แชร์

บทที่ 1 เลขาฯ คนใหม่ - 75%

ตอนเห็นรูปเขาก็แค่รู้สึกว่าคุ้นตา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลเขาก็ยิ้มออกมาทันที และไม่ลังเลเลยที่จะให้รับเธอเข้ามาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขา

สาวสวยแสนอ่อนหวาน เขาอยากรู้เหลือเกินว่าผ่านมาเจ็ดปีแล้วเธอจะยังคงหวานเหมือนเดิมไหม

วันแรกของการทำงานที่ใหม่ของจันทร์เจ้าผ่านพ้นไปด้วยดี หญิงสาวขับรถกลับบ้านย่านชานเมือง และถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เธอจอดรถหน้าบ้านเดี่ยวขนาดห้าสิบตารางวาเพื่อลงไปเปิดรั้วให้กว้างขึ้นก่อนจะขับรถเข้าไปจอดในบ้าน จากนั้นจึงเดินไปปิดรั้วแล้วล็อกไว้ตามเดิม

ร่างเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบคนหนึ่งวิ่งตึกตักออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นว่าใครกลับมาถึงบ้านเสียงใส ๆ ก็ตะโกนบอกคนที่กำลังง่วนอยู่ในครัวด้วยความดีใจ

"ยายจ๋า แม่จันทร์กลับมาแล้ว" พูดจบก็กางแขนให้อุ้ม จันทร์เจ้าจึงก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วหอมแก้มซ้ายขวาของเด็กน้อย

"วันนี้หนูพราวหม่ำอะไรเป็นมื้อเย็นคะ" หญิงสาวถามคนในอ้อมแขนพลางเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก

"ยายทำข้าวห่อไข่ให้กินค่ะ หนูพราวกินหมดด้วยละ" เจ้าตัวเล็กตอบอย่างภาคภูมิใจ

"เก่งมากค่ะ วันนี้แม่จันทร์จะหยอดกระปุกให้หนูสิบบาทเป็นรางวัลที่กินข้าวหมดนะคะ"

"เย้ อีกหน่อยหนูพราวจะมีเงินเยอะ ๆ มาให้ยายกับแม่จันทร์ ซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ๆ ให้เต็มบ้านเลยค่ะ"

เด็กหญิงพราวนภายิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่แก้มซ้าย เจ้าตัวกางแขนกว้างเมื่อนึกถึงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เคยเห็นในแผนกของเล่นตอนไปห้างสรรพสินค้า

"มีตัวเดียวก็พอ จะซื้อมาทำไมเยอะแยะคะ เปลืองเงิน" จันทร์เจ้ายู่หน้าใส่พลางเอาถูจมูกกับแก้มใสของเด็กน้อย

"หนูพราวให้แม่จันทร์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนลูก แม่จันทร์กลับมาเหนื่อย ๆ จะได้กินข้าว"

พรรณียกชามแกงจืดจากในครัวมาวางบนโต๊ะกินข้าว จันทร์เจ้าจึงให้เจ้าตัวเล็กลงจากตักแล้วเดินไปหามารดา

"วันนี้มีอะไรกินบ้างคะคุณแม่"

"แกงจืดปลาหมึกยัดไส้กับไก่ผัดพริกแกงน่ะ ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเสียสิจะได้ลงมากินข้าว กำลังร้อน ๆ เลย"

"ค่ะ" หญิงสาวรับคำมารดาแล้วเดินขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้วลงมาข้างล่างอีกครั้ง เธอเห็นหนูพราวกำลังนั่งระบายสีอยู่กับพื้นในห้องรับแขกจึงเดินไปทางโต๊ะกินข้าวแล้วหยิบจานขึ้นมาคดข้าวใส่ให้มารดาและตัวเอง

"เป็นยังไงบ้างลูกที่ทำงานใหม่" พรรณีถามอย่างเป็นห่วงเพราะเกรงว่าบุตรสาวจะเจอเจ้านายแย่เหมือนที่เก่า

"จัดว่าดีเลยค่ะคุณแม่ เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่อายุมากกว่าจันทร์ และเขาก็เป็นกันเองกับจันทร์มาก ๆ เลยด้วย"

หญิงสาวตอบมารดาด้วยสีหน้าสดใส พรรณีเห็นแล้วจึงวางใจ หันไปมองหลานสาวตัวน้อยในห้องรับแขกก็อดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้

"ยายหนูพราวยิ่งโตก็ยิ่งฉอเลาะ เวลาพาไปส่งขนมด้วยกันทีไรก็มีแต่คนเอ็นดูเพราะช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน เฮ้อ...เสียดายที่ยายตะวันไม่ได้อยู่รับรู้ว่าตัวเองมีลูกสาวน่ารักขนาดไหน"

จันทร์เจ้าเอื้อมไปกุมมือมารดาแล้วพูดเบา ๆ อย่างปลุกปลอบ "จันทร์ว่าพี่ตะวันเขาต้องรับรู้แน่ค่ะคุณแม่ จันทร์เคยสัญญากับพี่ตะวันไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูหนูพราวให้ดีที่สุดเหมือนลูกของตัวเอง จันทร์ก็จะทำตามที่รับปากเอาไว้ค่ะ ต่อให้พี่ตะวันไม่ขอ จันทร์ก็จะทำเพราะยังไงหนูพราวก็คือหลานแท้ ๆ ของจันทร์นี่คะ"

พรรณีพยักหน้าช้า ๆ แล้วเริ่มกินอาหารตรงหน้า จันทร์เจ้าจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปที่เรื่องงานใหม่ของตนเสีย

"เจ้านายใหม่ของจันทร์เป็นผู้ชายค่ะ เห็นพี่ ๆ เขาบอกว่าไม่แก่มาก ยังอายุน้อยอยู่แต่จันทร์ก็ไม่กล้าถามว่าเขาอายุเท่าไร ดูแล้วการทำงานที่นี่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ จันทร์คิดว่าตัวเองชอบที่นี่"

เจ้านายเก่าของเธอเป็นชาวฮ่องกง เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่เจ้าอารมณ์ และชอบฟาดงวงฟาดงากับลูกน้อง เวลาดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายขึ้นมาก็ด่าสาดเสียเทเสีย และสรรหาถ้อยคำหยาบคายมาด่าได้สารพัด จันทร์เจ้าทนทำได้แค่สองปีก็ลาออกมาสมัครที่ใหม่ และก็ได้บริษัทนำเข้านาฬิกาที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

"ไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว แม่เชื่อว่าจันทร์ทำได้"

พรรณีมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนแสง จันทร์เจ้าเป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศ และไม่ค่อยมีปากมีเสียง ด้วยความที่เป็นคนมีบุคลิกนุ่มนวลเรียบร้อย เวลาเข้าหาผู้ใหญ่จึงมักได้รับความเอ็นดูอยู่เสมอ

"เมื่อตอนกลางวันคุณบรรพตเขาโทร. มาโวยกับแม่ว่าทำไมไม่ให้จันทร์ไปทำงานกับเขา"

จันทร์เจ้าได้ยินที่มารดาเล่าก็เบ้ปากอย่างรังเกียจ "ข่าวไวตลอด เมื่อไรเขาจะเลิกยุ่งกับจันทร์สักทีนะ จันทร์รำคาญเขามากเลยค่ะคุณแม่"

บรรพตเป็นบุตรชายของเจ้าสัวเอนกซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ สมัยที่บิดาของจันทร์เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าสัวมักไปมาหาสู่กับท่านเสมอ หญิงสาวจึงได้รู้จักกับบรรพตตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ เขาตามจีบเธอหลายครั้งแต่เธอไม่เล่นด้วยเพราะไม่ชอบนิสัยคุยโวขี้โอ่ของเขา บรรพตอายุมากกว่าเธอห้าปีแต่กลับยังเที่ยวเตร่อยู่ตามสถานบันเทิงแทบทุกคืน วัน ๆ มัวเมาอยู่แต่กับการหาความสำราญกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา ซึ่งจันทร์เจ้าเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด

เมื่อครั้งที่บ้านของจันทร์เจ้าเกิดเรื่อง เขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แต่โชคดีที่บิดาท่านปฏิเสธไป มิเช่นนั้นจันทร์เจ้าคงไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น

"เราก็อย่าไปทำอะไรให้เขาแค้นเคืองหรือไม่พอใจขึ้นมาล่ะ เกิดเขานึกทำเรื่องบ้า ๆ ขึ้นมาเราน่ะจะแย่เอา บ้านเราตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยง"

"จันทร์รู้ค่ะคุณแม่ จันทร์ว่าเราอย่าพูดเรื่องเขาดีกว่า เดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย คุยเรื่องขนมสูตรใหม่ของคุณแม่ดีกว่าค่ะ" หญิงสาวยิ้มให้ท่านอย่างอ่อนโยนเพราะไม่อยากให้มารดาไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องของตน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย จันทร์เจ้าเก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง และทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ตรวจเช็กกลอนประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อความปลอดภัย แม้ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้จะไม่เคยมีประวัติเรื่องโจรหรือขโมยมาก่อน แต่อะไรที่ทำแล้วสบายใจ เธอก็ไม่อยากละเลย

หญิงสาวนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่อยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ สมาชิกในบ้านมีกันมากมายรวมถึงแม่บ้านและคนขับรถ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นในปีนั้น บรรดาคนรับใช้ก็พากันออกไปหางานทำที่อื่น ส่วนครอบครัวที่เดิมมีกันสี่คนคือบิดามารดา พี่สาว และตัวเธอ ตอนนี้เหลือเพียงตนกับมารดา และสมาชิกใหม่อย่างหนูน้อยพราวนภาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status