Home / โรแมนติก / เล่ห์หวนรัก / บทที่ 1 เลขาฯ คนใหม่ - 75%

Share

บทที่ 1 เลขาฯ คนใหม่ - 75%

Author: จรสจันทร์
last update Last Updated: 2024-11-04 14:12:03

ตอนเห็นรูปเขาก็แค่รู้สึกว่าคุ้นตา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลเขาก็ยิ้มออกมาทันที และไม่ลังเลเลยที่จะให้รับเธอเข้ามาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขา

สาวสวยแสนอ่อนหวาน เขาอยากรู้เหลือเกินว่าผ่านมาเจ็ดปีแล้วเธอจะยังคงหวานเหมือนเดิมไหม

วันแรกของการทำงานที่ใหม่ของจันทร์เจ้าผ่านพ้นไปด้วยดี หญิงสาวขับรถกลับบ้านย่านชานเมือง และถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เธอจอดรถหน้าบ้านเดี่ยวขนาดห้าสิบตารางวาเพื่อลงไปเปิดรั้วให้กว้างขึ้นก่อนจะขับรถเข้าไปจอดในบ้าน จากนั้นจึงเดินไปปิดรั้วแล้วล็อกไว้ตามเดิม

ร่างเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบคนหนึ่งวิ่งตึกตักออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นว่าใครกลับมาถึงบ้านเสียงใส ๆ ก็ตะโกนบอกคนที่กำลังง่วนอยู่ในครัวด้วยความดีใจ

"ยายจ๋า แม่จันทร์กลับมาแล้ว" พูดจบก็กางแขนให้อุ้ม จันทร์เจ้าจึงก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วหอมแก้มซ้ายขวาของเด็กน้อย

"วันนี้หนูพราวหม่ำอะไรเป็นมื้อเย็นคะ" หญิงสาวถามคนในอ้อมแขนพลางเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก

"ยายทำข้าวห่อไข่ให้กินค่ะ หนูพราวกินหมดด้วยละ" เจ้าตัวเล็กตอบอย่างภาคภูมิใจ

"เก่งมากค่ะ วันนี้แม่จันทร์จะหยอดกระปุกให้หนูสิบบาทเป็นรางวัลที่กินข้าวหมดนะคะ"

"เย้ อีกหน่อยหนูพราวจะมีเงินเยอะ ๆ มาให้ยายกับแม่จันทร์ ซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ๆ ให้เต็มบ้านเลยค่ะ"

เด็กหญิงพราวนภายิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่แก้มซ้าย เจ้าตัวกางแขนกว้างเมื่อนึกถึงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เคยเห็นในแผนกของเล่นตอนไปห้างสรรพสินค้า

"มีตัวเดียวก็พอ จะซื้อมาทำไมเยอะแยะคะ เปลืองเงิน" จันทร์เจ้ายู่หน้าใส่พลางเอาถูจมูกกับแก้มใสของเด็กน้อย

"หนูพราวให้แม่จันทร์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนลูก แม่จันทร์กลับมาเหนื่อย ๆ จะได้กินข้าว"

พรรณียกชามแกงจืดจากในครัวมาวางบนโต๊ะกินข้าว จันทร์เจ้าจึงให้เจ้าตัวเล็กลงจากตักแล้วเดินไปหามารดา

"วันนี้มีอะไรกินบ้างคะคุณแม่"

"แกงจืดปลาหมึกยัดไส้กับไก่ผัดพริกแกงน่ะ ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเสียสิจะได้ลงมากินข้าว กำลังร้อน ๆ เลย"

"ค่ะ" หญิงสาวรับคำมารดาแล้วเดินขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้วลงมาข้างล่างอีกครั้ง เธอเห็นหนูพราวกำลังนั่งระบายสีอยู่กับพื้นในห้องรับแขกจึงเดินไปทางโต๊ะกินข้าวแล้วหยิบจานขึ้นมาคดข้าวใส่ให้มารดาและตัวเอง

"เป็นยังไงบ้างลูกที่ทำงานใหม่" พรรณีถามอย่างเป็นห่วงเพราะเกรงว่าบุตรสาวจะเจอเจ้านายแย่เหมือนที่เก่า

"จัดว่าดีเลยค่ะคุณแม่ เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่อายุมากกว่าจันทร์ และเขาก็เป็นกันเองกับจันทร์มาก ๆ เลยด้วย"

หญิงสาวตอบมารดาด้วยสีหน้าสดใส พรรณีเห็นแล้วจึงวางใจ หันไปมองหลานสาวตัวน้อยในห้องรับแขกก็อดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้

"ยายหนูพราวยิ่งโตก็ยิ่งฉอเลาะ เวลาพาไปส่งขนมด้วยกันทีไรก็มีแต่คนเอ็นดูเพราะช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน เฮ้อ...เสียดายที่ยายตะวันไม่ได้อยู่รับรู้ว่าตัวเองมีลูกสาวน่ารักขนาดไหน"

จันทร์เจ้าเอื้อมไปกุมมือมารดาแล้วพูดเบา ๆ อย่างปลุกปลอบ "จันทร์ว่าพี่ตะวันเขาต้องรับรู้แน่ค่ะคุณแม่ จันทร์เคยสัญญากับพี่ตะวันไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูหนูพราวให้ดีที่สุดเหมือนลูกของตัวเอง จันทร์ก็จะทำตามที่รับปากเอาไว้ค่ะ ต่อให้พี่ตะวันไม่ขอ จันทร์ก็จะทำเพราะยังไงหนูพราวก็คือหลานแท้ ๆ ของจันทร์นี่คะ"

พรรณีพยักหน้าช้า ๆ แล้วเริ่มกินอาหารตรงหน้า จันทร์เจ้าจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปที่เรื่องงานใหม่ของตนเสีย

"เจ้านายใหม่ของจันทร์เป็นผู้ชายค่ะ เห็นพี่ ๆ เขาบอกว่าไม่แก่มาก ยังอายุน้อยอยู่แต่จันทร์ก็ไม่กล้าถามว่าเขาอายุเท่าไร ดูแล้วการทำงานที่นี่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ จันทร์คิดว่าตัวเองชอบที่นี่"

เจ้านายเก่าของเธอเป็นชาวฮ่องกง เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่เจ้าอารมณ์ และชอบฟาดงวงฟาดงากับลูกน้อง เวลาดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายขึ้นมาก็ด่าสาดเสียเทเสีย และสรรหาถ้อยคำหยาบคายมาด่าได้สารพัด จันทร์เจ้าทนทำได้แค่สองปีก็ลาออกมาสมัครที่ใหม่ และก็ได้บริษัทนำเข้านาฬิกาที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

"ไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว แม่เชื่อว่าจันทร์ทำได้"

พรรณีมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนแสง จันทร์เจ้าเป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศ และไม่ค่อยมีปากมีเสียง ด้วยความที่เป็นคนมีบุคลิกนุ่มนวลเรียบร้อย เวลาเข้าหาผู้ใหญ่จึงมักได้รับความเอ็นดูอยู่เสมอ

"เมื่อตอนกลางวันคุณบรรพตเขาโทร. มาโวยกับแม่ว่าทำไมไม่ให้จันทร์ไปทำงานกับเขา"

จันทร์เจ้าได้ยินที่มารดาเล่าก็เบ้ปากอย่างรังเกียจ "ข่าวไวตลอด เมื่อไรเขาจะเลิกยุ่งกับจันทร์สักทีนะ จันทร์รำคาญเขามากเลยค่ะคุณแม่"

บรรพตเป็นบุตรชายของเจ้าสัวเอนกซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ สมัยที่บิดาของจันทร์เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าสัวมักไปมาหาสู่กับท่านเสมอ หญิงสาวจึงได้รู้จักกับบรรพตตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ เขาตามจีบเธอหลายครั้งแต่เธอไม่เล่นด้วยเพราะไม่ชอบนิสัยคุยโวขี้โอ่ของเขา บรรพตอายุมากกว่าเธอห้าปีแต่กลับยังเที่ยวเตร่อยู่ตามสถานบันเทิงแทบทุกคืน วัน ๆ มัวเมาอยู่แต่กับการหาความสำราญกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา ซึ่งจันทร์เจ้าเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด

เมื่อครั้งที่บ้านของจันทร์เจ้าเกิดเรื่อง เขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แต่โชคดีที่บิดาท่านปฏิเสธไป มิเช่นนั้นจันทร์เจ้าคงไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น

"เราก็อย่าไปทำอะไรให้เขาแค้นเคืองหรือไม่พอใจขึ้นมาล่ะ เกิดเขานึกทำเรื่องบ้า ๆ ขึ้นมาเราน่ะจะแย่เอา บ้านเราตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยง"

"จันทร์รู้ค่ะคุณแม่ จันทร์ว่าเราอย่าพูดเรื่องเขาดีกว่า เดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย คุยเรื่องขนมสูตรใหม่ของคุณแม่ดีกว่าค่ะ" หญิงสาวยิ้มให้ท่านอย่างอ่อนโยนเพราะไม่อยากให้มารดาไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องของตน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย จันทร์เจ้าเก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง และทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ตรวจเช็กกลอนประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อความปลอดภัย แม้ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้จะไม่เคยมีประวัติเรื่องโจรหรือขโมยมาก่อน แต่อะไรที่ทำแล้วสบายใจ เธอก็ไม่อยากละเลย

หญิงสาวนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่อยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ สมาชิกในบ้านมีกันมากมายรวมถึงแม่บ้านและคนขับรถ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นในปีนั้น บรรดาคนรับใช้ก็พากันออกไปหางานทำที่อื่น ส่วนครอบครัวที่เดิมมีกันสี่คนคือบิดามารดา พี่สาว และตัวเธอ ตอนนี้เหลือเพียงตนกับมารดา และสมาชิกใหม่อย่างหนูน้อยพราวนภาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

Related chapters

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 1 เลขาฯ คนใหม่ - 100%

    ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ปี แต่ชีวิตของเธอได้พลิกกลับด้านจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากคนที่เคยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ มีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า เวลานี้ต้องกลายมาเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ ที่ต้องวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนให้รอบคอบที่สุดเพราะยังมีอีกสองปากท้องที่เธอต้องดูแลแต่จะว่าไปจันทร์เจ้าก็รู้สึกขอบคุณทุกอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในวันนั้น หาไม่แล้ววันนี้เธอก็คงเป็นเพียงผู้หญิงหัวอ่อนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นเขาคืนนั้นจันทร์เจ้าเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาประวัติของนาฬิกาแบรนด์หรูทั้งสองแบรนด์อีกครั้งเพราะอยากรู้จักกับมันให้มากกว่านี้ เมื่อก่อนเธอไม่เคยสนใจว่าทำไมราคามันถึงแพง รู้แค่ว่ามันสวย และตนก็ชอบเท่านั้น แต่พอได้ทำความรู้จักกับนาฬิกายี่ห้อนี้มากขึ้น หญิงสาวจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมนักสะสมนาฬิกาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งพระราชินีแห่งอังกฤษจึงนิยมชมชอบและต้องมีไว้ในครอบครองอย่างน้อยหนึ่งเรือนเสียงเคาะประตูเบา ๆ ทำให้จันทร์เจ้าละสายตาจากหน้าจอแล้วรีบเดินไปเปิดประตูเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ และก็ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไรนัก เพราะเมื่อประตูเปิดออกก็มีร่างเล็กจ้อยในชุดนอนสีชมพูหวา

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 25%

    แค่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจของจันทร์เจ้าก็เต้นระรัวยิ่งกว่าเดิมเพราะความตกใจ หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทันที ซึ่งสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มกระจายเต็มวงหน้า รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลได้ปลื้ม และหลงคิดไปว่าตนเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เพียงคนเดียวจันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพราะเผลอกลั้นหายใจไว้นาน สมองเริ่มสับสนเพราะนึกไม่ออกว่าจะรับมืออย่างไร ทุกอย่างกะทันหันเกินไปเพราะตั้งแต่เลิกรากันเมื่อเจ็ดปีก่อนเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งชินดนัย ผู้ชายไม่รู้จักพอ!"อะไรกัน ทำไมนิ่งไปล่ะ อย่าบอกนะว่าจำพี่ไม่ได้น่ะหนูจันทร์"น้ำเสียงหยอกเย้าอย่างเป็นกันเองของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวดึงสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ เธอค้อมศีรษะให้เขาอย่างเป็นการเป็นงานแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"จำได้ค่ะ" เธอหลุบตาลงมองพื้นจึงไม่เห็นว่ารอยยิ้มของชินดนัยนั้นกว้างขึ้นกว่าเดิม"ห่างเหินจัง เราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานนะ คุยกันแบบเดิมดีกว่าไหม""คงไม่ดีค่ะ คุณเป็นเจ้านายฉันเป็นลูกจ้าง ใครได้ยินเข้าคงคิดว่าฉันทำตัวตีตนเสมอท่าน" เธอไม่กล้ามองหน้าเขา แม้ว

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 50%

    ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทเปิดผลัวะออกมาอย่างแรงจนบรรดาเลขานุการสาวที่นั่งกันอยู่ต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นของท่านประธาน ผู้ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมามักจะอารมณ์ดีและใจเย็นอยู่ตลอด"หนู...คุณจันทร์!" ชินดนัยหน้าแดงก่ำ สีหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นกับอะไรบางอย่าง"คะท่าน" จันทร์เจ้ารีบลุกขึ้นยืนแล้วเอามือประสานกันไว้ด้านหน้าอย่างเรียบร้อยเช่นเคย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกไปทางสีหน้า แต่มุมปากก็เอาแต่จะยกยิ้มอยู่เรื่อยจึงเม้มปากเอาไว้เพื่อกลั้นยิ้ม แต่ถ้ามองจากสายตาของเพื่อนร่วมงาน กลับมองว่าหญิงสาวกำลังหวาดกลัวกับน้ำเสียงและท่าทางกราดเกรี้ยวของผู้เป็นนาย ทุกคนจึงอดเห็นใจไม่ได้"คุณซื้อหอยทอดให้ผม" เขาชี้เข้าไปในห้อง จันทร์เจ้าทำทีเป็นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะพยักหน้าอย่างใสซื่อ"ใช่ค่ะ ก็ท่านประธานบอกว่าซื้ออะไรก็ได้ ฉันก็เลยซื้อหอยทอดมาให้เพราะร้านอื่นต้องรอคิวนานน่ะค่ะ เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่ามีสิ่งแปลกปลอมในอาหาร""มันมีถั่วงอก!" เขาเค้นเสียงราวกับกัดฟันพูด ทำเอาจันทร์เจ้าต้องกลั้นขำอีกครั้งด้วยการใช้เล็บจิกมือตัวเอง

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 75%

    จันทร์เจ้าหันขวับไปมองเขาทันที แต่เพราะเขาก็ก้มตัวลงมาจึงทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้จนแทบหายใจรดกัน หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นแล้วเอนตัวออกห่างจากเขา แต่มือยังคงถูกเขากุมเอาไว้อยู่"ขอโทษที พี่ก็แค่ทำไปตามความเคยชิน"ชินดนัยยิ้มพลางปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ เห็นหญิงสาวรีบคาดเข็มขัดแล้วปั้นหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็พอรู้ว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจจึงเลิกแกล้ง ปิดประตูรถให้เธอแล้วเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแค่เสี้ยววินาทีที่ใกล้กันเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงค่ำคืนแสนหวานที่มีร่วมกันไม่ได้ จันทร์เจ้าในตอนนั้นคือสาวน้อยอ่อนเดียงสาที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาพาเธอไปเที่ยวทะเลแล้วป้อนคำหวานสารพัดจนเธอยอมใจอ่อนมอบกายให้ เขาจำได้ว่าตนตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งเคยเปิดซิงผู้หญิงเป็นครั้งแรก เนื่องจากสาว ๆ ของเขาแต่ละคนที่เคยคบมาล้วนแล้วแต่เจนสังเวียนมาแล้วทั้งสิ้น ช่วงนั้นเขาเห่อเธออยู่พักใหญ่เพราะจันทร์เจ้าเป็นหญิงสาวคนแรกที่เขาใช้เวลานานที่สุดกว่าจะได้มาขึ้นเตียงแต่ตอนนั้นเขาก็เป็นแค่คนหนุ่มที่อารมณ์พลุ่งพล่าน เวลาที่มีผู้หญิงอื่นเข้าหาหรือเสนอให้ ถ้าเขาถูกใจก็จะไม

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 100%

    “แต่พี่ไม่รีบ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไก่ขนาดพอดีคำยื่นไปใกล้กับปากของจันทร์เจ้า“กินไก่ราดครีมมายองเนสนี่สิ อร่อยดีนะหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ กำลังดี”เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้...จันทร์เจ้าได้แต่บ่นเขาอยู่ในใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกไปยังคงเรียบเฉย มีเพียงหัวคิ้วเท่านั้นที่ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์"อย่าอารมณ์เสียสิ เราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานนะ พี่เห็นจันทร์ดูเครียด ๆ ก็เลยอยากให้ผ่อนคลายบ้าง ทำงานที่นี่ทุกอย่างต้องเป๊ะก็จริง แต่ทุกสิ่งเรายืดหยุ่นกันได้ เรื่องเอกสารที่เลขาฯ คนเก่าเขาทำไว้ยุ่งเหยิงก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากนัก เพราะโดยส่วนใหญ่มันเป็นงานที่ผ่านไปแล้ว เก็บเฉพาะที่จำเป็นก็พอ อีกอย่างนะ เอกสารพวกนั้นเราจะเก็บไฟล์ในรูปแบบพีดีเอฟเอาไว้อยู่แล้ว เข้าไปดูที่เซิร์ฟเวอร์เอาก็ได้ คุณเอมคงสอนเรื่องการเข้าใช้เซิร์ฟเวอร์แล้วใช่ไหม""สอนแล้วค่ะ" พอเห็นเขาพูดเป็นการเป็นงานจันทร์เจ้าก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ เพราะเอมิกาบอกว่าตั้งแต่ชินดนัยมาบริหารแทนบิดา เขาก็ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานของบริษัทใหม่ทั้งหมดให้ดูทันสมัยด้วยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ลดการใช้กระดาษ และลดขั้น

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 25%

    ทันทีที่ชินดนัยก้าวเข้าไปในฮอลล์ขนาดใหญ่ เสียงเพลงสากลจังหวะเร้าใจก็ดังกระหึ่ม เบื้องหน้าของเขาเป็นโต๊ะกลมวางตั้งเรียงรายแต่ไม่ชิดติดกันเกินไปเหมือนผับบางที่ โดยแต่ละโต๊ะมีผู้นั่งจับจองอยู่ก่อนแล้ว ถัดไปเป็นเวทีขนาดใหญ่ มีสาวสวยระดับนางแบบหลายสิบชีวิตนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างมีชั้นเชิงชายหนุ่มละสายตามาจากหน้าเวทีแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างคุ้นเคย เพราะบริเวณชั้นสองกั้นเป็นห้องวีไอพีที่แยกกันเป็นสัดส่วน สามารถมองเห็นโชว์จากหน้าเวทีได้โดยไม่ต้องมีใครมาบดบังทัศนียภาพ ทั้งยังมีกระต่ายสาวแสนเซ็กซี่มาคอยบริการเครื่องดื่มให้อีกด้วยเขาเดินตรงไปยังห้องที่เพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไปถึงก็เห็นบันนี่เกิร์ลแสนสวยสี่นางนั่งประกบเพื่อนเขาฝั่งละคน เขาจึงหย่อนตัวนั่งบนโซฟาที่ว่างอยู่อีกตัว"โถ...เพื่อนกู กว่าจะเสด็จมาได้ เหล้าพร่องไปครึ่งขวดแล้วเนี่ย" ภาวิน นักบินหนุ่มรูปหล่อแซะเพื่อนทันทีที่เห็นอีกฝ่าย"ถ้ามึงไม่ขู่ว่าจะตัดเพื่อนมันก็คงไม่มาหรอก เดี๋ยวนี้มันเป็นคนดีแล้วมึงยังไม่ชินอีกหรือวะ ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกมานี่ ถ้าไม่ติดว่ามันยังจำเพื่อนฝูง

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 50%

    และคำตอบที่เขามีให้ตัวเองก็คือ...เขาพอใจแล้ว และเขาควรจะหยุดได้แล้วสี่ปีเต็มกับการทำตัวเหลวแหลกทำให้เขารู้สึกเต็มกลืนกับวิถีเพลย์บอย ดังนั้นเขาจึงเลิกทุกอย่างแบบหักดิบ แล้วตั้งหน้าตั้งตาฝึกงานเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตอีกสองปีก่อนจะบินกลับเมืองไทยมารับช่วงดูแลบริษัทต่อจากบิดา“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมมึงไม่เอาเลยวะ” ภาวินยังคงถามต่ออย่างสงสัย“กูก็บอกไม่ถูกว่ะไอ้วิน พูดไปมึงก็คงไม่เข้าใจหรอก แต่กูเชื่อว่าสักวันเมื่อถึงเวลามึงจะเข้าใจเองนั่นแหละ”ชินดนัยตบบ่าเพื่อน ขณะที่ภาวินได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะลุกกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้เพื่อนผู้ปลงแล้วนั่งละเลียดสุราชั้นดีเคล้าเสียงดนตรีโดยไร้สาวสวยเนื้อนุ่มมาคลอเคลียข้างกายต่อไปหลังจากที่จอดรถเข้าซองเสร็จเรียบร้อยจันทร์เจ้าก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ ปิดประตูแล้วกดรีโมตล็อกรถแล้วหมุนตัวไปอีกด้านเพื่อเดินเข้าอาคาร เธอก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีร่างสูงสง่าของผู้เป็นเจ้านายยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงรออยู่ใกล้ ๆ จนเธอเกือบเดินชนเขาหญิงสาวลอบถอนห

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 3 (อดีต)เพลย์บอย - 75%

    ชายหนุ่มรีบเก็บสายตากลับมาจากร่างระหงตรงหน้าอย่างแนบเนียนเมื่อได้ยินว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ ครั้นพอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นนิธิ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศกำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศอย่างอารมณ์ดี"หมดวันลาพักร้อนแล้วหรือ" ชินดนัยเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายทันที"หมดแล้วสิครับเจ้านาย หรือจะอนุมัติให้ผมลาเพิ่มอีกก็ได้นะ" นิธิยิ้มกว้างตอบผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและญาติด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แต่สายตากลับมองเลยไปที่หญิงสาวหน้าใหม่อย่างสนใจ"แล้วนี่..." นิธิเบนสายตากลับมาที่ญาติผู้พี่โดยที่รอยยิ้มไม่เลือนหายไปจากใบหน้า"คุณจันทร์เจ้า เป็นเลขาฯ คนใหม่ของฉันเอง คุณจันทร์ นี่คุณนิธิ เป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ" ชินดนัยแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ญาติผู้น้องมองหญิงสาวจึงถลึงตาใส่เพื่อปรามอย่างอดไม่ได้"สวัสดีค่ะ" จันทร์เจ้ายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้บาง ๆ"สวัสดีครับผม ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ถ้ามีปัญหาอยากปรึกษาอะไรก็มาถามผมได้ทุกเรื่องเลยนะครับ ผมยินดี"หญิงสาวอมยิ้มและรับคำเบา ๆ ขณะที่นิธิเห็นท่าทีสงบนิ่งและบุคลิกที่ติดจะเย็นชาจากเลขานุก

Latest chapter

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 75%

    จันทร์เจ้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง "ค่ะ"หญิงสาวลอบถอนหายใจ เธอเข้าใจดีว่าการที่ชินดนัยให้เธอติดตามไปด้วยก็เพื่อให้ตนไปทำความรู้จักกับบรรดาลูกค้าไฮโซทั้งหลาย และหากเธอสามารถจำชื่อของแต่ละคนได้ก็จะเป็นการดีกับบริษัทด้วย เพราะถือเป็นการให้เกียรติลูกค้าอย่างมาก อีกทั้งจะทำให้ลูกค้าเหล่านั้นรู้สึกเป็นคนสำคัญที่มีคนจดจำชื่อตนได้ ถือเป็นการสร้างความประทับใจอย่างหนึ่งหวังว่างานนี้จะไม่จะเจอคนรู้จักเพราะชินดนัยบอกว่ามีแต่คนในแวดวงไฮโซ ไม่ใช่กลุ่มนักธุรกิจ ตั้งแต่ครอบครัวถูกฟ้องล้มละลาย เธอกับมารดาก็ปลีกตัวออกมาใช้ชีวิตเงียบ ๆ โดยไม่ติดต่อกับบรรดาภรรยานักธุรกิจที่เคยรู้จักกันอีก คนเหล่านี้ส่วนใหญ่หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าก็ทำท่าทางเห็นใจ แต่ลับหลังกลับหัวเราะเยาะเย้ยในชะตากรรมของคนอื่นขณะที่จันทร์เจ้าจมอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเอง ชินดนัยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่างานประมูลครั้งนี้ หญิงสาวอาจเจอคนรู้จักก็เป็นได้ และเธอคงกำลังหนักใจอยู่กระมังที่ต้องไปออกงานพร้อมเขา"เอ่อ...พี่ขอโทษทีนะจันทร์ พี่ลืมไปเลยว่างานนี้เราอาจจะเจอคนรู้จักของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าจันทร์ไ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 50%

    วันต่อมาจันทร์เจ้าจำเป็นต้องพาพราวนภามาเลี้ยงที่ทำงานอีกหนึ่งวัน หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจว่าวันนี้ขอไม่เจอกับภาวินอีก เพราะบอกตามตรงว่ายังหาวิธีรับมือกับเขาไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เธอต้องรีบปรึกษากับมารดาทันทีที่ท่านกลับมาถึงหลังจากปูเบาะเพื่อให้หลานสาวนั่งเล่นด้านหลังโต๊ะทำงานเสร็จเรียบร้อย เมื่อหันกลับมาก็เจอร่างสูงโปร่งของผู้เป็นเจ้านายยืนยิ้มเผล่อยู่เบื้องหน้าพอดี"สวัสดีค่ะคุณลุงประธาน" เสียงใสของพราวนภาเอ่ยทักทายพลางย่อตัวไหว้ทันทีที่เห็นหน้าของคนที่ไปเยี่ยมหาถึงบ้านเมื่อวานพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจิดจ้าไปให้"สวัสดีค่ะหนูพราว วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง มีหูกระต่ายที่ไหล่ด้วยหรือคะ"ชินดนัยทำเสียงอ่อนเสียงหวานพลางเดินเข้าไปยืนใกล้กับจันทร์เจ้าจนไหล่แทบชนกัน หญิงสาวจึงเบี่ยงตัวไปอีกด้านเพื่อเว้นระยะห่างจากเขา เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอห่างออกไปแล้วเขาจึงย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อยแล้วพูดเบา ๆ ว่า"วันนี้เราไปหม่ำไอติมกันไหมคะ ลุงอยากกินจังเลยแต่ไม่มีเพื่อนไปกิน หนูพราวไปเป็นเพื่อนลุงหน่อยได้ไหมเอ่ย"พราวนภายิ้มพร้อ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 25%

    เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะข้างกันอดหมั่นไส้ไม่ได้ ภาวินปรายตามองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเอื้อมไปเร่งเสียงเพลงในรถให้ดังขึ้นพร้อมกับพูดว่า"กูจะฟังเพลง กูไม่ได้อยากฟังเสียงมึง"ชินดนัยยิ้มกว้างแล้วกดปุ่มลดเสียงจากพวงมาลัยที่จับอยู่แล้วจงใจพูดยั่วเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ากวนประสาทที่สุด"แต่นี่มันรถกู เพราะฉะนั้นกูจะร้องดังแค่ไหนก็ได้" พูดจบก็ร้องท่อนฮุคของเพลงเสียงดังลั่นรถ ก่อนจะตบท้ายด้วยการหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนรัก"จะเครียดไปทำไมวะไอ้วิน หรือเสียใจที่จู่ ๆ ก็มีลูกสาวโผล่มาคนหนึ่ง กูว่าหนูพราวน่ารักน่าเอ็นดูจะตายไป นี่ถ้าพ่อกับแม่มึงรู้ว่ามีหลานสาวน่ารัก ๆ อย่างนี้สงสัยตื่นเต้นกันน่าดู"ภาวินถอนหายใจเสียงดังก่อนพูด "จะไม่ให้เครียดได้ยังไงวะ ท่าทางคุณจันทร์คงไม่มีทางปล่อยหนูพราวแน่""ไม่ปล่อยก็ไม่ปล่อยสิ เขาก็ไม่ได้หนีไปไหนกันนี่หว่า มึงอยากไปหาเมื่อไรก็ได้หนูจันทร์เขาก็บอกไว้แล้วนี่ เขาไม่ได้กีดกันหรือห้ามไม่ให้มึงไปหาลูกสักหน่อย""มึงก็พูดง่ายสิ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 100%

    ทั้งสองหนุ่มเองก็เงียบไปเช่นกัน ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองไปครู่หนึ่ง"ช่วงนั้นพวกเราสามคนแม่ลูกแทบจะทำอะไรกันไม่ถูกเพราะทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ยังดีที่มีญาติสนิทบางคน และเพื่อนของคุณแม่ที่ช่วยเหลือและแนะนำอะไรหลาย ๆ อย่าง กว่าจะผ่านจุดนั้นกันมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่พี่ตะวันเองก็เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าท้อง พูดคุยน้อยลง ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน พี่เขาตัดการติดต่อกับเพื่อนทุกคน จันทร์กับคุณแม่ก็คิดว่าพี่ตะวันคงกำลังปรับตัวจึงไม่ได้สงสัยอะไร และช่วงนั้นจันทร์ก็มัวแต่ยุ่งกับการหางานทำด้วย คุณแม่ก็ต้องอบขนมทำเค้กไปให้ร้านต่าง ๆ ลองชิมรสชาติ ถ้าถูกปากก็จะได้สั่งไปขาย"จันทร์เจ้าเล่าไปเรื่อย ๆ จนลืมตัวเผลอใช้ชื่อตนแทนคำเรียกขาน และคนฟังก็ไม่ได้สะดุดหูกับตรงนี้เช่นกันเพราะต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง"เราสามคนก็ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งพี่ตะวันคลอด หลังจากคลอดแล้วพี่เขาดูเหมือนจะยิ่งเก็บตัวและเงียบมากขึ้นกว่าเดิม ปกติคนที่เพิ่งคลอดลูกมามักจะอวบขึ้นแต่พี่ตะวันกลับซูบผอมลงไปมาก จากคนที

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 75%

    "หมาเห็นปลากระป๋อง ได้แต่มองไม่มีสิทธิ์แ..." คำสุดท้ายภาวินพูดโดยไม่ออกเสียงแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนคนที่ถูกนำไปเปรียบกับสุนัขได้แต่ชูนิ้วกลางให้เพื่อน จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องรับแขกจนกระทั่งจันทร์เจ้าพาพราวนภาเดินเข้ามาในห้องหญิงสาวเห็นสองหนุ่มพากันนั่งตัวตรงจึงก้มตัวลงไปบอกหลานตัวน้อย"หนูพราว หนูนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ขอแม่คุยกับคุณลุงเขาก่อน""แม่จันทร์จะไปไหนคะ หนูพราวไปด้วย" พราวนภาเงยหน้าถามเสียงอ่อยด้วยสายตาออดอ้อน"แม่ไม่ได้ไปไหนค่ะ แม่จะนั่งคุยตรงโต๊ะกินข้าวนี่เอง หนูพราวนั่งดูการ์ตูนไปก่อนนะลูก" พูดจบก็เดินจะไปหยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิดช่องการ์ตูน แต่รีโมตนั้นกลับวางอยู่บนเบาะข้างชินดนัย เธอมองหน้าเขา เห็นเขายิ้มกริ่มมองตอบกลับมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วพูดว่า"หนูพราวคะ เวลาจะขอสิ่งของ หรือขอให้ผู้ใหญ่หยิบของให้ เราควรจะพูดยังไงเอ่ย"​"พูดว่าหยิบของให้หนูพราวหน่อยได้ไหมคะ" พราวนภาตอบอย่างพาซื่อ"แล้วถ้า..." ชินดนัยหยุดพูดพลางมองหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 50%

    ชินดนัยก้าวมายืนด้านหน้าบรรพตอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ภาวินก็เดินเข้าไปใกล้แล้วพูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน"แถวบ้านกูเขาเรียกปากหมานะเนี่ย จัดสักดอกดีไหมวะไอ้ชิน""เฮ้ย! พวกมึงจะหมาหมู่หรือวะ คิดว่ากูกลัวรึไง ถุย!"บรรพตถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทั้งคู่แล้วพูดอย่างอาฆาต"ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึงน่ะ อย่าให้กูเจอที่อื่นนะจะให้คนกระทืบแม่งให้ตายคาตีนเลย""ตายคาตีนกูก่อนดีไหม ปากดีฉิบหาย" ชินดนัยปรี่เข้าไปทันที บรรพตจึงรีบถอยกรูดไปที่รถของตัวเองพร้อมกับเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างลนลาน เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้ารีบไขกุญแจเปิดประตูรั้วออกมาแล้วร้องห้ามเสียงสั่น"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่ามาต่อยตีกันหน้าบ้านฉันนะ" สิ้นเสียงของหญิงสาว เสียงล้อบดถนนจากการเร่งเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มพร้อมกับที่รถสปอร์ตของบรรพตวิ่งฉิวผ่านหน้าไปจนเกือบชนจักรยานที่พนักงานรักษาความปลอดภัยขี่ตรวจตราภายในหมู่บ้านคล้อยหลังรถเจ้าปัญหา จันทร์เจ้าก็หันมามองหน้าชายหนุ่มสองคนแล้วถามอย่างเอาเรื่อง"แล้วพวกคุณสองคนมาทำไม"ภาวินทำหน้าอิหลักอิเห

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 25%

    จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสะกดความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจ บรรพตเป็นบุตรชายของเจ้าสัวเอนก เพื่อนในทางธุรกิจของบิดาผู้ล่วงลับ ตอนที่บ้านของเธอยังไม่ถูกฟ้องล้มละลาย เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อเธออยู่หลายครั้ง บางทีก็เข้าหาทางบิดา ทำทีเป็นว่าให้ผู้ใหญ่พูดคุยตกลงเพื่อเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่พอบ้านของเธอไม่เหลืออะไร ผู้ชายคนนี้กลับยื่นข้อเสนอให้เธอไปเป็นเมียเก็บของเขา เพื่อแลกกับเงินเดือนละหนึ่งแสนบาท ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่เคยปริปากบอกมารดาให้ท่านทราบจนกระทั่งวันนี้ใครยอมก็โง่เต็มที!"คุณบรรพตมีธุระอะไรรึเปล่าคะถึงได้มาเวลานี้"หญิงสาวพยายามเก็บความหวาดหวั่นเอาไว้ในใจ แล้วแสดงออกมาแต่ความสงบเยือกเย็นผ่านทางสีหน้าเช่นเคย และเพราะรู้ตัวว่าตนอาจเผลอแสดงความรังเกียจออกไปทางสายตา จึงพยายามกลอกตามองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เขาสังเกตเห็น ตอนนี้เธออยู่บ้านกับเด็กเล็กแค่สองคน หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดี เขาอาจลงมือทำอะไรก็ได้"แหม...น้องจันทร์นี่ละก็ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อเต็ม มันฟังดูห่างเหินเกินไปเหมือนเราไม่ใช่คนกันเองอย่างนั้นแหละ" บรรพตยิ้มพร

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 9 ลักยิ้มน่าสงสัย - 100%

    "ช่วงที่กูได้งานเป็นนักบินใหม่ ๆ กูเคยคบกับแอร์สายการบินเดียวกันอยู่คนหนึ่งชื่อตะวัน คบได้ปีกว่าก็เลิกไป และตะวันก็น่าจะเป็นพี่สาวของเลขาฯ มึงนั่นแหละ ถึงว่าสิ ตอนเห็นหน้าคุณจันทร์ครั้งแรกกูถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะสองพี่น้องนี่หน้าตาคล้าย ๆ กันนี่เอง" ภาวินก้มดูรูปในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง"ทำไมถึงเลิกวะ บอกได้ไหม" ชินดนัยอดถามไม่ได้ เพราะหากพราวนภาเป็นลูกของภาวินจริง ๆ ก็หมายความว่าพี่สาวของจันทร์เจ้าตั้งครรภ์อยู่ตอนที่เลิกรากับเพื่อนเขาภาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา แหงนคอพาดไว้กับพนักแล้วหลับตานิ่งก่อนจะตอบเบา ๆ"เขาบอกว่าเขาท้องกับคนอื่น"ทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นก็เป็นภาวินที่เปิดปากพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน"ตอนแรกก็ยังดี ๆ อยู่ ตอนบินไปปารีสก็ยังไปเที่ยวด้วยกันอยู่เลย แต่หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้สักวันสองวัน จู่ ๆ ตะวันก็โทร. มาบอกเลิกกู เขาบอกว่าคบผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยไม่ได้คบกูคนเดียว เขาท้อง และลูกในท้องก็เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เฮ้อ...บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นกูโคตรโกรธเลย วันไหนไม่มีบิน ก

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 9 ลักยิ้มน่าสงสัย - 70%

    "หนูไม่ชอบกินขนมปังหรือคะ" ชายหนุ่มลองถามเด็กน้อยดูเมื่อเห็นเจ้าตัวเอาแต่มองถุงขนมแต่ไม่ยอมรับไป"ชอบกินค่ะ แต่ต้องขอแม่จันทร์ก่อน แม่จันทร์กับยายจ๋าไม่ให้รับของจากคนอื่น" พราวนภาอธิบายเจื้อยแจ้ว ทำเอาคนมองอย่างภาวินรู้สึกเอ็นดูจนอยากรวบตัวเข้ามากอดไว้แนบอก"ถ้าอย่างนั้นรอแม่จันทร์มาก่อนก็ได้ค่ะ แต่ระหว่างรอ เรามาถ่ายรูปด้วยกันดีไหมคะ คุณลุงอยากถ่ายรูปกับหนูพราวจังเลย"ภาวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วกดโหมดถ่ายภาพทันทีโดยไม่รอคำตอบ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พราวนภาจนแก้มเกือบชนกัน"ยิ้มสวย ๆ หน่อยค่ะคนเก่ง คุณลุงจะนับถึงสามนะคะ หนึ่ง...สอง...สาม"เขากดถ่ายไปหลายรูปด้วยความรวดเร็ว เพราะอยากได้รูปที่ชัดที่สุดเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบว่าพราวนภามีส่วนใดบนใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาบ้าง ซึ่งคนที่จะช่วยเขาดูเรื่องนี้ก็คือบิดามารดาของเขาเองชินดนัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก บุตรสาวของจันทร์เจ้าใบหน้าละม้ายคล้ายภาวินอย่างกับแกะ หากเดินด้วยกันเขาเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องมีคนคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่นอน แต่ปัญหาคือภาวินยืนยันเป

DMCA.com Protection Status