Home / แฟนตาซี / เวียงแสนพรหม / ตอนที่ 1 หมู่บ้านใต้เงาภูผา

Share

ตอนที่ 1 หมู่บ้านใต้เงาภูผา

last update Last Updated: 2025-04-07 10:39:14

ลมเหนือพัดผ่านไหล่เขา เสียงใบไม้เสียดสีกันดังก้องในความเงียบ   หมู่บ้าน “เวียงขมิ้น” ตั้งอยู่กลางหุบเขาภาคเหนือติดชายแดนพม่า เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงชันและแม่น้ำสายเล็กที่ไหลรินตลอดปี บ้านเรือนปลูกสร้างจากไม้สักเก่าแก่ หลังคามุงจากเรียงตัวเป็นระเบียบ ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือจากกาลเวลา

ในยามเช้า… หมอกสีขาวจางปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน คล้ายผ้าคลุมบางเบาที่บดบังความลับของสถานที่แห่งนี้จากโลกภายนอก

ที่เรือนปลายหมู่บ้าน หญิงชรานั่งเคี้ยวหมากอยู่หน้าชานบ้าน  “แม่อุ้ยคำก๋อง” ผู้เฒ่าที่ใคร ๆ ต่างขนานนามว่าผู้เฝ้ามองอดีต

“แสงคำ! สูอยู่ตี้ไหนน่ะ อุ้ยบ่ะหัน” เสียงแม่อุ้ยคำก๋องดังขึ้น

และเสียงดังกว่ากลองสะบัดชัยที่ใช้ตีในงานบุญ

เสียงฝีเท้าตึงตังดังมาจากในเรือน ก่อนที่เด็กสาวคนหนึ่งจะโผล่หน้าออกมา ผมยุ่งเหยิงเหมือนรังนกกระจอก

“ฮานี่บ่ะเห้ย ! อุ้ยจะฮ้องหาข้าเจ้าแต่เช้าตรู่ไปยิหยัง? ข้ายังบ่ะได้ล้างหน้าล้างต๋าเลย!”

“ก่อดูหน้าต๋าสูฮั่น ! เหมือนผีกะยักษ์หลุดมาจากป่าช้าขนาดนี้ ยังจะอู้ว่าเป็นคนแหมกานิ?”

แสงคำมุ่นคิ้ว เธอเป็นเด็กสาวอายุสิบหกที่เติบโตมากับแม่อุ้ยคำก๋อง คำพูดติดปากของเธอไม่ต่างจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน นอกจากแม่อุ้ยคำก๋องแล้ว เธอยังมี แม่คำปันและป้าคำป้อ เป็นครอบครัว พวกนางต่างเป็นหญิงที่อยู่ได้โดยไม่พึ่งพาชายใด

 และแสงคำก็คือเด็กสาวที่เติบโตขึ้นมาโดยเชื่อว่าผู้หญิงก็สามารถปกป้องตัวเองได้

เธอเดินออกมานั่งข้างแม่อุ้ยคำก๋อง คว้าเอาข้าวเหนียวในกระติ๊บมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ หยิบเนื้อปลาปิ้งวางทับก่อนจะยัดเข้าปาก เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“วันนี้ข้ามีอะหยังต้องเฮียนแหมก๋า?” เธอถามพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ

แม่อุ้ยคำก๋องถอนหายใจ “วันนี้สูต้องออกจากหมู่บ้านไปตวยแม่คำปัน”

“หา!ออกจากหมู่บ้าน? ข้าเกยบอกไปแล้วเน่อว่าข้าบ่ะชอบไปในเวียง(ในเมือง)! คนนักหนาปาปั้น นักเลงก็หลาย คนฮ้ายก่อนัก ข้าขออยู่เฮือนบ่ะดีกว่าก๋า? วันนี้ข้าจะถูเฮือนฮื่อเลื่อมเลยเอ๊า !”

“เฮือนนี้บ่ะใช่เฮือนของสูคนเดียว” แม่อุ้ยคำก๋องว่า “สูอยู่กับข้ามาแต่เล็กแต่น้อย นี่ก็สิบหกปีแล้ว… ได้เวลาไปเปิดหูเปิดต๋าดูโลกภายนอกเหียพ่อง”

“ข้าบ่ะได้อยากออกไปไหนสักตี้ ! มันบ่ะม่วน ข้าแค่ต้องการกินข้าวแล้วนอนต่อ!”

“อิวอกน้อยนี่นา บ่ะได้! ขะใจ๋ไปบ่ะเดี่ยวนี้(ไปไวไว)”

“โอ้ยยยย!”

แม่คำปันเดินขึ้นเรือนมาในตอนที่แสงคำกำลังโอดครวญ หญิงวัยสี่สิบปลาย ๆ นางสวมผ้าซิ่นลายดอกสีเข้มและเสื้อแขนกระบอกเรียบง่าย ใบหน้าคมสวยของนางดูสุขุมและเยือกเย็นเสมอ

“เฮ้อ! แม่คำปันนี่นา!” แสงคำรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นเรียบร้อยทันที เธอกลัวแม่มากกว่ากลัวผี

“อู้อะหยังนักล่ะ?” แม่คำปันเอ่ยเสียงเรียบ

“แม่อุ้ยคำก๋องบอกว่าให้ข้าออกจากหมู่บ้านไปเมือง! แต่ข้าบ่ะอยากไค่ไปเจ้าแม่!”

“แต่แม่สั่งฮื่อเจ้าไป!”

แสงคำตัวแข็งทื่อ แม่คำปันเป็นคนที่ไม่มีใครเถียงได้

“เจ้าต้องไปซื้อของที่กาดตวยแม่ และต้องไปพบไปปะกับคนบางคนตวย”

“ไผ ? ละเขาเป๋นไผอิแม่ ข้าเจ้าฮู้จักเขาก่อ”

แม่คำปันไม่ตอบในทันที เธอมองแสงคำนิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าอยากให้เจ้าไปพบ… ญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋น(ตระกูล)เฮา”

แสงคำเบิกตากว้าง แม่คำปันไม่เคยพูดถึง “ญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋น” ของนางมาก่อน

“ญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋นเฮา?”

“แม่น”

“แม่บ่ะเกยอู้เอ่ยถึงญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋นมาก่อน แล้วอะหยังอยู่ดี ๆ ถึงอยากให้ข้าไปปะเขา?”

แม่คำปันนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอทอแววครุ่นคิด

“เพราะมันถึงเวลาแล้ว”

“ถึงเวลาหยังเจ้าแม่ ?”

“ถึงเวลา… ที่เจ้าต้องรู้ว่าตั๋วเจ้าเป็นไผ จ๋ำคืนนั้นได้ก่อ คืนตี้แสงคำลักหนีออกไปป่าคนเดียว”

แสงคำหน้าซีดเผือด แม่คำปันรู้ทุกอย่าง คืนนั้นหลังจากเธอเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด ไม่สิ ! สิ่งนั้นไม่ใช่สัตว์ แสงคำบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ หลังจากหมดสติไป หล่อนก็พบว่าหล่อนตื่นขึ้นมาบนที่นอนในบ้านของหล่อนเอง หากแม่คำปันไม่พูดขึ้นมาตอนนี้ แสงคำคงคิดว่าคืนนั้นหล่อนฝัน แต่มันเป็นฝันที่เหมือนเกิดขึ้นจริง ตอนนี้หล่อนได้รู้แล้วว่า เหตุการณ์คืนนั้นมันเกิดขึ้นจริง และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ แม่คำปันรู้เรื่องนี้ด้วย

“แม่ ! แม่ฮู้เรื่องคืนนั้น ข้า......”

“เรื่องคืนนั้น เดียวแม่จะเล่าฮื่อสูฟังมะลุน(ทีหลัง) ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้นรอท่าอยู่”

แม่คำปันมองหน้าลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยน เธอรู้จักนิสัยลูกสาวของเธอดี แสงคำ ฉลาด และกล้าหาญ ตั้งแต่เล็กจนโต แม้จะซุกซนตามประสาเด็ก แต่แสงคำมีความแตกต่างจากเด็กคนอื่นในหมู่บ้าน คนในครอบครัวของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ แม้แต่สายลมก็เหมือนจะหยุดพัด

แสงคำขมวดคิ้ว “ข้าเจ้าก่อเป็นแสงคำ… เป็นลูกของแม่คำปัน มีป้าคำป้อตี้ทำฮื่อได้ไค่หัวสุดวันสุดคืน เป็นหลานของแม่อุ้ยคำก๋อง บ่ะใจ้กาเจ้า?”

“แม่น” แม่คำปันพยักหน้า “แต่เจ้าเป๋นมากกว่านั้น”

“ข้าบ่ะเข้าใจ!”

“เพราะเจ้าบ่ะเข้าใจ… ข้าถึงอยากให้เจ้าไปปะไปเจอญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋นที่เขารอเจ้าอยู่ เขารู้จักเจ้า”

แสงคำรู้สึกถึงบางอย่างแปลก ๆ ในใจ เหมือนบางสิ่งกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

“แล้ว… ญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋น เปิ้นเป็นไผ ยิหยังข้าเจ้าต้องไปถามเขาเรื่องตัวเก่าของข้าเจ้าโตย?”

แม่คำปันสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา

“แสงคำ ฟังแม่เน่อ  เขาเป๋นผู้ที่รู้เรื่องอดีตของเจ้า… ดีกว่าเจ้ารู้เสียอีก”

 “ข้าบ่ะเข้าใจ๋! อยู่ดี ๆ ก็ให้ข้าไปเจอญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋น!”

“อย่าจ่ม(บ่น)นักเลย” แม่คำปันที่เดินนำหน้าเอ่ยเสียงเรียบ “มันถึงเวลาแล้วแต้ ๆ”

แสงคำเดินลงจากเรือน สายตายังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

แม่อุ้ยคำก๋องที่นั่งเคี้ยวหมากอยู่ใต้ถุนเรือนหัวเราะเบา ๆ “ถึงเวลาให้มันฮู้ว่าตัวเองเป็นไผแล้วแม่นก่อ?”

“บ่ะใจ้แค่ฮื่อฮู้ แต่ต้องจำให้ได้” แม่คำปันพูดเนิบ ๆ

แสงคำยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ทำไมทุกคนพูดเหมือนรู้เรื่องของเธอ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเลย!?

ท้องฟ้ายามเช้าถูกย้อมด้วยสีทองอ่อน ๆ หมู่บ้านเวียงขมิ้นค่อย ๆ ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา ควันจากเตาไฟลอยอ้อยอิ่งจากเรือนแต่ละหลัง เสียงสากตำข้าวดังเป็นจังหวะ เสียงไก่ขันขานรับแสงแรกของวัน และเสียงของแม่หญิงป้อจายที่เจรจาถามไถ่กันไปมาดังระงมทั่วลานบ้าน

 “เอ้า! แสงคำ! จะไปไหนแต่เช้า? กู้เตื้อหันตื่นขวาย(ตื่นสาย) วันนี้วันขึด(วันอาเพศ)เหียละก้า”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นเสียงของมังคละ นั่นเอง

ชายหนุ่มผู้เป็นช่างตีเหล็กของหมู่บ้าน ร่างกายสูงใหญ่ ผิวคล้ำจากการทำงานกลางแดด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกวนประสาทเสมอ

“ยะหยังต้องมาว่าข้าโตย ข้าจะลุกเจ๊าลุกขวาย มันเรื่องของข้า หลีกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าต้องไปกาดกับอิแม่” แสงคำตอบเสียงแข็ง พลางย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม แสดงถึงความไม่พอใจทั้งน้ำเสียงและสีหน้า

“หา!  นี่สูไปกาดได้แล้วก๋า? ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่เฝ้าหมู่บ้านไปจนแก่! เหียแล้ว”

“คิงหมายความว่าจะใด ไอ่มังคละ?”

“ข้าก็หมายความว่า… เจ้าติดอยู่ที่นี่มาหลายปี อยู่แต่กับเฮือนกับนากับป่า จนข้าเกือบลืมไปว่าเจ้ามีตีนเตียวได้!(เท้าเดินได้)”

“อั้นข้าจะเตะหน้าเจ้าฮื่อดูบ่ะเดี๋ยวนี้เลย! มานี่ มาใกล้ ๆ ข้านิ”

“โอ๊ย ๆ! อู้เล่น! ล้อเล่น! บ่ะดาย จะไปโขด จะไปเกี้ยดข้าเลย” มังคละหัวเราะ พลางชูมือขึ้นทำท่ายอมแพ้

“แล้วอะหยังจู่ ๆ เจ้าถึงอยากออกจากหมู่บ้าน?”

“ข้าบ่ะได้อยากไป!” แสงคำบ่น “แม่ข้าบังคับข้าฮื่อไป”

“อ้อออ…” ชายหนุ่มลากเสียงยาว “ก่อว่าอยู่!”

“ก่อว่าอะหยัง!?”

“ก่อว่า… ถ้าเจ้าสมัครใจไปเอง โลกนี้คงพลิกกลับตาลปัตร! ปิ้นจะลิ่น เจ้าบ่าเกยสุงสิงกับไผ เจ้าบ่ะเกยเล่นกับข้า กับบุญปั๋น กับจันทน์ผา แถมยังเตียวหนีหมู่ข้า เหมือนว่าเจ้าเป๋นผีบ้า ฮ่า ๆๆๆ”

แสงคำง้างมือหมายจะตบหัวอีกฝ่าย แต่มังคละไวกว่า เขากระโดดหลบพลางหัวเราะเสียงดัง

“เจ้าจะไค่หัว(หัวเราะ)ยะหยัง(ทำไม)?”

“ข้าดีใจ”

แสงคำชะงัก “ดีใจอะหยัง?”

“ดีใจที่เจ้าจะได้ออกไปเปิดหูเปิดต๋า ดีใจ๋ตี้เจ้าอู้กับข้าเกิน 10 กำ และดีใจตี้เจ้าจะได้หันโลกภายนอกกับเปิ้นเสียที”

คำพูดนั้นทำให้แสงคำหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

เวียงขมิ้น… เป็นโลกทั้งใบของเธอมาตลอด เธอไม่เคยก้าวออกไปไกลกว่านี้ เธอเคยเห็น มังคละ บุญปั๋น จันทน์ผา มาแต่เด็ก ๆ แต่ไม่เคยจะทักทายหรือเล่นกับพวกเขาเลย บางทีก็อยากอกกไปคุยไปเล่นแต่ก็หยุด เหมือนมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่น่าเข้าใกล้

“ข้าบ่ะรู้ว่าข้าพร้อมจะออกไปก่อ ข้า…”

มังคละยิ้ม “เจ้าบ่ะจำเป็นต้องพร้อม”

“ข้าเคยได้ยินแม่อุ้ยคำก๋องบอกว่า…”

“บางครั้ง เราต้องออกเดินทางก่อน ถึงจะรู้ว่าเราเดินไปทางไหน เชื่อข้า”

แสงคำเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้า

“ข้าจะไป...เพราะข้าเอง… ก่ออยากรู้ว่าข้าเป็นไผ ยิหยังทุกคนถึงบอกข้าบ่ะได้”

ประโยคนี้แสงคำพึมพำกับตัวเอง

เส้นทางออกจากหมู่บ้านทอดยาวเลียบไหล่เขาสองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้สูงใหญ่ แสงแดดลอดผ่านกิ่งก้านเป็นลำแสงบาง ๆ กระรอกป่ากระโจนไปมาบนต้นไม้ นกป่าร้องเป็นจังหวะ ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้แสงคำรู้สึกผ่อนคลายแม้แต่น้อย

เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอออกจากหมู่บ้านเวียงขมิ้น

“ใจ๋ลอยไปถึงไหน?” เสียงแม่คำปันดังขึ้น

แสงคำสะดุ้ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เดินเท่ากับแม่

“ข้ากำลังกึ้ดว่า…” เธอเว้นจังหวะ “เพราะอะหยังแม่ถึงอยากให้ข้าไปปะไปเจอกับญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋นในตอนนี้?”

แม่คำปันไม่ตอบในทันที เธอเดินไปข้างหน้าเงียบ ๆ ก่อนจะพูดเสียงเบา

“เพราะมันถึงเวลาแล้วแต้ ๆ”

“ข้าเบื่อกำอู้และคำตอบนี้!” แสงคำบ่น “ข้าอยากได้คำตอบที่ฟังแล้วเข้าใจบ้าง!”

แม่คำปันถอนหายใจ ก่อนจะหยุดเดิน หันกลับมามองแสงคำตรง ๆ

“แสงคำ…” ดวงตาของแม่เธอทอประกายแปลก ๆ

“เจ้าไม่เคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าทำไมข้าไม่เคยเล่าเรื่องพ่อของเจ้าให้ฟัง?”

บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ

แสงคำตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

“พ่อของข้ากา?” เธอเอ่ยทวนช้า ๆ

“เจ้าเกยกึ้ดเรื่องเขาก่อ?”

“ข้า…” เธอเม้มปากแน่น “ข้าเคยสงสัย… แต่ข้าก็คิดว่า ถ้าแม่บ่ะอยากเล่าก่อคงมีเหตุผลของแม่”

แม่คำปันพยักหน้า “แล้วถ้าข้าบอกว่า… เจ้าจะได้รู้ทุกอย่างในการเดินทางครั้งนี้ล่ะ?”

ดวงตาของแสงคำเบิกกว้าง

“หมายความว่าจะใด?”

แม่คำปันไม่ตอบ เธอเพียงหันหลังกลับ และเริ่มออกเดินอีกครั้ง

“เฮ้! แม่! ข้าเจ้ายังถามบ่ะจบเตื้อ!” แสงคำวิ่งตาม หัวใจเต้นรัว

เสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นเมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางคดเคี้ยว ที่เลียบไปตามขอบหน้าผา

“ระวังเท้า” แม่คำปันเตือน “เส้นทางนี้แคบ”

แสงคำกลืนน้ำลายลงคอ ถนนดินที่พวกเธอกำลังเดินมีเพียงความกว้างพอให้เดินเรียงเดี่ยว ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน อีกด้านเป็นหุบลึกที่ถูกปกคลุมด้วยป่าสีเขียวเข้ม

เธอไม่เคยมาเส้นทางนี้มาก่อน และไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่

“แม่…” แสงคำกระซิบ “ทำไมเฮาต้องไปทางนี้? ปกติถ้าไปกาดก็ใจ้เส้นทางที่ผ่านลำห้วยบ่ะใจ้ก๋าเจ้า?”

“เพราะญาติผู้ใหญ่ของเจ้า… บ่ะได้อยู่ที่กาด”

“ หา!! อิแม่เล่ามาฮื่อหมดฮื่อเสี้ยงเลย”

“เขาอยู่ที่วัดร้างกลางป่า ตี้แม่กับอุ้ยคำก๋องกับป้าคำป้อเกยไป ละก่อเป๋นป่าที่คนในหมู่บ้านเฮาเล่าลือว่ามีผีอยู่”

แสงคำหยุดเดินทันที

“วัดร้าง?”

“แม่! นี่แม่จะพาข้าเจ้าไปปะผี หรือไปปะญาติผู้ใหญ่ของผะกู๋นกันแน่?”

แม่คำปันหัวเราะเบา ๆ

“เจ้าก่อช่างว่า แม่บ่ะได้ปาเจ้าไปฆ่าไปแกงละกั๋น”

“แต่เขาเลือกอยู่ในที่ที่ไม่มีใครกล้าไป! ข้าว่ามันแปลกเกินไปแล้ว!”

แม่คำปันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เธอเพียงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

แสงคำอยากจะเถียงต่อ แต่ในตอนนั้นเอง

“กรรรร!”

เสียงคำรามดังมาจากป่าเบื้องล่าง

ร่างของสัตว์ขนาดใหญ่เคลื่อนไหวผ่านเงาไม้เร็ววูบวาบ

แสงคำตัวแข็งทื่อ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเสือ หรือสัตว์ที่เธอเคยได้ยินมาก่อน

“แม่…” เสียงของเธอสั่น “นั่นเสียงอะหยัง…”

แม่คำปันหยุดเดิน เงี่ยหูฟังอย่างระวังตัว

เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามา

แม่คำปันหันขวับมาหาแสงคำ

“ฟังข้าให้ดี” เสียงของเธอเย็นเยียบ “ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร… ห้ามกรีดร้อง”

“แล้วห้ามหันหลังไปผ่อ!”

 “ห้ามหุยห้ามกรีดร้อง แล้วห้ามหยุดวิ่งเด็ดขาด ฮื่อวิ่งไปข้างหน้า เข้าใจก่อ  ขะใจ๋ไป  !”

คำพูดของแม่คำปันดังชัดเจนในหัวของแสงคำ แต่จังหวะนั้นเอง…

“กรรรร!!”

เสียงคำรามต่ำดังสะท้อนมาจากด้านล่างของหน้าผา แผ่วเบาแต่น่าขนลุก

“มะ… แม่” แสงคำกระซิบ เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง

“วิ่ง” แม่คำปันพูดเสียงเฉียบขาด ก่อนจะออกตัวนำไปก่อน

แสงคำไม่ได้รอให้พูดซ้ำ! เธอเผ่นตามทันที!

“โอ๊ย! ยิหยังข้าต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!!?”

แสงคำวิ่งออกจากป่าที่เกิดเสียงประหลาดนั้น  ลัดเลาะไปตามเส้นทางคดเคี้ยว ลื่นไถลไปตามพื้นดินที่ชื้นจากหมอกตอนเช้า

“แม่! ข้าเจ้าอยากกลับบ้าน! ข้าจะอยู่เฮือน ข้าจะตำข้าว ข้าจะตากผ้าให้แม่อุ้ยคำก๋อง ข้าจะช่วยป้าคำป้อผ่าหลัว ข้าจะ…”

“หยุดวิ่งตอนนี้ก่อได้เน่อ ถ้าเจ้าอยากถูกมันจับกิน”

“ข้าวิ่งต่อก็ได้!”

เธอหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่งและนั่นเป็นความคิดที่แย่มาก

ในเงาไม้ของป่าลึก… ดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งจ้องกลับมา

มันไม่ได้เป็นดวงตาของเสือ หรือหมี หรือสัตว์ที่เธอเคยเห็น

มันเป็นดวงตาของบางสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่

“แม่! ข้าเห็นมันแล้ว!”

“ข้าบอกแล้วแม่นก่อว่าอย่าหันไปผ่อมัน!”

“แต่ข้าเจ้าอยากรู้ว่ามันคืออะ…!!”

แม่คำปันคว้าคอเสื้อเธอแล้วกระชากไปข้างหน้า

“เจ้าอยากตายรึไง!?”

“ขะ...ข้าเจ้ายังบ่ะอยากตาย!!”

“งั้นก็ดักปากแล้ววิ่ง!ไป ๆๆ !”

พวกเธอรีบกระโจนพุ่งผ่านพุ่มไม้ ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย เสียงคำรามตามหลังมาทุกฝีก้าว

แสงคำเริ่มรู้สึกเหมือนปอดของตัวเองจะระเบิด แต่แล้ว…

“แม่! ข้างหน้ามีเหว!”

แม่คำปันรีบเบรกกะทันหัน ก่อนที่เธอจะหยุดตรงขอบหน้าผาแคบ ๆ ได้ทัน

แสงคำไม่ทันเบรก!

“โอ๊ยยย!”

แม่คำปันคว้าแขนเธอไว้ ก่อนที่เธอจะไถลตกลงไปข้างล่าง

“ฮื่อออ!” แสงคำหอบ “ถ้าข้าตกไป ข้าจะไปเกิดใหม่เป็นลิงลมแน่ ๆ!”

“เจ้ามีเวลาอู้กับโวยวายบ่ะถึงสิบคำ” แม่คำปันพูดเสียงเรียบ

“หา! ยะหยัง!ทำไม?”

แม่คำปันหันไปมองข้างหลัง ดวงตาสีเขียวคู่นั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“เพราะมันกำลังมาแล้วไงล่ะ”

“เฮือกกก!”

“เตรียมกระโดด”

“อะหยัง! ข้าบ่ะโดด....ข้ากลัว!”

“หนึ่ง…”

“แม่! ข้าบ่ะกระโดด!”

“สอง…”

“แม่!”

“สาม!”

แม่คำปันดันแสงคำตกลงไปจากหน้าผาโดยเธอไม่ทันตั้งตัว

“กรี๊ดดดดดด!”

………..

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 4 อดีตที่ถูกลืม กับผีที่ไม่ยอมไปเกิด

    ป่าดงเลือด…..แม้เงาดำจะจางหายไปแล้ว แต่ความเย็นยะเยือกยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศ แสงคำยืนตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งยังเฝ้ามองเธออยู่ แม้ว่าดวงตาสีแดงเหล่านั้นจะหายไปจากสายตาแล้วก็ตาม“เวียงแสนพรหม… เมืองที่เจ้าทำลาย”คำพูดของเงาดังก้องอยู่ในหัว มันวนเวียนซ้ำ ๆ เหมือนเสียงสะท้อนจากอดีตเธอหายใจลึก พยายามกลั้นความรู้สึกปั่นป่วนในใจ“ข้าบ่ะเข้าใจ…” เธอพึมพำกับตัวเองแม่คำปันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ“เจ้ากำลังจะเข้าใจ ในไม่ช้าเจ้าจะรู้ความจริงทั้งหมด รวมทั้งเรื่องพ่อของเจ้า”“แม่…” แสงคำหันไปมองเธอ “ข้าเจ้ายังไม่พร้อม”แม่คำปันยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจหรือ?”“ข้าแน่ใจ๋!เจ้าแม่ แต้ ๆ นา ข้าบ่ะได้จุ” แสงคำพยักหน้าเร็วจี๋ “แต่ว่า ข้ายังไม่พร้อมเลยสักนิด! ข้ารู้สึกเหมือนสมองข้ากำลังจะระเบิด! ข้าเพิ่งถูกผีบอกว่าข้าคือคนที่ทำลายเมืองหนึ่งทั้งเมือง! ข้าจะพร้อมได้หยั่งใดกั๋น!”แม่คำปันยิ้มเอ็นดู แต่ประโยคที่พูดต่อมานั้น...“ถ้าเจ้าไม่พร้อม เจ้าจะก้าวมาถึงตรงนี้ไม่ได้หรอก”“หา?” แสงคำร้องเสียงหลง “แม่! ข้าถูกลากมา! ข้าไม่ได้เดินมาด้วยความเ

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 2 ป่าดงเลือดและเสียงเพรียกจากเงามืด

    “แม่ ! ช่วยข้าเจ้าโตย!”เสียงของแสงคำดังลั่นขณะที่ร่างของเธอ ร่วงดิ่งลงไปในเงามืดลมแรงปะทะหน้า ต้นไม้สูงใหญ่เบื้องล่างพุ่งเข้ามาเร็วขึ้นทุกขณะ“ข้าจะต้องต๋ายแน่ ๆ! ฮือ ๆๆๆ อิแม่มาช่วยข้าเวยเวย!!”แต่แล้ว…“ตุบ!”แสงคำไม่ได้ตกกระแทกพื้น แต่ตกลงไปบนกิ่งไม้ใหญ่“โอ๊ยยย!” เธอกลิ้งหลุน ๆ กระแทกกิ่งไม้หลายต่อหลายครั้ง“โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย!”สุดท้ายเธอก็ตกลงมากองอยู่บนพื้น ในสภาพที่แทบไม่เหลือเค้าแสงคำผู้ปราดเปรียวและแข็งแกร่งเลย“แม่คำปัน ข้าจังอิแม่ขนาดเน่อ ยะหยังบ่ะช่วยข้าเจ้าเลย!”เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างบนแสงคำเงยหน้าขึ้นทันเวลา เห็นแม่คำปันกระโดดลงมาตามหลังอย่างสง่างาม ราวกับนางเป็นนกที่กำลังร่อนลงพื้น“ตุ๊บ!”แม่คำปันย่อตัวลงก่อนจะยืนขึ้นอย่างสงบนิ่ง สง่างาม ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนแสงคำมองตาปริบ ๆ ก่อนจะก้มดูแขนขาตัวเอง มีแต่รอยถลอกเต็มไปหมด“บ่ะยุติธรรม! ผ่ออิแม่ยังบ่ะเป๋นอะหยัง แต่ข้ามีก้ารอยเถิก เจ็บไปหมด”แม่คำปันมองลูกสาวที่หงายหลังลงนอนแผ่กับพื้น ก่อนจะถอนหายใจ“เจ้าควรจะขอบคุณที่โชคดียังมีชีวิตอยู่”“ข้าเจ้าบ่ะขอบคุณไผทั้งนั้น ข้าจังแม่ จังแมงผีบ้าตั๋วนั้น มันยะฮื่อข้าเจ็บ ฮือออ!

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 3 ผู้เฝ้าดูแห่งป่าดงเลือด

    “เจ้าชื่ออะหยัง?เจ้าเป๋นไผ? ออ!! รู้ละ! หรือว่าเจ้าเป็นญาติของข้า คนตี้แม่คำปันบอกจะพามาหา?”เสียงของแสงคำสั่นเครือ เบือนหน้าหนีทันทีที่ถามจบ เธอกลั้นใจรอฟังคำตอบ… ถ้ามันจะตอบเงาดำทะมึน ยืนนิ่งเงียบ!เงียบมาก!เงียบจนน่าขนลุก เงียบจนแสงคำเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าและจากนั้น… มันก็ขยับ“……”ริมฝีปากที่ไม่อาจมองเห็นได้ชัด ค่อย ๆ ขยับขึ้นราวกับกำลังเปล่งเสียงแสงคำเบิกตากว้างแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลย“เฮ้ย!” แสงคำสะดุ้ง ขนแขนกระทั่งผมลุกชัน“มันจะพูด หรือมันจะสวาปามกลืนข้าลงท้องกันแน่ บรึ๊ยย! “แม่คำปันยืนกอดอก มองเงานั้นอย่างสงบ“ดูเหมือนว่ามันอยากจะตอบ แต่ตอบไม่ได้”“หา! ผีติดอ่างอั้นกาเจ้าแม่?”แม่คำปันถอนหายใจส่ายหัวเบา ๆ“มันบ่ะได้ติดอ่าง”เธอหันไปมองเงาดำ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ“เจ้าถูกปิดปากใช่หรือไม่?”ทันใดนั้นเงานั้นขยับตัวอย่างรุนแรง!“อึก… กรรรร…”เสียงแหบพร่าดังลอดออกมาจากเงาดำนั้น ราวกับว่ามันกำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างร่างของมันสั่นสะท้าน เหมือนกำลังดิ้นรนต่อสู้กับบางสิ่งที่มองไม่เห็นแสงคำตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงผิดปกติ

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 5 ปิดตาเข้าเมือง

    “โอ๊ย!ข้าบ่ะอยากเป็นนักรบ! ข้าอยากปิ๊กบ้านไปนึ่งข้าวเผาปลาให้อุ้ยคำก๋องกิ๋นลำ ๆ ฮึ !นี่แน่ะ ๆ ต๋ายไปให้หมด หมู่ผีบ้า!”แสงคำกรีดร้องขณะที่เหวี่ยงท่อนไม้ไปมา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความสับสนและความหวาดกลัวสุดขีด“เจ้ามีทางเลือกก๋า”มังคละตะโกน ก่อนจะฟันดาบเหล็กใส่ร่างประหลาดอีกตัวที่พุ่งเข้ามาฟั่บ!“ข้าบ่ะอยากเลือกอะไรทั้งนั้น!”“งั้นเจ้าก่อเลือกเป็นข้าวต้มกล้วยใส่ถั่วดำสำหรับพวกมันเหียเต๊อะ น่าจะดีที่สุด !”“ฮึบ! ข้าจะตีแล้วนะ!”แสงคำตั้งท่ายืนให้มั่นแล้วตวัดท่อนไม้เต็มแรง“ปั่ก!”ไม้ฟาดเข้ากลางหน้าของร่างประหลาดตัวหนึ่ง เสียงกระแทกดังสะใจ ก่อนที่มันจะกระเด็นไปกลิ้งลงข้างทาง“เฮ้ย !นี่ข้าทำได้แหมแล้วกานิ!”“ข้าว่าเจ้าอาจมีพรสวรรค์ด้านการตีหัวคน”บุญปั๋นพูดขึ้น ขณะที่ใช้หอกจ้วงแทงศัตรูที่ใกล้เข้ามา“ข้าไม่ต้องการพรสวรรค์แบบนี้!”“แต่เจ้าใช้มันได้ดี” จันทร์ผาเสริมพลางยิงลูกธนูใส่เป้าหมายที่พุ่งมาจากอีกด้าน“ข้าขอพรสวรรค์ในการนึ่งข้าวให้นุ่มกว่านี้ได้ก่อ?”มังคละหัวเราะเสียงดัง“ไม่ได้แล้วล่ะ! ตอนนี้เจ้าเป็นนักรบไปแล้ว!”แสงคำหน้าบิดเบี้ยว “ฮึ!ข้าบ่ะอยากเป็น!”“งั้นก็ตายไปแล้วไปเกิดใหม่ ยอ

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 6 เจ้าของบัลลังก์ที่ถูกลืม

    “กู้เวียงแสนพรหม?”แสงคำแทบสำลักอากาศ นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกแล้วเธอกลับมาที่เวียงแสนพรหม เมืองที่เธอเคยทำลายเธอคือเจ้านาง ผู้ที่ถูกจดจำเธอมีลูกชาย และเขากำลังบอกให้เธอกู้คืนเมืองนี้“นี่ข้าต้องเป็นเจ้านางคนนั้นแต้ ๆ กานิ?”เธอหันขวับไปมองอินทร์แปง หวังว่าจะได้รับคำอธิบายดี ๆ สักอย่างแม่คำปันยืนกอดอก สีหน้าของนางนิ่งสนิทราวกับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว“แม่!” แสงคำเรียกเสียงหลง “ข้าเจ้าควรจะทำจะใดดี?”“เจ้าเป็นเจ้านาง” แม่คำปันตอบสั้น ๆ “เจ้าต้องตัดสินใจเอง”“เฮ้อ! ขอเต๊อะบ่ะเอาคำตอบแบบนี้ได้ก่อ!”“ใจเย็นก่อน เจ้านางสร้อยคำ”เสียงทุ้มของอินทร์แปงดังขึ้น เขามองแสงคำด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น“ท่านอาจจำอะไรไม่ได้ แต่ข้ามั่นใจว่า… ความรู้สึกของท่านที่มีต่อเวียงแสนพรหม ยังไม่เปลี่ยนไป”“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร!”แสงคำพยายามจะถอยหนี แต่ทุกสายตารอบตัวกลับจับจ้องเธออย่างแน่วแน่ชาวเมืองมองเธอเหมือนเป็นความหวังอินทร์แปงมองเธอเหมือนเป็นคำตอบอินทร์แปงมองเธอเหมือนเป็นปริศนาที่เธอต้องแก้ให้ได้เองและที่สำคัญที่สุดเธอเองก็มองตัวเองไม่ออกว่

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 7 เงาของคนทรยศ

    “มันต้องมีเหตุผลอื่น…”“มันต้องมีใครบางคนทำให้ข้าต้องเลือกแบบนี้!”“ถูกต้อง”เสียงของอินทร์แปงเยือกเย็น เขาหันมามองแสงคำอย่างจริงจัง“และเจ้าจะได้เห็นว่า… ใครคือคนที่ทำให้เจ้าเลือกทางนี้”แสงคำกลืนน้ำลาย เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมหรือไม่แสงคำหลับตาลง ทำดวงจิตให้นิ่ง ภาพในอดีตถูกฉาย เธอเห็นมังคละ เคยเป็นองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่สุดของเจ้านางสร้อยคำบุญปั๋น เป็นขุนนางผู้กล้าหาญที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเวียงสร้อยคำจันทน์ผา เป็นผู้คุมคลังสมบัติและเป็นผู้ดูแลเจ้านางสร้อยคำแต่เมื่อเธอมองไปที่ภาพอดีตอีกครั้งเธอเห็นตัวเองในอดีตหันไปมองใครบางคนที่ยืนอยู่กลางพระราชวังบุคคลหนึ่ง… ที่ทำให้เธอตัดสินใจเผาเมืองร่างนั้นยืนอยู่ท่ามกลางเงา สีหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตาเต็มไปด้วยเล่ห์กลเธอเพ่งมอง และเมื่อร่างนั้นก้าวออกมาจากเงามืด…เธอเห็นใบหน้าของจันทน์ผา“จันทน์ผา… เป็นคนทรยศงั้นหรือ?”แสงคำหันขวับไปมองจันทน์ผาในปัจจุบัน หญิงสาวผู้นั้นยืนนิ่ง สีหน้าของนางไม่ได้แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อยแต่ดวงตาของนาง… เต็มไปด้วยบางอย่างที่ยากจะคาดเดาแสงคำหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทุกคน ราวกับเธอไม่ใช่คนเดิมอีกแล้

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 8 คำบอกเล่าของนักโทษ

    “อิ๊! กลิ่นอะหยังบ่ะฮู้!” บุญปั๋นยกแขนปิดจมูกทันทีกลิ่นที่บุญปั๋นพูด มาจากภายในห้องนั้นซึ่งมืดสนิทรไม่มีแสงใดจากภายนอกเล็ดรอดเข้าไปได้ อินทร์แปงยกคบเพลิงเข้าไปใกล้ ช่องว่างระหว่างบานประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นบางสิ่ง......บางสิ่งที่ขยับได้“เฮ้ย ๆๆๆ ผ่อฮั่น! มีอะหยังอยู่ในนั้น!” บุญปั๋นร้องเสียงหลงดวงตาสีแดงคู่หนึ่ง... ค่อย ๆ เปิดขึ้นจากความมืด“เจ้ามาแล้วสินะ... เจ้านางของข้า”“ฟึ่บบบบ!”จู่ ๆ เงามืดในคุกใต้ดินก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวและร่างของใครบางคน… ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากความมืดแสงจากคบเพลิงกระพริบไหว ราวกับไม่อยากส่องสว่างให้เห็นใบหน้าของบุคคลนั้นแต่แสงคำรู้ทันทีว่าคนตรงหน้านี้คือเขาที่อินทร์แปงพูดถึงนักโทษที่ถูกขังอยู่ใต้ดินผู้ที่เกี่ยวข้องกับเธอในอดีตและอาจเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งหมด“เจ้ามาแล้ว…”เสียงของเขานุ่มลึก แต่แฝงไปด้วยพลังบางอย่างที่ทำให้ขนลุก“ข้ารอเจ้านานเหลือเกิน… เจ้านางของข้า”แสงคำหายใจสะดุด เธอรู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรึงให้อยู่กับที่เธอจ้องมองบุคคลปริศนาตรงหน้า… แต่เงามืดบดบังใบหน้าของเขาไว้เกือบหมด“เจ้าคือใคร?” เธอถามเสียงสั่นแม้ในความมืดก็รู้ได้ว่าชา

    Last Updated : 2025-04-11
  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 9 ความทรงจำที่ไม่อาจลบ

    “เจ้าก็ยังไม่ลืมข้าจริง ๆ”คำพูดของเจ้าทิพย์อมร ยังคงดังก้องในหูของแสงคำเธอยืนหอบหายใจ เหงื่อชื้นไหลซึมอยู่บนใบหน้า แม้ปีศาจเสือดำจะหายไปแล้ว แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดเหมือน… มันยังไม่จบ“ข้าว่า… เราควรกลับไปพักก่อนดีไหม?”มังคละเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขามองแสงคำด้วยความเป็นห่วง“ข้าก็คิดแบบนั้น”บุญปั๋นพยักหน้า“ข้ารู้สึกเหมือนพวกเราเพิ่งวิ่งหนีผีมาเป็นร้อยเป็นพันตัว”“พวกเจ้าลืมไปหรือว่า…”จันทน์ผาแทรกขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ“เรื่องนี้… ยังไม่จบ”“จบสิ!”แสงคำโพล่งขึ้นมาทันที“ข้าปราบปีศาจไปแล้วนะ! เห็นกับตาแล้วว่าเจ้าอสุรกายดำ ๆ ผีเสือดำตัวเหม็นสาบ นั่น แหลกเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว!”“แต่เจ้าเคยเห็นอะหยังในชีวิตนี้… ที่ง่ายขนาดนั้นก๋า?” จันทน์ผาเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่ไว้ใจเต็มที่“เอ่อ…” แสงคำอ้ำอึ้งไปพักใหญ่ก็จริง… ตั้งแต่มาเวียงแสนพรหม ไม่มีอะไรสักอย่างที่ง่ายเลยเจ้าทิพย์อมรยังยืนมองพวกเธออยู่จากมุมห้อง สายตาของเขายังเต็มไปด้วยเจ้าเล่ห์และบางอย่างที่คาดเดาได้ยาก“เจ้านาง…” เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ“เจ้าจำข้าได้จริง ๆ ใช่ไหม?”“เจ้าก่อดายพร่ำแต่ถา

    Last Updated : 2025-04-11

Latest chapter

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 15 ปลดปล่อยวิญญาณ

    “เจ้าว่าตอนนี้หมู่เฮาบ่ะต้องเจอผีสางปีศาจแหมแล้วแม่นก่อ?”เสียงของมังคละถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ หลังจากเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายที่วิหารศิลากัลป์จบลง ทุกคนกลับมารวมตัวกันในหอเจ้านาง เพื่อหารือถึงสิ่งที่เกิดขึ้น“ข้าว่ามันหยั่งใดบ่ะฮู้” มังคละพูดต่อ “ถ้ามันจบแต้แล้ว ยิหยังตราศิลากัลป์ถึงยังมีแสงแดงส่องวาบเป็นระยะล่ะ?”แสงคำมองไปที่ตราศิลากัลป์ที่วางอยู่บนพาน แสงสีแดงริบหรี่นั้นยังคงเต้นระยิบระยับ ราวกับบางสิ่งกำลังรอจังหวะปะทุอีกครั้ง“เจ้ามันกึ้ดนัก(คิดมาก)ไปเองหรอกมังคละ?” บุญปั๋นพูดพลางขยับตัวออกห่างจากพานเล็กน้อย “อย่าให้มันมีเรื่องอีกเลยเถอะ… ข้าขออยู่แบบสงบ ๆ สักสองวันก็ยังดี!”“ข้าว่า… มังคละอาจพูดถูก” เจ้าเมืองศิลป์แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วิญญาณของเจ้ามหาคำหลวงอาจหลุดพ้นแล้ว… แต่คำสาปนั้น…”“ยังไม่หมดไป” แสงคำพูดเสียงแผ่ว สายตาแน่วแน่จ้องตราศิลากัลป์ไม่กะพริบป้าคำป้อที่นั่งเงียบอยู่นาน พลันพูดขึ้นว่า...“ยังมีวิญญาณอีกดวง… ที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย”“ใครอีกล่ะป้า!?” บุญปั๋นร้อง “ข้าขนลุกหมดแล้วนะ!”“ข้ากำลังจะบอกว่า…” ป้าคำป้อหันมาสบตาทุกคน “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำสาปนี้

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 14 กับดักอำพราง

    “ข้าไม่ชอบเลย…” แสงคำพึมพำ “หมอกนี้… มันแปลกเกินไป”“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” เจ้าเมืองศิลป์เดินเข้ามายืนข้าง ๆ “ข้าว่า… มันไม่ได้เป็นหมอกธรรมดา”แสงคำยืนอยู่บนกำแพงเมืองของเวียงแสนพรหม สายตาจ้องมองไปยังทิวเขาที่เคยสว่างไสว แต่ตอนนี้ถูกหมอกทึบปกคลุมจนมืดครึ้มราวกับหุบเขาปีศาจเวียงแสนพรหมในตอนรุ่งเช้า...หมอกหนาจัดแผ่ปกคลุมทั่ว ราวกับม่านสีเทาหนาเตอะที่บดบังทุกสิ่งจนแทบมองไม่เห็นปลายทาง “ข้าก็ว่าแบบนั้น” จันทน์ผาเสริม “หมอกนี้มีกลิ่นเหมือนควันธูปจาง ๆ ด้วย…”“แล้วพวกเจ้าคิดว่า…” มังคละเอ่ยเสียงเครียด “หมอกนี้มันเกี่ยวกับอสุราแห่งคำสาปก่อ?”“ถ้ามันใช่…” บุญปั๋นพึมพำ “งั้นหมอกนี่… อาจไม่ใช่แค่หมอกก็ได้…”พวกเขาเก็บความสงสัยไว้ และนำเรื่องที่มาปรึกษากันในเรือนพักของแสงคำ ขณะที่กำลังแสดงความคิดเห็นกันอยู่นั้น“ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าเรือนพัก ทุกคนสะดุ้งพร้อมหันไปมองทันที“ไผน่ะ?” แสงคำเอ่ยถาม“ข้าเอง…” เสียงของชายชราสั่นเครือดังลอดเข้ามา “ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกพวกเจ้า…”เมื่อประตูเปิดออก ชายชราผู้หนึ่งก้าวเข้ามาช้า ๆ เขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้เลือดฝาด“ท่าน

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 13 คำสาปที่เหลืออยู่

    “โหหห…วับวิบละลานตาข้าขนาด!”บุญปั๋นถึงกับหลุดคำอุทาน เมื่อสายตากวาดผ่านห้องสมบัติเก่าแก่ตรงหน้าทองคำแท่งเรียงซ้อนเป็นชั้น เหรียญเงินโบราณที่มีตราสัญลักษณ์ประหลาด อัญมณีที่ส่องแสงเยือกเย็นเหมือนแช่น้ำแข็งมาร้อยปี ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แสงคบเพลิงที่ไม่รู้จุดขึ้นเองได้ยังไง...เขาเดินเข้าไปช้าๆ หัวใจเต้นตุบตับแต่ยังไม่ทันได้แตะสมบัติ...เสียงเย็นเยียบ กังวาน ราวกับลมพัดจากปล่องนรก ดังขึ้นจากมุมมืดของห้อง“ข้า... ยังไม่อนุญาต...”เสียงนั้นไม่ดังมาก แต่หนักแน่นจนพื้นสะเทือนบุญปั๋นสะดุ้ง หันขวับไปทางเสียง เหงื่อแตกซิกจากเงาดำมืดหลังเสาไม้ผุ เงาตะคุ่มรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏ ดวงตาสีแดงฉาน ลุกโชนราวกับถ่านไฟเขาก้าวออกมาช้าๆ ผ้าคลุมสีดำยาวลากพื้น ไหลลมไม่มีลมพัดฝ่าเท้าไม่ได้สัมผัสพื้น... เขาลอยศรีพงษา... ปรากฏกาย“เฮ้ย !! ศรีพงษา? มาได้หยั่งใด เจ้าต๋ายไปแล้วบ่ะใจ้กา ”“แล้วใคร... บอกเจ้าว่าความตายจะหยุดข้าได้?”เสียงศรีพงษาเยือกเย็น แต่ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยแววโกรธแค้นสะสมพันปี“ข้า... รักษาขุมทรัพย์นี้ไว้ด้วยชีวิต และแม้แต่หลังความตาย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แตะ!”บุญปั๋นถอยหลังจนสะดุดกองทอง มือไม้

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 12 อาถรรพ์แห่งเวียงแสนพรหม

    เวียงแสนพรหม คืนสู่ความสงบอีกครั้งหลังจากพายุแห่งความวุ่นวายผ่านพ้นไป...แสงคำยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์ส่องแสงนวลตา แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวลแม้เจ้าเมืองศิลป์จะฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว... แต่บางอย่างยังคงคลุมเครือและดูเหมือนความกังวลนี้จะทำให้แสงคำเครียดยิ่งขึ้น“ข้าว่าข้าควรดีใจที่เรื่องมันจบแล้วนะ…” แสงคำพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“แต่ใจข้ายังรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่”“ข้าก็เหมือนกัน” เอื้องฟ้า ซึ่งในชาติปัจจุบันคือป้าคำป้อของเธอเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้มัน… ง่ายเกินไป”“โอยน่อ !” มังคละร้องเสียงหลง “นี่เจ้ายังคิดว่าเรื่องมันง่ายอยู่แหมกานิ!”“แม่น” เอื้องฟ้าตอบจริงจัง “ข้าว่ามีบางอย่าง… ที่หมู่เฮายังบ่ะฮู้กั๋นแต้เตื้อ”“เจ้าอย่ามาหลอกข้านักนา!” บุญปั๋นร้องลั่น “ข้าอิดข้าเหนื่อยจ๋นจะเป็นลมแล้วเนี่ย!”“แล้วถ้ามันยังมีอะหยังโผล่มาแหม เจ้าจะเยียะจะใด จะทำยังไง ฮือ พ่อหนุ่มนักหนี?” เอื้องฟ้าเลิกคิ้ว“ก็… ก็…” บุญปั๋นหันไปมองจันทน์ผาที่หน้าเริ่มซีดไม่แพ้กัน“ข้า… ข้าจะอยู่ข้างหลังเจ้าไง”“เฮ้ย!” จันทน์ผาแหวเสียงสูง “ใครอยากเป็นโล่ให้เจ้ากันเล่า!”“พอ ๆ เถอะ!” แสงคำตวาดขึ้นพลางตบมือดังป

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 11 ปลุกปีศาจที่หลับใหล

    “ระวังฮื่อดี !”คำพูดของอุ้ยคำก๋องดังก้องอยู่ในหัวของแสงคำ ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่บอกว่าเรื่องเลวร้ายยังไม่จบ“ห้ะ! “ แสงคำร้องเสียงหลง “ก่อตะกี้ศรีพงษาโดนข้าสลายร่างเป๋นปุ๋ยไปแล้วบ่ะใจ้กาเจ้าแม่อุ้ย?”“แม่น” อุ้ยคำก๋องพยักหน้า “แต่ศรีพงษาเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น”“เบี้ยตัวหนึ่ง หมายถึงลูกหาบลูกน้องแม่นก่อเจ้า เอ่อนั่น ! ไปกั๋นใหญ่ละทีนี้?”แสงคำอ้าปากค้าง “แล้วตัวจริงมันเป๋นไผเจ้าแม่อุ้ย?”อุ้ยคำก๋องจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ…“ตัวจริง… คือปีศาจที่หลับใหลอยู่ใต้วิหารศิลากัลป์นี้”“และมันกำลังจะตื่นขึ้นมา”“โอ้ย! อะหยังแหมล่ะเนี่ย!” แสงคำโอดครวญพลางขยุ้มผมตัวเอง“ข้าแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่อยากปิ๊กบ้านไปกิ๋นข้าวกับแม่อุ้ยคำก๋อง! ยะหยังต้องมาสู้กับปีศาจโตยกา?”“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาอีกแล้ว” เอื้องฟ้าแทรกขึ้น “เจ้าคือผู้ที่สืบสายเลือดเจ้านางแห่งเวียงแสนพรหม…”“และเจ้านั่นแหละ…” อุ้ยคำก๋องเสริมเสียงหนักแน่น“ต้องเป๋นเจ้านางสร้อยคำเต้าอั้นที่จะหยุดปีศาจตนนั้นได้”“โอ๊ย! ทำไมทุกอย่างต้องมาลงที่ข้าด้วย!”“เพราะเจ้าสร้างมันขึ้นมา”“เฮอะ !” แสงคำหันขวับไปทางอุ้ยคำก๋อง “

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 10 คำสาปตราศิลากัลป์

    “อย่าคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าไม่ใช่ผู้ชนะ…”“…เพราะมันกำลังมา”เสียงกระซิบจากเงามืด… ฟังดูทั้งแผ่วเบาและน่าขนลุกจนทุกคนเย็นวาบไปทั้งตัว“อะหยังแหมเหมาะ! ไผแหมล่ะเนี่ย? มาติก ๆ บ่ะฮู้จักจบจักสิ้น”แสงคำบ่นปนเดือดดาล ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด“ป้อเฒ่ามันก่ะ ! นี่มันจะมีผีกี่ตั๋วกันแน่?”มังคละมองซ้ายมองขวา “ข้าว่าข้าจะเริ่มนับจำนวนผีไว้แล้วนะ… นี่ตัวที่หนึ่งร้อยห้าแม่นก่อ?”“หนึ่งร้อยหกแล้วจ้า” บุญปั๋นเสริมหน้าตาย “ข้านับมาตั้งแต่ที่หมู่บ้านแล้ว”“เอ่อ… พวกเจ้าช่วยเครียดกับข้าพ่องได้ก่อ?”อินทร์แปงเอนตัวพิงกำแพง ร่างของเขาอ่อนแรงจากการใช้พลังมหาศาลในการสู้เมื่อครู่“เสียงเมื่อกี้…”เขาพูดช้า ๆ พลางหายใจแรง“มันไม่ใช่เสียงของเสนาบดีศรีพงษาแน่นอน”“ข้าเห็นด้วย”จันทน์ผาพยักหน้า “เสียงนี้… ฟังดูเหมือนบางสิ่งที่อยู่มานาน… นานยิ่งกว่าศรีพงษาเสียอีก”“ปั๊ดโทะ?”แสงคำเบิกตาโต“อย่าบอกนะว่าเรากำลังรับมือกับตัวร้ายตำนานตัวป้อตัวแม่ ที่เป๋นตัวต้นตระกูลสิ่งชั่วร้ายของทั้งหมด ขั้นสูงสุด อะหยังสักอย่างน่ะ!”มังคละถอนหายใจหนัก ๆ“ข้าว่าตั้งแต่เจ้าก้าวเท้าเข้ามาในเวียงแสนพรหม… ชีวิตเจ้าก็เป็นตำนานไปแล

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 9 ความทรงจำที่ไม่อาจลบ

    “เจ้าก็ยังไม่ลืมข้าจริง ๆ”คำพูดของเจ้าทิพย์อมร ยังคงดังก้องในหูของแสงคำเธอยืนหอบหายใจ เหงื่อชื้นไหลซึมอยู่บนใบหน้า แม้ปีศาจเสือดำจะหายไปแล้ว แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดเหมือน… มันยังไม่จบ“ข้าว่า… เราควรกลับไปพักก่อนดีไหม?”มังคละเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขามองแสงคำด้วยความเป็นห่วง“ข้าก็คิดแบบนั้น”บุญปั๋นพยักหน้า“ข้ารู้สึกเหมือนพวกเราเพิ่งวิ่งหนีผีมาเป็นร้อยเป็นพันตัว”“พวกเจ้าลืมไปหรือว่า…”จันทน์ผาแทรกขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ“เรื่องนี้… ยังไม่จบ”“จบสิ!”แสงคำโพล่งขึ้นมาทันที“ข้าปราบปีศาจไปแล้วนะ! เห็นกับตาแล้วว่าเจ้าอสุรกายดำ ๆ ผีเสือดำตัวเหม็นสาบ นั่น แหลกเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว!”“แต่เจ้าเคยเห็นอะหยังในชีวิตนี้… ที่ง่ายขนาดนั้นก๋า?” จันทน์ผาเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่ไว้ใจเต็มที่“เอ่อ…” แสงคำอ้ำอึ้งไปพักใหญ่ก็จริง… ตั้งแต่มาเวียงแสนพรหม ไม่มีอะไรสักอย่างที่ง่ายเลยเจ้าทิพย์อมรยังยืนมองพวกเธออยู่จากมุมห้อง สายตาของเขายังเต็มไปด้วยเจ้าเล่ห์และบางอย่างที่คาดเดาได้ยาก“เจ้านาง…” เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ“เจ้าจำข้าได้จริง ๆ ใช่ไหม?”“เจ้าก่อดายพร่ำแต่ถา

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 8 คำบอกเล่าของนักโทษ

    “อิ๊! กลิ่นอะหยังบ่ะฮู้!” บุญปั๋นยกแขนปิดจมูกทันทีกลิ่นที่บุญปั๋นพูด มาจากภายในห้องนั้นซึ่งมืดสนิทรไม่มีแสงใดจากภายนอกเล็ดรอดเข้าไปได้ อินทร์แปงยกคบเพลิงเข้าไปใกล้ ช่องว่างระหว่างบานประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นบางสิ่ง......บางสิ่งที่ขยับได้“เฮ้ย ๆๆๆ ผ่อฮั่น! มีอะหยังอยู่ในนั้น!” บุญปั๋นร้องเสียงหลงดวงตาสีแดงคู่หนึ่ง... ค่อย ๆ เปิดขึ้นจากความมืด“เจ้ามาแล้วสินะ... เจ้านางของข้า”“ฟึ่บบบบ!”จู่ ๆ เงามืดในคุกใต้ดินก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวและร่างของใครบางคน… ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากความมืดแสงจากคบเพลิงกระพริบไหว ราวกับไม่อยากส่องสว่างให้เห็นใบหน้าของบุคคลนั้นแต่แสงคำรู้ทันทีว่าคนตรงหน้านี้คือเขาที่อินทร์แปงพูดถึงนักโทษที่ถูกขังอยู่ใต้ดินผู้ที่เกี่ยวข้องกับเธอในอดีตและอาจเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งหมด“เจ้ามาแล้ว…”เสียงของเขานุ่มลึก แต่แฝงไปด้วยพลังบางอย่างที่ทำให้ขนลุก“ข้ารอเจ้านานเหลือเกิน… เจ้านางของข้า”แสงคำหายใจสะดุด เธอรู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรึงให้อยู่กับที่เธอจ้องมองบุคคลปริศนาตรงหน้า… แต่เงามืดบดบังใบหน้าของเขาไว้เกือบหมด“เจ้าคือใคร?” เธอถามเสียงสั่นแม้ในความมืดก็รู้ได้ว่าชา

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 7 เงาของคนทรยศ

    “มันต้องมีเหตุผลอื่น…”“มันต้องมีใครบางคนทำให้ข้าต้องเลือกแบบนี้!”“ถูกต้อง”เสียงของอินทร์แปงเยือกเย็น เขาหันมามองแสงคำอย่างจริงจัง“และเจ้าจะได้เห็นว่า… ใครคือคนที่ทำให้เจ้าเลือกทางนี้”แสงคำกลืนน้ำลาย เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมหรือไม่แสงคำหลับตาลง ทำดวงจิตให้นิ่ง ภาพในอดีตถูกฉาย เธอเห็นมังคละ เคยเป็นองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่สุดของเจ้านางสร้อยคำบุญปั๋น เป็นขุนนางผู้กล้าหาญที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเวียงสร้อยคำจันทน์ผา เป็นผู้คุมคลังสมบัติและเป็นผู้ดูแลเจ้านางสร้อยคำแต่เมื่อเธอมองไปที่ภาพอดีตอีกครั้งเธอเห็นตัวเองในอดีตหันไปมองใครบางคนที่ยืนอยู่กลางพระราชวังบุคคลหนึ่ง… ที่ทำให้เธอตัดสินใจเผาเมืองร่างนั้นยืนอยู่ท่ามกลางเงา สีหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตาเต็มไปด้วยเล่ห์กลเธอเพ่งมอง และเมื่อร่างนั้นก้าวออกมาจากเงามืด…เธอเห็นใบหน้าของจันทน์ผา“จันทน์ผา… เป็นคนทรยศงั้นหรือ?”แสงคำหันขวับไปมองจันทน์ผาในปัจจุบัน หญิงสาวผู้นั้นยืนนิ่ง สีหน้าของนางไม่ได้แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อยแต่ดวงตาของนาง… เต็มไปด้วยบางอย่างที่ยากจะคาดเดาแสงคำหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทุกคน ราวกับเธอไม่ใช่คนเดิมอีกแล้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status