“งั้นคุณคิดว่าฉันมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ?”เธอเพิ่งมาใหม่ ถ้าไม่แสดงผลงานอะไรให้เป็นที่ประจักษ์ พวกแก่เพราะอยู่นานเหล่านี้คงไม่ยอมรับเธอแน่“เมื่อกี้นี้ผู้อำนวยการหูพูดจาเยาะเย้ยชัดออกอย่างนั้น ก็เพราะไม่อยากให้ฉันนั่งตำแหน่งประธานบริษัท ถ้าฉันถอยตอนนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลั่นแกล้งฉันยังไงบ้าง สู้ฉันใช้อำนาจที่มีควบคุมสถานการณ์เสียก่อนยังดีกว่า”“แต่ตอนนี้การเดิมพันดังกล่าวเสี่ยงเกินไป ผู้อำนวยการหูพูดชัดเจนแล้ว ว่าคุณไม่มีทางทำผลประกอบการให้ขึ้นไปถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เขาถึงได้มั่นใจพูดจาโอ้อวดแบบนั้นไงครับ”หลีเกอพยักหน้า “ทำยังไงได้ เรือแล่นออกจากฝั่งแล้ว ก็คงต้องลุยกันต่อไป”เจิ้งหลิ่วยังคงยืนอยู่ข้างเธอ “คุณหนูวางใจได้เลย ผมจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ครับ”“แค่คุณพูดอย่างนี้ ฉันก็อุ่นใจแล้วค่ะ”ไม่นานนัก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัทตี้เซิ่ง ทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างสนุกปากเมื่อฉีอวิ๋นเทียนได้รับข่าวนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ เทพธิดาของผมกล้าขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ถ้าไม่จริงคงไม่มีใครพูดปากต่อปากแบบนี้หรอก คุณหนูหล
เมื่อกลับมาถึงบริษัทตี้เซิ่งแล้ว ฉีอวิ๋นเทียนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของเธอทันที“เทพธิดา ตอนนี้ไหน ๆ ตัวตนของคุณก็เปิดเผยแล้ว เรามาทำตามความปราถนาของพ่อแม่แล้วแต่งงานกันเถอะ!”หลีเกอไม่ลังเลที่จะส่ายหัวปฏิเสธทันที “ขอโทษที ฉันยังไม่มีแผนจะแต่งงานใหม่”“งั้นถ้าคุณอยากแต่งงานเมื่อไหร่ช่วยบอกผมด้วยนะ ผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณทุกเมื่อเลย”หลีเกอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พูดอย่างหมดหนทาง “คุณชายฉี เราเข้ากันไม่ได้หรอก ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมรับความจริงซะที”“ตรงไหนที่เข้ากันไม่ได้ล่ะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินสิ คุณยังไม่รู้จักผมดีพอเลย ยังไม่ทันไรก็ปฏิเสธผมแล้ว” ฉีอวิ๋นเทียนพูดออกมาด้วยความใจร้อน“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้จักฉันดีแค่ไหน?” หลีเกอถามกลับ ทำให้ฉีอวิ๋นเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง กว่าจะตอบกลับออกมาได้ “ไว้ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปหลังจากคบกันก็ได้ อนาคตยังอีกยาวไกล…”แต่ฉีอวิ๋นเทียนไม่มีความมั่นใจเลย สุดท้ายเหมือนตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง “คุณรู้สึกว่าผมไม่รู้จักคุณดีพอ ถึงได้ปฏิเสธผมอย่างนั้นเหรอ? งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะค่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับคุณให้มากขึ้น…”หลีเกอรู้สึกหมดหนทาง เธอจ
“เดี๋ยวฉันโทรไปสอบถามให้นะคะ” ผู้ช่วยพูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ผู้อำนวยการหูเรียกไว้“ไม่ต้องหรอก รออีกหน่อยก็ได้”เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฮั่วจิ้นเฉิงถึงพาผู้ช่วยอย่างหลานหนีมาสายกว่าเวลานัด“คุณฮั่ว! ดีใจที่ได้พบคุณจริง ๆ ครับ” ผู้อำนวยการหูรีบลุกขึ้นต้อนรับด้วยรอยยิ้มประจบใบหน้าลึกลับของฮั่วจิ้นเฉิงไม่มีอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมา ทำให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ผู้อำนวยการหู รอนานไหมครับ?”“ไม่นานเลยครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แต่คุณซางจากฉีหังกรุ๊ปยังไม่มา งั้นเราพูดคุยกันไปพลาง ๆ ระหว่างรอก็แล้วกัน”ผู้อำนวยการหูพูดแล้วก็ดึงเก้าอี้ให้ฮั่วจิ้นเฉิง “คุณฮั่ว เชิญนั่งครับ”ฮั่วจิ้นเฉิงนั่งลงไขว่ห้างอย่างสบาย ๆ“คุณฮั่ว วันนี้คุณให้เกียรติผมมากเลยครับ”“ผู้อำนวยการหู เรามาเข้าเรื่องธุรกิจดีกว่า มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ” หลานหนีที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดขึ้นผู้อำนวยการหูหัวเราะ “คุณฮั่วมองคนขาดจริง ๆ ครับ วันนี้ที่ผมนัดคุณออกมา ที่จริงมีเรื่องอยากจะรบกวนเล็กน้อย”ฮั่วจิ้นเฉิงสบจังหวะพูดขึ้น “จริงด้วย ผู้อำนวยการหูในฐานะคณะกรรมการบริหารของบริษัทตี้เซิ่ง ตามหลัก
มุมปากของหลีเกอปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการหูไม่ค่อยต้อนรับฉันสักเท่าไหร่เลย”ถึงพูดอย่างนั้น แต่ก็อดที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปไม่ได้ผู้อำนวยการหูเองก็ไม่คิดว่าจะโดนหลีเกอจับได้คาหนังคาเขา ราวกับโดนจับได้ว่ากำลังทำความชั่วลับหลัง บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัดอย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าแล้ว ไม่นานสีหน้าท่าทีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม“คุณหนูหลีเกอพูดอะไรอย่างนั้น ผมจะไม่ต้อนรับคุณได้ยังไง?” พูดพลางก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้ให้หลีเกอนั่งด้วยตัวเองหลีเกอจึงนั่งลง เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาที่กำลังพิจารณาเธออยู่ เมื่อทั้งสี่ตามาบรรจบกัน ก็เกิดประกายไฟที่มองไม่เห็นแลบแปลบออกมา“บังเอิญจัง คุณชายฮั่วก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลีเกอขมวดคิ้วแล้วเริ่มพูดก่อน “ดูเหมือนฉันจะมาขัดจังหวะพวกคุณสินะ”“อย่าพูดว่าขัดขังหวะเลย แค่บังเอิญพูดถึงคุณเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณหนูหลีเกอเพิ่งแยกตัวออกไปจากตระกูลฮั่ว ก็ได้รับตำแหน่งประธานบริษัทตี้เซิ่งของตระกูลได้อย่างมั่นคง ผู้อำนวยการหูกำลังชื่นชมคุณอยู่เลย บอกว่าคุณมีความสามารถมาก จนถึงกับประกาศกร้าวในที่ประชุมว่าจะเพิ่มผลประกอบการขึ้นเป็นร้อยละสามสิบภายในหน
หลีเกอยิ้มอย่างจริงใจ “ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องวันนี้มากนะคะ ติดหนี้คุณไว้หนึ่งครั้ง ถ้าวันไหนฉันพอจะช่วยอะไรได้ ก็อย่าเกรงใจที่จะบอก”ซางรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ลืมเตือนเธอ “ผู้อำนวยการหูไม่ใช่คนที่รับมือง่ายอย่างที่เห็นภายนอก เขาโลดโผนอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปีแล้ว ทั้งเส้นสายและกลอุบายนั้นเหนือกว่าที่เราจะคาดเดาได้ หลังจากนี้คุณเองก็ควรระมัดระวังตัวไว้”“ได้ค่ะ ฉันจะระวังตัวมากขึ้น"ซางรุ่ยจ้องใบหน้าด้านข้างของเธอ ดวงตามองไปเห็นปอยผมข้างหู จึงเอื้อมมือออกไปหมายจะจัดให้“คุณชายซาง” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องหยุดชะงักซางรุ่ยยิ้มแล้วหดมือที่ค้างอยู่กลางอากาศกลับมา จากนั้นก็พูดกับหลีเกอ “ทรงผมคุณไม่เรียบร้อยน่ะ”“ไงนะคะ?”หลีเกอเพิ่งรู้สึกตัวช้ากว่าครึ่งจังหวะฮั่วจิ้นเฉิงก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินไปยืนอยู่ข้างหลีเกอทันที บังสายตาเขาไว้“ได้ยินมาว่าคุณชายซางกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูหย่วนหยาง ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย ผมยินดีจากใจจริงที่คุณชายซางได้เจอคู่ครองที่ถูกใจ”การแต่งงานกับหย่วนหยางเป็นความประสงค์ของครอบครัว เข
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมแชงกรีลา ได้ยินเสียงดังโครมครามดังลั่น ผู้อำนวยการหูโกรธจนทุบทำลายข้าวของภายในห้องราบคาบ“นังเด็กเมื่อวานซืน! กล้ามาข่มขวัญฉันต่อหน้าคนอื่น!”ผู้อำนวยการหูเตะเก้าอี้ตรงหน้าอย่างแรง เก้าอี้จึงล้มลงกับพื้นทันทีดวงตาของเขาหรี่ลงเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้!ขืนปล่อยผ่านไป วันหลังอาจจะถูกหลีเกอข่มเหงจนโผล่หัวไม่พ้นน้ำตลอดไปเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีไหน แต่ฉันต้องการให้หลีเกอเสื่อมเสียชื่อเสียงจนต้องออกจากตี้เซิ่ง”หลังจากวางสาย ผู้อำนวยการหูก็กำลังจะออกไป แต่กลับได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเสียก่อน“ใคร?”เขาถามอย่างระมัดระวัง วินาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก“คุณหูคะ ท่านประธานของเราขอเชิญคุณไปพูดคุยค่ะ!”ผู้อำนวยการหูทำหน้างง “ท่านประธานของคุณคือใคร?”“เฉียวเจิ้นสยงค่ะ…”ผู้อำนวยการหูคุ้นเคยกับชื่อนี้ดี แต่เขากับเฉียวเจิ้นสยงไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันนี่“คุณเฉียวมาเชิญผมมีธุระอะไร?”“ถ้าคุณไปเดี๋ยวจะทราบเองค่ะ”หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อำนวยการหูก็ตัดสินใจเดินตามคนที่มาเชิญเขา...ห้าทุ่มตรง
เมื่อมองไปในทิศทางที่โม่อี้เฟยชี้ไป เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย ต่อให้เธอจะกลายเป็นเถ้าถ่าน เขาก็จำได้ หลีเกอ! คุณไม่ได้กลับไปกับซางรุ่ยแล้วหรอกเหรอ?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ท่าเต้นของหลีเกอเย้ายวนมาก ทันทีที่เธอปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่กี่วินาทีก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงานเธอหัวเราะอย่างร่าเริงและเปิดเผย ร่างกายของเธอเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ สวยงามจนตาพร่ามองไม่เห็นสิ่งอื่น ฮั่วจิ้นเฉิงรู้สึกใจเต้นรัวไม่หยุดนี่คือท่าทางที่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเคยมีด้านนี้ด้วยเหรอเปล่งประกายในที่ที่เขาไม่เคยเห็นไม่นึกเลยว่าเธอหัวเราะแล้วจะสวยได้ขนาดนี้!ในใจของฮั่วจิ้นเฉิงมีความรู้สึกที่หลากหลาย เขากระดกเหล้าในมือหมดแก้วในคราวเดียว อารมณ์ที่ถูกกดขี่ไว้เมื่อครู่ระเบิดออกมาในเวลานี้ ไม่หลงเหลือความลังเลอีกต่อไป เขาวางแก้วลงแล้วเดินไปหาหลีเกอ“ว้าว! หลีเกอ เธอสวยสะบัดเลย!”เจี่ยงอีอีอดไม่ได้ที่จะผิวปากไปทางหลีเกอ เธออดไม่ได้ที่จะตะโกนสู้กับเสียงเพลงอึกทึก “คืนนี้ฉันไม่ได้เรียกเธอออกมาเปล่า ๆ นะ ใช้ประโยชน์จากค่ำคืนและเครื่องดื่มพวกนี้ปล่อยใจให้เต็มที่เถอะ!”ในเวลานี้ หลีเกอรู้
ในขณะเดียวกันหน้าบาร์ ฮั่วซินถือโทรศัพท์โทรหาฮั่วจิ้นเฉิง แต่ไม่มีใครรับสาย หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างเธอรีบถาม “แน่ใจเหรอว่าพี่ชายเธออยู่ที่นี่”ฮั่วซินพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “พี่ซีอวิ๋น ไม่ผิดหรอก พี่ชายฉันต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”คนที่มาด้วยกันกับเธอคือ เฉียวซีอวิ๋น!เดิมทีเธอถูกเฉียวเจิ้นสยงส่งเข้าไปในสถานกักกัน ตระกูลเฉียวทอดทิ้งเธอไปแล้ว ตระกูลหลีก็ส่งหลักฐานที่สมบูรณ์ครบถ้วนมาให้ทันเวลา รอเพียงศาลเริ่มการพิจารณาคดีอย่างไรก็ตาม สถานะของเธอนับว่าพิเศษ เพราะเธอยังตั้งท้องอยู่เฉียวซีอวิ๋นใช้เหตุผลด้านร่างกายไม่อำนวยเพื่อขอประกันตัวเธอโทรหาฮั่วจิ้นเฉิง ส่งข้อความหาเขา อยากจะเจอหน้าเขา แต่ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลยเธอจึงกัดฟันคิดหาวิธีบางอย่าง แอบหนีออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อได้ยินฮั่วซินบอกว่าฮั่วจิ้นเฉิงอยู่ที่บาร์ เธอถึงได้มาที่นี่“พี่ซีอวิ๋น เราเข้าไปกันเถอะ!”ฮั่วซินพาเฉียวซีอวิ๋นเดินผ่านล็อบบี้ของบาร์ เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักรอบตัว หัวใจของเฉียวซีอวิ๋นก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมา สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า