แชร์

บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง - 75%

จันทร์เจ้าหันขวับไปมองเขาทันที แต่เพราะเขาก็ก้มตัวลงมาจึงทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้จนแทบหายใจรดกัน หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นแล้วเอนตัวออกห่างจากเขา แต่มือยังคงถูกเขากุมเอาไว้อยู่

"ขอโทษที พี่ก็แค่ทำไปตามความเคยชิน"

ชินดนัยยิ้มพลางปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ เห็นหญิงสาวรีบคาดเข็มขัดแล้วปั้นหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็พอรู้ว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจจึงเลิกแกล้ง ปิดประตูรถให้เธอแล้วเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ

แค่เสี้ยววินาทีที่ใกล้กันเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงค่ำคืนแสนหวานที่มีร่วมกันไม่ได้ จันทร์เจ้าในตอนนั้นคือสาวน้อยอ่อนเดียงสาที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาพาเธอไปเที่ยวทะเลแล้วป้อนคำหวานสารพัดจนเธอยอมใจอ่อนมอบกายให้ เขาจำได้ว่าตนตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งเคยเปิดซิงผู้หญิงเป็นครั้งแรก เนื่องจากสาว ๆ ของเขาแต่ละคนที่เคยคบมาล้วนแล้วแต่เจนสังเวียนมาแล้วทั้งสิ้น ช่วงนั้นเขาเห่อเธออยู่พักใหญ่เพราะจันทร์เจ้าเป็นหญิงสาวคนแรกที่เขาใช้เวลานานที่สุดกว่าจะได้มาขึ้นเตียง

แต่ตอนนั้นเขาก็เป็นแค่คนหนุ่มที่อารมณ์พลุ่งพล่าน เวลาที่มีผู้หญิงอื่นเข้าหาหรือเสนอให้ ถ้าเขาถูกใจก็จะไม่ปฏิเสธใครเลยสักคนแม้ว่าจะมีจันทร์เจ้าอยู่แล้วก็ตาม เขากลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สนุกสนานกับการสับรางและเปลี่ยนสาวบนเตียงแทบไม่ซ้ำหน้า จนกระทั่งจันทร์เจ้ามาจับได้คาตาและเลิกราไป เขาก็ยังทำเหมือนไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรนัก

แต่ลึก ๆ แล้วเขารู้ดีว่าตนเสียดายผู้หญิงดี ๆ อย่างเธอไม่น้อย หลายครั้งที่เขาเผลอคิดถึงความอ่อนหวานนุ่มนวลของจันทร์เจ้า คิดถึงความเอาใจใส่ของเธอที่ทำเพื่อเขา คิดถึงความมีเหตุผลไม่งี่เง่าเอาแต่ใจเหมือนผู้หญิงหลายคนที่เขาคบอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่เพราะความถือดีของตนจึงทำให้เขาไม่คิดไปตามง้อเธอกลับมา

"ตอนนี้จันทร์มีแฟนรึยัง" เขาเห็นในใบประวัติของจันทร์เจ้าว่าเธอยังไม่แต่งงาน แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอโสดอยู่รึเปล่า

หญิงสาวเหลือบมองเขาเพียงนิดแล้วเบนสายตากลับมาตามเดิม ก่อนจะถามเขากลับ

"ถามทำไมคะ ถ้าตอบว่ามีแล้วก็จะไม่ให้ผ่านโปรหรือ" เธอถามจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

"ดูพูดเข้า พี่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกน่า"

เขาหันไปมองเธอครู่หนึ่งแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นมือทั้งสองข้างของจันทร์เจ้าจับสายเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น เขาจำได้ว่าเธอมักทำอย่างนี้เสมอเวลาตื่นเต้น เมื่อก่อนเวลาเขาพาเธอนั่งรถเล่นโดยไม่บอกว่าไปไหน หญิงสาวมักจะนั่งจับสายเข็มขัดอย่างนี้ไปตลอดทาง

ชินดนัยไม่คิดถามคำถามเดิมอีกครั้งเพราะรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบแน่นอน อีกทั้งหากเขาเดาไม่ผิด คำตอบก็น่าจะเป็นเธอยังไม่มีใคร เพราะหากจันทร์เจ้ามีคนรักอยู่แล้วคงไม่ทำมึนตึงเฉยชากับเขาแบบนี้แน่ ถ้าหญิงสาวสามารถพูดคุยกับเขาได้เป็นปกติเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ก็น่าจะหมายความว่าเธอลืมความบาดหมางครั้งนั้นไปหมดสิ้นแล้ว

ชายหนุ่มพาจันทร์เจ้ามากินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านนี้เขาเคยมากินกับครอบครัวตอนฉลองเรียนจบจากต่างประเทศ เขาเห็นว่าบรรยากาศดี อาหารรสชาติอร่อยถูกปากจึงแวะมากินบ่อย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็มักมากับเพื่อนสนิท หรือไม่ก็บิดามารดา

"ร้านนี้อร่อยใช้ได้เลยนะ พี่ไม่แน่ใจว่าจันทร์เคยมารึยัง ตอนพี่เรียนจบที่บ้านพามาฉลองที่นี่น่ะก็เลยติดใจ"

เขาพูดพลางรับเมนูจากบริกร เห็นหญิงสาวก้มหน้าดูเมนูด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเขาจำไม่ผิด ครอบครัวของจันทร์เจ้าทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าส่งออกไม่ใช่หรือ และเธอก็เคยบอกว่าเรียนจบแล้วจะช่วยงานบริษัทของครอบครัว แต่ทำไมมาสมัครเป็นเลขานุการในบริษัทของเขาได้

หลังจากสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยชินดนัยก็เริ่มชวนหญิงสาวคุยอีกครั้ง

"แล้วนึกยังไงถึงมาสมัครเป็นเลขาฯ บริษัทพี่ได้ล่ะ พี่จำได้ว่าจันทร์จะช่วยงานทางบ้านหลังเรียนจบไม่ใช่หรือ"

ได้ยินคำถามจากเขาจันทร์เจ้าก็รู้สึกแปลบในใจขึ้นมาทันที เธอไม่เคยอายที่จะพูดถึงความล้มเหลวในครั้งนั้น แต่เพราะเหตุการณ์นั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนไปตลอดกาลจึงอดสะท้อนใจไม่ได้

"ไม่ได้ทำแล้วค่ะ ที่บ้านไม่มีบริษัทแล้ว"

เธอพูดออกไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง เรื่องความล้มเหลวของบริษัทในครั้งนั้นเป็นข่าวดังพาดหัวหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ คนที่อยู่ในวงการธุรกิจนำเข้าส่งออกย่อมต้องจำข่าวนั้นได้ แต่การที่ชินดนัยมาถามเธอก็หมายความว่าเขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะช่วงนั้นเขากำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ

ชินดนัยจับอารมณ์เศร้าหมองในน้ำเสียงของจันทร์เจ้าได้จึงไม่ถามเรื่องนั้นอีก แม้ว่าจะอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นแทน

“แต่มาทำที่นี่ก็ดี เพราะทำให้เราได้เจอกันอีก” เขายิ้มแล้วมองเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ

“บางทีเราสองคนอาจจะหนีกันไม่พ้นก็ได้นะจันทร์ เขาเรียกว่าอะไรนะ พรหมลิขิตใช่ไหม”

จันทร์เจ้าถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ มุมปากเบะลงเล็กน้อยพร้อมกับจ้องตาเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้

“เขาเรียกว่าตามหลอกตามหลอนค่ะ ไม่ใช่พรหมลิขิตอะไรหรอก วันหยุดฉันจะไปทำบุญให้นะคะจะได้ไปผุดไปเกิดสักที” พูดจบเธอก็ผินหน้ามองไปทางอื่น ขณะที่คนฟังหัวเราะร่าอย่างถูกใจพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้

“เยี่ยม! ไม่เจอกันหลายปีฝีปากพัฒนาขึ้นเยอะเลย...แต่พี่ก็ชอบนะ” ประโยคหลังเขายื่นหน้ามาพูดเบา ๆ พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ ยิ่งเห็นใบหน้าสวยหวานนั้นเชิดขึ้นราวกับนางพญาผู้มองไม่เห็นหัวใคร เขาก็ยิ่งรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากยื่นมือไปบีบจมูกเธอเล่นเหมือนเมื่อก่อน แต่เพราะรู้ว่าอาจทำให้เธอไม่พอใจเขาจึงพยายามเก็บมือเก็บไม้ไม่ให้ทำรุ่มร่ามกับเธอ

แม้ว่ามือคู่นี้จะเคยสัมผัสเรือนร่างอรชรตรงหน้ามาทุกตารางนิ้วแล้วก็ตาม

อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ จันทร์เจ้าจึงลงมือกินไปเงียบ ๆ เช่นเคย โดยเพิ่มความเร็วในการกินมากขึ้นเพราะอยากกลับไปสะสางงานที่ออฟฟิศต่อ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่รีบไปกับเธอด้วย เพราะเขาเอาแต่ละเลียดชิมทีละนิดละหน่อยพลางชมทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยด้วยสีหน้ารื่นรมย์

“ขอโทษนะคะท่านประธาน ฉันต้องรีบกลับไปเคลียร์งานค่ะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status