แชร์

บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 25%

แค่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจของจันทร์เจ้าก็เต้นระรัวยิ่งกว่าเดิมเพราะความตกใจ หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทันที ซึ่งสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มกระจายเต็มวงหน้า รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลได้ปลื้ม และหลงคิดไปว่าตนเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เพียงคนเดียว

จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพราะเผลอกลั้นหายใจไว้นาน สมองเริ่มสับสนเพราะนึกไม่ออกว่าจะรับมืออย่างไร ทุกอย่างกะทันหันเกินไปเพราะตั้งแต่เลิกรากันเมื่อเจ็ดปีก่อนเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง

ชินดนัย ผู้ชายไม่รู้จักพอ!

"อะไรกัน ทำไมนิ่งไปล่ะ อย่าบอกนะว่าจำพี่ไม่ได้น่ะหนูจันทร์"

น้ำเสียงหยอกเย้าอย่างเป็นกันเองของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวดึงสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ เธอค้อมศีรษะให้เขาอย่างเป็นการเป็นงานแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"จำได้ค่ะ" เธอหลุบตาลงมองพื้นจึงไม่เห็นว่ารอยยิ้มของชินดนัยนั้นกว้างขึ้นกว่าเดิม

"ห่างเหินจัง เราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานนะ คุยกันแบบเดิมดีกว่าไหม"

"คงไม่ดีค่ะ คุณเป็นเจ้านายฉันเป็นลูกจ้าง ใครได้ยินเข้าคงคิดว่าฉันทำตัวตีตนเสมอท่าน" เธอไม่กล้ามองหน้าเขา แม้ว่าขณะที่กำลังพูดนั้นจะพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาให้ได้อย่างเขา แต่ก็รู้ดีว่าคงฝืดเฝื่อนเต็มทน

ชินดนัยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมายืนอยู่ตรงหน้าจันทร์เจ้าในระยะห่างแค่เอื้อมมือถึง เขาเห็นมือของเธอที่ประสานกันอยู่นั้นบีบเข้าหากันแน่นอย่างลืมตัว และเห็นว่าสายตาคู่นั้นกำลังสอดส่ายมองซ้ายมองขวาภายใต้เปลือกตาสีพีช กิริยาเล็กน้อยของเธอแบบนี้เขามองก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังประหม่า และคิดหาทางเอาตัวรอดอยู่

แม้จะปั้นหน้าให้เย็นชาอย่างไร แต่ความเคยชินบางอย่างอันเป็นนิสัยประจำตัวของเธอก็ยังฟ้องออกมาให้เขารู้อยู่ดีว่าลึก ๆ แล้วจันทร์เจ้าไม่ได้เย็นชาอย่างที่เห็น

"ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พูดตอนอยู่กันแค่สองคนก็ได้ถ้าจันทร์ไม่อยากถูกคนอื่นเอาไปพูดเสียหาย ได้ไหมหนูจันทร์ พี่ขอ"

"ไม่ได้ค่ะ ฉันขอเรียกว่าท่านประธานเหมือนพนักงานคนอื่นดีกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ" หญิงสาวค้อมศีรษะให้เขาอีกครั้งแล้วกลับหลังหันเดินไปที่ประตู แต่แล้วเท้าทั้งสองข้างก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา

“พี่หวังว่าจันทร์จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานด้วยการขอลาออกทั้งที่ยังไม่ผ่านโปรหรอกนะ แต่ถ้าจันทร์คิดจะทำอย่างนั้นจริงก็คงไม่ได้แล้วละ เพราะเมื่อวานจันทร์ก็เซ็นสัญญาไปแล้วนี่นา ในสัญญาระบุไว้ว่าจันทร์จะลาออกไม่ได้จนกว่าจะครบสี่เดือน”

จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดานอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เพราะหันหลังให้เขาอยู่ชายหนุ่มจึงไม่เห็น เธอเอี้ยวหน้ามามองเขาแล้วยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโต้ตอบกลับไปว่า

“ฉันไม่ทำอะไรเด็ก ๆ แบบนั้นหรอกค่ะ งานสมัยนี้หายากจะตายไป ยิ่งงานที่เงินเดือนดีแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งต้องเกาะเอาไว้ให้แน่น แล้วก็เรื่องส่วนตัวที่ท่านประธานพูดถึงนั่น บอกตามตรงนะคะว่าฉันแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอกนะคะว่าฉันจะเก็บเรื่องแบบนั้นมาใส่ใจ ขอตัวนะคะท่าน ต้องการอะไรก็โฟนมาเรียกนะคะ”

จันทร์เจ้าเปิดประตูออกไปจากห้องของท่านประธานด้วยหัวใจที่เต้นจนแทบกระดอนออกมานอกอก คิดแล้วก็นึกขอบคุณความนิ่งและความหน้าตายของตนที่ช่วยกู้หน้าเอาไว้ได้ หาไม่แล้วเธอคงขายขี้หน้าผู้ชายคนนั้นเป็นแน่

เมื่อประตูปิดลง ชินดนัยได้แต่มองบานประตูอยู่อย่างนั้น คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาอย่างนี้จากจันทร์เจ้า ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวาน และมองโลกทุกอย่างเป็นสีชมพูในวันวานจะแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่ดูมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ หนำซ้ำยังโต้ตอบเขาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย ดูท่าเจ็ดปีที่ผ่านมา กาลเวลาคงบ่มเพาะเขี้ยวเล็บของเธอให้แหลมคมขึ้นไม่น้อย

น่าสนุกชะมัด!

แม้เขาจะคบผู้หญิงมามากหน้าหลายตา แต่คนที่ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึงได้อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็มีเพียงจันทร์เจ้าคนเดียวเท่านั้น เมื่อครั้งที่คบกันสมัยเป็นนิสิต ตอนที่ถูกเธอจับได้ว่าเขาคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน เขานึกว่าเธอจะฟูมฟายและขอร้องให้เขาเลิกกับคนอื่นแล้วคบกับเธอเพียงคนเดียว แต่จันทร์เจ้ากลับทำในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าคนเรียบร้อยอย่างเธอจะกล้า ด้วยการตบหน้าเขาฉาดใหญ่ท่ามกลางสายตาของนิสิตอีกหลายคน ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้เขาต้องถูกเพื่อนล้อไปยันวันจบการศึกษาเลยทีเดียว

ชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิม แต่มุมปากกลับยกยิ้มอยู่ตลอดเวลาราวกับเจอของถูกใจ

งานของจันทร์เจ้าไม่ต่างจากที่ทำงานเก่าเท่าไรนัก เพราะแค่ตรวจสอบเอกสารที่มาวางบนโต๊ะก่อนจะนำเข้าไปให้ท่านประธานในห้อง รับโทรศัพท์ทุกสายที่เป็นของชินดนัยแล้วต่อสายเข้าไปให้เขาในห้อง แต่งานที่หนักหนาสำหรับเธอตอนนี้คือการตามล้างตามเช็ดงานที่เลขานุการคนเก่าทำเอาไว้

“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจแผ่วอย่างลืมตัวเมื่อรื้อเอกสารทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะเพราะมันอยู่อย่างกระจัดกระจาย ไม่ได้เก็บไว้เป็นหมวดหมู่อย่างที่ควรจะเป็น

เธอเหลือบมองเวลา ใกล้เที่ยงแล้วแต่ยังอยากทำตรงนี้ให้เสร็จภายในวันนี้เพราะไม่ชอบให้อะไรค้างคาจึงตัดสินใจว่าจะไม่กินข้าวกลางวัน แต่แล้วความตั้งใจของจันทร์เจ้าก็ต้องถูกตีตกไปเมื่อเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น

“คุณจันทร์ครับ ฝากซื้อข้าวกลางวันให้ผมด้วยนะ อะไรก็ได้”

หญิงสาวลอบถอนหายใจก่อนตอบกลับไปคำเดียวสั้น ๆ “ค่ะ”

จันทร์เจ้าคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือแล้วกดลิฟต์ลงไปข้างล่าง อีกสิบนาทีจะพักกลางวัน คนในร้านอาหารจึงยังไม่เยอะ หญิงสาวเมียงมองหาร้านอาหารตามสั่งจนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่ร้านร้านหนึ่ง ความทรงจำบางเรื่องที่เธอคิดว่าลืมไปหมดแล้วกลับผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด

...

“จันทร์อยากกินผัดไทย พี่ชินกินด้วยกันไหมคะ” เธอชี้ไปที่ร้านผัดไทยหอยทอดในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย

“ผัดไทยนี่มันใส่ถั่วงอกด้วยใช่ไหม พี่ไม่กินถั่วงอก” เขาทำหน้าแหย

“อ้าว ทำไมไม่กินคะ อร่อยดีออก”

“รูปร่างมันเหมือนหนอนจะตายไป ยิ่งเอามาใส่ในอาหารดูยังไงก็เหมือนมีหนอนยั้วเยี้ยอยู่ในจาน ฮึ่ย! แค่นึกก็ขนลุกแล้วดูสิเนี่ย” เขายกแขนขึ้นมาให้ดูประกอบคำพูดเมื่อครู่ เธอเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาก็มีมุมเด็ก ๆ อย่างนี้เหมือนกัน

...

จันทร์เจ้ายิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ เธอเดินเข้าไปที่ร้านผัดไทยหอยทอดร้านนั้นทันที

“ป้าคะ เอาหอยทอดหนึ่งห่อค่ะ ขอถั่วงอกเยอะ ๆ นะคะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status