดจบ ฉีอวิ๋นเทียนก็เตรียมจะจากไปแต่หลีเกอกลับเรียกเขาไว้ "ฉีอวิ๋นเทียน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ คุณคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับฉัน"ฉีอวิ๋นเทียนกลับพูดว่า "ในหัวใจของผม คุณคือคนที่ดีที่สุด เทพธิดา อย่าด้อยค่าตัวเองเกินไปเลย การที่ผมชอบคุณเป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง ส่วนคุณจะเลือกผมไหม นั่นเป็นอิสระของคุณ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ผมก็ยอมรับได้"หลังจากโยนคำพูดทิ้งไว้ ฉีอวิ๋นเทียนก็ออกจากห้องทำงานไปแต่หลีเกอกลับใจลอยไปทั้งวันเพราะคำพูดของเขาสำหรับเธอ ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฉีอวิ๋นเทียน เธอคิดกับเขาแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแต่ฉีอวิ๋นเทียนกลับดื้อรั้นเหมือนวัว ไม่หลังชนฝาไม่หันหลังกลับหลีเกอถอนหายใจ บังคับตัวเองไม่ให้คิดเรื่องนี้ จากนั้นก็เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เมื่อใกล้เลิกงาน สายของจ้าวเหิงก็โทรเข้ามา"แม่บุญธรรมคะ!"ผ่านหน้าจอ จ้าวเหิงรู้สึกได้ชัดเจนว่า
หลีเกอขมวดคิ้ว จับมือเธอตอบกลับอย่างสุภาพ "สวัสดีค่ะ ฉันหลีเกอ""ได้ยินท่านประธานฟู่พูดถึงคุณบ่อย ๆ บอกว่าคุณไม่เพียงแต่หน้าตาสวย ยังนิสัยดีด้วย วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้ว คุณหนูหลีไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ"หลินซืออี้พูดอย่างสวยหรูหลีเกอได้ยินก็แปลกใจ จากนั้นก็มองไปที่ฟู่ซิวเป่ย "ไม่คิดเลยนะคะว่าในสายตาคุณ ฉันจะมีข้อดีเยอะขนาดนี้ ซิวเป่ย…"ฟู่ซิวเป่ยกลับพูดด้วยความเอ็นดู "คุณดีเสมอสำหรับผม"ริมฝีปากหลีเกอยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่สวยงาม "เอาล่ะ ไปกันเถอะค่ะ! ฉันหิวแล้ว!""อืม" ฟู่ซิวเป่ยมองเธอ อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งสามคนลงไปที่ชั้นล่างด้วยกัน หลินซืออี้เดินไปถึงที่นั่งคนขับก่อน แล้วจึงก้าวขึ้นรถไป"คุณหลิน ช่วยไปส่งพวกเราที่ถนนลู่หูหมายเลข 1 ก็ได้นะ"หลินซืออี้ตอบรับด้วยรอยยิ้ม "ค่ะ ท่านประธานฟู่"รถค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ หลีเกอมองอาคารบ้านเรือนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงอดพูดไม่ได้ "สัญญาของเถิงอี้คราวก่อนน่าจะได้ผลตอบรับดีไม่น้อยเลยนะคะ อีกสองสามวันบริษัทของเราสองแห่งก็จะได้เซ็นสัญญาร่วมกันแล้ว"ฟู่ซิวเป่ยพยักหน้าเบา ๆ "โปรเจ็กต์นี้เข้าท่าเลยล่ะ! แค่ช่วงแรกอาจจะเหนื่อ
"คนที่คู่ควรกับเขา ก็ต้องเป็นคนที่เก่งไม่แพ้กัน"หลีเกอเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ!แต่ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของคนที่ดำรงตำแหน่งเลขาฯ "คุณหลินทำงานได้ดีมากเลย ถึงขนาดเอาใจใส่ชีวิตส่วนตัวของเจ้านายแบบนี้ แต่คุณหลินคะ ฉันต้องเตือนคุณสักหน่อย ว่าคุณดูจะยุ่งเกินไปหน่อยแล้ว ว่าไหม?"หลินซืออี้ไม่คิดว่าหลีเกอจะพูดไม่เกรงใจขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว "คุณหนูหลี ฉันก็แค่เป็นห่วงท่านประธานฟู่เท่านั้นเอง เพราะว่าถ้าคุณหนูหลีกับท่านประธานฟู่ได้คบกันจริง ๆ ขึ้นมาล่ะก็ คงจะมีเสียงนินทาไม่ดีหนาหูแน่ คุณหนูหลีอาจจะไม่สนใจ แต่ประธานฟู่ล่ะคะ? คุณคิดว่าเขาไม่สนใจเหมือนกันเหรอ?"เสียงเพิ่งจะจบลง ฟู่ซิวเป่ยก็ซื้อขนมกลับมาแล้วเขาเปิดประตูรถ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศภายในรถตึงเครียด จึงหันไปถามหลีเกอด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไป?"ต้องบอกว่าคำพูดของหลินซืออี้ทำให้หัวใจหลีเกอหล่นวูบไปเหมือนกันถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะสนับสนุนให้เธอคบกับฟู่ซิวเป่ย แต่ต้องยอมรับว่าเธอละเลยความคิดของฟู่ซิวเป่ยไปจริง ๆ เปลวไฟที่เพิ่งจะลุกโชนในใจของเธอมอดดับลงทันทีเธอส่ายหน้าใ
ในพริบตาเดียว จ้าวเหิงก็คิดแผนในใจแต่หลินซืออี้ไม่รู้เรื่อง จึงรีบพูดว่า “คุณฟู่สั่งให้ฉันพาทุกคนมาที่นี่ค่ะ”จ้าวเหิงอุทาน “อ้อ” แล้วมองฟู่ซิวเป่ยด้วยสายตาอาฆาต ฟู่ซิวเป่ยลูบจมูกอย่างไม่เข้าใจ แต่จ้าวเหิงกลับสั่งให้เธอออกไปตรง ๆ“ถ้าอย่างนั้นงานของเลขาหลินก็เสร็จแล้วล่ะ วันนี้ลูกสาวฉันมาเยี่ยม ฉันคงไม่ให้เธอมาทานข้าวด้วย ไว้ค่อยเชิญมาที่บ้านคราวหน้านะ”หลินซืออี้ฟังแล้วพยักหน้าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว “ได้ค่ะ คุณหญิงฟู่! งั้นฉันกลับก่อนนะคะ”หลินซืออี้พูดจบก็หันไปมองฟู่ซิวเป่ย “คุณฟู่ ฉันกลับก่อนนะคะ”ฟู่ซิวเป่ยร้องอืม แล้วพยักหน้าหลินซืออี้กัดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้ยังหาเหตุผลที่จะอยู่ต่อไม่ได้หลังจากที่เธอจากไป จ้าวเหิงจึงดึงหลีเกอมา “เสี่ยวเกอ อย่ากังวลไปนะ! ผู้ชายคนนี้จะไม่จ้างเลขาหญิงอีกแล้ว ทำตัวใสซื่ออะไรกัน จอมปลอมสิ้นดี”พูดจบ ยังไม่ลืมจ้องเขม็งไปทางฟู่ซิวเป่ย “รีบย้ายเธอออกไปจากตำแหน่งปัจจุบันซะ ไม่งั้นแม่จะทำให้เธออยู่ไม่ได้เอง!”ฟู่ซิวเป่ยไม่มีข้อโต้แย้ง คำสั่งของแม่ถือเป็นที่สุด!หลีเกอไม่คิดว่าจ้าวเหิงจะพูดตรงไปต
ฟู่ซิวเป่ยเข้าใจความหมายของจ้าวเหิงในทันที แต่เขารู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นว่าหลีเกอรักษาระยะห่างจากเขาเท่าที่สังเกตมา เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล!“ว่าแต่ลูกสาว ฉันรู้ว่าเธอสนใจด้านการออกแบบมาก โม่สิงจือ อาจารย์ภาควิชาออกแบบแฟชั่นของมหาวิทยาลัยปินเฉิงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของฉันเอง อีกสองวันเขาจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบในเมืองปินเฉิง ฉันมีบัตรเชิญอยู่ เธอกับซิ่วเป่ยช่วยไปแทนฉันหน่อยได้ไหม”ริมฝีปากของหลีเกอเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่มุมปาก เธอสนใจมาก“ได้สิคะ! มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”จ้าวเหิงยินดีในใจ สายตาหันไปทางฟู่ซิวเป่ย ผู้ซึ่งเข้าใจและรู้ว่าจ้าวเหิงกำลังสร้างโอกาสให้เขาและหลีเกอ“อืม เราจะไปด้วยกันครับ”จ้าวเหิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ดีมาก พวกลูกสองคนไปเป็นเพื่อนกัน แม่ก็สบายใจแล้ว แต่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ แม่ต้องเตือนให้ชัดเจน ว่าอย่าลืมดูแลลูกสาวของแม่ให้ดีล่ะ”“แม่บุญธรรมคะ วางใจได้เลย พี่ซิวเป่ยเป็นผู้ชายอบอุ่นขนาดนี้ จะต้องดูแลฉันอย่างดีแน่นอนค่ะ”หลีเกอช่วยพูดแก้ต่างกับจ้าวเหิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูเข้าขากันดี รอยยิ้มบนใบหน้าก็แทบหุบไม่อยู่…โม