แชร์

บทที่ 1 เลขาฯ คนใหม่ - 50%

"ค่ะ" จันทร์เจ้าพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ในใจกลับคิดว่าคงเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนส่งใบสมัครเข้ามามากกว่า เนื่องจากตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัทนั้นค่อนข้างเป็นงานที่กดดันพอสมควร

ที่สำคัญคือเงินเดือนที่เธอเรียกไปค่อนข้างสูง เพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็คงไม่ได้งานนี้แน่ แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอกลับถูกเลือก หนำซ้ำทางนี้ยังไม่ต่อรองเงินเดือนที่เรียกไปแม้แต่บาทเดียว

"จันทร์ดูเรียบร้อยจังเลยเนอะ ไม่เหมือน..." กชวรรณยังพูดไม่จบ เลขานุการอีกคนก็กระทุ้งแขนเป็นเชิงให้หยุดพูดเสียก่อน

"เรียบร้อยแต่ดูแพง แบบนี้แหละเหมาะที่จะเป็นเลขาฯ ท่านประธานที่สุดแล้ว"

นันทิดายิ้มอ่อนพลางลอบมองการแต่งกายของเลขานุการคนใหม่อย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดและจาบจ้วงเกินไปนัก

จันทร์เจ้ามาเริ่มงานวันแรกด้วยเดรสเข้ารูปสีกรมท่ายาวคลุมเข่า แขนยาวสี่ส่วน คาดเข็มขัดสีเดียวกับชุด แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมตึงมัดไว้ด้านหลัง รูปร่างสูงโปร่งของหญิงสาวกับบุคลิกนิ่ง ๆ และเรียบร้อยทำให้เจ้าตัวดูแพงราวกับลูกผู้ดีมีตระกูล อีกทั้งจันทร์เจ้ายังจัดว่าเป็นคนหน้าตาดี ทุกอย่างจึงดูลงตัวไปหมด

แค่นึกภาพตอนจันทร์เจ้าเดินเคียงคู่ไปกับท่านประธานสุดหล่อ คงไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแค่เลขานุการแน่นอน

"ท่านประธาน...เอ่อ...ดุไหมคะ" จันทร์เจ้ายิ้มเจื่อน ได้แต่ภาวนาอย่าให้เจ้านายคนใหม่เป็นเหมือนคนเก่าเลย

สามสาวมองหน้ากันแล้วยิ้ม แต่ก็ไม่อยากตอบตามความจริงให้อีกฝ่ายต้องเสียขวัญตั้งแต่วันแรก

"ไม่ดุหรอก แต่ชอบงานเนี้ยบ ๆ น่ะ" เอมิกาตอบแบบอ้อม ๆ แต่ดูเหมือนคนฟังจะเข้าใจดี เพราะรอยยิ้มของจันทร์เจ้าจางลงทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

"ค่ะ เข้าใจแล้ว" เธอยิ้มให้ทั้งสามคนพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อให้กำลังใจตนเอง

เอาเถอะ ขอแค่ไม่ปากจัด พูดคำด่าคำเหมือนเจ้านายเก่าเธอก็พอใจแล้ว

แฟ้มหนังสีน้ำตาลเข้มแฟ้มหนึ่งวางลงตรงหน้าจันทร์เจ้าโดยมีเอมิกาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จันทร์เจ้าเปิดแฟ้มดูอย่างสนใจ จึงเห็นว่าด้านในเป็นรูปนาฬิกาที่ทางบริษัทนำเข้ามาในฐานะตัวแทนจำหน่าย รวมถึงมีรายละเอียด และลักษณะเฉพาะตัว หรือความพิเศษของแต่ละรุ่นบอกเอาไว้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

"พี่คิดว่าจันทร์น่าจะทำการบ้านเกี่ยวกับนาฬิกาที่บริษัทเราเป็นตัวแทนจำหน่ายมาบ้างแล้ว อย่างที่รู้คือเรารับเข้ามาทั้งหมดสองแบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์จากสวิสเซอร์แลนด์ทั้งหมด และราคาก็มีตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลายสิบล้าน"

เอมิกาอธิบายสินค้าของบริษัทให้จันทร์เจ้าฟังโดยละเอียด ซึ่งหญิงสาวก็นั่งฟังอย่างตั้งใจแม้ว่าก่อนมาทำงานที่นี่เธอจะศึกษามาพอสมควรแล้ว

"บริษัทของเราจะมีสองชั้น ชั้นเก้าที่จันทร์เพิ่งไปมาเมื่อกี้จะเป็นพนักงานทั่วไปในแผนกต่าง ๆ ทั้งบัญชี จัดซื้อ ฝ่ายขายอะไรพวกนี้ ส่วนชั้นสิบที่เรากำลังอยู่นี่จะเป็นชั้นสำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะ ก็บรรดาผู้จัดการทั้งหลายนั่นแหละ ส่วนห้องท่านประธานก็อยู่ด้านในสุด แต่จันทร์ไม่ต้องไปนั่งหน้าห้องเหมือนที่อื่นนะ จันทร์ก็นั่งรวมกับพวกพี่ตรงนี้แหละ เวลาท่านประธานจะเอาอะไร เขาจะโฟนมาบอกทางอินเตอร์คอมเอง"

"ดีค่ะ" จันทร์เจ้าได้ฟังก็ยิ้มกว้าง คิดในใจว่าตนช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มาทำงานที่นี่ หญิงสาวก้มลงมองภาพนาฬิกาหรูตรงหน้า ซึ่งเห็นสนนราคาร่วมเจ็ดหลักแล้วก็อดยกมือขึ้นลูบเบา ๆ ไม่ได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อนตนเคยได้สัมผัสของจริงด้วยซ้ำ แต่ ณ เวลานี้คงได้แค่มองจากตู้โชว์ หรือหน้ากระดาษ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของมันอีกแล้ว

"คุณไม่ได้ซื้อแค่นาฬิกา แต่คุณซื้อความภาคภูมิใจ"

จันทร์เจ้าท่องสโลแกนของแบรนด์ออกมาเบา ๆ เอมิกาจึงพูดเสริมขึ้นมา

"ใช่แล้ว เพราะนาฬิกาแต่ละเรือนใช้แรงคนในการประดิษฐ์ทุกขั้นตอน กลไกและฟันเฟืองต่าง ๆ ในตัวเรือนก็ทำขึ้นใหม่ทั้งหมด บางรุ่นใช้เวลาเป็นปีในการทำ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่แค่นาฬิกาที่ใช้ดูเวลา แต่เหมาะที่จะเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย เพราะนาฬิกายี่ห้อนี้ไม่มีคำว่าตกรุ่น"

จันทร์เจ้ายิ้มบาง ๆ ครอบครัวของเธอก็ชอบนาฬิกายี่ห้อนี้กันมาก เมื่อก่อนตนกับพี่สาวและมารดาก็เคยมีคนละเรือน ส่วนบิดามีหลายเรือนหลายยี่ห้อเพราะท่านชอบสะสม แต่บัดนี้ทุกอย่างถูกแปลงเป็นเงินหมดแล้วเพื่อความอยู่รอด

หญิงสาวปัดเรื่องอดีตออกจากหัวเพราะป่วยการจะไปนึกถึง แล้วก้มหน้าก้มตาศึกษางานตรงหน้าอย่างตั้งใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเอมิกานั้นกำลังลอบสังเกตตนอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเอมิกาดังขึ้น เจ้าตัวจึงลุกไปที่โต๊ะของตัวเอง

"จันทร์นั่งดูไปก่อนนะ พี่ขอตัวไปทำงานของพี่ก่อน"

"ค่ะพี่เอม ขอบคุณนะคะ" จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ก่อนจะก้มลงสนใจงานของตนต่อ แต่แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่รู้ชื่อของผู้เป็นเจ้านายเลยว่าท่านประธานนั้นชื่ออะไร เธอเงยหน้ามองไปทางเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ก็เห็นแต่ละคนกำลังวุ่นวายกับงานของตัวเองอยู่จึงไม่กล้าเอ่ยปากถาม ตั้งใจไว้ว่าตอนพักกลางวันค่อยถามทีเดียว

เอมิกาเห็นชื่อคนโทรศัพท์เข้ามาก็อดลอบมองไปทางเลขาฯ คนใหม่ไม่ได้ เธอกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไปไม่ดังนัก

"ค่ะท่านประธาน"

"เป็นยังไงบ้างคุณเอม ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม"

"เรียบร้อยค่ะท่าน ตอนนี้กำลังให้น้องเขาศึกษาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราอยู่"

"อืม ผมฝากด้วยนะ แล้วก็รบกวนอีกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่าคุณบอกชื่อผมให้เขารู้รึยัง ถ้ายังไม่บอกแล้วเขาถามว่าผมชื่ออะไร คุณบอกไปว่าชินดนัย สุธรรมฤกษ์ละกัน นามสกุลแม่ผมน่ะ"

"ดะ...ได้ค่ะท่าน" เอมิกายิ้มเจื่อนเพราะไม่เข้าใจว่าเจ้านายคิดจะทำอะไร แต่ในใจเริ่มสงสัยแล้วว่าท่านประธานกับจันทร์เจ้าน่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน

"อ้อ อย่าลืมให้เขาเซ็นสัญญาการทำงานด้วยนะ ทดลองงานสี่เดือน ห้ามลาออกไม่ว่ากรณีใด ๆ"

เอมิกาเลิกคิ้วทำตาโตพลางพยักหน้าตอบรับ "ค่ะท่าน"

ท่านประธานวางสายไปแล้ว เอมิกาจึงค้นหาไฟล์เอกสารสัญญาการจ้างงานเพื่อนำมาปรับปรุงข้อความบางส่วนเสียใหม่ตามความต้องการของผู้เป็นนาย

...ทดลองงานสี่เดือน ห้ามลาออกไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น...

ทางด้านคนปลายสาย หลังจากวางหูแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ชินดนัยยืนกอดอกมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย แต่ความคิดกลับล่องลอยไปหาใครบางคนที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมากว่าเจ็ดปี

หากวันนั้นเขาไม่บังเอิญหยิบแฟ้มใบสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการมาดู เขาก็คงไม่ได้เห็นว่าจันทร์เจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้สมัครงานนั้นด้วย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status