แค่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจของจันทร์เจ้าก็เต้นระรัวยิ่งกว่าเดิมเพราะความตกใจ หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทันที ซึ่งสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มกระจายเต็มวงหน้า รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลได้ปลื้ม และหลงคิดไปว่าตนเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เพียงคนเดียว
จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพราะเผลอกลั้นหายใจไว้นาน สมองเริ่มสับสนเพราะนึกไม่ออกว่าจะรับมืออย่างไร ทุกอย่างกะทันหันเกินไปเพราะตั้งแต่เลิกรากันเมื่อเจ็ดปีก่อนเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง
ชินดนัย ผู้ชายไม่รู้จักพอ!
"อะไรกัน ทำไมนิ่งไปล่ะ อย่าบอกนะว่าจำพี่ไม่ได้น่ะหนูจันทร์"
น้ำเสียงหยอกเย้าอย่างเป็นกันเองของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวดึงสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ เธอค้อมศีรษะให้เขาอย่างเป็นการเป็นงานแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"จำได้ค่ะ" เธอหลุบตาลงมองพื้นจึงไม่เห็นว่ารอยยิ้มของชินดนัยนั้นกว้างขึ้นกว่าเดิม
"ห่างเหินจัง เราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานนะ คุยกันแบบเดิมดีกว่าไหม"
"คงไม่ดีค่ะ คุณเป็นเจ้านายฉันเป็นลูกจ้าง ใครได้ยินเข้าคงคิดว่าฉันทำตัวตีตนเสมอท่าน" เธอไม่กล้ามองหน้าเขา แม้ว่าขณะที่กำลังพูดนั้นจะพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาให้ได้อย่างเขา แต่ก็รู้ดีว่าคงฝืดเฝื่อนเต็มทน
ชินดนัยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมายืนอยู่ตรงหน้าจันทร์เจ้าในระยะห่างแค่เอื้อมมือถึง เขาเห็นมือของเธอที่ประสานกันอยู่นั้นบีบเข้าหากันแน่นอย่างลืมตัว และเห็นว่าสายตาคู่นั้นกำลังสอดส่ายมองซ้ายมองขวาภายใต้เปลือกตาสีพีช กิริยาเล็กน้อยของเธอแบบนี้เขามองก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังประหม่า และคิดหาทางเอาตัวรอดอยู่
แม้จะปั้นหน้าให้เย็นชาอย่างไร แต่ความเคยชินบางอย่างอันเป็นนิสัยประจำตัวของเธอก็ยังฟ้องออกมาให้เขารู้อยู่ดีว่าลึก ๆ แล้วจันทร์เจ้าไม่ได้เย็นชาอย่างที่เห็น
"ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พูดตอนอยู่กันแค่สองคนก็ได้ถ้าจันทร์ไม่อยากถูกคนอื่นเอาไปพูดเสียหาย ได้ไหมหนูจันทร์ พี่ขอ"
"ไม่ได้ค่ะ ฉันขอเรียกว่าท่านประธานเหมือนพนักงานคนอื่นดีกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ" หญิงสาวค้อมศีรษะให้เขาอีกครั้งแล้วกลับหลังหันเดินไปที่ประตู แต่แล้วเท้าทั้งสองข้างก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา
“พี่หวังว่าจันทร์จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานด้วยการขอลาออกทั้งที่ยังไม่ผ่านโปรหรอกนะ แต่ถ้าจันทร์คิดจะทำอย่างนั้นจริงก็คงไม่ได้แล้วละ เพราะเมื่อวานจันทร์ก็เซ็นสัญญาไปแล้วนี่นา ในสัญญาระบุไว้ว่าจันทร์จะลาออกไม่ได้จนกว่าจะครบสี่เดือน”
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดานอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เพราะหันหลังให้เขาอยู่ชายหนุ่มจึงไม่เห็น เธอเอี้ยวหน้ามามองเขาแล้วยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโต้ตอบกลับไปว่า
“ฉันไม่ทำอะไรเด็ก ๆ แบบนั้นหรอกค่ะ งานสมัยนี้หายากจะตายไป ยิ่งงานที่เงินเดือนดีแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งต้องเกาะเอาไว้ให้แน่น แล้วก็เรื่องส่วนตัวที่ท่านประธานพูดถึงนั่น บอกตามตรงนะคะว่าฉันแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอกนะคะว่าฉันจะเก็บเรื่องแบบนั้นมาใส่ใจ ขอตัวนะคะท่าน ต้องการอะไรก็โฟนมาเรียกนะคะ”
จันทร์เจ้าเปิดประตูออกไปจากห้องของท่านประธานด้วยหัวใจที่เต้นจนแทบกระดอนออกมานอกอก คิดแล้วก็นึกขอบคุณความนิ่งและความหน้าตายของตนที่ช่วยกู้หน้าเอาไว้ได้ หาไม่แล้วเธอคงขายขี้หน้าผู้ชายคนนั้นเป็นแน่
เมื่อประตูปิดลง ชินดนัยได้แต่มองบานประตูอยู่อย่างนั้น คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาอย่างนี้จากจันทร์เจ้า ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวาน และมองโลกทุกอย่างเป็นสีชมพูในวันวานจะแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่ดูมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ หนำซ้ำยังโต้ตอบเขาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย ดูท่าเจ็ดปีที่ผ่านมา กาลเวลาคงบ่มเพาะเขี้ยวเล็บของเธอให้แหลมคมขึ้นไม่น้อย
น่าสนุกชะมัด!
แม้เขาจะคบผู้หญิงมามากหน้าหลายตา แต่คนที่ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึงได้อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็มีเพียงจันทร์เจ้าคนเดียวเท่านั้น เมื่อครั้งที่คบกันสมัยเป็นนิสิต ตอนที่ถูกเธอจับได้ว่าเขาคบซ้อนกับผู้หญิงอีกคน เขานึกว่าเธอจะฟูมฟายและขอร้องให้เขาเลิกกับคนอื่นแล้วคบกับเธอเพียงคนเดียว แต่จันทร์เจ้ากลับทำในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าคนเรียบร้อยอย่างเธอจะกล้า ด้วยการตบหน้าเขาฉาดใหญ่ท่ามกลางสายตาของนิสิตอีกหลายคน ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้เขาต้องถูกเพื่อนล้อไปยันวันจบการศึกษาเลยทีเดียว
ชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิม แต่มุมปากกลับยกยิ้มอยู่ตลอดเวลาราวกับเจอของถูกใจ
งานของจันทร์เจ้าไม่ต่างจากที่ทำงานเก่าเท่าไรนัก เพราะแค่ตรวจสอบเอกสารที่มาวางบนโต๊ะก่อนจะนำเข้าไปให้ท่านประธานในห้อง รับโทรศัพท์ทุกสายที่เป็นของชินดนัยแล้วต่อสายเข้าไปให้เขาในห้อง แต่งานที่หนักหนาสำหรับเธอตอนนี้คือการตามล้างตามเช็ดงานที่เลขานุการคนเก่าทำเอาไว้
“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจแผ่วอย่างลืมตัวเมื่อรื้อเอกสารทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะเพราะมันอยู่อย่างกระจัดกระจาย ไม่ได้เก็บไว้เป็นหมวดหมู่อย่างที่ควรจะเป็น
เธอเหลือบมองเวลา ใกล้เที่ยงแล้วแต่ยังอยากทำตรงนี้ให้เสร็จภายในวันนี้เพราะไม่ชอบให้อะไรค้างคาจึงตัดสินใจว่าจะไม่กินข้าวกลางวัน แต่แล้วความตั้งใจของจันทร์เจ้าก็ต้องถูกตีตกไปเมื่อเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น
“คุณจันทร์ครับ ฝากซื้อข้าวกลางวันให้ผมด้วยนะ อะไรก็ได้”
หญิงสาวลอบถอนหายใจก่อนตอบกลับไปคำเดียวสั้น ๆ “ค่ะ”
จันทร์เจ้าคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือแล้วกดลิฟต์ลงไปข้างล่าง อีกสิบนาทีจะพักกลางวัน คนในร้านอาหารจึงยังไม่เยอะ หญิงสาวเมียงมองหาร้านอาหารตามสั่งจนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่ร้านร้านหนึ่ง ความทรงจำบางเรื่องที่เธอคิดว่าลืมไปหมดแล้วกลับผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด
...
“จันทร์อยากกินผัดไทย พี่ชินกินด้วยกันไหมคะ” เธอชี้ไปที่ร้านผัดไทยหอยทอดในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
“ผัดไทยนี่มันใส่ถั่วงอกด้วยใช่ไหม พี่ไม่กินถั่วงอก” เขาทำหน้าแหย
“อ้าว ทำไมไม่กินคะ อร่อยดีออก”
“รูปร่างมันเหมือนหนอนจะตายไป ยิ่งเอามาใส่ในอาหารดูยังไงก็เหมือนมีหนอนยั้วเยี้ยอยู่ในจาน ฮึ่ย! แค่นึกก็ขนลุกแล้วดูสิเนี่ย” เขายกแขนขึ้นมาให้ดูประกอบคำพูดเมื่อครู่ เธอเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาก็มีมุมเด็ก ๆ อย่างนี้เหมือนกัน
...
จันทร์เจ้ายิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ เธอเดินเข้าไปที่ร้านผัดไทยหอยทอดร้านนั้นทันที
“ป้าคะ เอาหอยทอดหนึ่งห่อค่ะ ขอถั่วงอกเยอะ ๆ นะคะ”
ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทเปิดผลัวะออกมาอย่างแรงจนบรรดาเลขานุการสาวที่นั่งกันอยู่ต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นของท่านประธาน ผู้ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมามักจะอารมณ์ดีและใจเย็นอยู่ตลอด"หนู...คุณจันทร์!" ชินดนัยหน้าแดงก่ำ สีหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นกับอะไรบางอย่าง"คะท่าน" จันทร์เจ้ารีบลุกขึ้นยืนแล้วเอามือประสานกันไว้ด้านหน้าอย่างเรียบร้อยเช่นเคย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกไปทางสีหน้า แต่มุมปากก็เอาแต่จะยกยิ้มอยู่เรื่อยจึงเม้มปากเอาไว้เพื่อกลั้นยิ้ม แต่ถ้ามองจากสายตาของเพื่อนร่วมงาน กลับมองว่าหญิงสาวกำลังหวาดกลัวกับน้ำเสียงและท่าทางกราดเกรี้ยวของผู้เป็นนาย ทุกคนจึงอดเห็นใจไม่ได้"คุณซื้อหอยทอดให้ผม" เขาชี้เข้าไปในห้อง จันทร์เจ้าทำทีเป็นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะพยักหน้าอย่างใสซื่อ"ใช่ค่ะ ก็ท่านประธานบอกว่าซื้ออะไรก็ได้ ฉันก็เลยซื้อหอยทอดมาให้เพราะร้านอื่นต้องรอคิวนานน่ะค่ะ เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่ามีสิ่งแปลกปลอมในอาหาร""มันมีถั่วงอก!" เขาเค้นเสียงราวกับกัดฟันพูด ทำเอาจันทร์เจ้าต้องกลั้นขำอีกครั้งด้วยการใช้เล็บจิกมือตัวเอง
จันทร์เจ้าหันขวับไปมองเขาทันที แต่เพราะเขาก็ก้มตัวลงมาจึงทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้จนแทบหายใจรดกัน หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นแล้วเอนตัวออกห่างจากเขา แต่มือยังคงถูกเขากุมเอาไว้อยู่"ขอโทษที พี่ก็แค่ทำไปตามความเคยชิน"ชินดนัยยิ้มพลางปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ เห็นหญิงสาวรีบคาดเข็มขัดแล้วปั้นหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็พอรู้ว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจจึงเลิกแกล้ง ปิดประตูรถให้เธอแล้วเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแค่เสี้ยววินาทีที่ใกล้กันเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงค่ำคืนแสนหวานที่มีร่วมกันไม่ได้ จันทร์เจ้าในตอนนั้นคือสาวน้อยอ่อนเดียงสาที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาพาเธอไปเที่ยวทะเลแล้วป้อนคำหวานสารพัดจนเธอยอมใจอ่อนมอบกายให้ เขาจำได้ว่าตนตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งเคยเปิดซิงผู้หญิงเป็นครั้งแรก เนื่องจากสาว ๆ ของเขาแต่ละคนที่เคยคบมาล้วนแล้วแต่เจนสังเวียนมาแล้วทั้งสิ้น ช่วงนั้นเขาเห่อเธออยู่พักใหญ่เพราะจันทร์เจ้าเป็นหญิงสาวคนแรกที่เขาใช้เวลานานที่สุดกว่าจะได้มาขึ้นเตียงแต่ตอนนั้นเขาก็เป็นแค่คนหนุ่มที่อารมณ์พลุ่งพล่าน เวลาที่มีผู้หญิงอื่นเข้าหาหรือเสนอให้ ถ้าเขาถูกใจก็จะไม
“แต่พี่ไม่รีบ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไก่ขนาดพอดีคำยื่นไปใกล้กับปากของจันทร์เจ้า“กินไก่ราดครีมมายองเนสนี่สิ อร่อยดีนะหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ กำลังดี”เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้...จันทร์เจ้าได้แต่บ่นเขาอยู่ในใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกไปยังคงเรียบเฉย มีเพียงหัวคิ้วเท่านั้นที่ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์"อย่าอารมณ์เสียสิ เราต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานนะ พี่เห็นจันทร์ดูเครียด ๆ ก็เลยอยากให้ผ่อนคลายบ้าง ทำงานที่นี่ทุกอย่างต้องเป๊ะก็จริง แต่ทุกสิ่งเรายืดหยุ่นกันได้ เรื่องเอกสารที่เลขาฯ คนเก่าเขาทำไว้ยุ่งเหยิงก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากนัก เพราะโดยส่วนใหญ่มันเป็นงานที่ผ่านไปแล้ว เก็บเฉพาะที่จำเป็นก็พอ อีกอย่างนะ เอกสารพวกนั้นเราจะเก็บไฟล์ในรูปแบบพีดีเอฟเอาไว้อยู่แล้ว เข้าไปดูที่เซิร์ฟเวอร์เอาก็ได้ คุณเอมคงสอนเรื่องการเข้าใช้เซิร์ฟเวอร์แล้วใช่ไหม""สอนแล้วค่ะ" พอเห็นเขาพูดเป็นการเป็นงานจันทร์เจ้าก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ เพราะเอมิกาบอกว่าตั้งแต่ชินดนัยมาบริหารแทนบิดา เขาก็ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานของบริษัทใหม่ทั้งหมดให้ดูทันสมัยด้วยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ลดการใช้กระดาษ และลดขั้น
ภาพของชายหนุ่มกับหญิงสาวที่กำลังพลอดรักกันอยู่ในรถยนต์คันหรูตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอขึ้นทีละนิดเพราะน้ำที่เอ่อรื้นขึ้นกบตา จันทร์เจ้ายืนตัวแข็งอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายทั้งปวดแปลบและอึดอัดราวกับหายใจไม่ออก จุกจนเจ็บไปทั้งใจ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า แต่กลับไร้เสียงสะอื้น ดูเหมือนคนในรถจะเริ่มรู้สึกตัวว่ามีคนยืนมองอยู่ เพราะฝ่ายหญิงทำหน้าตกใจแล้วรีบติดกระดุมเสื้อนิสิตของตนตามเดิม ขณะที่ฝ่ายชายนั้นเพียงหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นชายหนุ่มหันไปพูดบางอย่างกับคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ จันทร์เจ้าจำหล่อนได้ ผู้หญิงคนนี้ชื่อสลิลา เรียนปีเดียวกันกับเธอแต่คนละคณะ เธอเรียนบริหารการจัดการ แต่เจ้าหล่อนเรียนเศรษฐศาสตร์ และเป็นดาวคณะที่หนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ต่างพากันเข้าคิวจีบเพราะอยากสานสัมพันธ์ด้วยแต่ทั้งที่มีชายหนุ่มมากมายหมายปอง ผู้ชายที่สลิลาเลือกคบหากลับเป็นชินดนัย คนรักของเธอชินดนัยเปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถ ร่างสูงโปร่งในชุดนิสิตเดินเข้าไปหาจันทร์เจ้าด้วยท่าทีปกติราวกับว่
จันทร์เจ้าแหงนมองอาคารหลังใหญ่ตรงหน้าจากในรถด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของเธอในฐานะเลขานุการของท่านประธานใหญ่บริษัทนำเข้านาฬิกาแบรนด์หรู แม้จะไม่ใช่งานแรกสำหรับการเป็นเลขาฯ แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ขนาดนี้เมื่อคืนหญิงสาวตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว โชคดีที่เธอตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ไว้สามช่วงเวลา มิเช่นนั้นวันนี้คงมาสายตั้งแต่ทำงานวันแรกหลังจากแลกบัตรแล้วเข้าไปจอดรถในอาคารเสร็จเรียบร้อย จันทร์เจ้าก็กดลิฟต์ขึ้นไปชั้นเก้า เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็เห็นชื่อบริษัทเด่นหราอยู่ตรงหน้า หญิงสาวผลักประตูกระจกเดินเข้าไปด้านใน และเพราะยังไม่ถึงเวลาทำงาน คนในออฟฟิศจึงค่อนข้างบางตา เธอเห็นหลายคนมองมาด้วยความสงสัย จึงแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อจันทร์เจ้า ทำตำแหน่งเลขาฯ ท่านประธาน วันนี้มาเริ่มงานวันแรกค่ะ” แนะนำตัวเองเสร็จก็เห็นหลายคนมีสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้แล้วชี้ขึ้นไปด้านบน“ห้องท่านประธานอยู่ชั้นสิบครับ ยินดีที่ได้รู้จักและได้ร่วมงานกันนะครับคุณจันทร์เจ้า”“ขอบคุณมากค่ะ” เธอค้อมศีรษะขอ
"ค่ะ" จันทร์เจ้าพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ในใจกลับคิดว่าคงเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนส่งใบสมัครเข้ามามากกว่า เนื่องจากตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัทนั้นค่อนข้างเป็นงานที่กดดันพอสมควรที่สำคัญคือเงินเดือนที่เธอเรียกไปค่อนข้างสูง เพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็คงไม่ได้งานนี้แน่ แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอกลับถูกเลือก หนำซ้ำทางนี้ยังไม่ต่อรองเงินเดือนที่เรียกไปแม้แต่บาทเดียว"จันทร์ดูเรียบร้อยจังเลยเนอะ ไม่เหมือน..." กชวรรณยังพูดไม่จบ เลขานุการอีกคนก็กระทุ้งแขนเป็นเชิงให้หยุดพูดเสียก่อน"เรียบร้อยแต่ดูแพง แบบนี้แหละเหมาะที่จะเป็นเลขาฯ ท่านประธานที่สุดแล้ว"นันทิดายิ้มอ่อนพลางลอบมองการแต่งกายของเลขานุการคนใหม่อย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดและจาบจ้วงเกินไปนักจันทร์เจ้ามาเริ่มงานวันแรกด้วยเดรสเข้ารูปสีกรมท่ายาวคลุมเข่า แขนยาวสี่ส่วน คาดเข็มขัดสีเดียวกับชุด แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมตึงมัดไว้ด้านหลัง รูปร่างสูงโปร่งของหญิงสาวกับบุคลิกนิ่ง ๆ และเรียบร้อยทำให้เจ้าตัวดูแพงราวกับลูกผู้ดีมีตระกูล อีกทั้งจันทร์เจ้ายังจัดว่าเป็นคนหน้าตาดี ทุกอย่างจึงดูลงตัวไปหมดแค่นึกภาพตอนจันทร์เจ้าเดินเคียงคู่ไปกับท่านประธานสุดหล่อ คงไม่ม
ตอนเห็นรูปเขาก็แค่รู้สึกว่าคุ้นตา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลเขาก็ยิ้มออกมาทันที และไม่ลังเลเลยที่จะให้รับเธอเข้ามาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขาสาวสวยแสนอ่อนหวาน เขาอยากรู้เหลือเกินว่าผ่านมาเจ็ดปีแล้วเธอจะยังคงหวานเหมือนเดิมไหมวันแรกของการทำงานที่ใหม่ของจันทร์เจ้าผ่านพ้นไปด้วยดี หญิงสาวขับรถกลับบ้านย่านชานเมือง และถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เธอจอดรถหน้าบ้านเดี่ยวขนาดห้าสิบตารางวาเพื่อลงไปเปิดรั้วให้กว้างขึ้นก่อนจะขับรถเข้าไปจอดในบ้าน จากนั้นจึงเดินไปปิดรั้วแล้วล็อกไว้ตามเดิมร่างเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบคนหนึ่งวิ่งตึกตักออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นว่าใครกลับมาถึงบ้านเสียงใส ๆ ก็ตะโกนบอกคนที่กำลังง่วนอยู่ในครัวด้วยความดีใจ"ยายจ๋า แม่จันทร์กลับมาแล้ว" พูดจบก็กางแขนให้อุ้ม จันทร์เจ้าจึงก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วหอมแก้มซ้ายขวาของเด็กน้อย"วันนี้หนูพราวหม่ำอะไรเป็นมื้อเย็นคะ" หญิงสาวถามคนในอ้อมแขนพลางเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก"ยายทำข้าวห่อไข่ให้กินค่ะ หนูพราวกินหมดด้วยละ" เจ้าตัวเล็กตอบอย่างภาคภูมิใจ"เก่งมากค่ะ วันนี้แม่จันทร์จะหยอดกระปุกให้หนูสิบบาทเป็นรางวัลที่กินข้าวหมดนะคะ""เย้ อีกหน่อ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ปี แต่ชีวิตของเธอได้พลิกกลับด้านจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากคนที่เคยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ มีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า เวลานี้ต้องกลายมาเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ ที่ต้องวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนให้รอบคอบที่สุดเพราะยังมีอีกสองปากท้องที่เธอต้องดูแลแต่จะว่าไปจันทร์เจ้าก็รู้สึกขอบคุณทุกอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในวันนั้น หาไม่แล้ววันนี้เธอก็คงเป็นเพียงผู้หญิงหัวอ่อนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นเขาคืนนั้นจันทร์เจ้าเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาประวัติของนาฬิกาแบรนด์หรูทั้งสองแบรนด์อีกครั้งเพราะอยากรู้จักกับมันให้มากกว่านี้ เมื่อก่อนเธอไม่เคยสนใจว่าทำไมราคามันถึงแพง รู้แค่ว่ามันสวย และตนก็ชอบเท่านั้น แต่พอได้ทำความรู้จักกับนาฬิกายี่ห้อนี้มากขึ้น หญิงสาวจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมนักสะสมนาฬิกาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งพระราชินีแห่งอังกฤษจึงนิยมชมชอบและต้องมีไว้ในครอบครองอย่างน้อยหนึ่งเรือนเสียงเคาะประตูเบา ๆ ทำให้จันทร์เจ้าละสายตาจากหน้าจอแล้วรีบเดินไปเปิดประตูเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ และก็ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไรนัก เพราะเมื่อประตูเปิดออกก็มีร่างเล็กจ้อยในชุดนอนสีชมพูหวา